๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๗ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
ให้เราทุกคนพากันเข้าใจในจุดหมาย ในการประพฤติในการปฏิบัติ นักบวชก็ให้เข้าใจ ทางข้าราชการนักการเมืองก็พากันเข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติของเราต้องให้เป็นบุญเป็นกุศลเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี
คนทั้งนักบวชทั้งผู้ที่ไม่ได้บวช ข้าราชการนักการเมืองให้มีความเข้าใจว่าเรามาเป็นข้าราชการ มาเป็นนักการเมือง มาเป็นนักบวช เราจะไม่โกงกินคอร์รัปชัน
เราจะพากันมาเสียสละ พากันมาเอาธรรมนำชีวิต มาทำงานเพื่องาน จะไม่มาเอาบนโต๊ะใต้โต๊ะ พากันเอาธรรมนูญนำชีวิต เป็นมรรคเป็นหนทางดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เป็นอริยมรรค เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ไม่เป็นนิติบุคคลไม่เป็นตัวไม่เป็นตน เข้าใจในสิ่งแวดล้อม เข้าใจในผัสสะ ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม จะต้องให้จิตใจสงบจิตใจมีปัญญา จะได้มีความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ยกเลิกอัตตา ยกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกอีโก้ที่ถือตัวถือตน เราจะไม่ถือตัวถือตน เราต้องว่างเปล่าจากตัวจากตน เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างเปล่านิติบุคคลตัวตน เราทุกคนจะได้มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา เราพามากันตั้งใจตั้งเจตนา การประพฤติการปฏิบัติเน้นที่จิตที่ใจที่เจตนา ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจทุกอย่างนั้นไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่น มันคือเหตุคือปัจจัย มันขึ้นอยู่ที่เหตุขึ้นอยู่ที่ปัจจัย มันขึ้นอยู่ที่กรรมที่กฎแห่งกรรมแล้วก็เป็นผลของกรรม
อายุขัยของพวกเราทุกคนในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อม ๆ กัน เราพิจารณาด้วยปัญญาให้ดี ๆ ชีวิตนี้ย่อมอยู่ได้ร่วมร้อยปีหนึ่งศตวรรษ ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตนี้ก็ย่อมอยู่ได้มากกว่าร้อยปี
ด้วยเหตุด้วยปัจจัยนี้ เราทั้งหลายถึงพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อให้ความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน การนอนการพักผ่อนของเราให้เพียงพอ วันหนึ่งคืนหนึ่งเราทุกคนต้องนอนพักผ่อนสำหรับข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชน พากันนอน ๖ ชั่วโมงถึง ๘ ชั่วโมง สำหรับนักบวชก็พากันนอนพากันพักผ่อน ๕ ชั่วโมงถึง ๖ ชั่วโมง
ให้พากันออกกำลังกายให้เพียงพอให้พอเพียง การออกกำลังกายมนุษย์เราต้องออกกำลังกายวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๑ ชั่วโมง ออกกำลังกายทุก ๆ วัน ติดต่อต่อเนื่อง เพื่อร่างกายจะได้แข็งแรง ออกกำลังกายที่บ้าน สมัยปัจจุบันนี้ถนนหนทางเต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา การออกกำลังกายก็ออกกำลังกายที่ในบ้านของเรา สำหรับนักบวชก็ออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรม เดินจงกรมอยู่ที่กุฏิ อยู่ที่ถนนหนทางข้างกุฏิ เดินกลับไปกลับมา นักบวชนี้ถ้าจะให้ดี เดินออกกำลังกายวันละ ๒ ชั่วโมง ร่างกายก็จะแข็งแรงดี ออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรม ทำข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ นั้นยังไม่ทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ถ้าจะให้ดีต้องออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรม ถ้าจะทำโยคะให้ทำอยู่ในห้องที่คนมองไม่เห็นน่ะ มีที่มุงที่บัง
