๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพุธที่ ๓๐ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

มนุษย์เราเป็นภพภูมิหนึ่งของ ๓๑ ภพภูมิในการเวียนว่ายตายเกิด การเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ มนุษย์เราคือภพภูมิหนึ่ง พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์จะมาตรัสรู้ในภพภูมิในการจุติเป็นมนุษย์

 

มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิตที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพิจารณากระบวนการของการเวียนว่ายตายเกิด หยุดเวียนว่ายตายเกิดชีวิตนี้ถึงเป็นชีวิตที่ทวนกระแส ไม่ไปตามกระแส รู้อริยสัจสี่ ไม่ไปตามกระแส เอาปัญญาและความสงบไปพร้อม ๆ กัน ไม่ไปตามกระแส ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านอธิษฐานจิตว่าชีวิตนี้ต้องทวนกระแส เราจะไปตามผัสสะไปตามอารมณ์ไปตามสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ได้ ที่ท่านอธิษฐานใจ อธิษฐานถาดทองคำ ที่นางสุชาดาถวายข้าวมัทธุปายาสแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เรามาเดินตามรอยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการมารู้อริยสัจสี่ มาอธิษฐานใจ มาตั้งใจ เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นมันไม่จบ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์มันเป็นเรื่องไม่จบ เราทั้งหลายต้องพากันรู้อริยสัจสี่ สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ อยู่ที่เรารู้อริยสัจสี่ เราทั้งหลายจะได้หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ไม่ให้เราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เราทุกคนน่ะต้องมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะไม่ได้ก้าวไปแล้วถอยกลับอยู่ที่เก่า เราทั้งหลายต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เรื่องอริยสัจสี่ เราทั้งหลายจะได้ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เรายกเลิกตัวเราเพื่อเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรนำชีวิต

 

มนุษย์เราพากันทานอาหารวันละ ๓ ครั้ง สำหรับประชาชนทานอาหารวันละ ๓ ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น อาหารที่ทานต้องไม่ได้มาจากการเบียดเบียน ไม่ได้มาจากโกงกินคอร์รัปชั่น มนุษย์เราต้องยกเลิกการเบียดเบียน ยกเลิกการโกงกินคอร์รัปชั่น มนุษย์เราทานอาหารวันหนึ่งประมาณ ๒,๐๐๐ แคลลอรี แบ่งเป็นตอนเช้า ๖๐๐ กว่า ตอนกลางวัน ๖๐๐ กว่า ตอนค่ำ ๖๐๐ กว่า อาหารที่ทานเข้าไปต้องเป็นอาหารที่สะอาด ไม่มีไวรัส ไม่มีสารพิษ ล้างให้สะอาด บางอย่างมันมีไซยาไนซ์ก็ต้องให้สุกด้วยไฟ เพื่อไม่ให้มีไซยาไนซ์

 

 การนอนการพักผ่อนของมนุษย์ นอนพักผ่อนต้องให้ได้วันละ ๘ ชั่วโมง มนุษย์เราต้องทำงาน การทำงานของมนุษย์ทำงานวันละ ๘ ชั่วโมง การทำงานก็ต้องมีความสุขในการทำงาน ไม่ใช่จำใจทำงาน ถ้าเราจำใจทำงานเราจะเป็นโรคซึมเศร้า การทำงานก็ต้องมีความสุขในการทำงาน ให้เอาการทำงานกับการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะไปแยกการทำงานออกจากการปฏิบัติธรรมไม่ได้ เราจะไปแยกการปฏิบัติธรรมออกจากการทำงานไม่ได้ ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

การทำงานของมนุษย์นี้ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานกับการปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กัน มนุษย์เราต้องเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเพราะทุกอย่างนั้นคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม วันเสาร์วันอาทิตย์นี้เป็นวันหยุดทำงาน เพื่อปฏิบัติธรรมเน้นเรื่องจิตเรื่องใจอย่างเดียว ให้รักษาศีล ๘ รักษาศีลอุโบสถ เพื่อจะได้พัฒนาจิตใจปฏิบัติเนกขัมมะบารมี เราทานอาหารวันละ ๓ เวลา มันจะเป็นความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ มันจะไม่หิวไม่เหนื่อย

