๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ มูลนิธิกาญจนบารมี ได้มาบำเพ็ญบุญกุศลตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งนรีเวช เป็นเวลา ๓ วัน เจ้าหน้าที่พนักงานสลากกินแบ่งได้พากันมาประพฤติปฏิบัติธรรม วันเสาร์วันอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดข้าราชการ ประชาชนก็มาทำบุญมาปฏิบัติธรรมตามปกติ

 

มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กันให้เป็นทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป ให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ให้เข้าถึงความสงบและปัญญา เพื่อให้ความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน เหมือนกับสายพิณ ถ้าตึงเกินไปมันก็จะขาด ถ้าหย่อนเกินไปเสียงนั้นก็ไม่ไพเราะ

 

มนุษย์เราทุกคนต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ การเรียนการศึกษาของมนุษย์ถึงมีอยู่ในหมู่มวลมนุษย์ทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ มนุษย์เราทุก ๆ ประเทศต้องมีการเรียนการศึกษาทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ เป็นหลักการอันเดียวกันหมด มนุษย์เราปัจจุบันนี้มีทั้งหมดแปดพันกว่าล้านคน แบ่งเป็นประเทศน้อยใหญ่ก็มีทั้งหมด ๑๙๕ ประเทศ ๑๘ ศาสตร์มีอะไรบ้าง ๑๘ ศาสตร์ก็ได้แก่

 

  1. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ
  2. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง
  3. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ
  4. วาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า
  5. อักษรศาสตร์ วิชาหนังสือ
  6. นิรุกติศาสตร์ วิชารู้ภาษาของตนแตกฉานดี และรู้ภาษาของชนชาติที่ติดต่อกัน
  7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ
  8. โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาวต่างๆ คือรู้จักว่าดวงดาวนั้นๆ ตั้งอยู่ทางทิศนั้นๆ และประจำเมืองนั้นๆ และรู้จักสีแสงของดวงดาวต่างๆ อันบอกลางดีและลางร้ายในกาลบางครั้ง
  9. ภูมิศาสตร์ วิชารู้พื้นที่ต่างๆ หรือรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ
  10. โหราศาสตร์ วิชาโหร คือรู้พยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ และรู้ทายดวงชะตาราศีของคนได้ด้วย
  11. เวชศาสตร์ วิชาหมอยา
  12. สัตวศาสตร์ วิชารู้ลักษณะของสัตว์และเสียงสัตว์ว่าร้ายหรือดี
  13. เหตุศาสตร์ วิชารู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งผลว่าร้ายหรือดี
  14. โยคศาสตร์ ยันตรศึกษา คือรู้จักความเป็นช่างกล
  15. ศาสนศาสตร์ วิชารู้เรื่องศาสนา คือรู้จักประวัติความเป็นมาแห่งศาสนา              ทุกๆ ศาสนาที่มหาชนนิยม เพื่อปฏิบัติไม่ขัดแก่สังคมใดๆ และรู้คำสอน                ในศาสนานั้นๆ ด้วย
  16. มายาศาสตร์ วิชารู้กลอุบาย หรือรู้ตำรับพิชัยสงคราม
  17. คันธรรพศาสตร์ วิชาคนธรรพ์คือวิชาร้องรำ(ละคอน) ที่เรียกชื่อว่า                     "นาฏยศาสตร์" และวิชาดนตรีปี่พาทย์ ที่เรียกชื่อว่า "ดุริยางคศาสตร์"
  18. ฉันทศาสตร์ วิชาประพันธ์ คือแต่งหนังสือได้ ทั้งที่เป็นร้อยกรอง(บทกลอน) และร้อยแก้ว(ความเรียง)

 

มนุษย์เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรมเป็นธรรมนูญของชีวิต เพื่อเป็นทางสายกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจไปพร้อม ๆ กัน

 

มนุษย์เราคือผู้ประพฤติผู้ปฏิบัติพรหมจรรย์ พรหมจรรย์เบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด เป็นความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราไม่เอาธรรมนำชีวิต เราก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ เราทั้งหลายก็เป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนนี้หมายถึงเดินไปก้าวหนึ่งและถอยกลับมาก้าวหนึ่งมันไปไหนไม่ได้ มันย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า ศัพท์นี้ถึงเรียกว่าคน คนนั้นคนโน้นคนนี้ มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตเพื่อให้วัตถุกับจิตใจไปพร้อม ๆ กัน

 

ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นพระในพระพุทธศาสนาท่านพูดจากใจจากความบริสุทธิคุณ พูดจากพระนิพพานเพื่อให้ระหว่างจิตใจกับวัตถุเพื่อไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เพื่อไม่ให้ยิ่งหย่อนมากน้อยกว่ากัน ท่านได้ประพันธ์ไว้ว่า

 

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง  เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

มนุษย์ทุกคนต้องเอาธรรมนำชีวิต ข้าราชการนักการเมือง เกษตรกรรมอุตสาหกรรม พ่อค้าประชาชนทั้งหลาย ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่มีใครยกเว้นพิเศษ เพราะทุกอย่างมันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม

 

ให้พวกเรารู้เข้าใจว่าธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ มันเป็นเรื่องของกรรมเป็นเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม มนุษย์เราทั้งหลายถึงได้มีการเรียนการศึกษาทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์รวมลงที่ใจ ใจที่มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราจะได้เอาตัวรอดในทางที่รอด ถ้าเราไม่เข้าใจเราจะไปเอาตัวรอดในทางที่ไม่รอดนะ

 

เราเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาดเราก็ต้องเป็นคนดี เราเป็นคนดีเราก็ต้องเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาด คนเก่งกับคนดีถึงมีอยู่ในตัวของเราเอง เราต้องรู้เข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัยเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี มนุษย์นั้นเมื่อเรารู้เข้าใจมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ถึงจะเข้าถึงบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจ มนุษย์เราน่ะการประพฤติการปฏิบัติต้องออกมาจากความรู้ความเข้าใจด้วยความตั้งใจตั้งเจตนาไม่มีต่อหน้าและลับหลังเพื่อให้สมบูรณ์ทั้งเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุด ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง การที่ทำอะไรมีต่อหน้าและลับหลังคือการหมกเม็ด คือการหลอกลวง

 

 การเรียนการศึกษา ๑๘ ศาสตร์ถ้าเราเรียนเพื่อตัวเพื่อตนมันก็เป็นตัวเป็นตนมันก็เป็นการหลอกลวงที่เค้าพากันพูดกันว่า ๑๘ มงกุฏ มันเป็นความหลอกลวงมันไม่ซื่อสัตย์ ระบบความรู้ความเข้าใจ เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ตรึกในกามไม่ได้ตรึกในพยาบาท ถึงใครเค้าจะไม่รู้ไม่เห็นไม่เข้าใจ แต่ตัวเราของเราเองเป็นผู้รู้ผู้เห็นผู้เข้าใจ

 

เราต้องสมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจเพื่อความสงบและปัญญา เพื่อปัญญาและความสงบ เราจะได้แก้ที่ต้นเหตุ เราจะไม่ได้แก้ที่ปลายเหตุ ถ้าเราไปแก้ที่ปลายเหตุมันไม่ได้ ผลเสียหายมันย่อมพังทลายเหมือนตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตึกที่ไหนที่ไหนของเมืองไทยทั้งต่างจังหวัดทั้งกรุงเทพฯปริมณฑลเค้าก็ไม่พัง มันไปพังทลายตั้งแต่ตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายไปเอาความหลงนำชีวิต เอาทุจริตนำชีวิต เอาตัวเอาตนนำชีวิต ชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลายเช่นเดียวกันกับตึก สตง.ที่เป็นประจักษ์เป็นพยาน

 

หลักการของมนุษย์ ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เดือนหนึ่งคิดรวม ๆ ภาพรวมออกมาก็มี ๓๐ วัน วันหยุดของข้าราชการจากการทำงาน ๘ วัน ถ้ามีวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกก็มากกว่า ๘ วัน วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์ให้พวกหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายพากันรู้เข้าใจมันเป็นวันทำงานกับการปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กันถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ย่ำต๊อกอยู่ในความหลง เราต้องเอาความสุขความดับทุกข์กับการประพฤติการปฏิบัติของเรา

 

การทำงานกับการปฏิบัติธรรมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราต้องได้ทั้งงานได้ทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันไม่แยกงานออกจากจิตใจ ไม่แยกจิตใจออกจากงาน ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะไม่ได้เสียโอกาสเสียเวลา เพราะการประพฤติการปฏิบัตินั้นอยู่ที่เรารู้เข้าใจ เราต้องปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่เลือกาลเลือกเวลา เรามีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ นั่นแหละคือการประพฤติการปฏิบัติของเรา ปัจจุบันนี้แหละเป็นไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เรารู้เข้าใจไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราะจะได้เกิดความสงบเกิดปัญญา เพื่อเราจะได้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา มีปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดตกบกพร่องไม่ด่างไม่พร้อยไม่ทะลุไม่เศร้าหมองด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ทุก ๆ ศาสนาก็ต้องใช้หลักการเดียวกันนี้ ไม่แตกแยก เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสันติภาพเป็นพระนิพพาน ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่างจากความไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีอยู่ ความรู้ความเข้าใจนี้จะทำให้เราว่างจากนิติบุคคลตัวตน สิ่งภายนอกก็เป็นสิ่งภายนอก สิ่งภายในที่เป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ ก็เป็นสิ่งภายในให้เรารู้เข้าใจ


เราทุกคนน่ะต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติต้องเข้าถึงความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของข้าราชการเพื่อพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจโดยเฉพาะ ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็พากันไปที่วัด ถือศาสนาคริสต์ก็พากันไปที่โบสถ์ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด ผู้ที่ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็ไปที่วิหารเทวสถาน เพราะว่าพระศาสนาน่ะคืออันหนึ่งอันเดียวกัน พระศาสนานั้นไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ถ้าเรามีตัวมีตนคือบุคคลไม่มีพระศาสนา เป็นทิฏฐิมานะอัตตาตัวตนนั้นคือเป็นภพเป็นชาติ เป็นชรา มรณะ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ให้เข้าใจอย่างนี้

 

เราทั้งหลายให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้คืนอธิปไตยเราคืนออำนาจให้แก่ปวงชน ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ ความไม่รู้เข้าใจนั่นแหละมันจะระเบิดตัวของเราเอง ความไม่รู้เข้าใจนั้นมันจะปฏิวัติรัฐประหารตัวของเราเอง เราทั้งหลายถึงมารู้เข้าใจ เราจะได้คืนอธิปไตยให้กับปวงชน ให้กับความเป็นประภัสสร

 

เราทั้งหลายพากันมาเน้นที่ตัวเราปฏิบัติที่ตัวเรา ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ มาเน้นที่ตัวเรา เราคิดดูดี ๆ นะพระพุทธเจ้าท่านก็เน้นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเยซูท่านก็เน้นที่พระเยซู พระอัลเลาะห์ท่านก็เน้นที่พระอัลเลาะห์ พระพรหมก็เน้นที่พระพรหม เราเป็นใครก็เน้นมาที่ตัวเรา เพราะตัวเราคือต้นเหตุ เราไปแก้ที่ปลายเหตุนั้นไม่ได้ เรามามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีปิติไม่มีความสุขไม่มีเอกัคตตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราก็เป็นโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้ามันเป็นศัพท์ทางแพทย์ทางหมอ ถ้าศัพท์ทางพระศาสนาเค้าเรียกว่าความทุกข์ เอาตัวตนป็นที่ตั้งเค้าเรีกยว่ามีแต้ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี เปรียบเสมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟที่ไม่อิ่มด้วยเชื้อเพลิง มีความบกพร่องอยู่ตลอดกาลอวเลา มันจะหาเรื่องหาราวให้กับตัวเองหาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น

 

เราทั้งหลายต้องมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเรื่องการประพฤติการปฏิบัตินี้ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้เราได้ เราต้องรู้หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมเพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตเข้าสู่ระบบของศาล ศาลก็เหมือนสานตะกร้าสานกระบุงให้มันติดต่อต่อกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถึงเป็นกระบวนการขึ้นสู่ศาล เข้าสู่กระบวนเพราะทุกอย่างคือกรรมกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้เกิดมาเพื่อรู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรมหมายถึงรู้เรื่องทางจิตทางใจทางวัตถุ มนุษย์เราต้องพัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเรามันจะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจสว่างไสวด้วยความรู้ความเข้าใจ เหมือนรถนำขบวนเสด็จ รถนำขบวนเสด็จเค้าต้องเปิดไซเรนว้าว ว้าว ว้าวไปทั้งข้างหน้าข้างหลังด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจว่าปัจจุบันนี้เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะอดีตมันก็รวมที่ปัจจุบันแล้ว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ไปจากปัจจุบันนี้ เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความเป็นมนุษญ์เป็นเทวดาเป็นพรหมเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่ปัจจุบันนี้ไม่รอถึงชาติหน้าโน้น เหมือนพระคุณเจ้าทั้งหลายที่เทศน์ว่าให้ถึงมรรคผลนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ คำว่าเทินนี้มันไกลเหลือเกินมันแบกความหลงพาไป มันแบกตัวแบกตน แบกความยึดมั่นถือมั่น มันไม่เป็นธรรมไม่เป็นปัจจุบันธรรม ไม่เป็นมรรคเป็นผลเป็นพระนิพพาน

 

เราทุกคนต้องเข้าถึงความเป็นมุนษย์เทวดาพรหมเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน เป็นทางสายกลาง

 

การบริหารเราบริหารประเทศเค้าต้องเอาธรรมนูญนำชีวิตเพื่อความสงบเพื่อปัญญา การบริหารเราเค้าก็บริหารด้วยธรรมนูญ การบริหารประเทศชาติบ้านเมืองเค้าต้องมีระบบข้าราชการนักการเมืองและนักบวช ชาติศาสน์กษัตริย์ถึงเป็นโครงสร้างหมู่มวลมนุษย์ ชาติก็ได้แก่ปัญญาสัมมาทิฏฐิเราเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะได้เอาความสงบและปัญญาไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง ไม่เอาตัวรอดในทางที่ไม่รอด ต้องเอาตัวรอดในทางที่รอดด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาที่ประกอบด้วยความดี

 

ศาสน์หมายถึงพระศาสนา พระศาสนาน่ะเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาประกอบด้วยความดี เราต้องรู้เข้าใจเราถึงจะเป็นคนมีพระศาสนาเป็นคนดีเป็นคนมีปัญญา เป็นคนมีความสงบมีปัญญา เราต้องรู้เข้าใจ

 

พระมหากษัตริย์หมายถึงนามธรรมหมายถึงปัญญา มนุษย์เราต้องเอาความบริสุทธิคุณนำชีวิต ไม่เอาปัญญาเป็นตัวเป็นตน พระมหากษัตริย์เป็นเรื่องจิตเรื่องใจเป็นเรื่องปัญญา พระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ถึงทรงทศพิธราชธรรมก่อนทรงขึ้นครองราชย์ต้องประกาศต่อมหาชน ปฏิณญาณตนต่อมหาชนว่าข้าพเจ้าจะทรงทศพิธราชธรรมเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตยกเลิกตัวตนมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ประธานาธิบดี ข้าราชการนักการเมืองนักบวชก็ต้องใช้หลักการเดียวกันนี้เพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ

 

การที่เราเอาธรรมนำชีวิตเอาความสงบและปัญญานำชีวิตถึงมีแต่คุณถึงเรียกว่าพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ รวมกันเป็นพระรันตรัย ให้เข้ารู้เข้าใจ

 

ความเป็นพระนั้นมันเป็นอยู่กับทุก ๆ ชาติทุกศาสนาให้เรารู้เข้าใจไม่ใช่มีพระนิพพานเฉพาะศาสนาพุทธ ไม่ใช่มีพระนิพพานเฉพาะศานาคริสต์อิสลามพราหมณ์ฮินดู มันมีได้ทุกศาสนา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ถ้ารู้เข้าใจเอาธรรมนำชีวิต ทุกคนก็เป็นพระได้เป็นพระอริยเจ้าได้ทุก ๆ คน ทุก ๆ ศาสนา

 

ทุกคนอย่าได้มีอัตตามีตัวตนว่าเราดีกว่าเค้าเก่งกว่าเค้าหรือเสมอเขาหรือสู้เขาไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจในธรรมในภาวธรรม ทุกคนก็เป็นพระได้ พระนี้เค้านับเอาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์นะ พวกที่บวชทั้งหลายที่เห็นปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวรทุกศาสนาน่ะ เป็นพระแต่งตั้งเป็นสมมติสัจจะที่ได้รับสิทธิพิเศษจากหมู่มวลมนุษย์เป็นลายลักษณ์อักษรหรือลายเซ็นต์เป็นเพียงพระแต่งตั้ง เราต้องเข้าถึงพระทั้งกายวาจากิรยามารยาทเข้าถึงทั้งใจไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

 ให้รู้เข้าใจเรื่องความเป็นพระ เราไม่ต้องไปหาพระภายนอก พระภายนอกเราเพียงอุปถัมภ์อุปัฏฐากย์

 

การปกครองมนุษย์นี้ต้องได้มาจากภาษีอากรของประชาชน คนที่เกิดมาในโลกนื้อยู่ในประเทศไหนเค้าก็หักภาษีอากรเรื่องอยู่เรื่องกินเรื่องอาชีพอะไรทุกอย่างเค้าหักมาเป็นภาษีอากรหมดไม่มีอะไรเลยที่มี่หักภาษีอากร ให้รู้เข้าใจว่าเค้าปกครองประเทศอย่างไรก็ได้มาจากภาษีอากร ข้าราชการนักการเมืองนักบวชทั้งหลายให้พากันเข้าใจนะอย่าพากันโกงกินคอร์รัปชั่นเพราะนี้เป็นภาษีอากรเป็นหยาดเหงื่อแรงงานของประชากรของประเทศ หรือผู้ที่มาเที่ยวต่างประเทศต้องเสียภาษีอากร อีกส่วนหนึ่งก็ได้มาจากบริจาคทาน

 

มนุษย์เราถ้ารู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการทำงานจะไม่มีคำว่ายากจน ถ้ามีตัวมีตนเมื่อไหร่มันก็มีทุกข์ คนรวยก็ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ คนจนก็มีทุกข์เพราะมีตัวมีตนเอาตัวตนนำชีวิตมันขี้เกียจขี้คร้านไม่เสียสละไม่มีความสุขในการเสียสละมันก็ต้องยากจน เพราะตัวตนคืออบายมุขอบายภูมิ เราทั้งหลายจะไม่ได้เอาตัวตนนำชีวิตต้องเอาความสงบเอาปัญญานำชีวิตเราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติของเรา

 

มนุษย์เราต้องมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เราต้องมีความสงบเป็นพื้นฐานมีปัญญาเป็นพื้นฐานเป็นสติปัฏฐาน มีสติความสงบเป็นพื้นฐานมีปัญญาเป็นพื้นฐานรวมลงที่ใจเพราะกายวาจากิริยามารยาทอาชีพนั้นให้เรารู้เข้าใจมันเป็นเพียงอุปกรณ์ของใจ ถ้าเราตั้งใจตั้งเจตนาไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราก็จะก้าวไปด้วยความสงบด้วยปัญญา ชีวิตของเราก็จะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา หลักการในการประพฤติการปฏิบัติน่ะ เพื่อเราจะไม่ได้ไปตามผัสสะไม่ไปตามสิ่งแวดล้อมให้ใช้หลักอานาปานสตินั้นดีมาก

 

อานาปานสติคือลมหายใจเข้าหายใจออก เพราะสิ่งต่าง ๆ มันมีมากมายทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจเราต้องมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมให้เราอยู่กับลมหายใจ เราหายใจเข้าก็ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมให้ชัดเจน เราหายใจออกก็ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมให้ชัดเจน หลักการนี้เราต้องเอาไปใช้ทุกอิริยาบถไม่ใช่เฉพาะตอนนั่งสมาธิ ต้องใช้ทุกอิริยาบถจะได้เพียงพอพอเพียง เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อมไปตามผัสสะ เวลาทำงานเราก็ต้องมีความสุขในการทำงาน ความสุขหรือว่าปิติสุขเอกัคคตามันจะเป็นธรรมะที่มีความพอเพียงเพียงพอ จะเป็นธรรมะที่สดชื่นเบิกบานเมื่อมันผ่านไปแล้วมันเกษียณแล้วเราก็ปล่อยก็วาง เราจะได้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม สมองเรากับลมหายใจของเราถ้าเราเอาธรรมนำชีวิตมันจะเป็นความสงบเป็นปัญญามันจะเป็นความพอเพียงเพียงพอเป็นความพอดีให้เรารู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐถ้าเราอยุ่ในเมืองกรุงเมืองหลวงหรืออยู่ในต่างจังหวัดชนบทเราก็เอาธรรมนำชีวิตเหมือน ๆ กันไม่มีใครมีอภิสิทธิพิเศษนะ เราต้องเอาธรรมนำชีวิตเราถึงมีความสงบมีปัญญา เราถึงเอาตัวรอดในทางที่รอด เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะพากันมาเอาความหลงนำชีวิตไม่ได้ มันเสียหายทั้งส่วนตัวและส่วนรวม เราทั้งหลายจะได้เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชเป็นพ่อค้าปราะชนชนที่มีความสงบมีปัญญา ก้าวไปด้วยศีลสมาธิปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องมาคืนความหลงความอธิปไตยให้กับธรรมชาติให้กับคามเป็นประภัสสรเราไม่มีสิทธิที่จะไปลิดรอนสิ่งภายนอกว่าเราทั้งหลายมีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความตายเป็นธรรมดา มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา มันจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจก็ไม่อยากแก่ไม่อยากเจ็บไม่อยากตายไม่อยากพลัดพรากมันก็เป็นไปไม่ได้นี้คือการลิดรอนสิทธินะ ให้เรารู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายอย่าไปตามผัสสะอย่าไปตามอารมณ์อย่าไปตามสิ่งแวดล้อม ให้เราจบลงด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตของเราจะได้มีแต่ปิติมีความสุขมีเอกัคคตาก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลายอย่างเดียวกับตึก สตง. ตึกสตง.เป็นประจักษ์เป็นพยานของการพังทลาย

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

  

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายที่ท่านมีลมปราณเป็นผู้ที่ประเสริฐที่เกิดมาเพื่อบำเพ็ญความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เราต้องพัฒนาทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจเพื่อเข้าถึงพระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ณ โอกาสนี้ด้วยกันทุกท่านทุกคน

 

----------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

 ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

Visitors: 98,212