๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๖ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดงานของข้าราชการ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานพร้อมทั้งปฏิบัติธรรม หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ต้องเอาสายกลางนำชีวิต พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
เราทั้งหลายน่ะจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนั้นไม่ได้ ต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม การนอนการพักผ่อนก็ต้องเพียงพอ นอน ๖ ชั่วโมงถึง ๘ ชั่วโมงสำหรับฆราวาส สำหรับพระนอนจำวัดอย่างน้อยวันละ ๕,๖ ชั่วโมง สุขภาพร่างกายถึงจะแข็งแรง เราทุกคนต้องพากันออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง เพราะเราทุกคนจะแข็งแรงหรือไม่แข็งแรงนั้นขึ้นอยู่ที่การออกกำลังกาย นักบวชทั้งหลายก็ต้องพากันออกกำลังกาย ฆราวาสก็ต้องออกกำลังกาย ถ้าไม่ออกกำลังกายสุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง
สำหรับฆราวาสก็ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง ออกกำลังกายที่บ้านด้วยการทำโยคะในท่าต่าง ๆ ที่บ้านที่สถานที่ของเราเอง ทำอย่างนี้ทุก ๆ วัน พระก็ออกกำลังกายที่วัดทุก ๆ วัน การออกกำลังกายของพระคือการเดินจงกรมกลับไปกลับมา เดินเร็วพอปานกลาง ระยะทางกะว่าชั่วโมงหนึ่งให้เดินให้ได้ระยะทาง ๔ กิโลเมตร ถ้าพระจะทำโยคะก็ต้องทำที่กุฏิที่พัก มีที่มุงที่บังมิดชิด ด้วยโยคะต่าง ๆ นักบวชไม่สมควรที่ทำโยคะในที่กลางแจ้งจะผิดสมณะสารูป นอกจากการเดินจงกรมสมาธิภาวนา
การเดินจงกรมนี้คือการเดินกลับไปกลับมาเพื่อเจริญสติสัมปชัญญะพร้อมทั้งออกกำลังกายไปในตัวเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ในวัดป่าวัดกรรมฐานอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน มียุงเยอะ ถ้าเดินช้า ๆ ยุงก็จะกัด ต้องพากันเดินจงกรมเร็วเพื่อไม่ให้ยุงมันกัด เดินกลับไปกลับมาค่อนข้างเร็ว มองดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นระยะทาง ๕ กิโล ถึง ๖ กิโลเมตรต่อ ๑ ชั่วโมงของการเดินจงกรม เพราะสาเหตุยุงมันมาก
สำหรับฆราวาสก็ต้องออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน เพราะสมัยปัจจุบันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน รถสัญจรไปมาเยอะ ฝุ่นละอองค่าพีเอ็มทางอากาศนั้นมีเยอะ การออกกำลังกายก็ต้องออกที่บ้านของเรา ทุกคนต้องออกกำลังกายนะ ไม่ออกกำลังกายไม่ได้ ไม่ออกกำลังกายสุขภาพนั้นจะไม่แข็งแรง
เราศึกษาเรื่องออกกำลังกายทางอินเตอร์เนท เฟซบุ๊ค ถ้าเราไม่เข้าใจในการออกกำลังกายเราก็ต้องศึกษา ไม่ต้องไปเรียนศึกษาที่ไหนนะ ให้เรียนในโทรศัพท์มือถือเรียนในคอมพิวเตอร์ในยูทูปต่าง ๆ ในเรื่องการออกกำลังกายนั่นแหละง่ายดี เราทุกคนทั้งนักบวชทั้งฆราวาสจะไม่อยากออกกำลังกายกันนะ ไม่ได้นะ ต้องพากันออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้แข็งแรง
จิตใจของเราในชีวิตประจำวัน จิตใจของเราต้องมีความสุข ถ้าจิตใจของเราไม่มีความสุข เราทุกคนจะเป็นโรคซึมเศร้า เราซึมเศร้าเนื่องจากเราทุกคนไม่มีความสุข ในชีวิตของเรา กายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องเอาทางสายกลางนำชีวิต พัฒนาทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจของเราให้เป็นทางสายกลาง เพื่อเป็นธรรมนูญชีวิต เพื่อจะได้เอาตัวรอดในทางที่รอด
ปัจจุบันถือว่าเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะอดีตก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบันแล้ว อนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้านั้นก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้เอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงให้พวกเราทั้งหลายถือเรื่องปัจจุบันเป็นวาระสำคัญเป็นวาระแห่งชาติของการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของตัวของเราให้สมบูรณ์ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ด้วยปิติด้วยความสุขด้วยเอกัคคตาเพื่อการดำเนินชีวิตของเราจะได้มีความสุข ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็จะไปทำทั้งผิดทั้งถูกทั้งดีทั้งชั่ว เราจะไม่ได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ
มนุษย์เราต้องรู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องประพฤติเราต้องปฏิบัติในปัจจุบัน เพื่อทำหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้ทันท่วงที ให้คล่องแคล่วว่องไว เราทั้งหลายประพฤติปฏิบัติอย่างนี้เราก็จะชำนิชำนาญในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราต้องก้าวไปด้วยความรู้พร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละ การเสียสละเป็นศิลปะที่งดงาม ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นอนัตตตาไม่ใช่ตัวตน เราทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละนะ เพื่อศิลปะชีวิต เราเกิดมาต้องมาเดินทางสายกลาง ต้องมาเสียสละ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องมาเสียสละ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละเราก็เข้าสู่ทางสายกลางไม่ได้ ถ้าเราไม่เสียสละมันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน
ศีลสมาธิปัญญา ให้พวกเราเข้าใจนะ คือการเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละมันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน ตัวตนนั้นถึงเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ในชีวิตประจำวันของเราน่ะ เราต้องเจริญสติสัมปชัญญะ เน้นการเจริญสติสัมปชัญญะให้มาก ๆ เพื่อความสงบและปัญญา เพื่อปัญญาและความสงบ ในชีวิตประจำวันเราต้องอยู่กับการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ ให้มีปิติให้มีความสุขมีเอกัคคตาในการเจริญสติสัมปชัญญะ มนุษย์เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ
เราต้องคอนโทรลตัวเองด้วยการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะนะ อริยมรรคมีองค์แปดของเราจะสมบูรณ์ได้ก็ด้วยการเจริญสติสัมปชัญญะในหน้าที่ในมรรคนั้น ๆ ถ้าเราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ เราทุกคนก็จะฟุ้งซ่านนะ เพราะสติสัมปชัญญะนั้นเป็นอุปกรณ์ที่เราจะหยุดความฟุ้งซ่านของตัวเอง
เราต้องรู้เหตุรู้ปัจจัยนะ ที่เราฟุ้งซ่านที่เราไม่สงบก็เพราะเราไม่มีสติคือความสงบนะ เมื่อเราไม่มีความสงบมันก็ฟุ้งซ่าน สตินี้ถึงเป็นเบรกเป็นเซฟตี้ของความฟุ้งซ่านนะ ถ้าเราไม่มีความสงบปัญญาของเรานั้นจะมีมาจากไหน เราทั้งหลายต้องมาเจริญสติ ให้สติของเราเป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตา ความสงบนั้นก็จะอบรมบ่มอินทรีย์ให้เกิดปัญญา เราจะได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมาชั่วขณะ ๆ สิ่งที่ว่างเปล่านั้นหาใช่นิติบุคคลตัวตนไม่ การประพฤติการปฏิบัตินั้นเราถึงต้องมีศีลมีสมาธิเป็นพื้นฐาน เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ ใจของเราจะมีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ
ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิจะเกิดได้ก็เพราะเรามีสติ ให้เรารู้เข้าใจนะ สตินั้นจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดศีลเกิดสมาธินะ ศีลสมาธินั้นถึงจะเป็นฐานของปัญญา เป็นสติปัฏฐาน ที่มีสติเป็นพื้นฐาน มีศีลมีสมาธิเป็นพื้นฐาน จิตใจของเราถึงได้พัฒนาให้ใจของเราเกิดปัญญา
เราเป็นนักบวชเราก็ต้องมีความสงบ เราเป็นฆราวาสเราก็ต้องมีความสงบ เราต้องรู้หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมในการพัฒนาให้ใจของเราสงบ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์ เราเอาธุรกิจหน้าที่การงานเป็นฐานของการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้เป็นอริยมรรค เราจะได้ทั้งวัตถุได้ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน ทางวัตถุก็ไม่ยิ่งหย่อน ถ้าจิตใจก็ไม่ยิ่งหย่อนไปพร้อม ๆ กัน
การปฏิบัติธรรมก็ให้เป็นการทำงาน การทำงานก็ให้เป็นการปฏิบัติธรรมสองอย่างไปพร้อม ๆ กัน เราทั้งหลายต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิอย่างนี้ พื้นฐานของเราต้องตั้งอยู่ในความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ตั้งอยู่ในความสงบ
วันเสาร์วันอาทิตย์เราหยุดทำงานส่วนราชการมาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ ฆราวาสวันเสาร์วันอาทิตย์มาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจในการประพฤติการปฏิบัติอยู่ที่วัด มาปฏิบัติเป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นหมู่เป็นคณะ ถ้าเรามาวัดไม่ได้ก็พากันปฏิบัติที่บ้าน ให้เห็นคุณค่า เห็นคุณเห็นประโยชน์ในการประพฤติการปฏิบัติธรรม
เรามาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องธรรมเรื่องคุณธรรม พากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาในการประพฤติการปฏิบัติทั้งต่อหน้าและลับหลัง ใครจะรู้ไม่รู้ไม่เป็นไร เพราะเราเน้นที่ใจ เน้นที่ความตั้งใจ เพื่อความสงบและปัญญาของการประพฤติการปฏิบัติ พากันมามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เจริญสติให้ใจของเราสงบ เจริญปัญญาด้วยการพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เพราะการประพฤติการปฏิบัตินั้นเราต้องมาเน้นที่ตัวของเราเอง
ให้เรารู้ให้เข้าใจ ไม่มีใครปฏิบัติทดแทนกันได้ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ มาเจริญสติเจริญสัมปชัญญะเพื่อให้เกิดความสงบเกิดปัญญา ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะ เรามาเน้นการประพฤติการปฏิบัติที่ตัวเราทำหน้าที่ของตัวเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติของตัวเรา เราไม่รู้ไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติจะเป็นเหตุให้เสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม เพราะเราไปประพฤติไปปฏิบัติตั้งแต่เรื่องภายนอกสิ่งภายนอกน่ะ เราไม่ได้เอาจิตเอาใจไปพร้อม ๆ กัน มันไม่ใช่ทางสายกลาง เราต้องพัฒนาทั้งใจทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กันถึงจะเป็นทางสายกลาง
--------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา