๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
เราทั้งหลายทุก ๆ คนต้องพากันมาเข้าใจกันเรื่องของชาติ ชาตินั้นหมายถึงความเกิด
เราต้องพากันเข้าใจ เราจะได้พากันรู้ว่าเราเกิดมาทำไม ทำไมเราถึงต้องมาเกิดมีเหตุผลอะไรเราถึงต้องมาเกิด หรือว่าไปเกิด เมื่อมันได้เกิดมาแล้วเราจะทำอย่างไร ด้วยเหตุนี้เราถึงต้องรู้เราถึงต้องเข้าใจ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตจะได้พัฒนาใจของเรา พัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
ความรู้ถึงเป็นคู่การประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัติถึงเป็นคู่กับความรู้ สองอย่างนี้ต้องไปพร้อม ๆ กันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเซทเดียวกัน พัฒนาสองอย่างนี้ให้ไปพร้อมกัน เพื่อให้สมบูรณ์ทางวัตถุเพื่อให้สมบูรณ์ทางใจไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อเราจะไม่ได้เอาความรู้สึกนำชีวิต จะไม่ได้เอาความชอบไม่ชอบนำชีวิตต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่ถือหลักการอุดมการณ์ ชอบหรือไม่ชอบ ต้องเอาธรรมนำชีวิต เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นกระบวนการของชีวิตที่มาจากความรู้ความเข้าใจ ที่เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ที่มันเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจที่มันไม่ใช่ความดีไม่ประกอบด้วยปัญญา มันเป็นความหลง ความหลงนั้นมันเป็นสัญชาตญาณ
เมื่อเราไม่รู้ไม่เข้าใจ มันจะเป็นความหลงเป็นสัญชาตญาณที่มันเป็นตัวเป็นตนที่มันมีความรู้สึกมีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นคนหนุ่มคนสาว เป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนเจ็บคนตายคนพลัดพราก เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช
สำคัญมั่นหมายว่าเราดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า เรารวยกว่าเค้ามีเพาเวอร์สูงกว่าเค้า หรือพอ ๆ กับเค้า หรือว่าสู้เขาไม่ได้ มันมีเขามีเรามันเป็นสัญชาตญาณ หลงไหลในตัวตน รักความสุขหลงความสุข ไม่ชอบความทุกข์ ระแวงภัย กลัวความเจ็บความแก่ความตายความพลัดพราก อย่างนี้มันเป็นสัญชาตญาณ มันเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะ เอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะภายในทั้ง ๖ เป็นเรา เอาอายตนะภายนอกเป็นคนอื่น อย่างนี้เรียกว่ายังไม่รู้ยังไม่เข้าใจ
ชีวิตของเรามันยังตกอยู่ในยานแห่งความหลงที่มันเป็นสัญชาตญาณ ถึงได้มีการเวียนว่ายตายเกิด ถึงได้เป็นสังสารวัฏ มีการเวียนว่ายตายเกิด
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีมายาวนานหลายล้านชาติ หลายอสงไขย ก็เพื่อหยุดพลังงาน หยุดสัญชาตญาณ อบรมบ่มอินทรีย์ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่ไปตามผัสสะ ถือเอาธรรมนำชีวิต เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นศิลปะแห่งชีวิต เป็นศีลเป็นสมาธิคือความตั้งมั่น มีปฏิปทาตั้งมั่น ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เปรียบเสมือนเสาเข็ม เจาะลึกลงสู่แผ่นดินลึกหลายโยชน์ ยิ่งกว่าเขาพระสุเมรุเสียอีก ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดำรงไว้ซึ่งธรรมเพื่อความยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เป็นธรรมนูญในการบำเพ็ญพุทธบารมี เป็นเวลาอันยาวนานเป็นปฏิปทาที่ติดต่อต่อเนื่องหลายอสงไขย ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งแวดล้อม มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการบำเพ็ญพุทธบารมี สิ่งที่ประเสริฐ
การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต การพัฒนากายวาจากิริยามารยาทอาชีพก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต
การพัฒนาใจของพวกเราก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อให้เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ปฏิปทาในการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้เรียกว่าพุทธะ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารของตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ นี้เรียกว่าพุทธะ
รถ เรือ เครื่องบิน เปรียบเสมือนกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ต้องมีพวงมาลัยเพื่อนำไปสู่จุดหมายปลายทาง มีคันเร่ง มีเกียร์เร็ว มีเกียร์ช้า มีเกียร์ว่าง
ชีวิตที่เป็นพุทธะ เป็นปัญญา เป็นชีวิตที่รู้เข้าใจในเรื่องกรรมในเรื่องกฎแห่งกรรมในเรื่องผลของกรรม มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและหยุดเวียนว่ายตายเกิด เป็นผู้ที่รู้อดีตที่ผ่านมา รู้อนาคตที่จะไปข้างหน้ารู้เรื่องปัจจุบัน เป็นผู้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เป็นผู้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีทั้งความสงบมีทั้งปัญญาไปพร้อม ๆ กันไปในเซทเดียวกันมีสติเป็นพื้นฐานมีปัญญาเป็นพื้นฐานเรียกว่าพระกรรมฐานน่ะ
คำว่าพระหมายถึงธรรมนูญรัฐธรรมนูญ พระนั้นไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน พระนั้นคือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ปรับตัวเองเข้าหาธรรมะเข้าหาธรรมนูญ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ไม่ทำตามความรู้สึก เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาความบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เอาใจที่บริสุทธิคุณด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
รู้อดีต... อันไหนผิดก็ยกเลิก อันไหนมันดีก็ทำต่อ
ปัจจุบันนี้ถึงได้ถือเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ เพราะชาตินั้นคือความเกิด
ต้องรู้เข้าใจว่าเราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ สรีระร่างกายของเราเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เราได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐ มีธาตุมีขันธ์มีอายตนะที่ประเสริฐ อายุขัยของหมู่มวลมนุษย์จะอยู่ได้ร่วม ๆ หนึ่งศตวรรษ หนึ่งศตวรรษคือร้อยปี
ถ้าเราทำความดีประกอบด้วยปัญญา ปัญญาประกอบด้วยความดี มีปิติมีสุขมีเอกัคคตา ก้าวไปด้วยอริยสัจทั้งสี่ มีความสุขใจสบายใจ ชีวิตนั้นอยู่ได้มากกว่าร้อยปีนะ
ให้เรารู้เข้าใจ ว่าเราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐ เราทั้งหลายต้องรู้ว่าเราเกิดมาเพื่อความดีเพื่อบารมี เราต้องรู้จักคุณค่า เราต้องรู้จักคุณค่าของสิ่งที่ประเสริฐ
ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญแห่งชาติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เราจะได้หยุดวัฏฏสงสารหยุดสัญชาตญาณเพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต
เราทั้งหลายจะได้รู้ความเกิด เราใช้ความเกิดที่มีประโยชน์ ไม่เอาความเกิดนี้ไปใช้ทางเสียหาย ประเพณีโบราณ บรรพบุรุษของเราถึงเป็นประเพณีที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่เอาของคนอื่น เป็นแต่ผู้ให้เป็นแต่ผู้เสียสละ