 

ถ้าเราหยุดทานอาหาร ๓ ครั้ง เรามาทานอาหารเพียงครั้งเดียว ร่างกายจะมีความต้องการทางอาหาร เมื่อร่างกายไม่ได้รับอาหารก็จะมีความทุกข์กาย มีความกระสับกระส่าย

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราใช้หลักการมาแก้ที่ใจ มาแก้ที่ความคิด เพราะความคิดคือความปรุงแต่ง ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจความปรุงแต่งเหล่านั้นก็จะทำงานไปเรื่อย ๆ เราต้องมารู้มาเข้าใจในเรื่องความปรุงแต่ง มาหยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ เรามาเอาหลักการเนกขัมมะบารมี ด้วยการไม่ตรึกไม่นึกไม่คิด เรามาหยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงของมนุษย์นั้นอยู่ที่ความปรุงแต่งนี้เอง เมื่อเรามีความปรุงแต่งเมื่อไหร่เมื่อนั้นก็มีความทุกข์ เพราะความทุกข์นั้นมันจับคู่กันกับความปรุงแต่ง มันเป็นเงาตามตัวติด มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม เพราะความปรุงแต่งนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เราต้องมารู้มาเข้าใจว่า ความทุกข์ทั้งหลายนั้นอยู่ที่ความปรุงแต่ง ยิ่งคิดมากก็ต้องทุกข์มาก ยิ่งปรุงแต่งมากก็ต้องทุกข์มาก การเวียนว่ายตายเกิดมันนั้นอยู่ที่ความปรุงแต่งนะ หมู่มวลมนุษย์ต้องมาหยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ เอาหลักการมาประพฤติมาปฏิบัติด้วยการมารักษาศีล ๘ มารักษาศีลอุโบสถ ปกติมนุษย์เราพากันรักษาศีล ๕ ถ้าเราไม่รักษาศีล ๕ ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เราทั้งหลายจะเป็นมนุษย์ไม่ได้ เราทั้งหลายจะเป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนนี้หมายถึงก้าวไปก้าวหนึ่งแล้วถอยกลับมาก้าวหนึ่งก็อยู่ที่เก่า ถึงมีศัพท์ว่าคน มันไปไหนไม่ได้ เพราะมันเป็นนิติบุคคล เป็นตัวเป็นตน

 

 ศีล ๘ เป็นการมนุษย์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง ปกติมนุษย์เราพัฒนาทางสายกลางพัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เราจะพัฒนามนุษย์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเพื่อให้จิตให้ใจของเราได้พัฒนาขึ้น เหมือนเราเรียนหนังสือนี้แหละ ใหม่ ๆ เราก็เรียนอนุบาล ต่อมาก็เรียนประถม มัธยม อุดมศึกษา เป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ พร้อมทั้งเป็นการประพฤติการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน เพื่อมนุษย์ของเราจะได้ก้าวไปซ้ายขวา ไม่ถอยกลับไปกลับมาเป็นได้แต่เพียงคน ศีล ๘ ศีลอุโบสถนี้เป็นการพัฒนามนุษย์

 

ศีลอุโบสถมีความหมายเพื่อพัฒนาจิตพัฒนาใจด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เพราะการประพฤติการปฏิบัตินั้นมันเป็นเรื่องของเรา มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นบุคคลอื่น

 

ถ้าเรารู้เข้าใจในเรื่องศีลว่าศีลเท่านั้นที่จะพาเราก้าวไป ทวนกระแสไป ไม่ไปตามกระแส ลงใจในศีลข้อวัตรข้อปฏิบัติ ศีลนี้จะเป็นพื้นเป็นฐาน เป็นกรรมเป็นกฎของกรรม เราคิดในใจว่า ถึงกาลถึงเวลาแล้ว เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะไปเอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิตไปทำไม เพราะความชอบความไม่ชอบนั้นคือความปรุงแต่ง ความชอบไม่ชอบนั้นมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป นอกจากความทุกข์นั้นไม่มีเลย

 

 จะไปต้องการไปทำไม เพราะสิ่งนั้นมันเป็นความปรุงแต่งของเรา มันเป็นความอยากของเรา เราต้องมาลงใจในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ เราไม่มีปัญญาเรามีความเห็นว่าความคิดเหล่านั้นมันปรุงแต่งเรา เราอยากให้มันยาวเราก็ไปคิดว่าสั้น อยากจะให้มันสั้นมันก็ยาว อันนี้มันเป็นความปรุงแต่งของเราทั้งนั้น ทุกอย่างนั้นมันไม่ได้ยาวไม่ได้สั้น ตัวของเราต่างหากเป็นผู้ปรุงแต่ง ทุกอย่างนั้นมันธรรมชาติเป็นประภัสสรของตัวของเขาเองอยู่แล้ว

 

เราเป็นทุกข์เพราะความอยากความไม่อยากแท้ ๆ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ เมื่อเรารู้เราเข้าใจ เราลงใจมันก็มีความสงบ เราก็ไม่มีความปรุงแต่ง เราก็ย่อมมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา

 

เรามาละความอยากความต้องการแล้วเราไม่ได้ทานอาหาร เมื่อใจของเราลงใจ แล้วใจของเรามันก็สงบ ความหิวมันก็จะไม่มี ความหิวนั้นมันเกิดจากความปรุงแต่ง ให้พวกเรารู้เข้าใจ เพราะความทุกข์ทั้งหลายนั้นอยู่ที่มีความปรุงแต่ง ประการแรกต้องอาศัยหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม อาศัยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ถึงมีต่อคุณมีแต่ประโยชน์ พระธรรมพระวินัยเป็นคุณเป็นประโยชน์ถึงเรียกว่าพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ มนุษย์เราทั้งหลายต้องมาเอาพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นกัลยาณมิตร ไม่เอาความโลภความโกรธความหลงไม่เอาความปรุงแต่งเป็นกัลยาณมิตร เอาศีลเอาข้อวัตรกิจวัตรปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องที่เป็นสัมมาสมาธิ เป็นพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติเป็นกัลยาณมิตร

 

สำหรับนักบวชเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสวยภัตตาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีความทุกข์อยู่ที่ความปรุงแต่ง ถ้าเรารู้เข้าใจในเรื่องความปรุงแต่งความทุกข์ก็จะไม่มี ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียวก็อยู่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ออกบรรพชาอุปสมบท ตรัสรู้ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านทรงเสวยภัตตาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว

 

พระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันอาหารเพลเหมือนพระภิกษุสามเณรทั้งหลายพากันฉันอาหารเพลนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสวยภัตตาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียว ที่มีฉันเพลกันเนื่องมาจากพระภิกษุผู้ดูแลภิกษุไข้ ปกติพระภิกษุไขภิกษุอาพาธส่วนใหญ่นั้นฉันภัตตาหารไม่ได้ พระภิกษุผู้ดูแลผู้อาพาธเลยพากันทานอาหารนั้น จึงได้มีประเพณีฉันเพลกันมา นี้มันเป็นเนื้องอกน่ะ เป็นศาสนาเนื้องอก พระพุทธเจ้าฉันในบาตร ไม่ฉันในฝาบาตร ไม่ฉันในภาชนะต่าง ๆ ในโต๊ะจีน โต๊ะไทย โต๊ะฝรั่ง โต๊ะลาว โต๊ะเขมร โต๊ะแขก โต๊ะหลาย ๆ ประเทศ

 

พระพุทธเจ้าฉันในบาตร พระพุทธเจ้าภิกขาจารบิณฑบาตตอนเช้าทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่บิณฑบาต พระพุทธเจ้าไม่รับเงินไม่รับสตางค์ ไม่เก็บสังฆทานไว้ มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา นี้คือปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

นักบวชน่ะฉันอาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ เมื่อเราลงใจให้พระธรรมพระวินัย ชีวิตของนักบวชก็จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ นักบวชนอนพักผ่อนวันละ ๕,๖ ชั่วโมง ตอนกลางวันนั่งสมาธิเดินจงกรม ทำข้อวัตรกิจวัตร เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ให้ใจอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา อยู่กับปัญญาอยู่กับความสงบ

 

ถ้านักบวชในกรุงเทพหรือปริมณฑล น่าจะนอน ๖-๗ ชั่วโมง เพราะค่าพีเอ็มในกรุงเทพฯในปริมณฑลอากาศไม่ดี เพราะออกซิเจนไม่ดี เพราะหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายไปรวมกันอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯเมืองหลวงน่ะอยู่กันเป็นสิบ ๆ ล้านคนเกือบจะถึงยี่สิบล้าน รถเรือเครื่องบินอะไรต่าง ๆ ค่าพีเอ็มทางอากาศมันไม่ดี นักบวชในกรุงเทพฯน่าจะนอน ๖,๗ ชั่วโมง นักบวชในกรุงเทพฯต้องเรียนหนังสือต้องทำงาน ต้องปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เกิดความสงบเกิดปัญญา ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ เดี๋ยวจะพากันเป็นสมี พากันมีลูกมีเมีย พากันหลงยศหลงตำแหน่ง จะไม่ตรงตามหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพราะในกรุงเทพฯปริมณฑล สิ่งแวดล้อมที่สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ พระภิกษุสามเณรที่อยู่ในกรุงอยู่ในปริมณฑลต้องรู้เข้าใจเรื่องผัสสะ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็ไปตามผัสสะไปตามสิ่งแวดล้อม

 

เราต้องรู้หลักการรู้อุดมการณ์อุดมธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวตนไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะการประพฤติการปฏิบัติชีวิตของเรานั้นมันต้องทวนกระแส ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่ไปตามผัสสะทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราต้องมีความสงบเราต้องมีปัญญา มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ถึงจะอยู่ในเมืองกรุงเมืองหลวงปริมณฑลก็ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยก็วันละ ๑ ชั่วโมงนะ ถ้าไม่ออกกำลังกายมันจะไม่แข็งแรง เหมือนพระที่ไปเข้ากรรมฐานเก็บตัวอยู่ในห้อง ถ้าเกิน ๖ เดือนไปแล้วร่างกายก็จะเสียหายเสื่อมโทรม เขาถึงมีการออกกำลังกายทำโยคะอยู่ในห้อง อยู่ภายนอกที่มีที่มุงที่บังมิดชิด ไม่ใช่ออกกำลังกายเหมือนพวกเพาะกาย ต้องให้อยู่ในสมณะสารูป

 

จะเป็นนักบวชหรือเป็นประชาชน ร่างกายของมนุษย์นี้ต้องไม่อ้วนเกินไป ไม่ผอมเกินไป การทานอาหารหรือว่าฉันอาหาร ก็ต้องอยู่ในหลักการ อยู่ในโภชนาการ โภชนาการนั้นต้องได้มาจากการไม่เบียดเบียน ไม่ได้มาจากโกงกินคอร์รัปชั่น อาหารทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งเยียวยาถือว่าเป็นยา ไม่ใช่เป็นความหลงความลุ่มหลง ที่เรามีความปรุงแต่ง เพียงเพื่อให้บริโภคได้ ทานได้เท่านั้น

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายอย่าพากันหลงไหลในเรื่องอาหาร เพราะอาหารนี้มันเป็นเพียงยาเป็นสิ่งที่เยียวยา ให้พวกเราทุกคนได้บำเพ็ญความดี เราจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ จะอร่อยหรือไม่อร่อยเราก็ต้องฝืน เราต้องมีคันเร่งให้ก้าวไปด้วยการทวนกระแส เราต้องมีเบรก คือสมถะคือความสงบ รถเค้าก็มีเบรก เครื่องบินก็มีเบรก เรือก็มีเบรก กายวาจากิริยามารยาทอาชีพก็ต้องมีเบรก เพื่อไม่เอาความหลงนำชีวิต เพื่อเราจะได้ทวนกระแส ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะไม่ได้เดินไปแล้วกลับมาอยู่ในที่เดิม

 

เราจะเอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิตนั้นไม่ได้ เราต้องเซฟตี้ตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตของเราก็ต้องมีเซฟตี้ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องเซฟตี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะเดินเราก็เซฟตี้ด้วยรองเท้า เราจะขับรถขี่รถยนต์เราต้องเซฟตี้ใช้สายเบลล์ (เข็มขัดนิรภัย) เราจะขับขี่มอเตอร์ไซด์หรือซ้อนมอเตอร์ไซด์เราต้องสวมหมวกกันน็อค ทุก ๆ อย่างเราต้องทวนกระแสทั้งนั้นเราต้องเซฟตี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ทวนกระแสเป็นสิ่งที่เซฟตี้

 

วันหนึ่งคืนหนึ่งมนุษย์เราทานอาหารวันละ ๓ เวลาสำหรับฆราวาส วัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ฆราวาสนี้ก็ถือศีล ๘ ถือศีลอุโบสถ เพื่อพัฒนาใจ ทานอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ต้องพากันทานอาหารเพลเหมือนภิกษุสามเณรสมัยปัจจุบันนี้เพราะอันนี้มันเป็นเนื้องอกมาภายหลัง ให้เข้าใจ เราอย่าไปกลัวเหนื่อยกลัวยากกลัวลำบาก ความกลัวนี้มันเป็นความไม่ถูกต้อง ความกลัวนี้เป็นตัวเป็นตน ความกลัวนี้เป็นความปรุงแต่งอยากได้อยากมีอยากเป็น ไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่ต้องกลัว เพราะเราเกิดมาแล้วเราก็มีสรีระร่างกายเราก็แก่เจ็บตายพลัดพรากมันเป็นประภัสสร เราจะไปลิดรอนสิทธิแห่งความเป็นประภัสสรไม่ได้ เราไม่อยากให้แก่เจ็บตายพลัดพราก ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้เรียกว่าควาลิดรอนมันเป็นความปรุงแต่ง มันเป็นความไม่ถูกต้อง เราทั้งหลายเราไม่ต้องกลัว

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ มันแก้ไขภายนอกไม่ได้เราก็ต้องมาแก้ไขที่ใจของเรา ก็เหมือนหยุดความปรุงแต่งด้วยสัมมาสมาธิ เมื่อเรามีสติรู้ตัวทั่วพร้อมภายในมันก็จะตัดภายนอก เหมือนขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิมันเป็นความสงบและปัญญา เมื่อเราเข้าถึงอัปปณาความสงบจากสิ่งภายนอก เราก็จะตัดไป ต้องรู้เข้าใจ เราจะได้หยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลาย เรารักษาศีล ๘ เราไม่ต้องกลัวนะ ความกลัวให้ถือว่าเป็นความไม่ถูกต้อง ความกลัวเป็นตัวเป็นตนให้เรารู้เข้าใจ เราจะไปกลัวทำไมให้เป็นทุกข์ไปเปล่า ๆ เราไม่อยากแก่ไม่อยากตายไม่อยากพลัดพรากมันก็ไม่ไปตามความคิด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ถึงตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า เราต้องรู้เข้าใจเรื่องอริยสัจสี่ต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ อยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่า อยากได้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า เราจะไปปรุงแต่งมันทำไม คนมีปัญญามากก็ต้องสงบมาก มีความสงบมากก็ต้องมีปัญญามาก ต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยความพอเพียงเพียงพอ อาหารที่มันหวานมันหอม อาหารมันน่ะ มันกลมมันกล่อมมันอร่อยทำให้เราติดอกติดใจนะ เพราะมันทานง่ายเคี้ยวง่าย ไม่เหมือนผักไม่เหมือนผลไม้มันเคี้ยวยาก แต่เราต้องรู้เข้าใจ เพราะสมัยนี้ต่างจากสมัยโบราณ สมัยโบราณเค้าทานอ้อยทานน้ำตาลอ้อยเค้าก็เคี้ยวเอาน้ำหวานของอ้อยนะ แต่สมัยนี้เค้าเคี่วด้วยโรงงานน้ำตาล ได้มาจากลำของอ้อยปริมาณมาก ๆ มาเป็นของหวาน

 

 เราไปทานหวานมาก ๆ มันก็ต้องเป็นโรคเบาหวาน เพราะอันนี้มันเป็นกรรมเนกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม ในโลกนี้จะมีใครเหนือกรรมนี้ไปไม่ได้ มันก็ต้องเป็นโรคเบาหวาน เพราะว่าทานหวานเข้าไปสรีระร่างกายมาก ๆ การทานอาหารนี้ต้องให้อยู่ในความพอดี ต้องมีเบรกต้องมีเซฟตี้ เราต้องเป็นแพทย์เป็นพยาบาลเป็นหมอในตัวของเราเองด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอย่าไปเอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิต เราต้องเอาปัญญานำชีวิต อย่าเอาความหลงเอาความประมาทนำชีวิต ทานอาหารธรรมชาติ ธรรมชาตินั้นคือความสงบคือความไม่ปรุงแต่งนะ ความสงบและปัญญา ยกเลิกตัวตนเรียกว่ามันเป็นอาหารธรรมชาติที่เป็นความสงบและเป็นปัญญา อย่าเอาหวานเกินเค็มเกินเผ็ดเกินเปรี้ยวเกิน อันนี้มันเป็นความปรุงแต่ง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เซฟตี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ การที่เราบริโภคความหลงความปรุงแต่งนั้นมันเป็นบาปทุกวาระ ๆ นะ กายวาจากิริยามารยาทใจนี้มันเป็นบาป บาปนี้ก็หมายถึงบาดแผล บาดแผลเล็ก กลาง ใหญ่ มันเป็นภพเป็นชาติที่ฝังในขันธ์ในสัญญาขันธ์ เป็เมมโมรี่เป็นชิฟฝังในขันธ์ในสัญญาขันธ์การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องกัน ๓ อาทิตย์ตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์มันจะเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้แก้ที่ต้นเหตุจะไม่ได้แก้ที่ปลายเหตุ

 

อย่าไปทานอาหารที่ปรุงแต่ง อาหารปรุงแต่งที่เค้าทำให้หวาน ๆ พวกแป้งพวกน้ำตาลพวกน้ำมัน อะไรก็จะเอาแต่มัน ๆ บางคนติดทานอาหารมัน ๆ กัน โบราณเค้ามีลำใยเค้าเอาใส่ในอาหารหนึ่งเมล็ดสองสามเมล็ดอย่างนี้ก็พอแล้ว เราต้องรู้เข้าใจ ชีวิตของเราที่จะอายุยืนมันต้องออกกำลังกายให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารต้องไม่หวานไม่มันไม่เค็มไม่เผ็ดมากเกินไป เราต้องรู้ต้องเข้าใจ มีปัญญา

 

สัมมาทิฏฐิเพราะอันนี้มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม เราคิดดูดี ๆ นะ เราจะเอาความหลงนำชีวิตเอาความสะดวกความสบายนำชีวิตเพราะเราจะเอาไปตัวรอดในทางที่ไม่รอดให้รู้เข้าใจ

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ อย่างพระมหากัสสปะอยู่อย่างยากอย่างลำบากถือธุดงควัตร อายุขัยของพระมหากัสสปะ อายุ ๑๒๐ ปี อย่างพระที่อายุมากอายุ ๑๖๐ ปีอย่างนี้ ล้วนแต่ชีวิตนี้ทวนกระแสไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย อย่างคนประเทศญี่ปุ่นนี้อายุยืน ชีวิตเค้าทวนกระแสนะ ไม่ทำอะไรตามใจทำอัธยาศัย คนญี่ปุ่นผู้ที่มีอายุยืนน่ะ ใจเค้าต้องมีความสุข เค้าต้องมีความสุขในการทำงาน ไม่เกียจไม่คร้านมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเสียสละ ปัจจุบันก็ต้องมีความสุขทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจเค้าต้องมีความสุข

 

เราอย่าไปคิดว่า การเป็นอยู่ความสะดวกความสบายอยู่ดีกินดี มีเงินใช้มีบริวารอยู่ดีกินดีด้วยการเอาเงินเอาสตางค์ เอาทางวิทยาศาสตร์นำชีวิต เอาวัตถุนำชีวิตนี้อายุจะยั่งยืนนะ สิ่งที่ถูกต้องเราต้องเอาทั้งใจทั้งทางวัตถุไปพร้อม ๆ กัน อย่างคนปากีสถาน ผู้ที่อายุยืนคนเผ่าฮันซาที่เค้าอยู่กันบนเขา บนดอย ตีนดอยน่ะ เค้ามีชีวิตสมบุกสมบัน อยู่กันแบบธรรมชาติ ไม่มีความปรุงแต่ง มีความสงบมีปัญญาควบคู่กันไป พวกนี้ส่วนใหญ่อายุขัยเค้าอย่างต่ำ เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็อย่างน้อยก็ ๑๒๐ ปี อย่างน้อยนะ

 

มนุษย์เรานี้ ที่อยู่ที่อาศัย โดยเฉพาะที่อยู่ที่นอนต้องสะอาด ไม่มีฝุ่น ไม่มีละออง อากาศต้องถ่ายเทในบ้านในห้องน้ำ ในที่พักผ่อน เพราะการนอนการพักผ่อนเป็นการสูดเอาอากาศดีไปเลี้ยงร่างกาย เป็นการปล่อยของเสียคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา บ้านเราต้องสะอาด ไม่มีฝุ่น ไม่มีเชื้อโรค ไม่มีไวรัส ห้องน้ำห้องสุขาห้องครัวภาชนะเสื้อผ้าต่าง ๆ ต้องสะอาด เราต้องรู้ต้นเหตุ

 

เราทุกคนต้องเป็นหมอเป็นแพทย์เป็นพยาบาลไปในตัว ที่เราเจ็บไข้ไม่สบายไปหาหมอหาพยาบาลที่โรงพยาบาลอันนี้เป็นปลายเหตุนะ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ อาหารการบริโภคที่อยู่ที่นอนที่อาศัย ใจของเราต้องมีปัญญาต้องสงบ ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างนี้

 

เราทั้งหลายพากันมาเน้นที่ตัวเราเอง อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็เน้นที่พระพุทธเจ้าอย่างพระอรหันต์ได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เน้นที่พระอรหันต์ เราเป็นใครที่ไหนก็เน้นที่ตัวเรา ถ้าเราไม่เน้นที่ตัวเราชีวิตก็ย่อมพังทลายเหมือนตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของประเทศไทยนี้นะ

 

เราทั้งหลายน่ะเป็นข้าราชการก็เน้นที่ตัวเรา บริสุทธิทั้งกายวาจากิริยามารยาทเน้นที่ข้าราชการ นักการเมืองก็เน้นที่นักการเมือง นักบวชก็เน้นที่นักบวช เราเป็นพ่อเป็นแม่เป็นใครก็เน้นที่เรา เรารู้เข้าใจ ถ้าเราไปเน้นที่คนอื่นมันไปไม่ได้เพราะของอย่างนี้แหละมันต้องเน้นที่ตัวเรา ไม่มีใครปฏิบัติแทนกันซึ่งกันและกันได้

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้แก้ที่ต้นเหตุที่เราแก่เจ็บตายพลัดพรากมาร้องห่มร้องไห้นี้มันเป็นปลายเหตุแล้ว เราต้องรู้เข้าใจเราจะไม่ได้ไปตามผัสสะตามอารมณ์ตามสิ่งแวดล้อม ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลาย

 

มนุษย์เราทั้งหลายต้องถ่ายท้องหรือถ่ายเทอาหารเก่าออกไปวันละ ๑ เก่าถ้าเราไม่ถ่ายเทอาหารเก่าออกไปวันละ ๑ ครั้งอาหารเก่าจะกลับไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา ที่เราเป็นโรคตับโรคไตเป้นโรคมะเร็งอะไรต่าง ๆ เพราะอาหารเก่า มนุษย์เราต้องถ่ายท้องออกไปอย่าให้ท้องผูก มนุษย์เราตายเพราะเป็นมะเร็งกันเยอะ ตายเพราะไขมันในเลือด โรคหัวใจ โรคตับโรคไตมันเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค

 

โลกใหม่สมัยใหม่นี้เราชอบบริโภคแต่น้ำตาลแป้งอะไรต่าง ๆ เราต้องเบรกตัวเอง ถึงจะบริโภคได้เราก็ต้องรู้จักว่าอันนี้มันบริโภคไม่ได้ เราจะเอาความอร่อยความแซบความลำความนัวความหรอยนำชีวิตไม่ได้ เราต้องไม่ไปตามกระแสไม่ไปตามความปรุงแต่ง

 

เราต้องรู้เข้าใจ ต้องเอาความสงบเอาปัญญานำชีวิต ความสงบกับปัญญานี้ต้องไปคู่กัน เราลองคำนวณดูที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ใหม่ ๆ ท่านแสดงเรื่องอริยสัจสี่เรื่องทุกข์เหตุเกิดทุกข์ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรมให้รู้เข้าใจ ท่านใช้เวลาแสดงธรรมในหลักธัมมจักกัปปวัตนสูตร อนัตลักขณสูตร ๒๐ ปี ๒๐ พรรษานะ

 

เราต้องรู้เข้าใจเราต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต หลัง ๒๐ พรรษาแล้วท่านถึงได้วางหลักการพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ต้องรู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัติมันไม่ใช่ไปอยู่ที่วัด ไปอยู่ที่วัดไปเฉพาะ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ วันเสาร์วันอาทิตย์การปฏิบัติธรรมเป็นอริยมรรมีองค์แปด

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เรารู้เข้าใจเรื่องอริยมรรคมีองค์แปดเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่ได้อาหารมาจากทางก้านทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑลแสงแดดอากาศออกซิเจน มันจะสมบูรณ์ มันเป็นชีวิตประจำวันที่มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ เราจะได้รู้จักกรรมเก่ากรรมใหม่ กรรมเก่าก็ได้แก่ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ กรรมใหม่ก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เราจะได้ยกเลิกกรรมเก่ากรรมใหม่ ชีวิตนี้จะได้สว่างทั้งตาเนื้อตาปัญญา ชีวิตของเราจะได้ก้าวไปเหมือนรถนำเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเปิดไซเรนวิ่งทั้งหน้าทั้งหลัง สว่างไสว ว้าว ว้าว ว้าว

 

อย่าไปเอาความสุขจากความหลง ความไม่ถูกต้อง ความผิดน่ะ มันจะเป็นความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ไปเอาตัวรอดในทางที่ไม่รอดนะ มันจะหาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่นนะ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนี้มันจะเป็นเหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำเหมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อให้รู้เข้าใจมันเป็นความคิดเห็นผิดมันไปเอาตัวรอดจากความไม่รอด

 

ถ้าไม่อย่างนั้นชีวิตนี้มันจะพังทลายเช่นเดียวกันกับตึก สตง.ของเมืองไทย

 

เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความสงบและปัญญา ชีวิตของเราต้องทวนกระแสก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจตึกสตง.เป็นประจักษ์พยาน

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

 

ให้ระลึกถึงโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเมตตาตรัสไว้ว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบัน ไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

-------------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

 

Visitors: 98,215