๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของราชการรัฐวิสาหกิจ
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม พัฒนาใจ พัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานของทุก ๆ คน ใครเกิดมาในโลกนี้ต้องทำงาน วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงาน
การทำงานกับการปฏิบัติต้องให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงาน ทุก ๆ ศาสนาก็ใช้หลักการเดียวกัน ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็พากันไปวัด ผู้ที่ถือศาสนาคริสต์ก็ไปที่โบสถ์ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด ผู้ที่ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็ไปที่วิหารเทวาลัย เพื่อไปถือศีลไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ เจริญภาวนา ได้พากันมาทำอย่างนี้หลายร้อยหลายพันปี
สมัยโบราณไม่ได้เอาวันเสาร์วันอาทิตย์ เอาวันพระ วันพระ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ เป็นวันพระน้อย วัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำเป็นวันพระใหญ่
เดือนหนึ่งมี ๓๐ วัน มีวันหยุดทำงานอยู่ ๘ วัน ก็เหมือนกันกับสมัยปัจจุบัน สมัยปัจจุบันนี้ก็มีวันหยุด ๘ วันเช่นเดียวกัน
การเรียนการศึกษาถึงเป็นหลักการถึงเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อให้เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติมีทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ ๑๘ ศาสตร์มีอะไรบ้าง พอที่จะบรรยายให้เข้าใจ ไม่ใช่แบบพิศดารเพียงเข้าใจหลักการ ๑๘ ศาสตร์ก็ได้แก่
- ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ
- รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง
- นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่าง ๆ
- วาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า
- อักษรศาสตร์ วิชาหนังสือ
- นิรุกติศาสตร์ วิชารู้ภาษาของตนแตกฉานดี และรู้ภาษาของชนชาติที่ติดต่อกัน
- คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ
- โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาวต่างๆ คือรู้จักว่าดวงดาวนั้น ๆ ตั้งอยู่ทางทิศนั้น ๆ และประจำเมืองนั้นๆ และรู้จักสีแสงของดวงดาวต่าง ๆ อันบอกลางดีและลางร้ายในกาลบางครั้ง
- ภูมิศาสตร์ วิชารู้พื้นที่ต่างๆ หรือรู้จักแผนที่ของประเทศต่าง ๆ
- โหราศาสตร์ วิชาโหร คือรู้พยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ และรู้ทายดวงชะตาราศีของคนได้ด้วย
- เวชศาสตร์ วิชาหมอยา
- สัตวศาสตร์ วิชารู้ลักษณะของสัตว์และเสียงสัตว์ว่าร้ายหรือดี
- เหตุศาสตร์ วิชารู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งผลว่าร้ายหรือดี
- โยคศาสตร์ ยันตรศึกษา คือรู้จักความเป็นช่างกล
- ศาสนศาสตร์ วิชารู้เรื่องศาสนา คือรู้จักประวัติความเป็นมาแห่งศาสนา ทุกๆ ศาสนาที่มหาชนนิยม เพื่อปฏิบัติไม่ขัดแก่สังคมใดๆ และรู้ข้อสอนในศาสนานั้นๆ ด้วย
- มายาศาสตร์ วิชารู้กลอุบาย หรือรู้ตำรับพิชัยสงคราม
- คันธรรพศาสตร์ วิชาคนธรรพ์คือวิชาร้องรำ(ละคอน) ที่เรียกชื่อว่า "นาฏยศาสตร์" และวิชาดนตรีปี่พาทย์ ที่เรียกชื่อว่า "ดุริยางคศาสตร์"
- ฉันทศาสตร์ วิชาประพันธ์ คือแต่งหนังสือได้ ทั้งที่เป็นร้อยกรอง(บทกลอน) และร้อยแก้ว(ความเรียง)
ศาสนาทุกศาสนามีหลักการอันเดียวกัน คือปัญญาสัมมาทิฐิ พัฒนาใจ พัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เป็นมรรคเป็นอริยมรรค เอาวิทยาศาสตร์ เอาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
วิทยาศาสตร์กับพระศาสนานี้จะแยกกันไม่ได้ ต้องไปพร้อมกัน ถึงจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ จะเข้าถึงความพอดีเหมือนสายพิณ ถ้าตึงเกินไปก็จะขาด ถ้าหย่อนเกินไปก็ไม่เพราะ คำว่าเพราะนี้ก็หมายถึงความสุข ความสุขก็คือไม่มีความทุกข์