จึงมีวิธีแรกนาขวัญในฤดูกาลเพาะปลูกน่ะ นี้ชี้ให้เห็นบอกให้เห็นในการไม่เบียดเบียน มีการทำไร่ทำนาทำสวนทำเกษตร นี้เป็นหลักเหตุผลในการไม่เบียดเบียน ไม่เอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่น ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ไม่เอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่น เอาความสุขจากการไม่เบียดเบียนแล้วก็ยังเป็นผู้ให้
เราคิดดูดี ๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่เอาอะไร ท่านเป็นแต่ผู้ให้เป็นผู้เสียสละ วันหนึ่งคืนหนึ่งท่านบรรทมพักผ่อนเพียง ๔ ชั่วโมง เพื่อให้กับร่างกายให้กับสรีระให้กับพระวรกาย บรรทมพักผ่อนวันละ ๔ ชั่วโมง เสียสละเพื่อหมู่มวลมนุษย์เทพเทวาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ๒๐ ชั่วโมง
เราต้องรู้เข้าใจ การเสียสละนี้มันเป็นความสุข การพัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ ที่มันมีความสุข มันเป็นความสุขอยู่ในตัวเป็นความดับทุกข์ในตัวมันเป็นเซทเดียวกันไปในตัว
ให้พวกเราทั้งหลายรู้นะ สมาธิกับปัญญามันถึงไปพร้อม ๆ กัน เพราะสมาธิ เราคิดดูแล้วมันเป็นวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยเหตุด้วยผล ถึงต้องมีปัญญาบริสุทธิคุณ เพื่อไม่ให้เป็นตัวเป็นตน เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อธรรมไม่ใช่นิติบุคคลตัวตนเป็นการเรียนหนังสือเพื่อธรรมเพื่อธรรมนูญ เป็นการทำงานทำการเพื่อธรรมเพื่อธรรมนูญเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช เป็นพ่อค้าประชาชนเพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ ไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ไปเพื่อตัวเพื่อตน
ต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิอย่างนี้ มันจะเป็นรายรับรายจ่ายสมดุลพอดี เรารับมาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้นไม่มีหนี้มีสิน ว่างจากตัวตน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจรไปจรมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันเป็นเพียงจรไปจรมานะ
ทุกอย่างนั้นเมื่อเรารู้เราเข้าใจมันจะเป็นพระนิพพาน มันจะไม่มีหนี้ไม่มีสินมันจะเป็นความเพียงพอพอเพียง
เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นกษัตริย์ของเมืองไทยท่านได้ตรัสแก่พสกนิกรชาวไทยและชาวโลกว่า เราทั้งหลายต้องรู้เรื่องอริยสัจสี่ในเรื่องความจริงเรื่องประภัสสร เราจะได้เข้าถึงความรู้ความเข้าใจที่เป็นปัญญาบริสุทธิคุณที่ยกเลิกตัวตน เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่ากัน อยากให้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า
เราจะได้รู้เข้าใจ จะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราจะได้เอาความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจ
การประพฤติการปฏิบัติต้องพากันรู้พากันเข้าใจอย่างนี้ เราทั้งหลายจะได้รู้การเกิด การเกิดของเราต้องเป็นคุณอย่าให้การเกิดของเรานั้นเป็นคุณ เค้าถึงเรียกว่ากรรมที่เป็นคุณหรือกามที่เป็นคุณ
กรรมกับกามมันคืออันเดียวกัน กรรมกับกามมันคือความหลง กรรมที่เรารู้เข้าใจมันจะเป็นคุณ เค้าเรียกคุณโน้นคุณนี้ ทุกอย่างนั้นเรารู้เข้าใจ เอาสิ่งที่เรารู้เข้าใจมาปฏิบัติให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ทุกอย่างจะมีแต่คุณ เค้าถึงเรียกคุณโน้นคุณนี้
เราเอาตัวตนนำชีวิตเอาความหลงนำชีวิตเราก็ไม่ใช่คุณนะ เราเป็นโทษนะ เรียกว่าโทษนั้นโทษนี้ก็ได้ กายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพเป็นโทษไม่ใช่คุณ
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องคุณเรื่องโทษ ธรรมะธรรมนูญเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อตนเองและมหาชน
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ รู้จักคุณน่ะ เราทั้งหลายต้องบริโภคความถูกต้องบริโภคความดีที่ประกอบด้วยปัญญาด้วยการรู้เสียสละ เพื่อหยุดสัญชาตญาณหยุดความรู้สึกที่เป็นตัวเป็นตน อย่าไปคิดอะไรเพื่อตัวเพื่อตน พูดอะไรเพื่อตัวเพื่อตน กิริยามารยาทอะไรก็เพื่อตัวเพื่อตนอย่างนี้มันไม่ได้ มันคือโทษไม่ใช่คุณน่ะ
เราต้องรู้เข้าใจ กายวาจากิริยามารยาทใจมันต้องเป็นคุณด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายทำอย่างนี้แหละมันจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี
ชีวิตของเราต้องก้าวไปอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ พ่อแม่เป็นตัวอย่างแบบอย่าง
คำว่าพ่อแม่น่ะคือแบบคือพิมพ์แห่งความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาที่ประกอบด้วยความดี
พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระเจ้าพระสงฆ์ต้องเป็นแบบเป็นพิมพ์ เพื่อจะได้ออกมาสวย ๆ พิมพ์มันอย่างไรมันก็ออกมาอย่างนั้นน่ะ
ผู้นำที่มีปัญญาสัมมาทิฐิ สำคัญนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็คือดีเอ็นเอแห่งอวิชชาความหลง คือดีเอ็นเอแห่งการเวียนว่ายตายเกิดนะ นี้แสดงถึงแบบพิมพ์มันไม่ดี พ่อพิมพ์แม่พิมพ์มันไม่ดี
พ่อแม่ทั้งหลายต้องกลับมามองดูตัวเองนะ คุณครูอาจารย์ต้องมามองดูตัวเองนะ ข้าราชการนักการเมืองนักบวชทั้งหลายต้องมองดูตัวเอง ถ้าเราไม่มองตัวเองไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ ไม่มีสติเป็นพื้นฐานมันมีความหลงมีอวิชชาเป็นพื้นฐานนะ มันมีไสยศาสตร์เป็นพื้นฐานะ มันไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณเป็นพื้นฐาน
เราเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายข้าราชการนักการเมืองต้องกลับมาดูตัวเอง เราถึงจะเป็นแบบเป็นพิมพ์ ส่งดีเอ็นเอแห่งความถูกต้อง
ชีวิตของเรามันอยู่ที่ผู้นำนะ ความไม่รู้ไม่เข้าใจเรียกว่าเราได้ผู้นำไม่ดี
ด้วยเหตุนี้เราทั้งหลายต้องเน้นมาที่ตัวเรา พระพุทธเจ้าก็เน้นที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็เน้นที่พระอรหันต์ ข้าราชการนักการเมืองนักบวชพ่อค้าประชาชนทั้งหลายก็เน้นที่ตัวเอง อย่าไปเน้นที่บุคคลอื่น
ต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ การดำเนินชีวิตของเราน่ะมันรับจ๊อบแห่งความหลงนะ จ๊อบก็หมายถึงกรรม กรรมแห่งความหลง เราอย่ารับจ๊อบแห่งความหลง อย่าเอาความหลงเป็นรางวัล
ตื่นขึ้นมาไม่รู้เข้าใจ มารับเอาจ๊อบ รับเอารางวัลแห่งความหลงนี้ไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจเราถึงจะเข้าถึงคุณถึงบริสุทธิคุณน่ะ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อรับจ้างนะ รับจ้างด้วยรางวัลแห่งความหลงน่ะ เพื่อได้รูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ อาหารอร่อย ๆ สัมผัสดี ๆ น่ะ จะได้เพลิดเพลินในกามอย่างนี้
เราอย่ามาเอารางวัลอย่ามารับจ้าง รับจ้างเวียนว่ายตายเกิดมันเป็นการพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์นะ ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน
เราต้องเข้าใจเรื่องอบายมุขอบายภูมิ ถ้าเราไม่เข้าใจมันก็จะเป็นอบายมุขอบายภูมินะ
มนุษย์เราหรือว่าโลกนี้มันมีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ เราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็อยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ภพนี้ก็หมายถึงความเกิดนะ
เราทั้งหลายรู้เข้าใจเรื่องของความเกิดนะ เราทั้งหลายจะได้หยุดภพภูมิแห่งความเกิดด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้ผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้ผ่านไปด้วยธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ เราจะได้เข้าใจเรื่องชาติ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แล้วหยุดเวียนว่ายตายเกิด
เราจะได้รู้เรื่องกษัตริย์ กษัตริย์นี้ก็หมายถึงปัญญา ปัญญาที่บริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาเพื่อตัวตน ปัญญารู้แจ้งตามเป็นจริง เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญ นำชีวิต ไม่เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่เอาไสยศาสตร์นำชีวิต
ที่ปัจจุบันนี้น่ะมีคนเค้าพูดกันในสังคมว่า สายมู ๆ สายไสยศาสตร์น่ะ อันนี้เป็นความหลงนะ มันเป็นการพัฒนาวิทยาศาสตร์ไม่เอาใจไปพร้อมกันมันเป็นสายมูสายหลงมันเป็นไสยศาสตร์
กษัตริย์หมายถึงปัญญาบริสุทธิคุณ ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นพระมหากษัตริย์ถึงต้องทรงทศพิธราชธรรม ผู้ที่เป็นพระมหากษัตริย์จึงต้องแถลงการณ์อุดมการณ์อุดมธรรม ว่าข้าพเจ้าจะเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ทรงทศพิธราชธรรม เพื่อเอาธรรมนำชีวิต
ระบบข้าราชการนักการเมืองนักบวชพ่อค้าประชาชนน่ะ เป็นผู้ที่ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ต้องใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ ไม่มีใครยกเว้น ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต
เราทั้งหลายน่ะให้พากันรู้เข้าใจ เราจะได้รู้ว่าพวกเรานี้เกิดมาอย่าไปปฏิเสธความถูกต้อง อย่าไปปฏิเสธธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ถึงมีคุณมีประโยชน์ต่อหมู่มวลมนุษย์ ไม่มีใครยกเว้น
ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งเรื่องใจน่ะ ต้องปรับตัวเข้าหาธรรมนูญเข้าหาเวลา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีปิติไม่มีความสุขไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะมีความทุกข์
ความทุกข์กับโรคซึมเศร้าก็คืออันเดียวกันนี้แหละ ภาษาแพทย์เค้าเรียกโรคซึมเศร้า ภาษาพระศาสนาเค้าเรียกความทุกข์ ความทุกข์ทางใจ
มนุษย์เราต้องรู้เข้าใจ ความชอบความไม่ชอบนี้สองอย่างนี้มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกเราทั้งหลายว่าอย่าไปตรึกในความชอบความไม่ชอบ เราต้องผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจอย่าเอาความชอบไม่ชอบนำชีวิต ว่าฉันชอบอย่างนั้นฉันไม่ชอบอย่างนี้
ให้เรารู้เข้าใจ นี้มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องผ่านไปเรื่องความชอบไม่ชอบ ชอบไม่ชอบมันอยู่ในระดับเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเค้าเรียกไบโพล่า ภาษาแพทย์เค้าเรียกโรคไบโพลบ่า มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา มันไม่สงบ
เราต้องรู้เรื่องความชอบไม่ชอบน่ะ ถ้าเราเอาความชอบไม่ชอบนำชีวิตนี้ ชีวิตของเรามันจะไม่บรรลุนิติภาวะนะ เพราะเราเอาความชอบไม่ชอบนำชีวิต เรียกว่าชีวิตของเราไม่บรรลุนิติภาวะ
