๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๔ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘  ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

พระศาสนาทุกศาสนาประพฤติปฏิบัติไปทางเดียวกันทั้งหมด พัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ พัฒนาทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจและวัตถุ ให้พวกเราเข้าใจ เพราะทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี มันเป็นเหตุเป็นปัจจัย ปัจจุบันเราต้องรู้เข้าใจ ปัจจุบันเป็นการประพฤติการปฏิบัติของเรา เพราะอดีตก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบันแล้ว อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้เอง ปัจจุบันถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติ

 

เราพากันมาตั้งใจตั้งเจตนาในการประพฤติการปฏิบัติ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเพลิดเพลินไม่ให้เราประมาท เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่องเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุ เป็นความพอดีเป็นความพอเพียง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้หลงไปตามผัสสะอย่าให้เวทนาที่มีความดีใจเสียใจ ให้จบลงเพียงผัสสะ ศีลสมาธิปัญญานี้เป็นสัมมาทิฏฐิ เรารู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนั้นจะหยุดความปรุงแต่ง จะหยุดลงเพียงผัสสะ เราพากันทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ให้ด่างไม่ให้พร้อย

 

ภายใน ๒๔ ชั่วโมง เราพากันนอนพากันพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการประพฤติการปฏิบัติต้องอาศัยสรีระร่างกายที่เป็นธาตุทั้ง ๔ เป็นขันธ์ทั้ง ๕ เป็นอายตนะทั้ง ๖ ถ้าเรานอนเราพักผ่อนไม่เพียงพอธรรมชาติจะไม่สมดุล จะไม่สมบูรณ์ เราต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เราอย่าพากันนอนดึกเกินไป

 

อย่างวัดเรานี้เลิกจากทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิเวลา ๒๐ นาฬิกา เรากราบพระไหว้พระเลิกเพื่อกลับไปนอนไปพักผ่อน ฆราวาสไปนอนไปพักผ่อน พระภิกษุสามเณรไปจำวัด นอนพักผ่อนจำวัดนี้คือสิ่งเดียวกัน เราไปถึงกุฏิที่พัก ที่กุฏิที่พักไม่มีพระพุทธรูป ให้เรารู้เข้าใจ พระรัตนตรัยอยู่ที่ใจของเรา พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์อยู่ในใจของเรา

 

ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง ท่านได้มีเมตตาบอกสอน เราไปถึงกุฏิที่พักเราต้องกราบพระรัตนตรัยทุกครั้ง จะลงจากกุฏิที่พักก็กราบพระรัตนตรัยทุกครั้ง เพื่อระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เพื่อเข้าถึงธรรม เข้าถึงคารวธรรม เข้าถึงความไม่ประมาท

 

กราบพระทุกครั้งนั้นต้องให้มาตรฐาน ให้เป็นเบญจางคประดิษฐ์ อย่าไปกราบเหมือนตะครุบหนู ตะครุบกบ ตะครุบเขียด ตะครุบปลา อย่าไปมักง่าย เราคิดดูดี ๆ การกราบพระนี้ก็เป็นโยคะอย่างหนึ่ง

 

คนธิเบต เค้าจะเดินทางไปสังเวชนียสถาน ผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้าเค้าเดินไปกราบไปจนกว่าจะไปถึงสังเวชนียสถาน สถานที่ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน

 

เราลงใจให้พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอน เราลงใจให้พระอริยสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป สองทุ่มครึ่งก็เตรียมตัวนอน เตรียมตัวพักผ่อน เตรียมตัวจำวัด

 

เราจะพร้อมเพรียงกันมาตื่นประมาณตีสองสี่สิบห้านาที เพื่อเตรียมตัวไปที่ศาลา ถึงศาลาอย่างช้าไม่เกินตีสาม ไปสมัครสมานสามัคคีกัน ปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน เวลาตีสามเป็นเวลาพักผ่อนของฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมือง ฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมืองก็พากันนอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่ให้ดึกเกินสามทุ่ม ตื่นนอนตีสี่ ตีสี่ครึ่ง กราบพระที่กุฏิที่พักก็ให้ได้มาตรฐานให้เป็นเบญจางคประดิษฐ์ กราบพระที่ศาลาก็มาตรฐานให้ได้เบญจางคประดิษฐ์

 

เราดูหมู่คณะ ดูส่วนรวม เอาประธานสงฆ์เป็นหลัก เราสวดมนต์ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น เราต้องสวดเสียงดังฟังชัด อย่าไปคลอตามเค้า คำว่าคลอนี้ก็หมายถึงเสียงไม่ดังฟังไม่ชัด การเปล่งเสียงในการสวดนี้ก็ดี ทำให้เรามีสติสัมปชัญญะทำให้เราได้ขยายปอด เพื่อปอดของเราจะได้ทำงาน ปอดของเราจะได้ทำโยคะ ผิดหรือถูกก็ให้เสียงดังฟังชัดไว้ก่อน

 

เราจะเอาเสียงกลาง ๆ ไม่สูงเกินไปไม่ต่ำเกินไป เพราะคนเสียงต่ำก็จะปรับมาหาปานกลาง คนเสียงสูงเสียงแหลมก็ต้องปรับเข้าหาปานกลาง เราต้องปรับเข้าหากัน

 

การกราบพระไหว้พระสวดมนต์ก็คือการประพฤติการปฏิบัติของเรา เพื่อเราจะได้มีสติมีสัมปชัญญะ เราจะไปมีปมด้อยว่า เราเสียงไม่ดีเสียงไม่เพราะ เราพยายามปรับเข้าหาเสียงกลาง ๆ ว่าเสียงดัง ๆ ตัวเองฟังก็ให้ชัด คนอื่นฟังก็จะได้ชัดเจน เพื่อเจริญสติ เจริญสัมปชัญญะ เอาใจใส่ในการกราบในการสวด เราอย่าทำอะไรอ้อมแอ้มด้วยการไม่ได้เอาใจใส่พิเศษ

 

เราทุกคนจะได้ทำหน้าที่ของเราเองให้สมบูรณ์ เราต้องเคารพในการกราบการไหว้การสวด เพราะว่าเป็นคารวธรรม เราปฏิบัตินี้ให้เรารู้เข้าใจ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อจะเอาอะไร เรามาทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ให้มีความสุขในการทำหน้าที่ เราอย่าไปต้องการอะไร เราทำอย่างนี้เราจะเกิดความสงบเกิดปัญญา ปัจจุบันของเราสมบูรณ์ กายวาจากิริยามารยาทจิตใจของเราสมบูรณ์ เอาใจใส่ด้วยความเจตนาด้วยความตั้งใจ ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องจะเป็นศีลสมาธิปัญญา รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราอย่าไปเอาอารมณ์ อย่าไปเอาความรู้สึก อย่าไปเอาสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน อยากประพฤติอยากปฏิบัติก็ต้องประพฤติต้องปฏิบัติ ไม่อยากประพฤติไม่อยากปฏิบัติก็ต้องประพฤติต้องปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้เอาความอยากความไม่อยาก ความสงบและปัญญานั้นไม่มีความปรุงแต่ง เป็นความรู้เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เราจะได้ผ่านไปด้วยการรู้อริยสัจสี่ จะไม่ได้เสียเวลาคือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์

 

เราทำติดต่อต่อเนื่องศีลจะไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยไม่เศร้าหมอง เพราะเราหยุดสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนที่มันรักความสุข ไม่ชอบความทุกข์ เราต้องผ่านสัญชาตญาณไป อย่าให้สัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตนครอบงำสติสัมปชัญญะเรา ครอบงำสติปัญญาของเรา ให้รู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัย ข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นสิ่งที่มีคุณมีประโยชน์ ไม่มีโทษ มีแต่คุณ

 

กุฏิที่พักส่วนตัวก็ต้องให้สะอาด จัดของให้เรียบร้อยเราได้ไม่เป็นคนมักง่าย ทำเหมือนจัดการจัดงานต่าง ๆ เค้าทำความสาอด จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดงานต่าง ๆ นั้นเค้าทำอย่างนั้น เค้าจัดชั่วครั้งชั่วคราว ในการมาประพฤติปฏิบัติธรรมเราต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เราก็จะหยุดสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนไม่ได้ ในศาลา โรงครัว ถนนหนทางต้องให้สะอาด เราไม่ใช่ทำเพื่อเอาหน้าเอาตา ว่ากุฏิศาลา ห้องน้ำห้องสุขาของเราสะอาด เราประพฤติปฏิบัติเพื่อทำหน้าที่ เพื่อเสียสละนิติบุคคลตัวตน ถ้าเราไม่เสียสละ เราก็จะไม่มีสติสัมปชัญญะ เราจะเข้าถึงความไม่พอดี ความไม่เพียงพอ เพราะตัวตนนั้นมันบกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่อิ่มไม่เต็ม

 

เราทุกท่านทุกคน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราทำตามใจตามอัธยาศัยตามความรู้สึก เพื่อจะได้ประพฤติปฏิบัติ ใจของเราต้องสงบ ต้องมีปัญญา ถ้ากุฏิ อาคารที่พัก ศาลา ห้องน้ำห้องสุขาไม่สะอาด นี้ให้เรามองเห็นด้วยปัญญาว่าผลที่ออกมาทำให้กุฏิศาลาวิหารโรงครัวถนนหนทางมันไม่สะอาด มันสกปรก นี้เป็นสิ่งที่เปรียบเทียบ

 

เราอย่าพากันมาบรรพชาอุปสมบทเพื่อเอาพระพุทธศาสนาหาอยู่หาเลี้ยงชีพ เพราะเหตุผลว่า เราเป็นคนจนเราเลยพากันมาเดินทางลัดด้วยการเอาพระศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เรามาบวชให้รู้เข้าใจให้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เพราะการบวชนี้ไดรับสิทธิพิเศษ บ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ อาหารได้จากการบิณฑบาตภิกขาจารเวลาเช้า ได้มาจากที่เค้าเอามาถวายด้วยศรัทธา เพราะเค้ามองเห็นว่าเราเป็นพระภิกษุสามเณร เราอย่ามาบวชเพราะสุขภาพร่างกายไม่ดี อยู่ทางบ้านไม่มีเงินไม่มีสตางค์ มาบวชเพื่อจะรักษาสุขภาพร่างกาย เพราะการมาบวชจะไม่เสียค่าใช้จ่ายของทางบ้านทางครอบครัว

 

การที่ไปหาแพทย์หาหมอที่โรงพยาบาลมันมีค่ายานพาหนะของวัด ของสงฆ์ ของส่วนรวม ของพระศาสนา แพทย์พยาบาลที่ตรวจที่ให้ยา งบประมาณที่ได้มาที่เป็นเงินเดือน ได้มาจากภาษีอากรของประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศต้องเสียภาษีอากร การบริโภคใช้สอยปัจจัยทั้ง ๔ ต้องเสียภาษีอากร ในการซื้อขายต้องเสียภาษีอากร เพื่อให้เป็นเงินเดือนข้าราชการนักการเมือง

 

เรามาบรรพชาอุปสมบทให้เข้าใจ เราอย่าบรรพชาอุปสมบทมาเพื่อรักษาสุขภาพร่างกาย เราให้คิดดูดี ๆ นะ ไปหาหมอบ่อย ๆ ต้องมีความละอายนะ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องไปโรงพยาบาล ถ้าจำเป็น เช่น ปวดฟัน ให้กายป่วยจริง

 

ทุกคนเกิดมาที่มีธาตุมีขันธ์มีอายตนะมันก็มีความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก เพราะสิ่งเหล่านี้แหละมันเป็นผลของกรรมจากอวิชชาจากความหลงที่เรามีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ นี้คือผลของกรรม เราต้องรู้กรรมรู้กฎแห่งกรรมรู้ผลของกรรม เราจะได้หยุดตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องขอบใจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีหลายล้านชาติหลายอสงไขย ท่านมาบอกมาสอน ท่านมาชี้ทาง พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เราต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้กตัญญูต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กายวาจากิริยามารยาทรวมลงที่ใจที่เจตนา เราต้องมีกตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่ย้อนศรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

การที่เรายกเลิกการประพฤติการปฏิบัติในพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่นั้นคือการย้อนศร เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้เป็นผู้หลอกลวง ให้รู้เข้าใจ นิติบุคคลตัวตน ไม่เอาพระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้จัดเป็นผู้บรรพชาอุปสมบทมาเพื่อหลอกลวง ให้รู้เข้าใจนะ เราไม่เคารพคารวะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเคารพอวิชชาเคารพความหลง เราจะเอาตั้งแต่วัตถุ เอาแต่ทางวิทยาศาสตร์ไปไม่ได้ ต้องเอาเรื่องจิตเรื่องใจเอาพระธรรมพระวินัยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นทางสายกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราต้องบวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราอย่าไปคิดว่าทำอย่างนั้นปฏิบัติอย่างนั้นใครเค้จะทำได้ปฏิบัติได้ ธรรมะ พระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ทำได้ปฏิบัติได้มีแต่คุณแต่ประโยชน์หาโทษมิได้

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เรารู้เราเข้าใจอย่างนี้นะ ตัวตนมันเป็นโรคทั้งทางใจเป็นโรคทั้งทางกายนะ

 

โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ นั้นเกิดจากการบริโภคอาหาร การพักผ่อนไม่เพียงพอ การออกกำลังกายไม่เพียงพอ จิตใจของเราไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ไปเอาตั้งแต่ตัวแต่ตน เอาแต่ทางวิทยาศาสตร์ เอาแต่ทางวัตถุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เอาทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งจิตใจเพื่อพัฒนาวัตถุพัฒนาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กัน  เราไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็จะไปเอาแต่ยศเอาแต่ตำแหน่ง ให้รู้เข้าใจ ความอยากมีอยากเป็น ความไม่อยากมีอยากเป็นนี้คือวัฏฏสงสารที่มันเป็น cycle of life ที่เป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมที่มันหมุนอยู่ ให้เรารู้เข้าใจ

 

เรื่องข้าราชการนักการเมือง เรื่องข่าวฉาวของข้าราชนักการเมือง ไปสู่นักบวช  ทำให้ภาพรวมมองเห็นข้าราชการนักการเมืองนักบวช เหมือนมองเห็นหน้าโจรที่มันลอยขึ้นในใจของประชาชนของมหาชน ว่าพวกนี้ทั้งหลายพากันเป็นโจรเป็นมหาโจร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราพากันแก้ไขนะ ถ้าไม่แก้ไขมันก็ย่อมพังทลายอย่างเดียวกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่บริหารประเทศ เมื่อมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งมองเห็น ว่าข้าราชการนักการเมืองนักบวชนี้คือผู้ที่ทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สิ่งที่ผ่านมาแล้วเราแก้ไขไม่ได้ เพราะมันผ่านมาแล้ว เราต้องประพฤติต้องปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน ความเคารพคารวะต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพในพระธรรมคำสั่งสอน เป็นทั้งคำสั่งให้หยุด เป็นทั้งคำสอนให้เราได้ประพฤติปฏิบัติ

 

 เราต้องแก้ไขประพฤติปฏิบัติตนเองที่ปัจจุบัน เราเน้นที่ตัวตนของเรา เอาความสงบเอาความเคารพ เอาความกตัญญูกตเวทีในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อสังคายนาตัวเอง เราต้องรู้เข้าใจ อย่าเอาตำแหน่งที่แต่งตั้งเพื่อจะเอามาโกงกินคอปร์รั่ปชั่น เราอย่าไปแก้ที่คนอื่น ต้องแก้ที่ตัวเรา

 

เรื่องยศเรื่องตำแหน่งเรื่องนารีสีกา สีสกปรก ถึงกาลถึงเวลาแล้วที่เราทั้งหลายจะได้ประพฤติปฏิบัติตัวเอง เราจะไม่ได้หลงงมงาย เอาสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคล

 

เราไม่ได้เอาเรื่องจิตเรื่องใจเอาทั้งวัตถุทั้งวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราจะป่วยทั้งทางร่างกายป่วยทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ การเจ็บไข้ไม่สบายนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา ให้เรารู้จักว่าความเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร ให้เรารู้จักเรื่องธรรมดานะ มันมาจากเหตุจากปัจจัย ไม่ใช่ไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย ทุกอย่างให้รู้เข้าใจ มันมีเหตุมีปัจจัย

 

ให้เรารู้จักทางสายกลางนะ การที่เราไปหาแพทย์หาหมอที่โรงพยาบาลนั้นมันเป็นปลายเหตุแล้ว ไม่ใช่ต้นเหตุ เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราพากันนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ จำวัดไม่เพียงพอ ไม่รู้จักโภชนีมัตตัญญุตาในการบริโภค เราเอาความหลงความอร่อยความแซบความลำ ไม่ได้เอาความถูกต้อง เราเอาความถูกใจ นี้มันใช้ไม่ได้นะ ไม่ใช่ทางสายกลาง

 

 

เราอย่าพากันมาบรรพชาอุปสมบทด้วยอาศัยพระศาสนา เป็นโอกาสที่ดีของเราแล้วให้เรารู้เข้าใจ เราอาศัยพระศาสนาที่บ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ มีที่พักสะดวกสบาย เพื่อเอาพระศาสนามาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมหาชน เราทุกคนต้องมีสติสัมปชัญญะชัดเจนในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เรามาเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ กิริยามารยาทก็ให้เป็นสติปัฏฐานทั้ง ๔ อาชีพก็ให้เป็นสติปัฏฐานทั้ง ๔ ใจของเราต้องเป็นสติปัฏฐานทั้ง ๔ สติปัฏฐานทั้ง ๔ ก็ได้แก่ความสงบและปัญญา ถ้าเราไม่มีความสงบไม่มีปัญญา เราก็ไม่มีสติปัฏฐานทั้ง ๔ นะ เราทั้งหลายต้องเห็นคุณเห็นประโยชน์

 

เราทั้งหลายอย่าไปกลัว อย่าไปเกรงกลัว ที่เรามีตัวมีตนเรามีความกลัว มีความหวาดสะดุ้ง ถ้าเรามีความกลัวแสดงถึงเรามีความผิดนะ ถ้าเราไม่มีความกลัวเราถึงจะไม่มีความผิด เราบริสุทธิผุดผ่องทั้งความสงบทั้งปัญญา เอาหลักการอุดมการณ์มาประพฤติมาปฏิบัติ เราจะไปกลัวอะไร เราไม่ต้องกลัวร้อนกลัวหนาวกลัวสุขกลัวทุกข์ ความกลัวนี้เป็นอสุรกายนะ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายอย่าไปกลัว เหนื่อยก็ช่างมัน ผอมก็ช่างมัน อากาศร้อนอากาศหนาวก็ช่างมัน ให้ใจของเรามีความสงบมีปัญญา ใจของเราจะได้ขาวสะอาด จะได้แวววาว จะได้มีคำว่าว้าว ว้าว ว้าว เราไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาตรวจสอบเรา เราอย่าไปคิดว่า ข้าราชการนักการเมืองจะมาก้าวก่ายเรา ถ้าเราบริสุทธิผุดผ่องมันจะกลัวได้อย่างไร เพราะความสงบและปัญญามันคือความเป็นหนึ่งคือความเพียงพอ มันหยุดมันยกเลิกความกลัว ยกเลิกการหวาดสะดุ้ง การปฏิบัติให้รู้เข้าใจ ถ้ายังมีการปฏิบัติต่อหน้าก็อย่างหนึ่ง ลับหลังก็อย่างหนึ่ง มันก็ย่อมมีความกลัว เพราะเหตุผลว่าการประพฤติการปฏิบัตินี้มันยังมีการหลอกลวงอยู่ มาบวชมาบรรพชาอุปสมบทก็เพื่อความหลอกลวง มาเป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าเป็นนักหลอกลวง ทางส่วนราชการที่เป็นข้าราชการก็ให้เป็นข้าราชการ อย่าให้เป็นข้าราชกิน ถ้าเป็นข้าราชกินมันก็คือการหลอกลวง ทำงานไปพลาง หลอกลวงไปพลางที่มีใต้โต๊ะบนโต๊ะ การประพฤติการปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีใต้โต๊ะบนโต๊ะ ต้องเป็นทางสายกลางเป็นความพอดี เงินเดือนเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น เพื่อเราทุกคนจะได้เป็นข้าราชการ เราเป็นนักการเมือง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. เทศบาล สจ. อบจ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สว. ที่มีวาระต่าง ๆ ในการทำงาน นี้เป็นนักการเมือง ประชาชนมหาชนต้องการให้นักการเมืองเป็นนักการเมือง ไม่ใช่เป็นพวกกินเมือง อย่าให้เค้าตราหน้าว่า อบต.นี้อมทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีส่วนไหนเลยไม่อม

 

เราทั้งหลายต้องรู้จักความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ตัวตนเป็นอาคันตุกะจรไปจรมาชั่วคราว ไม่ใช่ถาวร หลักการในการประพฤติการปฏิบัติที่มีพระมหากษัตริย์ มีข้าราชการนักการเมือง มีนักบวช ถึงต้องเดินทางสายกลางระหว่างวัตถุกับใจไปพร้อม ๆ กัน จะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ จะได้เข้าถึงความพอดี ถ้าเราทำไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง ลูกหลานเค้าก็มาเถียงเรา เค้าไม่โอเคกับเรา ใครเค้าอยากจะเถียงพ่อเถียงแม่ เถียงข้าราชการนักการเมือง ใครเค้าอยากจะเดินขบวน เพราะการเดินขบวนนั้นไม่มีงบประมาณ

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้รู้ว่าความดับทุกข์นี้อยู่ที่ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ความดับทุกข์ถึงอยู่ที่เราเข้าใจ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราคิดดูดี ๆ นะ อยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่า อยากได้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เป็นนักบวช จะได้เป็นข้าราชการนักการเมือง เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อย่างนี้

 

เราต้องรู้จักความจริง รู้จักแก่นแท้ในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้รู้จักความเป็นมนุษย์ มนุษย์นี้คือผู้รู้เข้าใจในเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ไม่เอาความหลงนำชีวิต ไม่เอาความผิดนำชีวิต เอาความรู้ความเข้าใจ เอาความสงบและปัญญานำชีวิต ไม่ทำผิด พูดผิด กิริยามารยาทผิด อาชีพผิด เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราทั้งหลายจะไม่ได้เป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนคือความไม่รู้ไม่เข้าใจ วกไปวนมา เดินข้างหน้าก็ถอยมาข้างหลัง สุดท้ายที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่เก่า เค้าถึงใช้ศัพท์คำนี้ว่าคน คนโน้นคนนี้ เราอย่าไปคิดว่า ทำอย่างนั้นปฏิบัติอย่างนั้นข้าราชการที่ไหนจะทำได้ นักการเมืองที่ไหนจะทำได้ นักบวชที่ไหนจะทำได้ ปฏิบัติไม่ได้ก็อย่ามาเป็นข้าราชการ อย่ามาเป็นนักการเมือง อย่ามาเป็นนักบวช ไม่มีข้าราชการที่เป็นโจรเป็นผู้ทุจริตสู้ไม่มีเลยดีกว่า จะไม่ได้เสียงบประมาณแผ่นดิน ไม่มีนักการเมืองที่พากันมาทุจริตมาโกงกินคอร์รัปชั่นก็ยังดีกว่ามีนักการเมือง ให้รู้เข้าใจ จะไม่ได้เสียงบประมาณแผ่นดิน

 

ปัญหาต่าง ๆ ของเราเองเนื่องมาจากทุจริต ใครเอาตัวตนนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิตนี้แหละคือทุจริต เรารู้เข้าใจเน้นมาที่ตัวเรา จะไม่ได้เอาทุจริตนำชีวิต จะไม่ได้เอาความผิดนำชีวิต จะได้อยู่ในหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม การปฏิบัติอย่างนี้แหละถึงเป็นการปฏิบัติที่ยั่งยืน เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งคือสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เป็นความเสื่อมไม่เป็นความเจริญไม่ยั่งยืน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่านี้มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลย เปรียบเสมือนด้วยทะเลมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิง เราพากันทำสิ่งที่น่าเกลียด เอายศเอาตำแหน่งมาทุจริต มันคือความไม่ยั่งยืน มันเป็นการทำลายชาติศาสน์กษัตริย์ การแก้ปัญหามันก็ไม่ยาก ก็แก้ที่ตัวเรา คนอื่นก็แก้ที่คนอื่น มีศีลเสมอกัน มีสมาธิเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน เราไม่ต้องไปปวดหัวไปแก้ที่คนอื่น อันนั้นมันปลายเหตุ ต้นเหตุนี้อยู่ที่เรา

 

เราต้องรู้เข้าใจคำดำรัสตรัสไว้ซึ่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ท่านตรัสว่าช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เรามาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราจะไปแก้แต่คนอื่น จะไปจัดการคนอื่น ผลสุดท้ายมันก็ย่อมพังทลายเช่นเดียวอย่างเดียวกับตึก สตง. มันเป็นการทำลายชาติศาสน์กษัตริย์ มันพังทลายเหมือนตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

ให้เราทั้งหลายระลึกถึงโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทสำคัญครั้งสุดท้ายไว้ว่า

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร

 

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม

 

ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องปฏิจจสมุปบาทจะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความสงบและปัญญา ธรรมะนั้นถึงหยุดความปรุงแต่งได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

 

 

 

------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 99,436