๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๙ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของทางราชการ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานของข้าราชการ ข้าราชการก็ได้แก่ตัวแทนของทุก ๆ คนในประเทศนั้น ๆ มนุษย์เรานี้มีการเรียนการศึกษาทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ มีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเรียน ผู้ที่เรียนที่ศึกษานี้วัดระดับความรู้ความเข้าใจ ตามหลักสูตร ได้เอาวุฒิการเรียนการศึกษาเป็นใบประกาศเป็นใบรับรอง มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ มีการเรียนการศึกษาเพื่อให้เกิดปัญญา เอามาใช้เอามาปฏิบัติ ความรู้ในการเรียนการศึกษา จุดมุ่งหมายคือความเข้าใจ เพื่อจะเอามาใช้เอามาประพฤติเอามาปฏิบัติ เพราะมนุษย์เราเกิดขึ้นมาต้องมีการเรียนการศึกษาปัจจุบันนี้มีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาล การเรียนการศึกษานี้เป็นเรื่องที่ไม่จบ เพราะเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ไม่ดีให้มันดี จากสิ่งที่ผิดพลาดไม่ให้ผิดพลาด สิ่งที่มันถูกต้องให้มันถูกต้องยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อมนุษย์จะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ พร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัติ มนุษย์เรานี้ ผู้มีการเรียนการศึกษา รู้เหตุรู้ปัจจัย เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัตินั้นจึงเป็นข้อวัตรกิจวัตรของหมู่มวลมนุษย์นั้นทุก ๆ คน เพื่อเข้าสู่หลักการแล้วก็อุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง การปกครองตัวเองปกครองผู้อื่นนี้ ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ธรรมนูญนี้แหละไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ธรรมนูญก็คือธรรมนูญ เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นความสงบกับปัญญา เป็นบริสุทธิคุณ หยุดตัวหยุดตน หยุดความปรุงแต่ง ความทุกข์ทั้งหลายอยู่ที่ตัวที่ตนอยู่ที่ความปรุงแต่ง ความปรุงแต่งนี้ถึงเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง ความไม่ปรุงแต่งนั้นต้องเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่เป็นตัวเป็นตน สมาบัติหรือว่าสมาธินี้ถึงต้องเป็นสัมมาสมาธิ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้ประยุกต์เป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเป็นอริยมรรคมีองค์แปด เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตในชีวิตประจำวันทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมาลงที่ใจ ใจที่มีปัญญา เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ

 

การประพฤติการปฏิบัติถึงมาเน้นที่ตัวเราและการปกครองตัวเรา พระพุทธเจ้าก็เน้นที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ผู้ได้รับฟังพระธรรมเทศนารู้เข้าใจจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เน้นที่พระอรหันต์ ให้รู้ให้เข้าใจ ไม่มีใครปฏิบัติแทนใคร แทนเขาแทนเราได้ เราทุกคนต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติเอาเอง ให้ตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนี้เป็นอุปกรณ์หรือว่าเป็นกรรมกร เป็นกรรม เป็นกรรมทางกายวาจากิริยามารยาท เป็นกรรมทางอาชีพ ใจนี้เป็นพลังงานอันหนึ่งที่ก่อภพก่อชาติท่องเที่ยวในวัฏฏสงสารเป็นพลังงาน เป็นพลังงานข้ามภพข้ามชาติ แต่มันก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ มันจะเป็นพลังงานแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เราจะหยุดพลังงานได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราต้องรู้เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เรามาปฏิบัติตามหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมเรียกว่าพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ในพระพุทธศาสนานี้มีอยู่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมที่พวกเราที่จะต้องประพฤติต้องปฏิบัติ มาถือพระธรรมถือพระวินัย ถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระพุทธเจ้าคือพระธรรมคือพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่มีทั้งคำสั่ง สั่งให้หยุด มีคำสั่ง สั่งให้ทำ เป็นพระธรรมพระวินัยต้องรู้เข้าใจว่าทำไมถึงสั่งให้หยุดสั่งให้ทำ ผู้ที่มาบวชถึงต้องมาถือนิสัยถือพระธรรมพระวินัยเพื่อเป็นข้อวัตรกิจวัตร เพื่อให้เป็นปฏิปทาติดต่อต่อเนื่อง ไม่ให้ขาด ไม่ให้ด่าง ไม่ให้พร้อย ไม่ให้เศร้าหมอง การประพฤติการปฏิบัตินี้มาจากตัวผู้รู้ตัวผู้เข้าใจ ไม่ได้ทำอะไรจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ

 

ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทต้องถือนิสัย ๔ เป็นความดีเป็นปฏิปทา เป็นความตั้งใจตั้งเจตนา ต้องถือนิสัยทั้ง ๔ ผู้ที่มาบวชต้องมารู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความหมายในการบวช เรามาบวชเราต้องรู้เข้าใจความหมายของการบวช เราจะได้บวชทั้งกายวาจากิริยามารยาท บวชทั้งใจ ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องหยุดเราต้องยกเลิกเรายกเลิกเขา เอาพระธรรมเอาพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติ จุดมุ่งหมายของผู้ที่มาบวชนี้คือพระนิพพาน พระนิพพานคือความสงบและปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณ เป็นชีวิตที่ยกเลิกจากตัวจากตนเป็นความสงบและปัญญา เป็นพระนิพพานเป็นขบวนการเป็นกระแสของเหตุของปัจจัย เพราะสิ่งนี้สิ่งต่อไปมันถึงมี เพราะอดีตมันก็มารวมที่ปัจจุบัน อนาคตจะไปข้างหน้าก็มารวมที่ปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นความรู้ความเข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าตัวตนนั้นมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไปนอกจากทุกข์นั้นไม่มีเลย เรามาบวชมาปฏิบัติ มาเอาพระพุทธพระธรรมพระอริยสงฆ์มาไว้ที่กายวาจากิริยามารยาทอาชีพและใจของเราให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นมรรค เป็นหนทางในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เรามาบวช มายกเลิกตัวยกเลิกตน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมายกเลิกชาติคือตัวตน ยกเลิกชั้นวรรณะคือตัวตนน่ะ ยกเลิกเขายกเลิกเราที่มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายคนแก่คนเฒ่าคนชรา คนเจ็บไข้ไม่สบายคนตายไป คนที่เกิดมาต้องหยุดความสำคัญมั่นหมายว่าเราดีกว่าเค้าเราเก่งกว่าเค้าเราฉลาดกว่าเค้าเรามีเพาเวอร์มากกว่า หรือเสมอเขา หรือสู้เขาไม่ได้ผู้ที่มาบวชผู้ที่มาปฏิบัติธรรมต้องไม่มีเปรียบเทียบ ไม่มีเขาไม่มีเรา ถ้าเราเปรียบเทียบมันก็คือความปรุงแต่ง ให้เรารู้เข้าใจ การมาบวชถึงมายกเลิกชาติยกเลิกชั้นวรรณะยกเลิกเขายกเลิกเราหยุดความปรุงแต่งมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ไม่ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาท ตรึกในกามก็เป็นตัวเป็นตน ตรึกในพยาบาทก็เป็นตัวเป็นตนให้เน้นบริสุทธิคุณ การปฏิบัติของเราทั้งหลายถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง เป็นความตั้งใจตั้งเจตนาไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ความทุกข์ทั้งกลายมันอยู่ที่ตัวที่ตนให้เข้าใจ มันจะมีต่อหน้าและลับหลัง เรายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยกเลิกหรือว่าหยุดสิ่งที่ถูกต้อง ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เมื่อมันยังไม่สมบูรณ์เราก็เอาความผิดพลาดมาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพราะความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากนี้มันเป็นผลของอดีต เราจะหลีกเร้นไปไม่ได้ มันเป็นขบวนการของดีต

 

เราต้องรู้เข้าใจ ปัจจุบันนี้เราต้องมีความสงบให้เพียงพอ มีปัญญาให้เพียงพอ ให้มีศีลให้เพียงพอ ให้มีสมาธิให้เพียงพอ ให้มีปัญญาให้เพียงพอ เราเน้นที่ปัจจุบันกัน ปัจจุบันเป็นวาระสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ เป็นวาระแห่งชาติของเราเลยทีเดียว ให้พวกเราเข้าใจอย่างนี้นะ ให้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เราทั้งหลายต้องตั้งใจตั้งเจตนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราประมาท ไม่ให้เราเพลิดเพลิน เราต้องเอาพระธรรมพระวินัยมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติเน้นที่ปัจจุบัน ให้ถือว่าปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติมันเป็นการชิงแชมป์ เป็นไฟต์ชิงแชมป์น่ะ ระหว่างวัฏฏสงสารกับหยุดวัฏฏสงสารเป็นไฟต์หยุดโลกก็แล้วกัน

 

เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐเป็นผู้โชคดีที่มีทรัพยากรแห่งความเป็นมนุษย์ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจพวกเราทั้งหลายก็จะประมาท เอาความเพลิดเพลินเอาความหลงเอาความประมาทนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิตมันไม่ได้มันเสียหาย มันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยประเทศไทยนี้แหละ เพราะความไม่ถูกต้องน่ะผลลัพธ์อานิสงส์ก็คือพังทลายล้มละลายเหมือนตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เรามาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ยกเลิกนิสัยของตัวเอง ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทต้องมาถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

ผู้ที่บวชใหม่ถือว่าเป็นนวกะบวชใหม่น่ะ ต้องถือนิสัยหรือว่าถือพระธรรมพระวินัยด้วยความตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อให้เป็นปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องกันอย่างน้อยห้าปี ถ้ามันยังไม่เป็นนิสัยไม่เป็นพระวินัยมันยังเป็นตัวเป็นตนก็ต้องถือไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะหมดตัวหมดตน จะเป็นแต่ความสงบเป็นแต่ปัญญา หรือเรียกว่าเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย พระธรรมพระวินัยนี้เป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อเราจะได้ผ่านธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ พระธรรมพระวินัยเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเราจะได้บรรลุสิ่งต่าง ๆ เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ เป็นผู้ถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเลิกนิสัยของตัวเอง ไม่มีตัวเองเหลืออยู่ มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา เป็นพระนิพพานหยุดความปรุงแต่ง เน้นมาที่ใจที่เจตนาที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติ เค้าถึงเรียกผู้นั้นว่าเป็นพระ เป็นพระธรรมเป็นพระวินัยเค้าเรียกว่าพระ ถึงมีศัพท์เรียกว่าพระ

 

พระนี้แหละมีความหมายอยู่ ๒ อย่างนี้ พระนี้คือพระธรรมพระวินัยเนื่องจากเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เอาตัวตนเป็นที่ตั้งถือนิสัยของตัวเองเป็นที่ตั้งมันเป็นวัฏฏสงสาร เห็นภัยในวัฏฏสงสารจึงต้องมาถือนิสัยถือพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ พระนี้ต้องมีปฏิปทาเพื่อการประพฤติการปฏิบัติจะได้ติดต่อต่อเนื่อง การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องมันจะไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยไม่เศร้าหมอง เมื่อเราหยุดตัวตนหยุดความปรุงแต่ง ความทุกข์มันก็ไม่มี ความทุกข์มีเพราะเรามีตัวมีตนมีความปรุงแต่ง ให้เรารู้ให้เราเข้าใจ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นเรื่องให้เราหยุดความปรุงแต่ง เพราะรู้คุณรู้ประโยชน์ คำว่าคนนี้หมายถึงไม่มีโทษ มีแต่คุณ ผู้ที่มาบวชนี้เค้าถึงเรียกว่าคุณ พุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณเค้าเรียกว่ามีแต่คุณ เค้าถึงมีศัพท์เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณตาคุณย่าคุณยาย  พระคุณเจ้าทั้งหลายถึงมีศัพท์นี้ ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่ใช่คุณ มันเป็นโทษน่ะ มันเป็นความผิดมันเป็นโทษนะ ผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติ ศัพท์เด่นถึงเรียกว่าเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ได้มาถือพระธรรมถือพระวินัยถือนิสัยของพุทธะ เพราะพุทธะนั้นไม่ใช่ตัวไม่ช่ตนเป็นความสงบเป็นปัญญา ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

อีกศัพท์หนึ่งเรียกว่าเป็นผู้ขอ ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทอยู่ด้วยการภิกขาจารบิณฑบาตทุก ๆ วัน ตอนเช้าน่ะจะภิกขาจารบิณฑบาตจากประชาชน สังคมไทยสังคมโลกเค้าให้สิทธิพิเศษให้สำหรับผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท เค้าจะทำบุญตักบาตรเพื่อสร้างบารมี สร้างความดี เพื่อเป็นผู้ให้ประกอบด้วยปัญญา เพราะส่งเสริมพระศาสนา การบิณฑบาตนี้มีคู่กับโลกมีคู่กับวัฏฏสงสาร พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ผู้สละโลกทั้งหลายเป็นพระพุทธเจ้าผู้สละโลกเป็นพระอรหันต์ เอาพระธรรมพระวินัยถือนิสัย เอาธรรมะที่บริสุทธิคุณเป็นประเพณีเป็นอริยประเพณีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ตอนเช้าออกภิกขาจารบิณฑบาต ประชาชนน่ะเค้าเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าบุคคลผู้สละโลก สละตัวสละตน ไม่มีตัวไม่มีตนมีแต่พระธรรมมีแต่พระวินัย คนจำพวกนี้เค้าจะออกภิกขาจารอาหารบิณฑบาตเวลาเช้า ท่านผู้นี้จะภิกขาจารบิณฑบาตบริโภคอาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียว ไม่บริโภคหลายครั้งเหมือนประชาชนเหมือนชาวบ้าน ท่านจะมีบาตรเพียงใบเดียว อะไรก็ใส่ลงในบาตรนั่นแหละ ไม่ฉันในถ้วยโถโอจาน ไม่ฉันในโต๊ะจีนโต๊ะไทยโต๊ะฝรั่งโต๊ะลาวโต๊ะเขมรโต๊ะญี่ปุ่นเกาหลีอินโดนีเซียมาเลเซียสิงคโปร์อย่างนี้เป็นต้น จะฉันแต่ในบาตร พระพุทธเจ้าน่ะเป็นโมเดลเป็นตัวอย่างแบบอย่างตั้งแต่พระพุทธเจ้าออกบรรพชาอุปสมบทจนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานพระพุทธเจ้าท่านก็ทำอย่างนี้ วันสุดท้ายก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็ยังฉันในบาตร ไม่ฉันในถ้วยโถโอจานฉันล้อมวงเหมือนนักบวชสมัยปัจจุบันนี้นะ ฉันก็ฉันเงียบ ๆ สงบเรียบร้อยไม่คุยกัน

 

เรามาบวชเราต้องทำเหมือนพระพุทธเจ้านะ ออกบิณฑบาตทุกวัน ฉันในบาตรทุกวัน อะไรก็ใส่ลงในบาตร อย่าไปไว้ในฝาบาตร เอาไว้ในฝาบาตรเดี๋ยวจิตใจมันจะด่างจะพร้อย ให้โมเดลอย่างพระพุทธเจ้าเอาอย่างพระพุทธเจ้าฉันในบาตร วัดเรานี้เอาแบบรุ่นใหม่สมัยใหม่ ให้ตั้งโต๊ะอาหารจัดไว้ในโต๊ะน่ะ เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วก็ไปเดินตักอาหาร ให้เอาให้พอดีอย่าให้เหลือ ให้มีปัญญาให้มีความสงบ เดินไปตามบวชเก่าบวชใหม่น่ะ บวชเก่าก็เดินนำหน้า บวชใหม่ก็เดินตามหลัง อย่าไปเห็นอาหารเยอะอาหารหลายอย่างแล้วก็งงไป พยายามตัดสินใจให้มันเร็ว ๆ อย่าไปช้าเกิน เราก็ดูของมากของน้อย เพราะเราต้องแชร์กัน แชร์คนอยู่ข้างหลังน่ะ เอาอาหารเยอะเพราะกว่าจะสุดแถวเดี๋ยวมันจะฉันไม่หมดนะ เพราะคนเรามีความโลภ ความโลภนี้คือเปรตนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบอุปสมให้รู้เข้าใจว่าความอยากของเรานั้นปากมันเล็กนิดเดียวแต่ท้องมันใหญ่โตเท่าภูเขาอย่างนี้ ความอยากมันใหญ่โตมโหฬารมันใหญ่โตเท่าภูเขาความอยากไม่อยากให้รู้เข้าใจเราต้องมีความสงบมีปัญญา เราต้องเอาอาหารให้พอดีอย่าให้ผิดพลาด ให้เอาหลักการเหมือนนักวิทยาศาสตร์เค้าจะไม่ทานอาหารที่ตักมาให้เหลืออย่างนี้ วิทยาศาสตร์ทางยุโรป วิทยาศาสตร์ทางเอเชีย เราทั้งหลายต้องควบคุมตัวเองคอนโทรลตัวเองให้ได้ ตักอาหารเอาแต่ความพอเพียงเพียงพอของเรา เราอย่าไปตักไว้เผื่อคนโน้นคนนี้ เพราะเราต้องเข้าสู่ความสงบสู่ปัญญา เราจะไม่มีความรู้สึกว่าจะเอาอาหารเผื่อโยมคนนั้นเผื่อลูกศิษย์คนนี้ เราต้องอยู่ในความสงบอยู่กับปัญญา เพื่อไม่ให้ตัวให้ตนไม่ให้ความปรุงแต่งของเราเกิดขึ้น เราต้องควบคุมความสงบและปัญญาให้อยู่ในธรรมให้อยู่ในปัจจุบันธรรม

 

การภิกขาจารบิณฑบาตหรือว่าการตักอาหารบริโภคอาหารนี้อยู่ในกิจที่ควรทำน่ะ กิจที่ควรทำ ๔ อย่างคือบิณฑบาตทุกวัน ถ้าวันไหนไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ไม่อาพาธต้องบิณฑบาตทุกวัน ผู้ที่บวชมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเก็บอาหารไว้ ไม่ให้เก็บของไว้ในกุฏิในที่พักในที่อยู่ที่อาศัย ไม่ให้เก็บอะไรไว้ ไม่ให้รับเงินรับสตางค์ ใช้ให้ผู้อื่นรับให้หรือตัวเองรับเองอย่างนี้ ท่านให้เราทำอย่างนั้น เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้คนประชาชนเค้าจะให้การสนับสนุน

 

 เราทั้งหลายอย่าไปมีตัวมีตน รับเงินรับสตางค์เก็บของไว้เก็บสังฆทานไว้ ต้องเสียสละ เพราะความดับทุกข์นั้นมันอยู่ที่ความสงบและปัญญา อยู่ที่เราหยุดความปรุงแต่งต่างหากล่ะ เราบวชมาเราต้องรู้เข้าใจ เราทำเหมือนพระในประเทศไทยหรือหลายประเทศนี้ไม่ได้ใช้ไม่ได้ พากันไปรับเงินรับสตางค์ พากันเป็นเก็บของใช้ของฉันเก็บสังฆทานอย่างนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่ใช่พระธรรมไม่ใช่พระวินัย ไม่ใช่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้มันตัวนี้มันตน เราบวชมาเราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้ว่าเราบวชมาทำไม ทำไมเราถึงต้องมาบวช เรามาบวชนี้เพราะเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพื่อจะหยุดวัฏฏสงสาร มามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติในข้อวัตรกิจวัตรในพระธรรมในพระวินัยให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายอย่าไปกลัวอดตาย ให้เอาหลักการของพระพุทธเจ้า เอาหลักการของพระอรหันต์ อย่าไปเอาหลักการของตัวเองตน เราอย่าไปเปรียบเทียบว่าพระในประเทศไทยหรือทุกประเทศเค้าพากันเก็บของเก็บสังฆทานนะ เค้ารับเงินรับสตางค์ เราอย่าเอาหลักการนี้มาใช้มาปฏิบัติ เพราะว่าไม่ใช่พระธรรมพระวินัย ไม่ใช่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้คือความไม่ถูกต้อง นั้นคือเอาความผิดนำชีวิตเอาตัวตนนำชีวิตให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องจับหลักจับประเด็นให้ได้ เราอย่าไปคิดที่ให้มันเกิดตัวเกิดตน เราอย่าไปพากันคิดว่า การมาบวชในพระพุทธศาสนานี้น่ะมันดีเพราะอะไรก็ฟรีหมด ที่พักที่อาศัยก็ฟรี อาหารการฉันก็ฟรี ของใช้ของสอยทุกอย่างก็ฟรี เราคิดอย่างนั้นไม่ดีไม่ถูกต้อง เรามาบวชด้วยความคิดอย่างนั้น มันไม่ใช่มันไม่ถูกต้อง เรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องไม่พากันคิดอย่างนั้น ไม่พากันดำริอย่างนั้น เราต้องมาบวชมาปฏิบัติเพื่อเห็นภัยในวัฏฏสงสารแล้วมาประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่เรามาบวชเพื่อมาใช้ของฟรี บริโภคของฟรี เราทั้งหลายต้องเห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เดี๋ยวกรรมเวรมันจะเช็คบิลเรานะ ถ้าเราคิดอย่างนั้นให้ล้มเลิกความคิด เพราะพระศาสนาคือความสงบและปัญญาเป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพเป็นบริสุทธิคุณเป็นความสงบและปัญญา

 

เราบวชมาแล้วพ่อแม่ปู่ย่าตายายข้าราชการนักการเมืองประชาชนตลอดพระมหากษัตริย์ก็เคารพคารวะกราบไหว้ให้รู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เราทุกคนต้องตั้งใจตั้งเจตนาปฏิบัติให้ได้ เราอย่าไปคิดว่าปฏิบัติไม่ได้ ถ้าใครปฏิบัติไม่ได้ก็อย่าพากันมาบวชน่ะ หรือบวชอยู่แล้วปฏิบัติไม่ได้ก็พากันสึกไปเสีย ไม่มีใครมาบวชก็ยังดีกว่ามาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

 

เราทั้งหลายต้องเข้าสู่พระธรรมเข้าสู่พระวินัย เข้าสู่ความสงบเข้าสู่ปัญญา เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราต้องรู้ต้องเข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย เราทั้งหลายน่ะเมื่อพากันมาบวชแล้ว พากันตั้งอกตั้งใจ เบื้องต้นเราเข้าสู่มาตรฐาน เข้าสู่พระธรรมเข้าสู่พระวินัยเข้าสู่ข้อวัตรกิจวัตร ใจไม่สงบก็ให้กายมันสงบ ใจไม่สงบก็ให้วาจากิริยามารยาทอาชีพของเราสงบ ให้รู้เข้าใจ ให้เราทุกคนที่มาบวชรับผิดชอบตัวเอง เรามาบวชในพรรษาเราจะมีการเช็คชื่อเช็คเวลานะ เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อเราเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรมเพื่อความสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อพระธรรมพระวินัยจะร้อยกรองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นพวงมาลา ที่งามเบื้องต้นคือศีลคือสมาธิคือปัญญา ยกเลิกอวิชชายกเลิกความหลงยกเลิกตัวตน ตัวตนคือความไม่งามในเบื้องต้นไม่งามในท่ามกลางไม่งามในที่สุด

 

เราจะมีการเช็คเวลากัน เพื่อไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เช็คเวลาออกบิณฑบาต เช็คเวลาทำกิจวัตรเช้าเย็น เช็คเวลาทำวัตรสวดมนต์ เราจะมีการเช็คเวลานะ จะมีตารางจะมีสมุดไว้เหมือนกับยมภบาล จดการทำดีทำชั่วนี้แหละ เพื่อเราทุกคนจะได้เข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก. ทุกคนจะได้ทำอะไรตามพระธรรมพระวินัยตามข้อวัตรกิจวัตร ยกเว้นพระภิกษุป่วย หรือว่าเฒ่าแก่ชราเกิน ให้เข้าใจอย่างนี้นะ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ จุดมุ่งหมายจะไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนั้นมันไม่ใช่พระธรรมพระวินัยนะ มันเป็นตัวเป็นตนให้รู้เข้าใจ ตัวตนนั้นแหละมันอยากจะทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ตัวตนน่ะมันลิดรอนความสงบมันลิดรอนปัญญานะ มันพากันทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ศาสนาดี ๆ ก็ต้องมีพระธรรมพระวินัย วัดดี ๆ ก็ต้องมีพระธรรมพระวินัยมีข้อวัตรข้อปฏิบัติ พระดี ๆ ก็ต้องมีพระธรรมมีพระวินัยมีข้อวัตรปฏิบัติต้องเข้าใจนะ

 

เราทั้งหลายอยู่ที่บ้านอยู่ที่ครอบครัวอยู่กับพ่อกับแม่เราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนะ เรามาบวชมาปฏิบัติเราต้องยกเลิกหมดนะ เรามามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่ามาบวชแต่เพียงร่างกายนะ บวชเพียงร่างกายก็ได้แก่มาปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวรหรือว่านุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ เราต้องบวชทั้งกายทั้งใจทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราทุกคนมีข้อวัตรข้อปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อจะได้เป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญาที่ติดต่อต่อเนื่อง ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะมันจะมีศีลมีสมาธิมีปัญญาได้อย่างไร เพราะตัวตนคือบุคคลที่ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญานะ คนมาบวชในประเทศไทยหรือหลาย ๆ ประเทศนี้ถือว่ายังไม่ใช่นะ ยังไม่ถูกต้องนะ ไม่ได้ว่าไม่ได้ประณาม นี้พูดตรงไปตรงมา ความจริงมันเป็นอย่างนั้น ไม่ได้ว่าให้พระ เพราะว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เราจะไปว่าให้พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรได้อย่างไร เราปรารภให้รู้เข้าใจเพื่อเราจะได้มีสิ่งที่เปรียบเทียบสิ่งที่วัด เค้าจะสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างตึกสร้างอาคารสถานที่อยู่ที่อาศัยเค้าต้องวัดความสั้นความยาวความสูงความต่ำวัดน้ำหนักวัดความเบา สมมติสัจจะ ที่มนุษย์ทั้งหลายน่ะสมมติขึ้นมาเพื่อมาเป็นสมมติบัญญัติให้เอามาใช้เอามาปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องวัด

 

ให้เรารู้เราเข้าใจ การที่พูดให้รู้เข้าใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนี้มันเป็นหลักการและเป็นอุดมการณ์อุดมธรรมให้เรารู้เราเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยเป็นความสงบและปัญญา เราอย่าได้เอาพระศาสนามาเป็นตัวเป็นตน เพราะว่าพระศาสนาไม่ช่ตัวไม่ช่ตน พระศาสนาคือความสงบคือปัญญษไม่ช่ตัวไม่ช่ตน ให้ทุกคนรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจเราจะไปคิดว่านี้ปากไม่ดี ไปว่าให้พระ ไม่ได้ว่าให้พระ เพราะว่าพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้นดีอยู่แล้ว ดีที่ประกอบด้วยปัญญา ใครจะไปว่าให้พระได้ ที่มันเสียหายทุกวันนี้ไม่ใช่พระ มันเป็นนิติบุคคลตัวตนที่เอาความหลงนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิตเอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต เอาโลกธรรมนำชีวิต เอาสตรีเอาสตางค์เอายศแต่งตั้งจากพระราชามหากษัตริย์มาหาอยู่หาหลง อันนี้ถือว่าไม่ใช่พระธรรมไม่ใช่พระวินัย ไม่ช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา นิสัย ๔ บิณฑบาตทุกวัน ฉันอาหารก็ในบาตร ฉันมื้อเดียวครั้งเดียว พวกฉันเพลพระฉันเพลทั้งหลายถือว่าไม่ถูกต้อง พวกฉันเพลฉันอาหารน่ะ มันเป็นสำหรับผู้ป่วยผู้อาพาธ พระผู้เฝ้าผู้ป่วยผู้อาพาธพากันไปฉัน ถ้าไม่ฉันก็เสียดายเพราะพระผู้ป่วยฉันไม่ได้ เลยพากันติดอกติดใจ พากันฉันอาหารเพลน่ะกันทั้งประเทศทั้งโลกเลย มันไม่มีเหตุผลน่ะ ตอนเช้าเจ็ดโมงแปดโมงฉันครั้งหนึ่งแล้วก็ฉันตอนสิบเอ็ดโมงมันไม่มีเหตุผล นี้มันเป็นตัวเป็นตนไม่มีเหตุผลนะ เหมือนนักศึกษาอุดมศึกษาที่ไปถามท่านหลวงปู่ชาว่า ทำไมพระนี้ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมฉันตอนเช้าแปดโมงเช้าแล้วสิบเอ็ดโมงไปฉันอีก อย่างนี้มันไม่มีเหตุผลเลย ทำไมไม่ฉันตอนเช้าแล้วไปฉันสี่โมงเย็นมันจะได้มีเหตุมีผล ท่านหลวงปู่ชาก็บอกว่าพระธรรมพระวินัยพระพุทธเจ้านี้ให้ฉันวันละครั้งที่เค้ามาฉันเพลนี้มันเป็นอาหารเดนของพระภิกษุป่วยเลยพากันติดอกติดใจ พากันฉันกันทั้งประเทศต่างประเทศ มันเลยกลายเป็นระเบียบประเพณีฉันอาหารเพลน่ะ เดี๋ยวนี้พระผู้ใหญ่ทำไม่ดีทำชั่ว เวลาไปประชุมกันไปฉันอาหารเพล บางทียังอีกสิบนาทีมันจะเที่ยงก็ไปฉันตอนนั้นแล้วก็ฉันต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงเกือบบ่ายโมง อย่างนี้ก็ถือว่า พระผู้ใหญ่ทั้งหลายพระปกครองทั้งหลายทำไม่ดีไม่ถูกต้องนะ มันเสียหายนะ มันต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เห็นมีบ่อย ๆ น่ะ ถ้ามันไม่ได้ฉันก็ไม่เป็นหรอก อย่างมากก็ตาย อย่าเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาความผิดนำชีวิตนะ

 

 พระผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ความสงบไม่ช่ความเคารพไม่ใช่บริสุทธิเป็นตัวตนให้รู้เข้าใจ เราเป็นพระผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบเป็นพิมพ์เป็นตัวอย่างแบบอย่าง อย่าเอาความหลงความไม่ถูกต้องเป็นตัวอย่างนี้ไม่ดีไม่ถูกต้อง ทำแล้วก็แล้วไปนะ ได้ยินได้ฟังแล้วก็อย่าไปทำอีก เดี๋ยวหน้ามึนไปเรื่อยไม่ได้นะ อย่างเช่นการสอบนักธรรมสนามหลวงทางภาคเหนืออย่างนี้ เอาขนมเอาผลไม้เอาอะไรมาเสริฟพระที่ไปคุมข้อสอบน่ะ พระพวกนี้ก็พากันฉันอาหารพากันฉันขนมฉันผลไม้กันไปเรื่อย ๆ มีเห็นอยู่ทั่ว ๆ ไป อย่างนี้จะมาบวชทำไม จะไปสอบนักธรรมตรีโทเอกเปรียญธรรม ๑ ถึง ๙ ประโยคไปทำไม มันเสียเวลาเสียงบประมาณ การสอบแบบนี้คณะสงฆ์ก็ทุจริตกันมาก ส่วนใหญ่ความรู้รอบโต๊ะทั้งนั้น ความรู้รอบโต๊ะก็หมายถึงบอกกัน นี้เรียกว่าความรู้รอบโต๊ะน่ะ บางทีก็ไม่มีความรู้ความสามารถก็ใช้การสอบแทนกันเอา การเรียนการศึกษานี้มันดีมาก แต่เราเรียนเราศึกษาไม่ใช่เรียนเพื่อให้เป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่ไปเรียนเพื่อจะมาทำการทุจริต เพราะว่าปริยัติต้องคู่ปฏิบัติมันถึงมีปฏิเสธ ความรู้ต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ไม่คู่กับการประพฤติการปฏิบัติมันไม่ใช่นะ อย่างผู้ปกครองคนอื่นมันต้องปกครองตัวเองให้ได้เสียก่อน

 

เอาอย่างท่านหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพงนี้ดีที่สุด หลวงปู่ชาน่ะเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างแบบอย่าง ท่านเอาตามพระธรรมเอาตามพระวินัยไม่ตามใจท่านไม่ตามโลกธรรม เอาแต่พระธรรมเอาแต่พระวินัยท่านบอกท่านสอนพระในวัดและประชาชน ท่านพูดว่าผมรู้เข้าใจ เอาความรู้ความเข้าใจมาประพฤติปฏิบัติร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกสอนพระบอกสอนประชาชนเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะมันถึงไปได้ พวกท่านน่ะไปเรียนไปเก่งไปฉลาด ไปบอกสอนแต่บุคคลอื่น ตัวเองน่ะไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติอย่างนี้มันไปไม่ได้นะ ผู้ที่มีการเรียนการศึกษา ผู้นำนี้เป็นสิ่งที่สำคัญนะ ผู้นำเป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้นำต้องมีความรู้ร้อยเปอร์เซ็นต์และปฏิบัติเองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะการประพฤติการปฏิบัตินั้นมันอยู่ที่รู้เข้าใจ การปฏิบัตินั้นอยู่ที่ทุกหนทุกแห่งทุกสถานที่ให้เรารู้เข้าใจ การปฏิบัติไม่เลือกกาลเวลาสถานที่ เรามีกายวาจากิริยามารยาทมีใจเราอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติที่นั่นเอาอริยมรรคมีองค์แปดมาประพฤติปฏิบัติอย่าให้เป็นตัวเป็นตน ให้เป็นการประพฤติการปฏิบัติเป็นศีลเป็นสมาเป็นปัญญา เราทั้งหลายน่ะต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระพุทธเจ้าคือพระธรรมพระวินัยคือข้อวัตรกิจวัตรให้รู้เข้าใจเราต้องถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราไม่ต้องถือความหลงถือโลกธรรมเราไม่ได้ถือสตรีสตางค์สีกาสีสกปรก เราไม่ได้ถือยศถือตำแหน่งเราต้องถือพระธรรมพระวินัยถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เราคิดดูดี ๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานห้าร้อยปีนะถึงมีการสร้างพุทธปฏิมา เพราะความรู้ความเข้าใจเป็นพระธรรมพระวินัยใครก็ไม่กล้าสร้างพระพุทธเจ้ากลัวว่าจะเป็ฯตัวเป็นตนเป็นความยึดมั่นถือมั่นให้รู้เข้าใจนะ เราทั้งหลายต้องเน้นมาที่ความคิดของเราเน้นมาที่เจตนา ไม่มีต่อหน้าและลับหลังเน้นมาที่ใจของเรานะ เราทั้งหลายมาบวชอยู่ที่วัดเรามานอนพักผ่อนให้เพียงพอ นอน ๓ ทุ่มตื่นตี ๓ สำหรับผู้ที่ไม่ได้บวชเค้าเรียกว่านอน ผู้ที่บวชแล้วเรียกว่าจำวัดต้องถือหลักการอย่างนี้ เราอยู่ที่บ้าน เราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เรามาอยู่ที่วัดมาบวชเราต้องยกเลิกทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนะ เรานอนไม่เพียงพอมันก็ต้องมีเรื่องมีปัญหา เราทั้งหลายต้องควบคุมคอนโทรลในการนอน พากันเข้มแข็ง พากันตั้งมั่น ต้องปฏิบัติ ตัวตนมันจะคิดว่ามันยากมันลำบาก เราต้องเป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะ ต้องผ่านตัวผ่านตนผ่านนิติภาวะไปด้วยความรู้ความเข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติของเรามันถึงจะได้ผล เพราะอันนี้มันเป็นหลักการอุดมการณ์เราปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน ๓ อาทิตย์ขึ้นไปมันถึงจะได้ผล เราต้องรู้เข้าใจต้องพากันนอน ๓ ทุ่มแล้วก็ตื่นตี ๓ ทำอะไรก็มีสติสัมปชัญญะมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้เน้นที่ตัวเราทั้งพระเก่าพระใหม่ผู้ปฏิบัติเก่าผู้ปฏิบัติใหม่พากันรู้เข้าใจอย่างนี้นะเรามาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ถือนิสัย ๔ แล้วก็เว้นสิ่งที่ไม่ควรทำ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าบุคคลหัวใจมีครอบครัวหัวใจมีผัวมีเมียมาบวชแต่กายแต่ใจไม่ได้บวชเค้าเรียกว่าหัวใจมีผัวมีเมียหัวใจเสพความหลงหรือว่าหัวใจเสพเมถุนให้รู้เข้าใจว่าอันนี้เป็นกิจที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง การบวชของเรามันถึงจะได้ผลนะ

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายมีโอกาสมีเวลามาบรพชาอุปสมบทมมาประพฤติปฏิบัติต้องใช้โอกาสที่ประเสริฐนี้มาประพฤติปฏิบัติ ต้องพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์เป็นผู้ปฏิบัติสมควรเป็นปูชนียบุคคล การที่เราได้มาบรรพชาอุปสมบทเราจะได้เป็นความดีเป็นบารมีเป็นคุณธรรมเป็นความสงบเป็นปัญญา เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ให้ทุกคนมีปิติมความสุขในการประพฤติการปฏิบัติกัน

ให้เข้าใจอย่างนี้นะ

 

ให้ระลึกถึงโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านให้เราทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ท่านได้ตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานว่า “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

เราทั้งหลายพากันมาบวชมาปฏิบัติให้ตั้งอกตั้งใจ

 

---------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ใจเช้าวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212