พระพุทธเจ้าน่ะเราคิดดูดี ๆ ประสูติก็วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ตรัสรู้ก็วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง แสดงพระธรรมเทศนาธรรมจักรกัปปวัตนสูตรก็พระจันทร์วันเพ็ญ เสด็จดับขันธ์ก็พระจันทร์วันเพ็ญ
เราคิดดูดี ๆ มันเป็นความพอดี เป็นความพอเพียงเพียงพอ ไม่มากเกินไม่น้อยเกิน ประสูติตรัสรู้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญเดือน ๖
ถ้าเราคิดดูดี ๆ ด้วยปัญญา เพื่อให้เข้าใจถึงภาษาคนและภาษาสมมติ ภาษาสมมติสัจจะ และภาษาธรรมก็ได้แก่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เป็นอายตนะภายใน อายตนะภายนอกก็รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ภายนอกก็ ๖ ภายในก็ ๖
ความรู้ความเข้าใจนี้เรียกว่ารู้อริยสัจสี่ รู้ธรรมรู้สภาวธรรม เมื่อเข้าใจรู้ธรรมรู้สภาวธรรมด้วยความรู้ความเข้าใจเรียกว่าบุคคลนั้นบรรลุนิติภาวะ จะไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เรียกว่าบุคคลนั้นรู้อริยสัจสี่ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต
ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นกระบวนการแห่งธรรมะ เป็นกระบวนการแห่งธรรมนูญ ประชาธิปไตยก็ให้พากันเข้าใจ ประชาธิปไตยก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต สังคมนิยม นิยมชมชอบก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต
ทุก ๆ คนในโลกนี้ต้องรู้ต้องเข้าใจ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต
ในโลกนี้หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายปัจจุบันนี้มีอยู่แปดพันกว่าล้านคน ที่โลกหมุนรอบตัวเอง หมุนรอบดวงอาทิตย์ มีประชากรของโลกที่เป็นมนุษย์อยู่แปดพันกว่าล้านคน ใช้หลักการสากลพัฒนาวิทยาศาสตร์ พัฒนาทางจิตใจไปพร้อม ๆ กัน
สัมมาทิฐิได้แก่ปัญญาที่มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้กับความจำถึงเป็นคนละอย่างกัน
อย่างเราไปเรียนหนังสือจุดมุ่งหมายของการเรียนหนังสือคือความรู้ การที่ค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์จุดมุ่งหมายคือความรู้ การฟังการบรรยายนี้จุดสำคัญคือความรู้ รู้เรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม รู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องหยุดการเวียนว่ายตายเกิด
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปตามเหตุตามปัจจัย ถึงไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวเป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา คนตายคนพลัดพราก นี้มันเป็นเพียงเหตุเป็นเพียงปัจจัย มันเป็นเพียงกระบวนการ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เป็นกระบวนการของกระแสของเหตุของปัจจัย
การปฏิบัติของเราน่ะถึงมีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่มีวันหยุด วันเสาร์วันอาทิตย์ วันนักขัตฤกษ์วันอะไรทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีวันหยุดน่ะ
หากเป็นความรู้ความเข้าใจ ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติจนกว่า พวกเราทั้งหลายจะหมดอายุขัย อายุขัยของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์มีการพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันอยู่ได้ ๑ ศตวรรษน่ะ ๑ ศตวรรษก็คือร้อยปี ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอยู่ได้มากกว่าร้อยปี
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เด็ก ๗ ขวบ รู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ เด็ก ๗ ขวบน่ะเป็นพระมหาเถระ
พระมหาเถระหมายถึงละตัวละตน เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตเรียกว่าพระมหาเถระ
ผู้ที่บวชนานบวชหลายปี ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิตทางพระศาสนาไม่ได้ถือว่าเป็นพระเถระมหาเถระ ยังไม่ใช่เถระสมาคม ถือว่าเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่ ถึงจะบวชถูกต้องตามประเพณี ถูกต้องตามกฎหมายนั้นก็ยังไม่ใช่พระเถระ มหาเถระ เพราะตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่บุคคลเค้าแต่งตั้งเค้ารับรอง ความรู้ความเข้าใจถึงเป็นความรู้คู่กับการปฏิบัติ ปริยัติกับปฏิบัติแยกกันไม่ได้