ถึงเราจะเรียนศึกษาจบปริญญาตรีโทเอกเป็นศาสตราจารย์เป็นเหรียญตรา การเรียนทางธรรมะตั้งแต่นักธรรมตรีโทเอกถึงเปรียญ ๙ น่ะ ถ้าเอาความรู้สึกนำชีวิต บุคคลเช่นนี้หรือเช่นนั้นเรียกว่าเป็นบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวนะ เป็นบุคคลเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิตเอาความหลงนำชีวิต เป็นบุคคลมีหลักการอุดมการณ์เป็นหลักการอุดมการณ์แห่งความหลง
มีปัญญาเราต้องรอบคอบน่ะ เราต้องมีอุดมธรรม มีธรรมนูญรัฐธรรมนูญ
เราทั้งหลายน่ะพากันมารู้เข้าใจ พากันเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ สิ่งมันผ่านมาแล้วช่างหัวมัน มันผ่านมาแล้วมันแก้ไขไม่ได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชท่านตรัสว่า ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เราอย่าไปเสียอกเสียใจ ให้ถือว่าเป็นประสบการณ์ทั้งฝ่ายถูกต้อง และฝ่ายไม่ถูกต้อง
เรามาเน้นที่ปัจจุบันนี้แหละ ปัจจุบันเรามาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง
การปฏิบัติต้องติดต่อต่อเนื่องนะ ตามหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ทำอะไรต้องติดต่อต่อเนื่อง
การที่เราทำอะไรติดต่อต่อเนื่อง ๓ อาทิตย์ขึ้นไปจะเห็นผลทางวิทยาศาสตร์จะเห็นผลทางจิตใจ
อย่างเราตอนต้นไม้หรือทาบกิ่งต้นไม้ หรือค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ ๒๑ วัน มันจะเห็นผล การกระทำที่เป็นปฏิปทาที่ติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นชิฟที่ฝังอยู่ในขันธ์ ในสัญญาขันธ์ มันจะเป็นเมมโมรี่ที่บันทึก สิ่งที่บันทึกสิ่งที่ติดต่อต่อเนื่องกัน
เราคิดดูดี ๆ นะไก่มันฟักไข่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกมาเป็นลูกไข่ หรือฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลาฟัก ๓ อาทิตย์เหมือนกัน
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องปฏิปทาเป็นสิ่งที่สำคัญ ถึงได้มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรมด้วยความรู้ความเข้าใจ ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเพื่อให้ศีลสมาธิปัญญาติดต่อต่อเนื่องมันถึงจะได้ผลหรือจะมีผลนะ
เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม การเรียนหนังสือเราก็ต้องมีความสุขในการเรียนหนังสือ ให้ทุ่มอย่างนี้เต็มที่เลย
การทำงานก็ต้องมีความสุขในการทำงาน ให้ทุ่มเทอย่างนี้ให้เต็มที่ การขยันรับผิดชอบก็ให้มีความสุขในการขยันรับผิดชอบ ตั้งใจตั้งเจตนา
การปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มันเป็นออกมาจากใจ ออกมาจากความรู้ออกมาจากพระนิพพานนะ ต้องตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อให้ปฏิปทามันติดต่อต่อเนื่อง
เหมือนผู้ที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนาตามหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ๓ เดือนที่พระอยู่จำพรรษาไม่ได้จาริกไปที่ไหนน่ะ ทางพระมหากษัตริย์ก็จะให้ข้าราชการลาบวชได้ ๔ เดือนน่ะ คือ ๑๒๐ วัน ลาก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน จนออกพรรษาไปอีก ๑๕ วัน
ทำไมถึงลาก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน ก็เพราะว่าไปเรียนนาคขานนาค เรียนกราบเรียนไหว้ ไปเรียนไปปฏิบัติ เพื่อให้มันบวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทบวชทั้งใจ เพราะการบวชนี้คือต้องบวชเป็นพระ เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ยกเลิกทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ทำเหมือนพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนพระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เอาพระธรรมเป็นพระวินัย
ผู้ที่บวชมาถึงเป็นพระน่ะถึงเป็นพระธรรมพระวินัย ยกเลิกนิติบุคคลตัวตนเป็นพระธรรมพระวินัย ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนาถึงตั้งฉายาให้ใหม่หมดน่ะ ตั้งชื่อให้ใหม่ตั้งฉายาให้ใหม่เพื่อเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย
ผู้ที่มาบวชถึงมาทำความรู้ความเข้าใจ ให้ฝึกกราบฝึกไหว้ฝึกกิริยามารยาทฝึกอดอาหารไม่ฉันอาหารในเวลาวิกาล ออกพรรษาแล้วรับกฐินเสียก่อน ถึงค่อยลาสิกขาน่ะ
เพราะบวชมาแล้วพ่อแม่ก็กราบไหว้ปู่ย่าตายายก็กราบไหว้ พระราชามหากษัตริย์ข้าราชการนักการเมืองต้องกราบต้องไหว้
ต้องรู้ว่าพระนี้ไม่ใช่ผู้ที่ปลงผมห่มผ้าเหลืองอย่างเดียวนะ ถ้าปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวรมันเป็นเพียงรูปแบบภายนอกเป็นเพียงแบรนด์เนมเฉย ๆ น่ะ มันเป็นเพียงการแต่งตั้งเป็นรูปแบบ
ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจในการแต่งตั้งให้เป็นพระ เป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง อย่างนี้ เราจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเกิดมาทำไม เป็นข้าราชการทำไมเป็นนักการเมืองทำไม เป็นนักบวชมาทำไม
เราต้องรู้ความหมาย ความมีความเป็นด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะไม่ได้เอาแบรนด์เนมไปทำมาหาอยู่หากิน หรือว่าไปหาอยู่หาหลงน่ะ แบรนด์เนมที่เราไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ
ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เรานี้แหละจะเป็นผู้ที่หลอกลวงจะเป็นข้าราชการที่หลอกลวง เป็นนักการเมืองที่หลอกลวง จะเป็นนักบวชที่หลอกลวงจะเป็นพ่อค้าประชาชนที่หลอกลวง
ต้องรู้เข้าใจมนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตถึงเป็นคนไม่หลอกลวง
การปฏิบัติธรรมถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลังการทำอะไรมีต่อหน้าและลับหลัง ถือว่าเป็นการหลอกลวง ถือว่ายังเป็น ๑๘ มงกุฏอยู่
ดูดี ๆ แล้ว ๑๘ มงกุฏมันเป็นความหมายอันเดียวกันที่การเรียนการศึกษาตามหลักการของมนุษย์มันมีทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ เพื่อจะเอาไปใช้เอาไปปฏิบัติที่เป็นบริสุทธิคุณ ไม่ได้เอาไปใช้เพื่อเป็นตัวเป็นตน
ถ้าเราเอาไปใช้เพื่อเป็นตัวเป็นตนมันจะเป็น ๑๘ มงกุฏ มันจะเป็นการหลอกลวง หลอกลวงอย่างต้น ๑๘ มงกุฏ หลอกลวงอย่างกลาง ๓๖ หลอกลวงอย่างสูงสุดมัน ๕๔ น่ะ มันเป็นอย่างนี้นะ เราต้องรู้เข้าใจทุกอย่างน่ะ เราต้องรู้ต้องเข้าใจมันถึงจะเป็นคุณไม่เป็นโทษ มีแต่คุณ
ให้รู้เข้าใจนะ การที่เราเอาเพศนักบวชนี้มาเป็นแบรนด์เนมหาอยู่หาฉัน หรือหาอยู่หาหลงนี้ มันไม่ถูกต้องนะ เราเอาแบรนด์เนมที่เป็นข้าราชการนักการเมืองมาหาอยู่หาหลงนี้มันไม่ถูกต้องนะ เพราะมันเป็นอาชีพที่หลอกลวงนะ มันยิ่งกว่า ๑๘ มงกุฏ ยิ่งกว่า ๓๖ ยิ่งกว่า ๕๔ นะ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ยกเลิกทุจริตน่ะ ถ้าเราไม่ยกเลิกทุจริตมันไม่ได้มันไปไม่ได้ เดี๋ยวมันจะพังทลายแน่นอนนะ มันจะพังทลายยิ่งกว่าตึก สตง.นะ
เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ไม่มีปิติมีความสุขในความถูกต้องเอาธรรมนูญนำชีวิตชีวิตมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ เพราะตึก สตง. ทำให้เรามองเห็นว่าความไม่ถูกต้องมันพังทลาย
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลงชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร สมุทรปราการท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตของเราทั้งหลายมันก็ต้องพังทลาย เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตนไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต หัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้ มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโนมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เราทั้งหลายน่ะต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต อย่าไปคิดว่าทำเหมือนพระพุทธเจ้าทำเหมือนพระอรหันต์ใครจะทำได้ เราคิดอย่างนั้นไม่ได้นะ ผู้ที่ทำไม่ได้ก็คือคนตายแล้ว ถ้าคนตายแล้วมันตายแล้วมันเกษียณแล้วมันทำไม่ได้ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ทำได้ คนที่ทำไม่ได้ก็มีแต่คนบ้า คนบ้านี้ทำไม่ได้เพราะสมองมันเสียแล้วมันบ้าแล้ว เค้าถึงไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้าน่ะ ส่วนราชการก็ไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้า ทางศาสนาก็ไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้า คนที่ทำไม่ได้ก็คือคนที่เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนี้เรียกว่ามีเชื้อว่า เอาตัวตนนำชีวิตเรียกว่าเป็นดีเอ็นเอแห่งความบ้านะ ให้เรารู้เราเข้าใจในชีวิตที่ประเสริฐ
เราให้เข้าใจว่าเราทุกคนก็ทำได้ ถ้าเราเอาตัวตนนำชีวิตมันไม่ได้แน่นอน มันต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.เพราะตัวตนนั้นมันคือทำไม่ได้ ตัวตนนั้นมัแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ตัวตนนั้นคือทำไม่ได้ ถ้าเรารู้ว่าเราทำไม่ได้เราก็ไม่ต้องเป็นนักหลอกลวง นักต้มตุ๋นน่ะ ให้เข้าใจว่า ถ้าไม่มีข้าราชการไม่มีนักการเมืองไม่มีนักบวชก็ให้มันเจ๊ากันไป ไม่มีพระก็อย่าให้มันมีโจรให้มันเจ๊ากันไป ถ้ามีโจรแล้วมันจะมีพระได้อย่างไร ไม่มีข้าราชการนักการเมืองที่มาโกงกินคอร์รัปชั่นก็ขออย่าให้มันมีโจรให้มันเจ๊ากันไป เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี จะได้เข้าถึงความสงบ เข้าถึงปัญญาที่บริสุทธิคุณ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายนั้นเป็นคนที่ดีมากเป็นคนที่ปัญญามาก เป็นผู้ที่ประเสริฐได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐเกิดมาเป็นมนุษย์มีอายุขัยอยู่ได้ร่วมหนึ่งศตวรรษหรือร่วมร้อยปี ทำดี ๆ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตามีธรรมมีธรรมนูญในการประพฤติปฏิบัติอยู่ได้มากกว่าร้อยปี
ท่านป็นผู้ที่โชคดีจะได้เป็นผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออก จากทุกข์ ปฏิบัติเพื่อเป็นดีเอ็นดีที่เป็นตัวอย่างแก่กุลบุตรลูกหลานเข้าถึงความถูกต้องเข้าถึงความเป็นธรรมความยุติธรรม เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงพระนิพพานที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจที่เป็นบริสุทธิคุณเป็นคุณ พระนิพพานคือบ้านของเราที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ นี้คือพระนิพพานบ้านของเรา
บุญกุศลที่เราได้บำเพ็ญบารมีของเราเป็นประโยชน์ต่อเราและมหาชนนะ
--------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา