๒ มิถุนายน (คุณพ่อทองคำ สายสุด)

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

วันนี้เป็นวันประชุมเพลิงของโยมพ่อของท่านพระอาจารย์สวัสดิ์ คุณพ่อทองคำ สายสุด ที่ละสังขารวายชนม์จากไปด้วยอายุขัย ๗๐ ปี

 

ท่านเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์  เป็นคนดี เอาพระพุทธศาสนานำชีวิตเอาธรรมนำชีวิต ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ท่านถึงมีลูกชายดีคือท่านพระอาจารย์สวัสดิ์

 

พระอาจารย์สวัสดิ์บวชมาหลายปี เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาพระธรรมเอาพระวินัยเป็นหลัก ได้มาบวชมาปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อกัณหา เป็นพระที่เสียสละมาก โดยไม่หวังอะไรตอบแทน เป็นพระที่เสียสละมาก จึงได้มีครูบาอาจารย์หลายวัดมาในงาน

 

วัดป่าทรัพย์ทวีฯ อยู่ห่างจากจังหวัดบุรีรัมย์ไกลน่ะ

 

การอาพาธของโยมพ่อของท่านพระอาจารย์สวัสดิ์ได้รักษาทางร่างกายจากแพทย์พยาบาลที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเป็นอย่างดี

 

ทางจิตใจของโยมพ่อทองคำ สายสุด พัฒนาจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ชีวิตของคุณพ่อทองคำ จึงเป็นชีวิตที่สง่างามในธรรม ตั้งแต่ต้นจนอวสาน

 

วันนี้เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที เราจะได้ร่วมกัน ณ ศาลาวัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ ต้องเอาแต่เช้าหน่อย เพราะว่าครูบาอาจารย์เดินทางไกลเดินทางมาจากภาคเหนือภาคใต้ภาคตะวันออกภาคะวันออกเฉียงเหนือจะได้กลับสถานที่ไม่ดึกจนเกินไป

 

มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ เมื่อดำรงชีวิตอยู่ ดำรงธาตุ ดำรงขันธ์ ดำรงอายตนะก็ต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ พัฒนาทั้งทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ได้ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจได้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อความสะดวกความสบายในการอำนวยความสะดวกความสบายทางวัตถุ พร้อมทั้งพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อม ๆ กัน เมื่อละสังขารวายชนม์แล้ว ผู้ที่ยังอยู่ก็ต้องมีความสมัครสมานสามัคคีพร้อมเพรียงกันอุทิศบุญอุทิศกุศลส่งให้มอบให้ เพื่อไปสู่สุคติสรวงสวรรค์ มรรคผลพระนิพพาน

 

การบำเพ็ญบุญกุศลให้กับผู้ที่ละสังขารวายชนม์ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ผู้ที่ละสังขารวายชนม์เราทุกคนที่มีชีวิตอยู่ ต้องพากันบำเพ็ญบุญกุศลให้กับผู้วายชนม์

 

ในหมู่บ้านหนึ่ง ๆ จะต้องมีวัดมีบ้านมีโรงเรียน โครงสร้างของหมู่มวลมนุษย์นะ ต้องมีบ้านมีที่อยู่อาศัยมีที่ทำมาหากิน ในหมู่บ้านนั้น ๆ ต้องมีโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ เพราะมนุษย์เรามีการเรียนการศึกษาของมนุษย์ทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์

 

มนุษย์เราต้องมีการเรียนการศึกษา ถ้าเราไม่เรียนไม่ศึกษาเราก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การเรียนการศึกษานี้คือความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็ปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติไม่ถูกต้อง

 

มนุษย์เราถึงมีการเรียนการศึกษาเรื่องความรู้ความเข้าใจ ความหมายของการเรียนการศึกษาทั้งหมดคือความรู้ความเข้าใจ

 

ความรู้ความเข้าใจนี้ไม่ใช่ความจำนะ ความรู้ความเข้าใจมันจะเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนี้มันจะเป็นความหลงความไม่เข้าใจ มันจะทำทั้งผิดทั้งถูกทั้งดีทั้งชั่วด้วยความไม่รู้เข้าใจ มันไปไหนไม่ได้มันจะวกวนอยู่ที่เก่า

 

เค้าถึงมีคำศัพท์ว่า “คนคนคน” คำว่าคนนี้มันวกวนอยู่ที่เก่าย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า มันเป็นได้แต่เพียงคน เค้าถึงมีการเรียนการศึกษาเพื่อเอาความรู้ ความรู้ที่เป็นใจ คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เอาทางวิทยาศาสตร์กับทางจิตใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรค การประพฤติการปฏิบัติมันถึงจะปฏิบัติได้ในหมู่บ้านนั้น ๆ ถึงต้องมีโรงเรียน ให้รู้เข้าใจนะ

 

แล้วก็ต้องมีวัดน่ะ ในหมู่บ้านต้องมีวัดเพื่อเป็นที่อยู่ที่อาศัย เป็นศูนย์รวมแห่งความดีเพื่อเราจะได้ทำความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ทำความดีที่ประกอบด้วยความดี ถึงได้มีวัดประจำหมู่บ้าน บางแห่งก็มีทั้งวัดบ้านมีทั้งวัดป่า

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าจะเป็นวัดบ้านวัดป่าก็ไม่เป็นไรอยู่ที่ไหนก็คือวัดคือข้อวัตรปฏิบัติเพื่อเอาธรรมนำชีวิตไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาพระธรรมนำชีวิต วัดบ้านวัดป่าก็ให้เป็นพระธรรมวินัย ยกเลิกการทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ถ้าทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยเราก็ไม่มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ

 

วัดจึงเป็นที่อยู่ของนักบวช นักบวชต้องมีที่อยู่เป็นสัดส่วน ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

 

วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์นี้เป็นวันที่หมู่มวลมนุษย์พัฒนาใจพร้อมกับการทำงาน เพื่อดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะ การทำงานกับการปฏิบัติธรรมหมู่มวลมนุษย์ต้องไปพร้อม ๆ กัน ให้อยู่ในเซทเดียวกัน จะแยกกันไม่ได้ การทำงานกับการปฏิบัติธรรมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

มนุษย์เราถึงต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ไปแยกงานออกจากใจไม่ได้ ถ้าแยกงานออกจากใจจะเป็นการพัฒนาวิทยาศาสตร์ด้วยความเห็นแก่ตัวจะเป็นการเรียนการศึกษาเพื่อความเห็นแก่ตัว มันจะเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวชเพื่อเห็นแก่ตัว มันจะไม่เป็นทางสายกลาง มันจะไม่ได้เป็นการปฏิบัติทั้งวัตถุทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน

 

วัดน่ะเป็นที่อยู่ของนักบวช ใครจะไปบวชก็ได้ บวชก็แปลว่ายกเลิกสังสารวัฏ ยกเลิกตัวตน เอาธรรมนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการยกเลิกวัฏฏสงสาร ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อมทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ

 

ผู้ที่มาเป็นนักบวชต้องพากันเข้าใจนะ ตั้งแต่ก่อนเราเป็นฆราวาส เรายังเอาความรู้สึกนำชีวิตเอาความชอบไม่ชอบนำชีวิต

 

เรามาบวชมาปฏิบัติแล้วเราเอาความชอบไม่ชอบเอาความรู้สึกนำชีวิตไม่ได้เอาความรู้สึกเอาความชอบไม่ชอบนำชีวิตมันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

เราต้องรู้เข้าใจเราจะเป็นนิติบุคคลตัวตน ไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าบุคคลไม่รู้อริยสัจสี่ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราทั้งหลายจะเป็นพระได้ ถ้าเป็นได้ก็เป็นได้แต่พระแต่งตั้งไม่สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าต้องสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะสมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพสมบูรณ์ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน

 

เราจะได้เข้าสู่ความเป็นพระ ผู้ที่บวชมาเขาถึงยกเลิกชื่อเก่า ต้องตั้งฉายาใหม่ เราสังเกตดูดี ๆ นะ ทำไมมีชื่ออยู่แล้วถึงไปตั้งชื่อใหม่ เพราะต้องยกเลิกความรู้สึกที่เป็นสัญชาตญาณเพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ให้เข้าใจอย่างนี้

 

ในหมู่บ้านนั้น ๆ เค้าต้องมีวัด ให้เข้าใจ ความหมายของวัด ถ้าถูกต้องแล้วนี้ ต้องเน้นมาหาที่เราอีกน่ะ อันนั้นเป็นวัดภายนอก

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงวัดภายนอก วัดภายในก็คือกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ใจของเราต้องมีวัตรมีข้อวัตรปฏบัติต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต

 

เค้าจะสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างประเทศเค้ามีเครื่องวัดนะ วัดสั้นวัดยาว วัดความต่ำความสูง เค้ามีวิศวกรวัดน้ำหนักด้วยว่าวัดน้ำหนักไหวไหม มันมากเกินไปมันน้อยเกินไป มันเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก.มั๊ย เค้าต้องมีเครื่องวัด

 

การประพฤติการปฏิบิตเค้าต้องมีหลักการมีอุดมการณ์ต้องเพิ่มอุดมธรรม ถ้าเรามีหลักการมีอุดมกาณ์มันเป็นเพียงวิทยาศาสตร์นะ เราถึงต้องเพิ่มจากอุดมการณ์เป็นอุดมธรรม เพื่อให้เป็นพระสมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ ต้องสมบูรณ์

 

มนุษย์เราต้องไปอย่างนี้น่ะ มนุษย์เราถึงจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ท่านตรัสกับประชากรของประเทศไทยหรือประชากรของโลกว่า เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่  เข้าถึงความพอเพียเงพียงพอ เราอยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่า เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า เราทั้งหลายจะได้มีปัญญามีความสงบ ความสงบกับปัญญาต้องไปพร้อมๆ  กัน แยกกันไม่ได้ เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดีมีความสงบมีปัญญา ชีวิตของเราจะได้มีความสงบเป็นธรรมชาติ เป็นผู้มีปัญญาเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

นี้คือโครงสร้างของความเป็นมนุษย์นะ เราทุกคนเกิดมาจากเหตุจากปัจจัยเกิดมาจากกรรมมาจากกฎของกรรม ได้รับผลของกรรมทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ มันเป็นกรรมนะ มันเป็นกระบวนการ

 

ผลของความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากนี้มาจากกรรม เค้าเรียกว่ากรรมเก่าได้ปรากฏทางร่างกายเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ  เป็นสังขารที่มีใจครอง ครองในธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหก เป็นสังขารที่มีใจครอง เมื่อเรามีกรรม มันก็ต้องมีกฎแห่งกรรมทุกคนน่ะ อายุขัยมันไปตามวาระ ตามกาลเวลา ไปตามกฎแห่งกรรม เวลาละสังขารวายชนม์

 

มนุษย์นี้คือผู้ที่ประเสริฐ ผู้เอาธรรมนำชีวิต นำสรีระร่างกายบำเพ็ญบุญกุศล เพื่อมอบให้ส่งให้ผู้วายชนม์จากไป ผู้ที่จากไปต้องอาศัยบุญอาศัยกุศลของผู้ที่มีชีวิตอยู่ ลูกหลานญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลเพื่อนบ้านมีความสมัครสามัคคีกัน พากันทำความดี รักษาศีล บริจาคทาน เจริญภาวนาเพื่อมอบความดีมอบบุญกุศล ให้เพื่อไปสู่สุคติ สรวงสวรรค์มรรคผลพระนิพพาน จึงได้มีประเพณีทำบุญทำกุศล สำหรับผู้วายชนม์

 

 

ผู้ที่เป็นหลักที่เป็นทั้งคนดีเป็นคนมีปัญญา ก็ได้แก่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ผู้ทำตามปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หรือผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อพัฒนาตัวเองเป็นพระอริยเจ้า ที่จะเป็นเนื้อนาบุญ เราต้องให้ทานถวายทานกับท่านผู้นี้

 

การบำเพ็ญบุญกุศลให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะ ต้องให้เป็นบุญกุศล อย่าพากันทำบาป ให้เป็นบุญเป็นกุศลคือไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศลให้ถึงพร้อมต้องไม่ทำบาป ต้องเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักเป็นตัวอย่างแบบอย่าง ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัยเป็นหลัก เอาความถูกต้องเป็นหลัก

 

พวกเราจะไม่ได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยตามพรรคตามพวก ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ต้องเอาธรรมนูญเป็นหลัก อย่าเอาโลกเป็นหลัก ต้องเอาธรรมเป็นหลัก อย่าเอาโลกธรรมมาทำงานมาจัดงาน ต้องเอาธรรมะนำการประพฤตินำการปฏิบัติ ถึงจะเป็นบุญเป็นกุศล เน้นผู้ที่วายชนม์เน้นผู้ที่จากไป

 

เดี๋ยวนี้โลกสมัยใหม่ได้พัฒนาเหตุผลพัฒนาวิทยาศาสตร์มีถนนหนทาง ลาดยาง หรือว่าลาดปูนซิเมนต์ ระยะทางหลายสิบกิโลใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ทางรถยนต์นี้ใช้ระยะเวลาไม่มาก ทางเครื่องบินยิ่งใช้เวลาน้อย ถ้าจะเสียเวลาก็เสียเวลาที่สนามบินนั่นแหละ แต่เครื่องบินบินบนฟ้าใช้เวลาไม่นาน มันเสียเวลาอยู่ที่สนามบิน เพราะต้องไปพร้อมเพรียงอยู่ที่สนามบิน เครื่องบินเค้าตั้งเวลาไว้ว่าจะออกเวลานั้นเวลานี้ เราก็ต้องไปก่อนเวลาเพื่อความพร้อมเพรียงในการเดินทาง มันเสียเวลามากในการคอยขึ้นเครื่องบิน