เหมือนมีดเล่มหนึ่งนี้ ถ้าไปแยกกันมันก็ไม่ใช่มีด สมมติทั้งหลายที่เราได้รับการแต่งตั้งมีคุณมีประโยชน์มาก เพราะโฟกัสให้เรา แต่งตั้งให้เราถูกต้องตามกฎหมาย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้เอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เข้าสู่ธรรมเข้าสู่คารวะในธรรม ในธรรมนูญในรัฐธรรมนูญ
เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติมีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ
เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
ถ้าไม่อย่างนั้นเราไม่ได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ เค้าแต่งตั้งให้เป็นอะไร ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ด้วยปิติด้วยสุขเอกัคคตา มันคือความไม่ถูกต้อง ถึงมีคำว่าทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ที่ว่าถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ มันต้องถึงพร้อมด้วยทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ มันถึงจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงคำว่าเต็ม เต็ม เต็ม ๆๆๆ
ทุกคนก็รับผิดชอบตัวเอง เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นมันเป็นเรื่องเฉพาะตน คนอื่นทำแทนปฏิบัติแทนกันไม่ได้
ทุก ๆ คนน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทะเจ้าท่านถึงตรัสแก่หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายว่า เธอทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด
พรหมจรรย์ก็หมายถึงธรรมหมายถึงธรรมนูญ จงทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ อย่าไปตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาท
ความเพลิดเพลินความประมาทนี้คือเหตุคือปัจจัยให้ศีลขาดศีลด่างศีลพร้อย
ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเราไม่มีความละอายต่อบาป ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป นั่นแหละคือความไม่ถูกต้อง นั่นแหละคือเราเป็นผู้ยินดีปรีดาในการเวียนว่ายตายเกิด
การเกิดเป็นมนุษย์มันดีน่ะ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์ได้ทรัพยากรที่ประเสริฐ เราต้องรู้เข้าใจความหมายของความเป็นมนุษย์ มนุษย์เราเป็นภพภูมิภพภูมิหนึ่งของ ๓๑ ภพภูมิ ๓๑ ภพภูมิมีอะไรบ้าง ๓๑ ภพภูมิก็ได้แก่
พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ก็มาตรัสรู้ที่ภพภูมิของมนุษย์ เพราะมนุษย์เราอายุขัยอยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่งน่ะ พัฒนาใจพัฒนาวัตถุและพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน อายุขัยไม่มากเกินไม่น้อยเกิน พอที่จะรู้อริยสัจสี่ เอาหลักการเอาอุดมการณ์อุดมธรรมนำชีวิต จะได้สร้างความดีสร้างบารมี ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะมาจุติในโลกนี้ท่านก็ตรวจดูภพภูมิ
ให้พากันรู้หลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม ในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เพื่อเข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน เข้าสู่ มอก. ชีวิตของเราน่ะ เป็นมรรคเป็นอริยมรรค เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มีความสงบมีปัญญา มีทั้งวิทยาศาสตร์มีทั้งจิตใจ ไปพร้อม ๆ กัน มีความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความเป็นพระน่ะถึงจะเป็นได้กับทุก ๆ คนด้วยความรู้ความเข้าใจ
ความเป็นพระนี้ไม่ได้แต่งตั้งให้กันได้ ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ทุกท่านต้องพากันปฏิบัติเอาเอง เพื่อจะไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่ไปตามตาหูจมูกลิ้นกายใจ จะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม ความรู้ความเข้าใจนี้มันถึงจะเป็นกระบวนการ หลักการในการบวชของประเทศไทย
พระมหากษัตริย์ไทยได้เอาธรรมนูญนำชีวิต พัฒนาใจกับพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน กุลบุตรลูกหลานที่เกิดมา ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์คือทรัพยากรที่ประเสริฐ
มนุษย์คือทรัพยากรที่ประเสริฐเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต
๓ เดือนแห่งการอยู่จำพรรษาตามพระธรรมพระวินัยไม่ให้พระจาริกไปในที่ต่าง ๆ เพราะเป็นหน้าฝน ให้อยู่กับที่ไม่ไปไหน ๓ เดือน
ทางส่วนราชการถึงให้ผู้ที่ลาบวชได้ ๔ เดือน ๑๒๐ วัน ลาก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน และหลังออกพรรษา ๑๕ วัน รวมกันเป็น ๑๒๐ วัน เพื่อเตรียมขานนาค ฝึกอดอาหารเย็น ฝึกกราบพระไหว้พระ กิริยามารยาท ฝึกเรื่องความคิด เพราะผู้ที่บวชแล้วไม่ใช่ด้วยแต่ทางกาย มันต้องบวชทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เรื่องความคิดก็ต้องมาฝึก เพื่อให้บวชทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพได้ใจด้วยมันจะเข้าถึงความสมบูรณ์ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เพราะว่าผู้ที่บวชมาแล้วต้องเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพตลอดถึงเรื่องจิตใจ มันต้องเป็นพระธรรมพระวินัย ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน พากันมาเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย
ต้องพากันมาฝึกเพื่อเตรียมตัวก่อนจะบวช เพื่อเข้าสู่มาตรฐาน เข้าสู่ มอก. ทุก ๆ คนไม่มีใครยกเว้น ทุกคนจะได้พากันเป็นพระ เพราะบวชมาแล้วน่ะ พ่อแม่ปู่ย่าตายายพระราชามหากษัตริย์ทุกคนต้องกราบไหว้ ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เหมาะสมที่จะกราบที่จะไหว้ เพราะยังไม่ใช่พระธรรมพระวินัย มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ต้องทำเหมือนพระพุทธเจ้า ทำเหมือนพระอรหันต์
ถ้าเราเอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง ใจเราก็มีครอบครัว มันบวชแต่กายใจมันไม่ได้บวชมันจะมีประโยชน์อะไร มันเสียเวลาในการมาบวช จะบวชกี่วันก็ไม่เป็นไรขอให้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย
ให้ผู้ที่มาบวชทั้งหลายให้พากันเข้าใจอย่างนี้ การปฏิบัติที่พระมหากษัตริย์ ที่วางหลักการไว้ในพรรษานี้ มันเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อพัฒนาบุคลากรของประเทศ เพราะการทำอะไรติดต่อต่อเนื่องกันเวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป มันจะเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่มันฝังอยู่ในธาตุในขันธ์ในอายตนะของเรา มันจะเปลี่ยนแปลงทั้งทางวิทยาศาสตร์ทั้งทางใจมันจะเปลี่ยนแปลง มันจะเป็นชิฟฝังอยู่ในขันธ์สัญญาขันธ์
ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจนะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่รู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัตินะ เราจะปล่อยให้ตัวเองตรึกในกามตรึกในพยาบาท หัวใจของเรา ก็มีครอบครัวอย่างเก่า มันพากันไปบวชแต่ทางกาย ใจไม่ได้บวชมันจะมีประโยขน์อะไร บวชมันต้องบวชทั้งกายทั้งใจทั้งกิริยามารยาทอาชีพน่ะ
ผู้ที่มาบวช ผู้ที่บวชไม่สึกเค้าถึงให้กรอกใบประวัติว่าอาชีพอะไร ก็ต้องเขียนว่าอาชีพนักบวช อาชีพนักบวชเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ยกเลิกตัวตนน่ะ เอาพระธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ นี้เป็นอาชีพของนักบวช
ถ้าเราไม่เข้าถึงการบวชอย่างนี้แหละเราก็ไม่ใช่พระนะ มันเป็นพระแต่เพียงแต่งตั้ง จัดว่ายังเป็นนักแสดงละครน่ะ ในพระศาสนานี้ถึงมีปัญหาเยอะ มีปัญหามากมาย เพราะบวชมาแล้วไม่ได้เป็นพระธรรมไม่ได้เป็นพระวินัย
เราพากันคิดดูดี ๆ นะ ถ้าเราเอาพระธรรมพระวินัยมรรคผลพระนิพพาน ไม่มีใครไม่เคารพไม่เลื่อมใสไม่คารวะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้มาเอาพระธรรมเอาพระวินัย
พระธรรมพระวินัยมันจะเป็นธนาคารแห่งความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี
ผู้ที่บวชมาแล้วต้องเอาพระธรรมพระวินัยยกเลิกสัญชาตญาณ เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิตมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ต้องพากันไปเก็บสังฆทาน ไม่ต้องพากันไปรับเงินรับสตางค์ อย่าพากันไปกลัวว่าจะอดตาย
เราอยู่ที่ไหนหมู่มวลมนุษย์เทพเทวาเค้าก็พากันเคารพนับถือ เพราะอันนี้มันเป็นธนาคารแห่งความดีทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ
เราต้องไม่กลัวอดตายน่ะ อย่าไปเก็บอะไรไว้ วัดทุกวัดไม่ต้องไปตั้งตู้บริโภคค่าโน้นค่านี้ การไปตั้งตู้บริจาคค่าน้ำค่าไฟสร้างโน้นสร้างนี้มันไม่ถูกต้องมันเป็นการขอของจากคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่ปวารณา ไม่ถูกต้องตามพระธรรมพระวินัย
พระนี้คือผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ เป็นผู้ปฏิบัติสมควรรับไหว้อัญชลี เข้าถึงความพอดีความเพียงพอพอเพียง เข้าถึงความเต็ม ๆ ๆ เข้าถึงความดีเข้าถึงความเป็นผู้ที่มีความสงบ
เราอย่าไปคิดว่าถ้าไม่ตั้งตู้บริจาคเป็นแถว ๆ ๆ อะไร ถ้าไม่เชื้อเชิญทางออนไลน์ ให้บริจาคกันแล้วมันจะอยู่ได้อย่างไร
เมื่อเรายกเลิกความไม่ถูกต้อง เราก็โอเค คนอื่นก็โอเค เราจะไม่ได้มีเรื่องมีราว มีข่าวมีคราวเป็นรายวัน
เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์ มีการบวชระยะสั้น ๗ วัน ๑๕ วัน ๓ อาทิตย์ ๑ เดือน ไม่เป็นไรให้เราพากันเข้าใจ
เรามาคิดดูดี ๆ น่ะ ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ท่านหลวงปู่ชา ท่านไปเรียนไปศึกษาอยู่กับหลวงปู่มั่นเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน ท่านรู้เข้าใจ เรื่องพระธรรมพระวินัยแง่มุมต่าง ๆ เรื่องความเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย
ท่านเข้าใจแล้วท่านก็เอาไปใช้เอาไปปฏิบัติ ด้วยความรู้ความเข้าใจปฏิบัติตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ยกเลิกตัวตนด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตนี้มันจะเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม
พวกที่บวชระยะสั้นต้องพากันเข้าใจอย่างนี้นะ อย่าไปคิดว่า การอ่านหนังสือนั้นจะต้องมาอ่านที่โรงเรียนอย่างเดียวนะ เรารู้เราเข้าใจอ่านออกเขียนได้ เราก็ไปอ่านไปเขียนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ให้เข้าใจอย่างนี้ ถึงจะเข้าถึงความเป็นพระ
เรามาบวช เราเป็นฆราวาสเป็นประชาชน เราเป็นฆราวาสเราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เพราะว่าพ่อแม่เรารักเราหลงเราโอ๋เรา
เรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเวลาระยะสั้น ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ต้องเอาพระอรหันต์เป็นหลัก ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัยเป็นหลัก ให้ถือว่าปัจจุบันเป็นวาระสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ
ไม่เป็นไร ถึงจะบวชไม่กี่วันก็ไม่เป็นไร
ต้องรู้เข้าใจพวกที่บวชอยู่นั่นน่ะ เราก็ดู ๆ ดูแล้วมันไม่ถูกต้อง
เราไม่ต้องเอาความไม่ถูกต้องเป็นตัวอย่างเป็นโมเดล ต้องเอาพระพุทธเจ้า เอาพระอรหันต์ เอาพระธรรมพระวินัยเป็นที่ตั้ง พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
วันหนึ่งคืนหนึ่งเรานอนพักผ่อนให้พอให้เพียงพอภายใน ๒๔ ชั่วโมง
เรานอนพักผ่อน ๕,๖ ชั่วโมงนี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
เราบวชมาแล้วต้องเข้าสู่ธรรมสู่ปัจจุบันธรรม ให้เจริญสติสัมปชัญญะ มีความสุขในระบบ อย่างนี้คิดไม่ได้อย่างนี้พูดไม่ได้ กิริยามารยาทอย่างนี้ใช้ไม่ได้
เราต้องเป็นทั้งคนดีเป็นทั้งคนฉลาดในปัจจุบัน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่า มันต้องครบวงจรทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจต้องครบวงจรด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ การมาบวชมาปฏิบัติของเราถึงจะมีบุญใหญ่มีอานิสงส์มากด้วยความรู้ความเข้าใจ เมื่อเราลาสิกขาไปหัวใจของเรารู้เข้าใจแล้วเอาไปประพฤติไปปฏิบัติ เพราะความเป็นพระนั้นจะอยู่กับเราทุกคนด้วยความรู้ความเข้าใจให้ตั้งใจตั้งเจตนา พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ผู้ที่บวชตลอดชีวิตก็ต้องยิ่งประพฤติปฏิบัติ เพราะเราจะได้เป็นแบบเป็นพิมพ์ เพื่อประโยชน์ของเราและประโยชน์ของผู้อื่นถึงพร้อมด้วยความถูกต้องถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
ต้องรู้เข้าใจ อย่าพากันเอาพระศาสนามาหาอยู่หากินหรือว่าหาอยู่หาหลง ผู้ที่ไม่เอาพระธรรมพระวินัยจะว่าหาอยู่หาฉันนี้ก็ไม่ใช่ เพราะใจยังเป็นนิติบุคคลตัวตน เรียกว่าหาอยู่หาหลงก็แล้วกัน
เราคิดดูดี ๆ นะ วัดวาต่าง ๆ น่ะ ถ้าเอาพระธรรมพระวินัยไม่มีวัดไหนสกปรกหรอก เพราะว่าพระธรรมพระวินัยมันเป็นความสะอาดสว่างสงบทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งภายนอกภายในวัดวาต่าง ๆ ไม่สกปรกอย่างนี้
เราก็คิดในใจว่าช่างหัวมันช่างผัวเผือก เรามาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ ไปยุ่งกับคนอื่นมากเดี๋ยวเราจะเป็นโรคจิตโรคประสาท
เราเป็นใครก็มาเน้นที่ผู้นั้นด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอาศัยรูปแบบอาศัยโมเดลในการปลงผมนุ่งห่มผ้าข้อวัตรกิจวัตร
การประพฤติการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติน่ะ
เราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ เวลากราบอย่างนี้ก็ให้มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการกราบ เวลาเราสวดมนต์ก็มีปิติสุขเอกัคคตา เราทำข้อวัตรปฏิบัติก็ให้มีปิติสุขเอกัคคตาในการทำข้อวัตรปฏิบัติอย่างนี้
เราต้องรู้ต้องเข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติของเราให้ติดต่อต่อเนื่อง
ใครจะไปจะมาก็แล้วแต่ ความสงบที่เรารู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติยกเลิกตัวตนมันก็สงบ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติที่มีปิติสุขเอกัคคตา
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เมื่อก่อนเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะไปเอาความสงบจากสิ่งที่ไม่มีอยู่ ไปเอาความสงบอยู่ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ไปเอาความสงบจากอุทยานห้วยขาแข้ง จากเขาใหญ่ภูสอยเดือนสอยดาวสอยอะไรต่าง ๆ อันนี้ต้องรู้เข้าใจ
ความสงบต้องมีอยู่กับที่เรารู้เข้าใจเราไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นโจทย์เป็นข้อสอบสำหรับมนุษย์ที่มีอายุขัยได้พากันประพฤติปฏิบัติ
เราทั้งหลายจะได้พากันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไปว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จะมีประโยชน์อะไร ให้เข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจไม่ได้นะ ไม่เข้าใจเอาความหลงเป็นที่ตั้ง เดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะวกวนอยู่ในอบายมุขอบายภูมิย่ำต๊อกอยู่ในความหลงเป็นได้แต่เพียงคนไม่ได้เป็นมนุษย์ ให้รู้เข้าใจให้มีปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายทั้งผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่เป็นปู่ย่าตายายทั้งผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติ ที่เป็นผู้ประเสริฐเอาธรรมนำชีวิต เห็นความประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์มันหมดไปนะ
เราต้องต่อวีซ่าด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าลืมว่าความถูกต้องบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ คือพระนิพพานบ้านของเรานะ ไม่ใช่ความหลงเป็นบ้าน เราต้องหยุดสัญชาตญาณ เพื่อจะได้เป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะด้วยความรู้ความเข้าใจ
----------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันเสาร์ที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา