๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๑๑ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘  ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

มนุษย์เราต้องเดินสายกลางเอาทั้งใจเอาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เป็นความสงบและปัญญา เป็นปัญญาและความสงบ

 

ชีวิตของเราต้องเป็นการกุศล การทำงานคือการกุศล ไม่หวังผลอะไรตอบแทน มนุษย์เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ถ้าเราหวังผลอะไรตอบแทนนั้นเราไม่ได้เป็นมนุษย์ เราเป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนก็หมายถึงว่าไปไหนไม่ได้มันวกวนอยู่ที่เก่า เพราะตัวตนมันวกวน เดินไปก้าวหนึ่งแล้วถอยกลับก้าวหนึ่ง ก็ย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า ศัพท์นี้เค้าถึงเรียกว่าคน

 

มนุษย์เราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิเพื่อให้เป็นการกุศล มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อให้เป็นทางสายกลาง เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มนุษย์เราใช้หลักการอันเดียวกันนี้หมด ทุก ๆ ชาติทุก ๆ ศาสนาที่เกิดมาในโลกนี้ โลกนี้เป็นวงกลมหมุนรอบตัวเอง เป็นกลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง เป็นความมืดเป็นความสว่าง ปัจจุบันนี้มีมนุษย์แปดพันกว่าล้านคนที่อยู่ในโลกนี้

 

ระบบข้าราชการนักการเมืองนักบวชเป็นการบำเพ็ญบารมีความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นชีวิตที่เป็นประพฤติปฏิบัติให้เป็นบุญเป็นกุศล ระบบข้าราชการนักการเมืองนักบวชนี้เป็นระบบที่เป็นการบุญการกุศล มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ เป็นการเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เปรียบเสมือนสายพิณ สายพิณสายกีต้าร์ถ้ามันตึงเกินไปมันก็จะขาด ถ้ามันหย่อนเกินไปสายพิณสายกีต้าร์นั้นมันก็ไม่เพราะ ชีวิตของเราทุก ๆ ท่านต้องให้เป็นชีวิตที่เป็นบุญเป็นกุศล ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญาที่เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่เอาความชอบใจไม่ชอบใจนำชีวิต หยุดความปรุงแต่งในเรื่องชอบใจไม่ชอบใจ ทางวิทยาศาสตร์คือเหตุคือผล เรื่องจิตเรื่องใจนั้นอยู่นอกเหตุเหนือผล เป็นเรื่องหยุดความปรุงแต่ง เป็นการเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะความปรุงแต่งนั้นมันคือความไม่ลงตัว มันมากเกินไป มันน้อยเกินไปคือความไม่ลงตัว

 

เราทั้งหลายน่ะเป็นมนุษย์ เป็นผู้ที่ประเสริฐ เราจะประเสริฐได้ เราต้องรู้เข้าใจ ความรู้นี้เป็นคู่การประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัติต้องปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน เพราะอดีตก็มารวมกันอยู่ที่ปัจจุบันแล้ว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็เริ่มต้นอยู่ที่ปัจจุบัน เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นเราเป็นมนุษย์ทั้งหลายต้องเข้าใจ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ถ้าสิ่งนี้ไม่มีสิ่งต่อไปมันก็ไม่มี

 

เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายก็จะไปตามผัสสะตามสิ่งแวดล้อม จะไปตามธาตุขันธ์ตามอายตนะ ธาตุก็คือธาตุทั้ง ๔ ธาตุทั้ง ๔ ก็ได้แก่ดินน้ำลมไฟที่รวมกันเป็นหนึ่งเป็นร่างกายของเรา ขันธ์ก็คือขันธ์ทั้ง ๕ ขันธ์ทั้ง ๕ ก็ได้แก่รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ อายตนะทั้ง ๖ ก็ได้แก่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ อันนี้เกิดมาจากกรรม จากกฎแห่งกรรม และก็เป็นผลของกรรม ที่เราทั้งหลายมีการเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากนี้คือผลของกรรม นี้เป็นกรรมที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ สรรพสัตว์ทั้งหลายพากันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอย่างไม่มีที่จบไม่มีที่สิ้น

 

เราทั้งหลายต้องพากันมารู้มาเข้าใจเรื่องกรรมเก่า ส่วนกรรมใหม่ก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ลาภยศสรรเสริญ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญเสื่อมสรรเสริญ นี้คือกรรมใหม่ เพราะสองอย่างนี้เป็นขั้วบวกขั้วลบ เป็นกระเป็นกระบวนการของขั้วบวกขั้วลบ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจก็ปล่อยให้ขั้วบวกขั้วลบเค้าทำงาน ขั้วบวกขั้วลบเค้าก็ทำหน้าที่ทำงาน ถ้าเรารู้เข้าใจเราก็จะหยุดกรรมเก่ากรรมใหม่ด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ เราเห็นภัยในวัฏฏสงสารไม่เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะเอาผัสสะภายนอกภายในมาเป็นเรา วงจรของการเวียนว่ายตายเกิดก็จะจบลงที่เวทนา รู้เข้าใจ ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม หยุดด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ ปัญญาสัมมาทิฏฐิเป็นสิ่งที่สำคัญ

 

มนุษย์เราถึงมีการเรียนการศึกษาทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ การเรียนการศึกษาของมนุษย์ทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ ๑๘ ศาสตร์มีอะไรบ้าง ๑๘ ศาสตร์ก็ได้แก่

  1. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ
  2. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง
  3. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ
  4. วาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า
  5. อักษรศาสตร์ วิชาหนังสือ
  6. นิรุกติศาสตร์ วิชารู้ภาษาของตนแตกฉานดี และรู้ภาษาของชนชาติที่ติดต่อกัน
  7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ
  8. โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาวต่างๆ คือรู้จักว่าดวงดาวนั้นๆ ตั้งอยู่ทางทิศนั้นๆ และประจำเมืองนั้นๆ และรู้จักสีแสงของดวงดาวต่างๆ อันบอกลางดีและลางร้ายในกาลบางครั้ง
  9. ภูมิศาสตร์ วิชารู้พื้นที่ต่างๆ หรือรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ
  10. โหราศาสตร์ วิชาโหร คือรู้พยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ และรู้ทายดวงชะตาราศีของคนได้ด้วย
  11. เวชศาสตร์ วิชาหมอยา
  12. สัตวศาสตร์ วิชารู้ลักษณะของสัตว์และเสียงสัตว์ว่าร้ายหรือดี
  13. เหตุศาสตร์ วิชารู้เหตุเป็นแดนเกิดแห่งผลว่าร้ายหรือดี
  14. โยคศาสตร์ ยันตรศึกษา คือรู้จักความเป็นช่างกล
  15. ศาสนศาสตร์ วิชารู้เรื่องศาสนา คือรู้จักประวัติความเป็นมาแห่งศาสนาทุกๆ ศาสนาที่มหาชนนิยม เพื่อปฏิบัติไม่ขัดแก่สังคมใดๆ และรู้คำสอนในศาสนานั้นๆ ด้วย
  16. มายาศาสตร์ วิชารู้กลอุบาย หรือรู้ตำรับพิชัยสงคราม
  17. คันธรรพศาสตร์ วิชาคนธรรพ์คือวิชาร้องรำ(ละคอน) ที่เรียกชื่อว่า "นาฏยศาสตร์" และวิชาดนตรีปี่พาทย์ ที่เรียกชื่อว่า "ดุริยางคศาสตร์"
  18. ฉันทศาสตร์ วิชาประพันธ์ คือแต่งหนังสือได้ ทั้งที่เป็นร้อยกรอง(บทกลอน) และร้อยแก้ว(ความเรียง)

 

 

มนุษย์เรานี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ เพื่อเป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เบื้องต้น ๑๘ ศาสตร์ ท่ามกลาง ๓๖ บั้นปลาย ๕๔ นี้เป็นบารมีเป็นความดี ที่เป็นการกุศล เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา การเรียนการศึกษาของมนุษย์ถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ การพัฒนาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายขณะนี้เวลานี้เป็นความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ความจำ ความจำนั้นมันลืม อย่างเราเรียนหนังสือตั้งแต่ประถมจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยคมันลืม แต่ความเข้าใจนั้นมันไม่ลืม

 

เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจ ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมา มันเป็นเรื่องของการสัญจรไปมาของธาตุขันธ์อายตนะของรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ลาภยศสรรเสริญเสื่อมเจริญน่ะ มันเป็นเรื่องสัญจรไปมา

 

ความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นความว่าง เราต้องเข้าใจเรื่องความว่าง ถ้าเราไม่เข้าใจเราจะไปเอาความว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ มันจะมีประโยชน์อะไรไปเอาความว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่ คนตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร คนไม่มีกายมันจะเป็นประโยชน์อะไร คนไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจมันจะมีประโยชน์อะไร

 

เราทั้งหลายต้องมาเข้าใจเรื่องความว่าง เราต้องรู้ว่าของสองอย่าง ขั้วบวกขั้วลบมันเป็นกระบวนการหาใช่นิติบุคคลตัวตนไม่ เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ รูปนั้นก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ นั้นก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ให้เรารู้เราเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้หยุดด้วยความรู้ความเข้าใจ พระธรรมพระวินัยกฎหมายบ้านเมือง นี้เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ที่เป็นหลักการอุดมการณ์ให้เราทั้งหลายมีสติมีปัญญา รู้เรื่องอัตตาตัวตน รู้เรื่องอนัตตาที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ชีวิตของเราจะได้ตั้งอยู่ในบุญกุศล ความดีกับปัญญาต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ชีวิตของเราจะไม่ได้ก้าวไปและถอยกลับมาด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันนี้เป็นวาระสำคัญของเราทุกคนนะ ปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ เพราะภพภูมิที่จะไปข้างหน้ามันอยู่ที่ปัจจุบัน สิ่งที่ผ่านมาแล้วถือว่าเกษียณ สิ่งที่ยังไม่มาถึงคืออนาคต ปัจจุบันถือว่าเป็นไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายพากันทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทใจ เราทั้งหลายต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ หัวใจของเราจะได้สว่างไสวว้าว ว้าว ว้าว เหมือนรถนำขบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวได้แก่นามธรรมคือปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นระบบสมองเป็นสติปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ ผู้ที่มาเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงต้องทรงพิราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต เอาปัญญาสัมมาทิฏฐินำชีวิต ไม่ใช่ผู้ที่เอาความหลงนำชีวิต เราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวชเราก็ต้องเอาระบบสมองเอาสติเอาปัญญา เพื่อจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป

 

มนุษย์เราถ้าเอาธรรมนำชีวิตด้วยปิติด้วยสุขเอกัคคตานั้นมนุษย์เราจะไม่มีความทุกข์เลย ชีวิตของเราจะเป็นพระนิพพาน ชีวิตของเราจะเป็นหัวใจติดแอร์คอนดิชั่น เมื่อผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยก็วาง อยู่กับปิติอยู่กับสุขเอกัคคตา ในความรู้ความเข้าใจ

 

มนุษย์เรามีความทุกข์เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ เป็นคนจนทุกข์เพราะไม่มี เป็นคนรวยทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ ถ้าเรามีตัวมีตนเมื่อไหร่เป็นใครมาจากไหนมีทุกข์ทั้งนั้น

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้ความจริง รู้อริยสัจสี่ อย่าไปหาเรื่องหาราวให้กับตนเอง อย่าไปหาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น เราต้องรู้เข้าใจ

 

มนุษย์เราต้องมีความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน วันหนึ่งคืนหนึ่งนอนพักผ่อน ถ้าอยู่ในเมืองหลวงเมืองกรุงก็ ๗,๘ ชั่วโมง ถ้าอยู่ในต่างจังหวัดก็ ๖,๗ ชั่วโมง อย่าพากันคอร์รัปชั่นเวลานอน เมืองหลวงเมืองกรุงค่าพีเอ็มไม่ดี อากาศไม่ดี ออกซิเจนไม่ดี ถึงจะมีเครื่องปรับอากาศมีเครื่องฟอกอากาศต้องพากันนอนพากันพักผ่อน ๗,๘ ชั่วโมง

 

การทำงานของมนุษย์นี้เป็นอริยมรรค กายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจคือว่าเป็นการทำงาน ต้องให้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ต้องให้เป็นการบุญการกุศล บุญก็คือความดี กุศลคือความฉลาด สองอย่างนี้ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยการกุศล เราทั้งหลายน่ะอย่าเอาความรู้สึกนำชีวิต อย่าเอาความชอบไม่ชอบน่ะ ความชอบไม่ชอบนั้นมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมามันเป็นโรคไบโพล่านะเราต้องรู้เข้าใจ ความชอบไม่ชอบนั้นคืออาการของตัวตน เราต้องรู้เข้าใจ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงไม่ให้เราเอาความชอบเอาความไม่ชอบนำชีวิต เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ปล่อยให้ความชอบไม่ชอบมันทำงาน ชีวิตของเราต้องรู้เข้าใจ ต้องจบลงที่ผัสสะ เมื่อไม่ให้ความชอบไม่ชอบมันทำงาน เราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ความสงบกับปัญญามันต้องรวดเร็วว่องไว

 

การประพฤติการปฏิบัติมันต้องเป็นฟอร์มสด มันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราสังเกตุดูสิ สัตว์ทั้งหลายสมองมันช้าปัญญามันน้อย พวกสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายมันจะมีตัวมีตนมาก สมาธิมันมากกว่าเรานะ ผู้ที่ทนแดดทนฝนทนร้อนทนหนาวมันมีภูมิต้านทานมากกว่าเรานะ เพราะตัวตนเยอะมันถึงต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร มันทนแดดทนฝนทนหนาวทนร้อนมันผ่านไปด้วยนิติบุคคลตัวตน

 

พวกนี้เรามองดูแล้วสมองมันก็ช้า สติปัญญามันจะช้า แล้วพวกนี้ก็ไม่เป็นโรคจิตโรคประสาทส่วนใหญ่ ถ้ามีอาหารเพียงพอพวกนี้จะไม่เป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า พวกที่มีปัญญามากมีการศึกษามากกลับเป็นโรคจิตโรคประสาทมากกว่า

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงให้เอาที่ปัจจุบัน เอาความสงบกับปัญญาใช้งานไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราทั้งหลายจะได้เอาความสงบและปัญญามาใช้มาปฏิบัติไปพร้อม ๆ กันเพื่อจะได้เป็นการบุญการกุศล ชีวิตของเราต้องเป็นบุญเป็นกุศลไม่มีตัวไม่มีตน ไม่หวังอะไรตอบแทน ถ้าหวังอะไรตอบแทนชีวิตนี้ก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทย ว่าทำไมอาคารต่าง ๆ ของเมืองไทยที่อยู่ในเมืองกรุงปริมณฑลทั้งต่างจังหวัดอาคารที่ไหนเค้าก็ไม่พังทลาย พังทลายอยู่ตึกเดียวคือตึกสตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

 

การที่เราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต นั้นคือเอาทุจริตนำชีวิต ให้เรารู้เข้าใจ ไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา มันเป็นความคิดเห็นผิดเข้าใจ มันเป็นการเอาตัวรอดของความไม่รอดนะ ให้เรารู้เข้าใจ

 

ระบบข้าราชการนักการเมืองนักบวชนี้มันดีแล้วถูกต้องแล้ว ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ทำหน้าที่ ทำความดีบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ ทัศนี้หมายถึงมาตรฐาน มอก. เค้าจะสร้างบานสร้างเมืองเค้าต้องวัดระยะใกล้ระวะไกลระยะสูงระยะต่ำ น้ำหนัก ความหนักความเบาน่ะ เรียกว่าบรรทัดฐาน เอาความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กันเป็นเครื่องวัดเป็นข้อวัตรปฏิบัติทั้งกายวาจากิริยามารยาทใจ

 

เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะเราต้องรู้เข้าใจ ว่ากฎหมายบ้านเมืองเป็นเครื่องวัด เป็นเบรกเป็นเซฟตี้ รถก็มีเบรก เครื่องบินก็มีเบรก เรือก็มีเบรก เราต้องรู้เข้าใจ กายวาจากิริยามารยาทใจเราต้องมีเบรก เพราะปัจจุบันนี้ให้เราถือว่าเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าปล่อยให้ความไม่ถูกต้องดำเนินชีวิต

 

เราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ หลักการของมนุษย์ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรนูญนำชีวิต ต้องมีหลักการ ต้องมีการปรับไหม จำคุก ประหารชีวิต ใช้หลักการเดียวกันทั้งข้าราชการนักการเมืองทั้งศาสนา ใช้หลักการเดียวกัน อยู่ในอุดมการณ์หลักการเดียวกันทุก ๆ ชาติทุก ๆ ศาสนา เป็นสากล ไม่มีแบ่งแยก ถ้าเรามีตัวมีตนถึงมีการแบ่งแยก การมาตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงมายกเลิกภพยกเลิกชาติ มายกเลิกชาติชั้นวรรณะนิติบุคคลตัวตน หยุดมีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นคนเฒ่าคนแก่คนชราคนตายคนพลัดพราก หยุดความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราเป็นคนอื่น ว่าเราดีกว่าเค้าเก่งกว่าเค้าหรือสู้เขาไม่ได้ เป็นความสงบเป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความรู้ความเข้าใจ เพราะอันนี้มันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมแล้วจะได้รับผลของกรรม

 

เราทั้งหลายทุกคนพากันมาเน้นที่ตัวเรา คนอื่นก็เน้นที่คนอื่น ถึงจะอยู่ร่วมรวมกันในโลกนี้แปดพันกว่าล้านคนก็จริง แต่ชีวิตนี้ไม่มีการก้าวก่ายกัน ไม่มีลิดรอนสิทธิ การลิดรอนสิทธินี้ถือว่าเป็นความไม่ถูกต้อง การที่เราไม่อยากแก่ไม่อยากเจ็บไม่อยากเจ็บไม่อยากตายไม่อยากได้ไม่อยากเป็นนี้ถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ ลิดรอนธรรมชาติ ลิดรอนความเป็นประภัสสรน่ะ

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจ เรื่องการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราต้องคืนอำนาจให้กับปวงชน ต้องกระจายอำนาจอย่าไปถืออำนาจบาตรใหญ่ยกหูชูงวง ตัวตนนี้แหละมันจะระเบิดตัวของตัวเอง

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องบุญเรื่องกุศลเรื่องการกุศล เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงธรรมถึงคารวธรรม เราอย่ามองข้ามปัจจุบัน เราอย่าประมาท ความประมาทนั้นคือความผิดพลาด ความผิดพลาดนั้นคือความประมาทให้รู้เข้าใจ เราต้องมีคารวธรรม สิ่งต่าง ๆ สำคัญหมด

 

เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นนั้นต้องได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ ต้นไม้ต้นนั้นไม่ใช่ได้อาหารมาจากรากอย่างเดียว ต้นไม้ต้นนั้นต้องได้อาหารมาทุกทิศทุกทางทั้งทางกิ่งทางก้านทางใบทางยอดตลอดปริมณฑล แสงแดดอากาศออกซิเจนต้นไม้นั้นถึงจะสมบูรณ์สง่างาม

 

เราทั้งหลายจะไม่ได้มองข้ามธรรมข้ามปัจจุบันธรรมเราทั้งหลายจะได้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยสัมมาทิฏฐิด้วยการบุญการกุศลด้วยความสงบด้วยปัญญาด้วยปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องการทำอะไรที่ติดต่อต่อเนื่องกัน ๓ อาทิตย์มันจะเป็นชิพฝังอยู่ในขันธ์ในสัญญาขันธ์มันจะเป็นเมมรี่ มันเป็นธรรมชาติที่ติดต่อต่อเนื่อง

 

เช่นการตอนกิ่งไม้เพื่อขยายพันธุ์ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไปแล้วแต่ชนิดของต้นไม้ เช่นไก่ฟักไข่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกมาเป็นลูกไก่จะฟักด้วยแม่ของไก่หรือฟักด้วยไฟฟ้าก็ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์

 

การทำความดีที่ประกอบด้วยปัญญาต้องมีปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องด้วยมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา

 

เราต้องรู้เข้าใจเราจะไม่ได้ไปตามผัสสะตามสิ่งแวดล้อมตามธาตุขันธอายตนะต่าง ๆ เราทั้งหลายต้องรู้ต้องมีปัญญา เราทั้งหลายจะได้บริโภคสิ่งต่าง ๆ ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจดว้ยความสงบด้วยปัญญาเป็นการบำเพ็ญการกุศลให้รู้เข้าใจ เราจะได้บำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล เราต้องรู้เข้าใจเรื่องทุกข์ เรื่องเหตุเกิดขึ้น เรื่องข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลายอย่างเดียวกันเช่นเดียวกันกับตึก สตง.

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

 

ขออนุโมทนากับแพทย์พยาบาลทั้งหลาย ขออนุโมทนากับผู้ทำงานการกุศลสลากกินแบ่งที่ได้มาบำเพ็ญการกุศล เอาความสงบและปัญญาเป็นทางเดินที่ประเสริฐ ชีวิตของเรานี้ เราต้องรู้เข้าใจเรื่องมรรคเรื่องอริยมรรค ทุกอย่างก็จะมีแต่คุณเป็นผุ้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปกฺบัติเพื่ออกจากทุกขืปฏิบัติสมควรเป็นตัวอย่างแบบอย่างด้วยหลักการอุดมการณ์ให้ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่ท่านจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านมีเมตตาตรัสไว้ว่า

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมระเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

------------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

 

 

 

 

Visitors: 98,215