มนุษย์เราสมัยใหม่ การพัฒนาเหตุผล พัฒนาวิทยาศาสตร์ด้วยการใช้เทคโนโลยีสิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบาย ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกกำลังกาย ใช้สมองใช้สติปัญญา ถ้าเราไม่ออกกำลังกายร่างกายก็ไม่แข็งแรง เราทั้งหลายน่ะต้องพากันออกกำลังกายนะ อยู่ที่บ้านเราทุกคนทั้งคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชราต้องพากันออกกำลังกาย ไม่ออกกำลังกายนั้นไม่ได้ ต้องออกกำลังกาย การปฏิบัติคือการออกกำลังกายนะ ผู้ปฏิบัติธรรมพวกฤาษีชีไพรที่นั่งสมาธิมาก ๆ เค้าถึงพากันเล่นโยคะที่ฤาษีดัดตนน่ะ ที่เมืองจีนสำนักเส้าหลินนักบวชจีนเค้าพากันออกกำลังกายสอนเรื่องการออกกำลังกาย จุดมุ่งหมายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่เพื่อไปต่อสู้กับใครนะ นี้มันมากเกินน่ะ เอาไปต่อสู้กัน
เราต้องยกเลิกการต่อสู้ ยกเลิกเอาแพ้เอาชนะกับใคร ถ้าทุกคนเอาธรรมะ ยกเลิกทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ใครทุกคนเค้าก็รักเราทั้งนั้น เพราะเรามีตัวมีตนเราเป็นคนที่ไม่น่ารัก ท่านหลวงตามหาบัว ถึงพูดว่าตรัสว่าตัวตนน่ะมันไม่น่ารัก ตัวตนน่ะมันเน่าในเปียกแฉะ มันดีแต่ภายนอก แต่ภายในนั้นมันเน่ามันเหม็นมันเสีย มันเหม็นหลายแดนโลกธาตุเลย เหม็นทั้งสามแดนโลกธาตุ
ไม่ใช่ออกกำลังกายเพื่อจะไปชกไปต่อยไปแข่งกีฬาไม่ไปเอาแพ้เอาชนะกับใคร ให้เน้นที่ใจ เน้นที่เจตนา เน้นที่ความเสียสละ เราทุกคนถึงจะเป็นผู้ที่มีศีลมีสมาธิมีปัญญา มีความสงบมีปัญญา เราทั้งหลายต้องพากันออกกำลังกายนะ อย่าขี้เกียจขี้คร้าน ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความขี้เกียจขี้คร้านไม่ใช่ธรรมะ นั้นมันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราทั้งหลายต้องเข้าใจในธรรม เราทั้งหลายจะได้ปฏิบัติธรรม เราทั้งหลายจะได้ออกกำลังกายทุกวัน
เพื่อให้ร่างกายของเราแข็งแรง ร่างกายของมนุษย์นี้ถ้าอ้วนมากเกินไปมีโรคมีภัยมาก ความอ้วนให้พอปานกลางก็เพียงพอพอเพียง อย่าให้อ้วนลงพุงหัวล้าน ต้องอ้วนพอปานกลางก็เพียงพอ จะได้ทำงานคล่องแคล่วว่องไวกระฉับกระเฉง ไม่มีโรคไม่มีภัย เพื่อร่างกายของเราจะได้มีภูมิต้านทาน บ้านของเราน่ะต้องสะอาด ที่อยู่ที่นอนห้องน้ำห้องสุขา ต้องสะอาด เหตุการณ์ที่ผ่านมาน่ะ คนโบราณเค้าอยู่กันด้วยความสกปรก ที่อยู่ที่อาศัย สุขภาพร่างกายยังไม่ได้พัฒนา มีความสกปรก ไม่สะอาด คนรุ่นใหม่คนสมัยใหม่ต้องสะอาด เรามาเน้นเรื่องความสะอาด สะอาดทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพต้องสะอาด ต้องไม่มีตัวไม่มีตน ให้มีความสงบให้มีปัญญา ปราศจากอัตตาตัวตน ต้องเน้นความสะอาด ตั้งใจตั้งเจตนา ไม่เอาความสกปรกความเศร้าหมองไม่เอาความประมาทนำชีวิต เราต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เรามาเน้นที่ใจเน้นที่เจตนา การประพฤติการปฏิบัติธรรมต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร มาเน้นที่ความตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อให้กายวาจากิริยามารยาทอาชีพของเรามันสะอาด
เน้นความสะอาด เราทั้งหลายต้องเน้นความสะอาด เพื่อบรรยากาศดี เพื่อให้สิ่งแวดล้อมดี บรรยากาศดี อากาศดี เราก็จะได้ออกซิเจนทั้งภายนอกภายใน ได้ทั้งใจได้ทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน ประเทศที่เค้าเจริญที่เค้าพัฒนา ที่เป็นคนดีเป็นสมบัติผู้ดี บ้านเมืองเค้าสะอาด ทำอะไรตามกฎหมายบ้านเมือง ทำอะไรตามรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ของเราให้ดี ให้สมบูรณ์ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เด็กเกิดมาสองขวบสามขวบ ฝึกให้เก็บที่อยู่ที่นอน ล้างถ้วยล้างจาน เพื่อช่วยเหลือตัวเอง เด็กต้องฝึกมาตั้งแต่น้อย ๆ ไม่รอให้ใหญ่เป็นหนุ่มเป็นสาว เด็กทุกคนไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายทำอะไรเป็นหมดน่ะ
เรื่องขยะเรื่องความสะอาดนี้สำคัญ จะให้ผู้ปฏิบัติตามปฏิบัติได้ก็ต้องอาศัยรูปแบบอาศัยตัวอย่าง เพราะการพูดการสอนนี้ไม่มีค่าเท่ากับการทำให้ดูปฏิบัติให้ดู อย่างเราเกิดมาอย่างนี้ พ่อแม่ไม่ได้เป็นตัวอย่างแบบอย่างเราก็ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่มีพ่อไม่มีแม่เป็นตัวอย่างแบบอย่าง ไม่มีครูไม่มีอาจารย์เป็นตัวอย่างแบบอย่าง เราก็ทำไม่ได้ ให้รู้เข้าใจ ทำไมเค้าถึงว่าพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ พ่ออย่างไรแม่อย่างไรลูกมันก็อย่างนั้น เพราะได้รับดีเอ็นเอทั้งส่วนร่างกายทั้งส่วนวาจากิริยามารยาททั้งใจ เราต้องรู้เข้าใจเรื่องแบบเรื่องพิมพ์เรื่องตัวอย่างแบบอย่าง
เราทั้งหลายจะไปมองข้ามธรรมจะไปมองข้ามปัจจุบันธรรมไปไม่ได้ เราทั้งหลายต้องมาเน้นที่ตัวของเราเอง พ่อแม่ยากจน ลูกมันก็เอาตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่ไม่กราบพระไหว้พระ ไม่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัยลูกมันก็เอาเป็นตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่กินเหล้ากินเบียร์เล่นการพนัน เจ้าชู้ ลูกมันก็เอาตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่ทะเลาะวิวาทกัน ฟุ้งซ่านเหลือเกิน ลูกมันก็เอาตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่นี้ถึงเป็นแบบเป็นพิมพ์ให้เข้าใจ เราต้องพากันมาแก้ไขตัวเองนี้แหละ สังคายนาตัวเองนี้แหละ อย่าไปแก้ไขคนอื่นสังคายนาคนอื่น เรามาทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ถ้าเราเอาตัวเอาตนนำชีวิตไม่ได้นะ มันต้องเอาธรรมนำชีวิต อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวในตน ให้เอาธรรมเอาปัจจุบันธรรมมีความสุขในการเสียสละ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยต้องวางเพราะมันผ่านไปมันเกษียณแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ ความยึดมั่นถือมั่นในตัวในตนเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ร่างกายของมนุษย์นี้ท้องผูกมันก็ไม่ดีนะ เพราะท้องผูกนั้นอาหารเก่าที่เราไม่ได้ถ่ายเทของเสียออกไป อาหารเก่าของมนุษย์ที่ทานเข้าไปบริโภคเข้าไป ถ้าภายใน ๒๔ ชั่วโมงเราไม่ได้ถ่ายเทออก ของเก่านั่นแหละจะกลับมาหล่อเลี้ยงสรีระร่างกายทำให้เรามีโรคมีภัยเกิดภัยต่าง ๆ นานาประการ คนรุ่นใหม่สมัยใหม่ทางการแพทย์เค้าถึงพัฒนามีการดีท๊อกซ์เอาอุจจาระเก่าออกตอนเช้าน่ะ เค้ามีการสวนทวารที่ใช้น้ำผลไม้ เช่นใช้น้ำกาแฟ น้ำผลไม้ต่าง ๆ ที่เอาเข้าทางทวาร ประมาณ ๑,๒๐๐-๑,๕๐๐ ซีซี กลั้นไว้สักครู่หนึ่งถึงปล่อยออกมา
มนุษย์เรานี้ ทานอาหารปรุงแต่งเยอะ ทานอาหารที่อร่อย ประเภทแป้งน้ำตาล มัน หวาน เค็มมากเกิน มันทำให้ท้องผูก ทางแพทย์เค้าถึงมีหลักการดีท๊อกซ์ออก เพื่อสุขภาพจะได้แข็งแรงไม่เป็นโรคมะเร็ง ไม่เป็นโรคตับโรคไต โรคปอดโรคเบาหวานโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ถ้าใครช่วยเหลือตัวเองก็ช่วยเหลือตัวเองในการทำดีท๊อกซ์ถ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ให้คนอื่นช่วย อันนี้เป็นการประพฤติการปฏิบัติธรรม
ให้เราพากันเข้าใจนะ ท้องผูกนี้เปรียบเสมือนความยึดมั่นถือมั่นนะ ความยึดมั่นถือมั่นมันมีแต่โทษไม่มีคุณ ทางฝ่ายสรีระร่างกายก็มีแต่โทษ ทางจิตใจก็มีโทษอย่างเดียวกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงไม่ให้เรายึดมั่นถือมั่น ไม่ให้พวกเรามีตัวมีตน เราทั้งหลายต้องยกเลิกตัวตน เราถึงจะมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ ปัจจุบันนี้ให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติด้วยเอาพระธรรมเอาพระวินัยมาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วเกษียณไปแล้วเราก็ปล่อยวางไม่มีความยึดมั่นถือมั่น มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ชีวิตชีวาของเราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ อานาปานสติของเรา
เราทุกคนต้องเอามาใช้เอามาปฏิบัติเพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เราต้องเอาใช้ทุก ๆ อิริยาบท อานาปานสติไม่ใช่เอามาใช้เฉพาะเวลานั่งสมาธินะ อานาปานสติเราต้องเอามาใช้ทุก ๆ อิริยาบทเพื่อให้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เพราะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ นานามันมีมากมาย ถ้าเราไม่มีหลักการไม่มีอุดมการณ์อุดมธรรม เราทั้งหลาย เดี๋ยวเราจะไปตามผัสสะไปตามอารมณ์ไปตามสิ่งแวดล้อม เราต้องอาศัยหลักการคืออานาปานสตินี้แหละเพื่อเป็นหลักในการประพฤติการปฏิบัติ
เราจะไปเอาเฉพาะในการนั่งสมาธินั้นน่ะไม่เพียงพอพอเพียง เราต้องเอาทุกอิริยาบถ เวลาเราทำงานก็ต้องมีความสงบมีปัญญา เวลาเราพูดจากิริยามารยาทเราก็ต้องมีความสงบมีปัญญา เราประกอบอาชีพก็ต้องมีสติมีปัญญา ให้เราถือเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาเป็นการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งเหล่านั้นต้องเป็นคุณเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความสงบมีปัญญา เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติสิ่งเหล่านั้นต้องไม่เป็นทิฏฐิมานะไม่เป็นอัตตัวตน สิ่งเหล่านั้นต้องให้เกิดความสงบเกิดปัญญา สิ่งเหล่านั้นต้องเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ให้เรามีทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ไม่ต้องมีอีโก้ ยกหูชูงวง ต้องมีความสงบเป็นพื้นฐาน มีปัญญาเป็นพื้นฐาน ไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่อีโก้เป็นพื้นฐาน รากฐานของเราต้องตั้งอยู่ในความสงบในปัญญา ไม่เอาความประมาท ไม่เอาความผิดพลาดนำชีวิต เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เป็นสิ่งที่ทวนกระแส ไม่ไปตามกระแส ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมไม่มี
เราทั้งหลายต้องยกเลิกด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ รูปก็มีอยู่ตามปกติ เสียงก็มีอยู่ตามปกติ กลิ่นก็มีอยู่ตามปกติ รสก็มีอยู่ตามปกติ โผฏฐัพพะก็มีอยู่ตามปกติธรรมารมณ์เป็นสิ่งที่มีอยู่ เรารู้เราเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ ความรู้ความเข้าใจนั้นจะเป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ จะหยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ
ให้เรารู้เข้าใจ เรื่องพระนิพพานเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มี ว่างจากความขาดสูญน่ะ ถ้ามันว่างอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร ว่างจากสิ่งไม่มีอยู่มันจะมีประโยชน์อะไร เราต้องรู้เรื่องความว่าง ความว่างนั้นเป็นของเดิม สิ่งที่สัญจรไปมามันเป็นเรื่องอาคันตุกะที่มันสัญจรไปมา เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะมันสัญจรไปมา รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์มันสัญจรไปมา
เราทั้งหลายมาต้องรู้เข้าใจด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราจะอยู่ที่ไหนก็ให้ใจของเรามันว่างจากตัวจากตน ว่างจากนิติบุคคลว่างจากตัวจากตน เราต้องมีความว่างจากตัวตนเป็นเครื่องอยู่ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะอยู่ที่ไหนก็ทำได้ปฏิบัติได้ อยู่ในเมืองกรุงเมืองหลวงปริมณฑลเราก็ปฏิบัติได้ อยู่ต่างจังหวัดต่างอำเภอต่างหมู่บ้าน อยู่ตามป่าตามเขาทุกคนก็ทำได้ปฏิบัติได้
เราทั้งหลายให้พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตานะ เป็นหน้าที่ของเราทุกคนต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ เราอย่าไปเอาตัวเอาตนเอาความประมาทนำชีวิต ต้องเอาความฉลาดเอาปัญญานำชีวิต เอาทั้งความฉลาดเอาทั้งความดีนำชีวิต ไม่ใช่เอาความโง่ความหลงเอาไสยศาสตร์นำชีวิต เราต้องเอาวิทยาศาสตร์ พุทธศาสตร์นำชีวิต
เราทำไปอย่างนี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะวาระใจของเรามันทำได้ปฏิบัติได้ ใจของเราทุก ๆ คนน่ะคิดได้ทีละวาระ ใจของเราจะไม่ได้คิดได้ทีละหลายอย่าง เราต้องรู้เรื่องธรรมเรื่องปัจจุบันธรรม ว่าปัจจุบันนี้คือการประพฤติการปฏิบัติ เพราะมันเป็นวาระเป็นวาระไป
เมื่อเราเอาปัญญาสัมมาทิฏฐิ ปัญญากับการปฏิบัติต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการปฏิบัติของเราจะได้ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง จะไม่ได้ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามอายตนะตามสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติของเรามันก็จะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความมเข้าใจนั้นมันจะไม่เป็นตัวไม่เป็นตน ความยึดมั่นถือมั่นถึงจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ
เราทุกคนต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติธรรม พระธรรมพระวินัย กิจวัตร ข้อวัตรข้อปฏิบัติ จะเป็นสาเหตุที่เราปล่อยวางตัวตนด้วยการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่อง
ปล่อยวางอีโก้ เพื่อปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ให้ปฏิปทาของเรามันติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสายทุกอิริยาบถทุกกาลทุกเวลา ที่ไหนก็มีแต่การประพฤติการปฏิบัติ เราไม่ต้องพากันไปคิดเหมือนแต่ก่อน คิดเหมือนแต่ก่อนนั้นจะเอาไปเอาความสงบความวิเวกจากป่าเขาลำเนาไพร จะไปเอาความสงบที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ไปเอาความสงบที่ห้วยขาแข้ง อยู่ที่เขาใหญ่ภูสอยเดือนสอยดาว ที่ป่าเขาลำเนาไพร เราต้องรู้เข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเรามีการประพฤติการปฏิบัติเราอยู่ที่ไหนก็มีความสงบมีความวิเวก ด้วยอาศัยหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ด้วยอาศัยข้อวัตรกิจวัตรในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ต้องไปคิดเหมือนเมื่อก่อนน่ะ เราต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวันด้วยความรู้ความเข้าใจ
เมื่อก่อนน่ะเราคิดว่าการประพฤติการปฏิบัติต้องไปอยู่ที่วัดป่าวัดกรรมฐาน ไปอยู่ในสถานที่สงบสถานที่วิเวก อันนั้นมันเป็นเลือกกาลเลือกเวลาเลือกสถานที่ คิดอย่างนั้นไม่ทันกาลทันเวลา ไม่ทันโลกทันสมัย เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ การปฏิบัติธรรมน่ะมันเป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจ เป็นเรื่องรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ไม่ใช่เรื่องอดีตไม่ใช่เรื่องอนาคตเป็นเรื่องของปัจจุบัน เราอย่าไปคิดอย่างนั้น คิดอย่างนั้น อันนั้นมันเป็นตัวเป็นตนนะ จะทำให้เราพลาดโอกาสในการประพฤติการปฏิบัติ ที่ไหนมีธาตุทั้งสี่มีขันธ์ทั้งห้ามีอายตนะทั้งหกให้ถือว่าสถานที่นั้นเป็นการประพฤติการปฏิบัติของเรา