 

แต่จริง ๆ เวลานั้นไม่เสียนะ มันก็ปกติของมันน่ะ ที่มันช้ามันเร็วคือใจของเราต่างหากล่ะ ถึงเอาความสงบเอาความเพียงพอมาใช้ในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นความสงบเป็นปัญญา เพื่อให้เป็นความพอดี เพื่อความหลงมันจะไม่ได้เผาเรา ไม่เผาคนอื่น

 

การเดินทางมันสะดวกสบายขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน  แต่ก่อนใช้เดินเท้า เดี๋ยวนี้ การบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล เราสามารถที่จะนำสรีระร่างกายของผู้ที่วายชนม์จากไปมาบำเพ็ญบุญกุศลในสถานที่ที่สงบวิเวกได้

 

การที่พระท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ผู้ปฏิบัติสมควร ท่านเอามรรคเอาผลเอาพระนิพพานท่านไม่เอาโลกธรรมท่านเอาธรรรมเอาพระวินัยถึงจะอยู่ไกลเราก็สามารถไปได้ เพราะการสัญจรคมนาคมนั้นสะดวกสบาย

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้เราต้องเน้นผู้ที่วายชนม์ อย่าเอาความสะดวกสบายของพวกเรา ผู้ที่ส่งบุญกุศลให้ได้ก็คือผู้บริสุทธิ ผู้ที่บริสุทธิก็ได้แก่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์น่ะ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเป็นผู้มีความดีเป็นผู้มีปัญญา มีความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

 ท่านทำความดีเพื่อความดี รักษาศีลเพื่อศีล เจริญปัญญาเพื่อปัญญา ท่านเหล่านั้นเป็นสุปฏิปันโน ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ให้เข้าใจอย่างนี้

 

การบำเพ็ญกุศลให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ เราอย่าไปทำความดีเพื่อเอาหน้าเอาตาเอาชื่อเอาเสียง เราต้องทำความดีเพื่อความบริสุทธิคุณด้วยปัญญา การทำความดีอย่าให้มีตัวอย่าให้มีตน ต้องเป็นบริสุทธิคุณ

 

การบำเพ็ญบุญกุศลเพื่อเอาหน้าเอาตาเอาชื่อเอาเสียงเอาพรรคเอา พวกนี้มันไม่ใช่ธรรมะนะ อันนั้นมันเป็นโลกธรรม เรียกว่าโลกธรรมครอบงำ เพราะเอาหน้าเอาตาเอาชื่อเอาเสียงนั้นมันไม่ใช่

 

การจัดงานเราต้องยกเลิกโลกธรรมอย่าให้มีโลกธรรม พวกยศพวกตำแหน่ง ยกเลิกก่อนอย่างนี้ ตำแหน่งที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันมันเป็นตำแหน่งของผู้นั้น ท่านยกเลิกตัวตนต่างหาก ไม่เอาโลกธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตน มันถึงเป็นตำแหน่งทางธรรมะเป็นตำแหน่งที่เป็นประภัสสร เป็นตำแหน่งที่ยกเลิกตัวตน ไม่สำคัญมั่นหมายว่าเป็นหญิงชายเป็นชาย มียศถาบรรดาศักดิ์ มีแต่ความสงบมีแต่ความเย็นเป็นพระนิพพาน

 

เราทำเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ท่านรักษาศีลเพื่อศีลรักษาธรรมเพื่อธรรม ท่านเสียละเพื่อสละ ไม่เอาอะไร เป็นความสงบ เป็นความเย็นเป็นพระนิพพาน ไม่มีโลกมาครอบงำธรรม มีแต่พระธรรมพระวินัย มีแต่ความสงบ มีแต่ความเย็นเป็นพระนิพพานเคลื่อนที่ในปัจจุบัน เราต้องรู้ต้องเข้าใจอย่างนี้นะ

 

เราบำเพ็ญบุญกุศล เราอย่าไปเอาหน้าเอาตาเอาชื่อเอาเสียง ปกติเรามันก็หลงอยู่แล้วเรายังจะมาเอาตัวเอาตนหลง ทำความดีเพื่อหลง อย่างนี้ไม่เอาไม่ถูกต้อง เราต้องทำความดีเพื่อความดี บุญกุศลนี้จึงจะถึงญาติบรรพบุรุษของเรา ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจ

 

การจัดงานจัดการต้องเอาพระพุทธเจ้าเจ้าเป็นหลัก เอาพระธรรมพระวินัยเป็นหลัก ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นธรรมไม่เป็นพระวินัย มันเป็นตัวเป็นตน มันก็เป็นโลกธรรม ทำให้เสียหาย ไม่ถูกต้อง พากันทำบุญกัน บุญมันเป็นตัวเป็นตน อย่างนั้นไม่ถูกต้อง บุญมันต้องยกเลิกตัวตน เราอย่าไปเอาหน้าเอาตา ใครจะไปใครจะมาก็ไม่เป็นไร ใครไม่ไปไม่มาก็ไม่เป็นไร เราจะไปหลงในโลกธรรมไปทำไม เพราะความหลงมันเป็นความงมงาย เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ พอกันทีแล้วเรื่องความหลงงมงาย จะงมงายไปทำไม เราต้องเข้าใจ เราต้องมีความสงบมีปัญญานะ ต้องหยุดหลงงมงาย ถ้าเราไม่หยุดใครเค้าจะมาหยุดให้เรา เราอย่าเอาความหลงความไม่ถูกต้องนำชีวิตของเรา นำสังคมน่ะ  

 

การทำไม่ถูกต้องก็จะทำให้เสียเวลาเสียงบประมาณ เสียทรัพยากร เลิกร้างงานแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต่างคนก็ต่างรับรางวัลก็คือความหลงไป หลงในโลกธรรมหลงในตัวตน

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจคำว่าพระนะ พระคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ไม่ให้ตัวตนมันครอบงำเราไม่ให้ตัวตนมันครอบงำเรา คิดดี ๆ พูดดี ๆ กิริยามารยาทอาชีพดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญายกเลิกตัวตน บุคคลนั้นแหละถึงเรียกว่าพระ พระคือผู้ที่วางภาระหนักคือตัวตน มีความสุขในการเรียนหนังสือหรือว่ามีความสุขในการทำงานเสียสละตัวตนทุกคนก็พากันเป็นพระ

 

ผู้ที่มาบวชอยู่ที่วัด ที่มาปลงผมนุ่งห่มจีวรที่วัดเหมือนพระพุทธเจ้านี้ พวกเรานี้ไม่ใช่พระ ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่พระ มันเป็นพระแต่งตั้ง มันไม่สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ทางกายวาจากิริยามารยาทใจมันไม่สมบูรณ์ มันต้องเข้าสู่ความเพียงพอพอเพียง

 

เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจนี้ ตัวเรานี้แหละไปเรียนแบบเพื่อหาอยู่หาฉันน่ะ จะว่าหาอยู่หาฉันก็ไม่ได้เพราะมันเอาความหลงนำชีวิต หาอยู่หากินหาหลงก็แล้วกัน ยังถือว่าเป็นผู้ที่เอาแบบเอาแบรนด์เนมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาหลอกลวง ไม่ใช่พระธรรมพระวินัย เป็นแต่เลียนแบบองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ก็ถือว่ายังเป็นผู้หลอกลวง เป็นผู้ต้มตุ๋นยิ่งกว่า ๑๘ มงกุฏอีกเสียด้วยนะ เมืองไทยเราน่ะ ถึงมีเรื่องมีปัญหาทุกวันเลยไม่เว้นวัน เพราะไปเลียนแบบพระพุทธเจ้าเพื่อหาอยู่หากินหาหลง มีเรื่องมีปัญหามีข่าวมีคราวทุกวันเลย

 

เหมือนพระพุทธเจ้าสองอย่างคือปลงผมเหมือนพระพุทธเจ้า และนุ่งห่มจีวรเหมือนพระพุทธเจ้า แต่ไม่เอาพระธรรมพระวินัยเหมือนพระพุทธเจ้า การประพฤติการปฏิบัติมันไม่เหมือนพระพุทธเจ้า อย่างนี้มันไม่ใช่พระ ไม่ใช่พระธรรมพระวินัย

 

เราต้องเข้าใจ ถึงจะบวชถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองตามพระธรรมพระวินัย แต่การประพฤติการปฏิบัติยังไม่ได้เข้าสู่ มอก. ยังไม่ได้เข้าสู่มาตรฐาน อย่างนี้ก็ยังไม่ใช่พระธรรมพระวินัย ยังเป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องรู้จักพระอย่างนี้นะ

 

พระนี้อยู่กับตัวเราทุกคน ให้พวกเราเข้าใจ

 

พระนี้ท่านนับเอาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ฆราวาสที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ ฆราวาสที่ยังไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอนาคามีนะ แต่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ต้องเป็นนักบวช เพราะเป็นฆราวาสมีภาระมากมีการงานเยอะ ต้องดูแลตัวเอง ดูแลญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล ดูแลธุรกิจหน้าที่การงาน ต้องเสียภาษีอากรให้ส่วนรวม ต้องบำรุงศาสนา ศาสนาในโลกนี้ก็มีหลายศาสนา แต่ศาสนาก็คือความหมายอันเดียว ศาสนาก็คือธรรมะ ธรรมะคือศาสนา ศาสนาคือปัญญาบริสุทธิคุณ เราเอาความถูกต้องเอาธรรมนูญนำชีวิตเรียกว่าพระศาสนา ศาสนามีหลายศาสนา

 

ฆราวาสดำค์รงตน ดำรงค์ส่วนรวม ดำรงค์พระศาสนาน่ะเป็นพระได้ถึงระดับอนาคามี เราถึงมีคำว่าฆราวาสปฏิบัติธรรมหรือว่าฆราวาสธรรม ฆราวสาสต้องเอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต อยู่ในระดับพระธรรมนำชีวิต เรียกว่าตั้งอยู่ในศีล ๕ ถ้าเรายกเลิกตัวตนเมื่อไหร่บุคคลก็จะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา อยู่ในพรหมจรรย์ในระดับศีล ๕ ฆราวาสก็นับเอาตั้งแต่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ ข้าราชการนักการเมือง ประชาชนทั้งหลาย เรียกว่าฆราวาส ผู้ที่ไม้ได้บวชเรียกว่าฆราวาสนะ ฆราวาสต้องเอาธรรมนำชีวิต ถึงได้มีการพัฒนาเรื่องจิตใจเพื่อเข้าหาธรรมเข้าหาฆราวาสธรรมน่ะ

 

วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นการหยุดการหยุดงานเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเราจะได้เจริญสติสัมปชัญญะ ตัดสิ่งภายนอก อยู่กับสติสัมปชัญญะ เค้าเรียกว่าถือศีลปฏิบัติธรรม ยกเลิกตัวตน เจริญสติสัมปชัญญะ มาภาวนา เอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เอาคาร์บอนไดออกไซด์ เอาของเสียออกไป เอาความยึดมั่นถือมั่นออกไป มาอยู่กับความสงบกับปัญญา ยกเลิกเรื่องอดีตหมด อนาคตปัจจุบันก็ว่างจากตัวตน ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์

 

เดือนนึงมีอยู่ ๓๐ วัน วันหยุดของหมู่มวลมนุษย์มันมีอยู่ ๘ วัน วันหยุด ครั้งโบราณกาลเค้าหยุดวันพระน้อยวันพระใหญ่อย่างนี้แหละ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ  ๑๕ ค่ำ เดือนนึงก็หยุด ๘ วันอย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้นะทางสากลเค้าเอาวันเสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุด วันหยุดเพื่อพัฒนาใจพัฒนาจิตวิญญาณ เพื่อเราจะไม่ได้ติดในความสุขความสะดวกความสบาย เราพัฒนาวัตถุพัฒนาวิทยาศาสตร์มันมีความสะดวกสบาย เค้าต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อถือศีลอุโบสถถือศีลอดอย่างนี้นะ  ยกเลิกความสะดวกความสบายยกเลิกสิ่งภายนอกหมด ให้อยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา ให้อยู่ปัญญากับความสงบ อย่างนี้นะเราต้องเข้าใจ เราทุกคนก็พากันเป็นพระได้หมดน่ะ

 

การปฏิบัติธรรมก็ให้เข้าใจเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง ให้เข้าใจ ต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้องได้อาหารวิตามินเกลือแร่แร่ธาตุทุกทิศทุกทาง ทั้งทางรากทางใบทางกิ่งทางต้นที่มันได้จากดินจากน้ำจากลมจากไฟอะไรต่าง ๆ ที่เป็นมรรคเป็นอริยมรรค การปฏิบัติของเราในปัจจุบัน มันถึงได้มาความคิดคำพูดกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกเลิกสิ่งที่เป็นตัวเป็นตน มันจะได้มาจากทุกทิศทาง มันจะสมบูรณ์พูนผลด้วยวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจอย่างนี้

 

ความเป็นพระของเราทุกคนก็เป็นได้ สำหรับนักบวชผู้ที่บวชนี้ยกเลิกตัวตนหมด ยกเลิกสิ่งภายนอก มาถือศีลอย่างละเอียดสูงสุดเลย ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เสียสละหมดไม่เอาอะไรเลย ปล่อยวางหมดเลย มีความเป็นอยู่ด้วยการภิกขาจาร หรือว่าขอทานเค้าฉัน วันหนึ่งพวกนี้ทานอาหารวันละ ๑ ครั้ง หรือว่าฉันอาหารวันละ ๑ ครั้ง เพราะคนเราถ้ายกเลิกตัวตนมันก็มีความสุขสงบเย็น เพราะความปรุงแต่งที่เป็นนิติบุคคลตัวตนนี้มันกดดันเรา ความปรุงแต่งมันกดดันเรานะ ตัวตนมันกดดันเรา ตัวตนน่ะเห็นรูปสวย ๆ มันก็ร้องโอย ๆ ไป ได้ยินเสียงเพราะ ๆ  ก็ร้องโอย ๆ ไป สิ่งที่มาถูกต้องอะไรต่าง ๆ มันก็ร้องโอย ๆ ไป ตัวตนมันกดดันเรา เมื่อเรายกเลิกตัวตนชีวิตของผู้ที่มาบวชก็สงบเย็นเป็นพระนิพพาน มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ผู้ที่มาบวชเค้าถึงเรียกว่า “พระ” พระคือพระธรรมพระวินัยยกเลิกตัวตนเค้าเรียกว่าพระนะ

 

การทำบุญบำเพ็ญกุศลก็ต้องทำกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำกับพระอรหันต์ เพราะท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลกที่เป็นทรัพยากรที่ประเสริฐ เป็นทรัพยากรที่ดี เป็นทรัพยากรที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ยกเลิกตัวตน ปัญญาธิคุณ ยกเลิกตัวตน

 

ถ้าผู้ที่มาบวชมาอาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ ไม่ได้มุ่งมรรคผลนิพพาน ไม่ใช่นะ ถึงจะบวชถูกต้องตามกฎหมาย แต่พระเณรพวกนี้ก็ยังไม่ใช่พระศาสนา ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่ ถือว่ายังเป็นนักหลอกลวงนักต้มตุ๋นนะ เราทั้งหลายให้พากันมีสติสัมปชัญญะ เราเอาปฏิปทาของพระพุทธเจ้าของพระอรหันต์เราจะได้เข้าสู่พระศาสนา

 

เราต้องเข้าถึงภาคประพฤติภาคปฏิบัติให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ทั้งกายวาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกเลิกตัวตน ต้องเข้าสู่ความเป็นพระ เข้าสู่พระธรรมพระวินัย

 

เราถึงได้พากันเอาสรีระร่างกายของผู้วายชนม์ไปบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัด เพราะวัดสถานที่อยู่ของพระ เป็นสถานที่สงบวิเวก ที่ไหนยกเลิกสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน มันวิเวก วิเวกด้วยสัมมาทิฐิด้วยความรู้ความเข้าใจ เอาธรรมนำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต ที่ไหนมีการยกเลิกตัวตน สถานที่นั้นก็จะมีแต่ความสงบความวิเวก เป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ความว่างในพระพุทธศาสนาต้องเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ความว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จะมีประโยชน์อะไร มันต้องเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่

 

ถ้าผู้ที่มาบวชเอาธรรมเอาพระวินัยยกเลิกตัวตน จะเป็นวัดบ้านวัดป่าที่ไหนก็สงบหมดน่ะ เพราะความสงบมันอยู่ที่เราไม่ไปตามธาตุไม่ไปตามขันธ์ไม่ไปตามอายตนะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เรารู้เข้าใจเราก็สงบยกเลิกความวุ่นวายยกเลิกความขัดข้อง มันก็มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา การที่นำสรีระร่างกายไปยังสถานที่นั้นมันจึงเหมาะสม มันจึงสมควรในการบุญในการบำเพ็ญกุศล

 

 การบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ที่เป็นพระธรรมพระวินัย ถึงไม่มีมหรสพ ไม่มีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่มีการเล่นการพนัน มันต้องเป็นบุญเป็นกุศล ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้องทั้งหมด  ยกเลิกตัวตน ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ยกเลิกอบายมุขอบายภูมิอย่างนี้มันถึงจะเป็นบุญเป็นกุศลนะ

 

เราทุกคนน่ะก็จะไปสู่สถานที่ที่สีขาวสีบริสุทธิ์ ยกเลิกตัวตน บุคคลที่เข้าไปถึงรู้ถึงเข้าใจ แม้แต่เมาเหล้าเมาเบียร์เมาอะไรต่าง ๆ บุคคลเช่นนั้นก็ไม่สมควรที่จะไป ให้เรารู้เข้าใจนะ เราต้องอาศัยสถานที่นั้นเป็นสถานที่บำเพ็ญบุญกุศล เพราะสถานที่นั้นน่ะพระท่านบวชท่านปฏิบัติที่นั่น คำว่าพระนี้คือพระธรรมพระวินัยนะ ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน พระคือผู้ที่เสียสละ ไม่เสียละนั้นก็ไม่ใช่พระ ไม่เสียสละก็เป็นนิติบุคคลตัวตน บุคคลที่บวชมาแม้วันเดียวคืนเดียว เอาธรรมนำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต ยังก็ดีกว่าผู้ที่บวชมาตั้งร้อยปี ไม่เอาพระธรรมพระวินัย

 

พวกเราต้องเข้าใจนะ เราได้นำกุลบุตรลูกหลานไปบวช ต้องเข้าใจว่าต้องพากันปฏิบัติพระธรรมพระวินัยให้เคร่งครัด เพื่อต่อยอดสืบทอดพระศาสนา เพื่อให้ติดต่อต่อเนื่องกัน ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะเสียหายนะ มันจะทำลายความมั่นของชาติของศาสน์ของกษัตริย์นะ

 

อย่าเป็นตัวตนเลย เพราะตัวตนนั้นมันไม่ใช่ความเป็นธรรมความยุติธรรมนะ

 

คนเราจะมีประโยชน์อะไร ถึงจะมีชีวิตอยู่เป็นร้อย ๆ ปี หลายร้อยปีมันจะมีประโยชน์อะไร มันเป็นความเสียหายนะ เสียหายทั้งตนทั้งส่วนรวม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่มีประโยชน์ ความเข้าใจอย่างนี้ เราถึงได้เอาสรีระของผู้วายชนม์ไปบำเพ็ญบุญกุศลที่นั่น

 

การบำเพ็ญบุญกุศลก็ให้พวกเราเข้าใจ ถ้าเราถวายทานเพื่อบำรุงพระศาสนา มันก็สมควรเพื่อส่วนรวมเพื่อมหาชน ถวายให้เป็นของวัดของสงฆ์ให้เป็นของส่วนรวม ใช้ในพระศาสนาทางส่วนรวมน่ะ มีค่าน้ำค่าไฟ มีวัตถุก่อสร้างซ่อมแซม พระภิกษุสามเณรชีผู้ปฏิบัติธรรมอาพาธ

 

ตามหลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้ผู้ที่มาบวชเก็บอะไรไว้เป็นของส่วนตัวน่ะ ถ้าเราเอาตามพระธรรมพระวินัยเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทุกคนโอเคทุกคนเห็นด้วย ความดีที่ประกอบด้วยปัญญามันจะเป็นธนาคารเป็นในตัว ไม่ต้องเก็บเงินเก็บสตางค์ไม่ต้องเก็บสังฆทาน ให้มีพระธรรมพระวินัยมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติปฏิบัติ เพราะหมู่มวลมนุษย์เทพเทวาเค้าโอเค เค้าเห็นด้วย ไม่ต้องกลัวอดตาย

 

 ไม่ต้องให้มีอะไรเป็นส่วนตัว มีของเป็นส่วนตัว มีอะไรเป็นส่วนตัวที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้หลักการไว้มีจีวรกับบาตรสองอย่างเท่านั้นเอง เป็นบริขารส่วนตัวประจำตัว พุทธบริษัททั้งหลายต้องรู้นะ พระธรรมพระวินัยถึงเป็นธรรมนูญ เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้นะ

 

เราอย่าไปถวายอะไรเป็นส่วนตัวเป็นของส่วนตัว เราอย่าไปคิดว่า ถ้าไม่ทำถ้าไม่ให้เป็นของส่วนตัวถวายส่วนตัว พระผู้ที่มาบวชนั้นจะอยู่ได้อย่างไร

 

ให้เราพากันเข้าใจนะ พระคือพระธรรมพระวินัยพระไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ยกเลิกตัวยกเลิกตนเมื่อไหร่มันถึงจะพากันเป็นพระ เป็นพระธรรมพระวินัย ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้ ถ้าไม่ยกเลิกมันก็เป็นพระธรรมพระวินัยไม่ได้ มันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน

 

ถ้าเราให้ของส่วนตัวให้เงินส่วนตัวกับพระองค์ใดองค์หนึ่งมันก็เท่ากับให้ค่าคอนเสิร์ตเค้านี้แหละ เค้าจัดคอนเสิร์ตเค้าเชิญนักร้องไปร้องไปรำไปยกแข้งยกขา เมื่อเสร็จงานแล้วก็ให้ค่ายกแข้งยกขาร้องรำคอนเสิร์ตนี้นะ ถ้าเราไปให้พระถวายเป็นส่วนตัวอย่างนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับคอนเสิร์ตเราต้องรู้เข้าใจ เพราะเราทุกคนจะได้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เพื่อคงไว้ซึ่งความถูกต้องคงไว้ซึ่งพระศาสนา อย่าเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตหรือว่าเอาโลก หรือว่าโลกธรรม นำชีวิตอย่างนี้ เราต้องเข้าใจอย่างนี้

 

เราอย่าไปคิดอย่างปัญญามองไม่ไกลอย่างนี้แหละ เราต้องคิดให้ไกล คิดถึงภาพรวมส่วนรวมน่ะ เราอย่าไปคิดว่าถ้าทำอย่านั้นพระจะอยู่ได้อย่างไร ผู้ที่มาบวชจะอยู่ได้อย่างไร เราต้องเข้าใจว่า ถ้าเราเป็นพระธรรมพระวินัยแล้วทุกคนก็มีความเลื่อมใสทุกคนก็แย่งกันจะถวายทาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่า เราต้องทำความดีมันก็เป็นเหมือนกับธนาคารแห่งความดีของประชาชนของมหาชน ใครเค้าก็อยากถวายใครก็อยากให้ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าอย่าไปเก็บเงินเก็บสตางค์ อย่าไปเก็บสังฆทาน ฉันครั้งเดียวแล้วก็เสียสละหมด อย่าไปเก็บอะไรไว้ เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คนเค้าก็จะมาถวายอย่าไปเก็บอะไรไว้ เพราะพระนี้คือเนื้อนาบุญของโลก เพียงได้ยินชื่อก็เป็นบุญกุศล ได้กราบได้ไหว้ได้ให้ก็เป็นบุญกุศล เราต้องเข้าใจ

 

เราไม่ต้องกลัวพระอดพระอยากพระตายหรอก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันทำลายความมั่นคงนะ ทำลายพระศาสนา ทำลายความถูกต้อง ทำลายพระธรรมพระวินัย เราต้องรู้เข้าใจเราจะไม่ได้ทำลายพระศาสนา ให้เข้าใจนะ ถ้าไม่มีพระก็อย่าให้มีโจรเลยให้มันเจ๊ากันไป ให้เข้าใจอย่างนี้ เราจะได้ก้าวไปด้วยความดีด้วยปัญญา ด้วยปัญญาด้วยความดีอย่างนี้ เราต้องเข้าใจพระศาสนาพระดำรงค์พระศาสนา อย่าไปบำรุงนิติบุคคลตัวตน อย่าไปบำรุงโจรให้มันมีที่ซ่องสุมโจร เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าโจร ให้เข้าใจ ตัวตนนี้เค้าเรียกว่ามันเป็นโจรนะ ตัวตนคือเจ้าเสือร้ายนะ ความคิดอย่างนี้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็เห็นอกเห็นใจกัน เราเป็นโจรแล้วก็ยังไปส่งเสริมมหาโจรอีก ไม่ได้นะ เราจะเข้าใจผิด เราจะใจอ่อนไม่ได้ เค้าเรียกว่ารักลูกให้เป็น อย่างนี้ รักหลานให้เป็น เราต้องมีสติมีปัญญา เราอย่าไปโอ๋ให้เสียพระศาสนา หรือว่าเสียพระนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเสียพระธรรมเสียพระวินัยเราต้องเข้าใจนะ

 

เราต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ เราต้องมีหลักการ เช่นว่า เรานิมนต์พระไปทำบุญที่บ้าน เราต้องเข้าใจว่า เราไปทำบุญที่บ้าน เราก็จัดอาหารให้อาหารอย่างนี้แหละ ถ้าเราเอารถเราไปรับก็เป็นหน้าที่ของเราอย่างนี้ สมัยใหม่อันนี้ใหม่ทางวัดเค้ามีรถเอารถมา เราเข้าใจเราก็เพียงแต่ค่าน้ำมันให้รถให้มันเจ๊ากันไป อย่าให้เดือดร้อนทางวัด เดี๋ยวเราจะไปเบียดเบียนวัด เค้าเรียกว่าวัดมันเงินส่วนรวม มันเงินสงฆ์ สงฆ์กับรัฐบาลก็อันเดียวกัน การกินของสงฆ์หรือกินของหลวงก็บาปพอ ๆ กันเพราะมันเป็นส่วนรวมมันเป็นมหาชน เราต้องเข้าใจ

 

เราจะไปให้ส่วนตัวท่านเจ้าคุณนี้ตำแหน่งใหญ่ให้เยอะ พระครูนี้ตำแหน่งน้อยลดลง ลูกวัดนี้ก็น้อยลงอีก อย่าไปเอาอย่างนั้น อย่างนั้นเรียกว่าค่าตัว เค้าเรียกว่าค่าคอนเสิร์ตไม่ดีไม่ถูกต้องนะ เราต้องเข้าใจ เพราะเราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐเป็นผู้มีปัญญา เป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา ต้องรู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมนี้ หลวงปู่ชาแห่งวัดหนองป่าพง ทำถูกต้องดีมาก ของทุกอย่างที่เค้าถวายมา ท่านจะให้รวมกันเป็นคลังใหญ่คลังหลวงเลย พวกแฟ้บ พวกสบู่ธูปเทียนยารักษาโรคให้รวมกัน แล้วก็ตั้งผู้ดูแลรักษาคงคลังเรียกว่าคลังใหญ่คลังหลวงอย่างนี้แหละ ใครจะไปเอาก็ต้องขอ ทุกอย่างน่ะอย่าถือพรรคถือพวกอย่าเอาของดี ๆ ให้พรรคให้พวกอย่างนี้ ทุกคนจะเป็นผู้แจกสิ่งเหล่านี้ก็ต้องมีจิตใจเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ยกเลิกไม่อคติทั้ง ๔ ไม่มีความลำเอียง ของทุกอย่างปัจจัยที่ไปรับกิจนิมนต์อย่างนี้ก็ให้ไปของวัดของสงฆ์เพื่อให้ดูแลส่วนรวม ไม่ให้พระเป็นเจ้าของเงินเจ้าของสตางค์อย่างนี้แหละ ระบบอย่างนี้ดีมันเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ดีมาก พระที่วัดก็จะไม่แย่งขยะกัน ไม่แย่งอวิชชาไม่แย่งความหลง  ไม่ได้สนใจเรื่องของ ไม่ได้สนใจเรื่องเงินเรื่องสตางค์ อย่างนี้ดีมาก ระบบอย่างนี้ดีมาก

 

ตัวตนมันเสียหายมากนะ สังเกตดูน่ะ พวกเถ้าแก่ทั้งหลายน่ะเอาลูกมาบวชก็แอบเอาเงินไปฝากไว้กับคนดูแลวัด ไปกระซิบบอกว่าดูแลลูกผมหน่อยลูกชั้นหน่อย อันนี้มันเสียหาย มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

พระพุทธเจ้าท่านบอกให้พระเราทุกคนเสียสละมันถึงเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย อย่างนี้แหละ หลวงปู่ชาท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาให้เสียสละ อย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง  เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันมีทิฐิมานะ เราก็ไม่ได้เป็นพระธรรมไม่ได้เป็นพระวินัย เราก็มีแต่ทิฐิมีแต่มานะ อัตตาตัวตน เรามาบวชก็บวชแต่กายใจไม่ได้บวช หัวใจของเราก็เป็น นิติบุคคลตัวตน หัวใจมันก็ยังเป็นฆราวาสอยู่ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันฆราวาสมันอาละวาดมันระราน

 

เจ้าอาวาสต้องรู้จักต้องคุมตัวเองให้อยู่ในคอนโทรลในพระธรรมพระวินัย ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสจะฟุ้งซ่านมากกว่าเค้านะ ฟุ้งซ่านมากกว่าลูกวัดอีกนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเจ้าอาวาสทั้งหลายฟุ้งซ่านมาก ไปแก้ไขตั้งแต่มัคทายก ไปแก้ไขตั้งแต่ประชาชนแก้ไขแต่ลูกวัดน่ะ เจ้าอาวาสลืมไป ลืมตัวลืมตนไม่ได้แก้ตัวเอง

 

ไม่เหมือนหลวงปู่ชา หลวงปู่ชาท่านบอกว่าท่านสอนว่า ผมนี้นะรู้ธรรมะปฏิบัติธรรมะเข้าใจธรรมะ บอกตัวเองสอนตัวเองปฏิบัติตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกท่านทั้งหลายบอกประชาชนเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะมันถึงพอไปได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้มันเสียหาย ต้องเอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติอย่างนี้

 

เราทุกคนไม่ต้องตกอกตกใจหรอกว่าพระไม่รับเงินไม่รับปัจจัยมันจะอยู่ไม่ได้  พระไม่รับเงินน่ะ จึงเรียกเป็นพระเป็นพระศาสนา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไปรับเงินรับปัจจัย ไปเก็บสะสมของไว้มันเป็นพระที่ได้ไหน มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่า ผู้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นเดียรถีย์ไม่ใช่พระ เดียรถีย์กับเดรัจฉานก็คืออันเดียวกัน มันหลงอยู่ในสังสาระในวัฏฏสงสาร มันก็อันเดียวกันกับสัตว์เดรัจฉาน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันมีชีวิตตกอยู่ในอบายมุขอบายภูมิเรียกว่าอยู่ในระดับเดียรถีย์ระดับเดรัจฉานนะ ให้พวกเราเข้าใจ ไม่ต้องกลัวอดตายหรอก ไม่ต้องกลัวเหนื่อยกลัวยากลำบาก ต้องยกเลิกตัวตนน่ะเราถึงจะมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบอย่างนี้

 

พวกเราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ ไม่เข้าใจเราจะใจอ่อน ไปตามสิ่งแวดล้อม ไปตามผัสสะ ไปตามอารมณ์ อย่าปล่อยโลกธรรมมันครอบงำเรานะ นิติบุคคลตัวตนครอบงำน่ะ ไวรัสจะเล่นงานเรานะ ตัวตนจะเล่นงาน

 

เราเห็นมั๊ยโรคโควิดมาโลกนี้งอมกันทั้งโลกเลย เรียกว่าไวรัสมันครอบงำเรานะ โลกธรรมมันครอบงำเรานะ ก็อันเดียวกันนี้แหละ ให้เข้าใจ

 

เราต้องเข้าใจง่าย ๆ อย่างนี้แหละ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเข้าใจยากเหลือเกิน เพราะตัวตนมันคือความมืดนะ เค้าเรียกว่าตามันสว่างอยู่อย่างนี้แหละแต่หัวใจมันมืดหัวใจเป็นนิติบุคคลตัวตน หัวใจมืดเค้าเรียกว่าหัวใจเดือนมืด หัวใจไม่สว่างไสว หัวใจไม่สงบไม่มีปัญญา

 

พวกเราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ การที่เอาญาติพี่น้องหรือเอาใครต่อใครมาบำเพ็ญกุศลเราต้องเข้าใจ ต้องรู้ธรรมรู้โลกธรรมอย่างนี้แหละ การจัดงานก็ให้พอดี ด้วยสมัครสามัคคีกัน อย่าเอาตัวตเนเป็นที่ตั้ง จัดงานแต่ละงานงอมไปหมด เริ่มต้นตั้งแต่เช้าจนเลิกจนค่ำเพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เป็นอย่างนี้แหละ

 

การจัดงานก็ให้ทำง่าย ๆ เหมือนงานหลวงงานพระราชทานเพลิงอย่างนี้แหละ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก็มาทอดผ้าบังสุกุลก็เดินกลับไปแล้วก็ประชุมเพลิงก็ไปอย่างนี้ เพราะเอาสมัครสมานสามัคคีปัญญาด้วยความดี ความดีด้วยปัญญา อย่าไปลีลายกแข้งยกขาเสียเวลาหลายชั่วโมงเกิน เพราะว่าวัดหนึ่ง ๆ อย่างนี้ในหมู่บ้านหนึ่งก็หลายคน คนตายมันไม่กี่วันก็ตายแล้ว พระในวัดก็งอมหมด ที่พวกนั้นพอมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะไปรับคอนเสิร์ตต่างหากล่ะอย่างนี้แหละ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่เอาธรรมเอาพระวินัย พระพวกนั้นก็เท่ากับพระคอนเสิร์ตนะ เราดูดี ๆ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เหมือนพระคอนเสิร์ต พระในกรุงในเมืองหลวง มีศาลาสวดผีตั้งหลายศาลาน่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไปสวดเหมือนคอนเสิร์ตรับตังค์แล้วก็จบไป เพราะเป็นพิธี เราต้องรู้เข้าใจ

 

เราไปบวชก็ต้องพากันบวชให้เป็นพระธรรมพระวินัย อย่าเป็นพระคอนเสิร์ต อย่าเป็นพระรับตังค์รับเงินคอนเสิร์ต ตัวตนมันก็เทียบเท่ากับคอนเสิร์ตนี้นะแต่ลีลามันอาจจะต่างกันจากประชาชน ประชาชนเค้ายกเลิกยกขามีลีลามาก แต่พวกพระทั้งหลายเดินสงบ ๆ พาดสังฆาฏิเดินเคร่ง ๆ ขรึม ๆ ไปอะไรอย่างนี้ แต่มันก็คืออันเดียวกัน เอาเงินเอาลาภยศสสรรเสริญเป็นที่ตั้ง มันก็คือคอนเสิร์ตนั้นเอง มันเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเฉย ๆ แต่ผลลัพธ์คืออันเดียวกันคือโลกธรรมคือตัวตน ให้ทุกคนพากันเข้าใจนะ ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง. ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง. ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้นมันจะเป็นอบายมุขอบายภูมิ มันเป็นความหลง ไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณ

 

เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา มีศีลมีสมาธิมีปัญญา เราไม่ใช่ว่าเราจะเป็นพระบวชมาระดับคอนเสิร์ตอย่างนี้นะ บวชมาทำไม บวชมาระดับคอนเสิร์ต เราต้องเข้าใจ เราต้องเข้าถึงพระธรรมพระวินัย เข้าถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ขลังไม่ศักดิ์ไม่สิทธิ์ เพราะเค้าสรรเสริญก็ดีใจ เค้านินทาก็เสียใจ มันก็ซ้ายจัดขวาจัด ทางภาษาหมอเค้าเรียกว่าอยู่ในระดับตัวตนอยู่ระดับโรคไบโพล่า นิติบุคคลตัวตน เค้าเรียกว่าอยู่ในระดับไบโพล่านะ

 

วันนี้พูดให้เข้าใจให้เกิดปัญญาสัมมาทิฐิ เพราะการพัฒนามนุษย์เค้าต้องพัฒนาทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันให้เป็นทางสายกลาง ทางวิทยาศาสตร์กับทางใจมันแยกกันไม่ได้ มันต้องไปพร้อมกัน ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติมันต้องไปพร้อมกันมันแยกจากกันไม่ได้มันต้องไปพร้อมกันอยู่ในเซทเดียวกัน

 

ทั้งทางฝ่ายนักบวชและทางฝ่ายฆราวาสปฏิบัติธรรม ฆราวาสธรรม เพื่อเข้าสู่ความเป็นพระ เข้าสู่พระศาสนา เพื่อความมั่นคงความถูกต้อง ต้องก้าวไปด้วยปัญญาสัมมาทิฐิของชาติ ของพระศาสนา ของพระมหากษัตริย์

 

ชาตินี้หมายถึงความเกิด เราเอาบริสุทธิคุณนำชีวิต พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เอาความถูกต้องนำชีวิต เอาสัมมาทิฐิเค้าเรียกว่าเอาความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เอาปัญญาที่ประกอบด้วยความดี

 

พระศาสนาคือความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาที่ประกอบด้วยความดีนี้เรียกว่าพระศาสนา เป็นธรรม เป็นธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยตามความรู้สึก รู้จักดีรู้จักชั่วรู้จักผิดรู้จักถูก เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ นี้คือพระศาสนา นี้คือธรรมนูญ คือรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ปัญญาสัมมาทิฐิเป็นสิ่งที่มีอุปการคุณ เราทั้งหลายจะได้โฟกัสเข้าสู่ความถูกต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เข้าสู่มรรคเข้าสู่อริยมรรค เพื่อเป็นมรรคเป็นผลเป็นพระนิพพาน เพื่อยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อความเป็นธรรมความยุติธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

 

กษัตริย์ก็หมายถึงธรรมที่เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ปัญญาที่ทำงานเพื่องานเรียนหนังสือก็เพื่อรู้เข้าใจ มีความสุขในการทำงานเสียสละ มาเป็นผู้ให้ เค้าเรียกว่าชีวิตของเราก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้เข้าใจเค้าเรียกว่าปัญญาบริสุทธิคุณ สิ่งที่สูงสุดเค้าเรียกว่ากษัตริย์ ผู้นำตนเองนำผู้อื่นด้วยธรรมนูญถึงได้ทรงทศพิธราชธรรมอย่างนี้นะ

 

เราต้องรู้ต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่รู้เข้าใจในการประพฤติปฏิบัตินั้นไม่ได้มันไม่ใช่ปัญญาสัมมาทิฐิ ชีวิตนี้มันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลงชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร สมุทรปราการ  ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตของเราทั้งหลายมันก็ต้องพังทลาย เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตนไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปด ถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทเป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้องหัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต หัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้    มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่าเราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโนมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

บุญกุศลที่เรารู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติมันจะเป็นความดีเป็นบารมีของเรา จะได้อุทิศบุญกุศลให้กับผู้วายชนม์

 

ให้เรารู้เข้าใจในโอวาทธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเมตตาตรัสไว้ว่า

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้

 

บุญกุศลที่คณะสงฆ์พร้อมด้วยญาติธรรม ญาติพี่น้องได้บำเพ็ญกุศลได้มอบให้ส่งให้คุณพ่อทองคำ สายสุด เพื่อสู่สุคติสรวงสวรรค์มรรคผลพระนิพพาน ณ โอกาสนี้ด้วยเทอญ

 

-----------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันจันทร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 94,420