เราต้องรู้เข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อเข้าใจแล้วเราก็ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีปิติไม่มีความสุขไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเราก็มีความทุกข์ ความทุกข์กับโรคซึมเศร้ามันก็คืออันเดียวกันให้เรารู้เข้าใจ
เราต้องเอาผัสสะนั้นแหละ ที่เกิดขึ้นกับเราทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมาประพฤติมาปฏิบัติ เราต้องรู้การประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ ความรู้กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ปริยัติกับการปฏิบัติมันต้องเป็นความว่องไวความรวดเร็วเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ผัสสะเมื่อไหร่เกิดความสงบเกิดปัญญาทุกที่เพื่อเราทั้งหลายจะได้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ให้เกิดปัญญา ให้ดับลงด้วยความสงบและปัญญา เราอย่าไปหลงผัสสะให้เกิดเวทนาที่เป็นตัวเป็นตน ความปรุงแต่งจะไม่ได้ทำงาน เพื่อวัฏฏสงสารมันจะจบลงด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายต้องมาชำระสะสางสังคายนาตัวเอง มาพิจารณาเรื่องความขาดตกบกพร่องในเรื่องพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรของเรา เราจะได้ชำระสะสางสังคายนาตัวเองด้วยการประพฤติการปฏิบัติการปฏิบัติด้วยตัวเอง ไม่ต้องพากันไปสังคายนาคนอื่น เราทุกคนเน้นประพฤติปฏิบัติที่ตัวของเราเอง เมื่อเราว่างจากตัวตนของเราแล้วทุกอย่างก็จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ทุกอย่างนั้นก็ย่อมเป็นประภัสสรเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เป็นความว่างเปล่าจากตัวตน
ให้พวกเรารู้ให้เราเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องว่าเราเกิดมาทำไม เราเรียนเราศึกษาทำไม เราทำงานทำไม ชีวิตของเรานั้นก็ย่อมพังทลายเช่นเดียวกันกับตึกสตง.ของเมืองไทยนี้แหละ ตึกสตง.ของเมืองไทย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตึกในประเทศไทยทั้งในเมืองกรุงปริมณฑลต่างจังหวัดนับร้อย ๆ ตึกที่ใหญ่กว่าตึกสตง.เค้าไม่พังทลายมันพังทลายแฉพาะตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจจะไปแก้ไขไปจัดการคนอื่น ถึงกาลถึงเวลาแล้วทุกคนต้องสังคายนาตัวเอง เน้นที่ตัวเรา ของเรา จิตส่งออกมันเป็นการที่จะไปแก้ไขภายนอก สิ่งที่กลับมาหาความสงบกลับมาหาปัญญา เราต้องแก้ที่ต้นเหตุที่มูลเหตุ มามีปิติมีความสุขในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
เราต้องคืนความหลงคืนอธิปไตยให้กับปวงชน เขากระจายอำนาจจากเมืองกรุงสู่ต่างจังหวัด ต่างจังหวัดเข้าสู่อำเภอเข้าสู่หมู่บ้านนี้ดีแล้วถูกต้องแล้ว อย่าไปกระจายเข้าสู่พวกพ้องเพื่อตัวเพื่อตน เราต้องยกเลิกยกเลิกอธิปไตยที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เราทุกคนถึงจะมีความสงบมีปัญญา เราทุกคนถึงจะไม่มีอัตตาตัวตน เราทั้งหลายจะได้ทำงานเพื่องาน เรียนหนังสือเพื่อเรียนหนังสือ ทำอะไรทุกอย่างเพื่อความสงบเพื่อปัญญา เพื่อหยุดอัตตาหยุดตัวตน มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติถึงพร้อมด้วยความสงบด้วยปัญญา ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต
เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง
มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้
ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ
เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ
พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ
ให้ระลึกถึงโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเมตตาตรัสไว้ว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ
-------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา