๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ 

 

การมาบวชของเรา การมาประพฤติปฏิบัติธรรมของเรา เรามาเพื่อหยุดวัฏฏสงสาร หยุดการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็นสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ที่ไปเอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ มาเป็นเรา อย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณ เราจะหยุดสัญชาตญาณได้ด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคบำบัดด้วยอาศัยพระธรรมพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่ทุกข้อ ข้อวัตรกิจวัตร เข้าสู่ภาคบำบัด เค้าจะเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ เลิกสิ่งเสพติดต่าง ๆ เลิกการพนัน เค้าต้องเข้าสู่ภาคบำบัด ภาคบังคับ

 

การประพฤติการปฏิบัติต้องทำติดต่อต่อเนื่องกันอย่างน้อยก็ต้อง ๑ เดือน ประเทศไทยเราถึงมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมให้ข้าราชการลาบวช ๑๒๐ วัน ๔ เดือน ไปเตรียมบวชก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน บวชอยู่ในพรรษา ๙๐ วัน ออกพรรษาแล้วรับกฐินเสร็จก่อนอีก ๑๕ วัน เพื่อจะให้ข้าราชการได้ปฏิบัติธรรมติดต่อต่อเนื่อง เวลาลาสิกขาไปจะได้เป็นนิสัยปัจจัย เพราะความเป็นพระมันอยู่ที่นิสัยปัจจัย

 

คำว่าพระนั้นคือผู้รู้อริยสัจสี่ ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศลตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พระนี้แหละไม่ใช่พวกปลงผมนุ่งห่มจีวรนะ พระนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านนับเอาตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์ นี้คือพระ พระนี้คือพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ข้อวัตรกิจวัตร เราอยู่ที่ไหนก็ประพฤติปฏิบัติที่นั่น เอากายวาจากิริยามารยาทเอาใจไปประพฤติไปปฏิบัติ ไม่ตรึกในกาม ไม่ตรึกในพยาบาท มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไม่เอาความสุขกับความหลง ต้องเอาความสุขความดับทุกข์ในพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ข้อวัตรกิจวัตร

 

 เราต้องรู้เรื่องวัดนะ เค้าจะสร้างบ้านสร้างเรือนเค้าต้องมีเครื่องวัด วัดระยะใกล้ระยะไกลสูงต่ำ น้ำหนักหนักเบา เค้าต้องมีเครื่องวัด ศีล ๕ สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือน ศีล ๘ สำหรับฆราวาสไปรักษาศีลอุโบสถ วัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำเป็นวันพระน้อย วัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เป็นวันพระใหญ่ เดือนหนึ่งมีการถือศีลอุโบสถประพฤติปฏิบัติธรรม ๘ วัน ศีล ๑๐ เป็นศีลสามเณรสามเณรีที่มาบรรพชา ศีล ๒๒๗ ที่สวดพระปาฏิโมกข์ ๒๒๗ แต่ที่จริงแล้วศีลของพระภิกษุนั้นมีมากกว่ามีสองหมื่นหนึ่งพันพระธรรมขันธ์ เพื่อนำมาสวดพระปาฏิโมกข์เพียง ๒๒๗ ข้อ ศีล ๓๑๑ เป็นศีลของภิกษุณีที่สวดพระปาฏิโมกข์ ศีลภิกษุณีรวมแล้วก็สองหมื่นหนึ่งพันพระธรรมขันธ์เช่นเดียวกัน

 

การมาบวชมาปฏิบัติธรรมของเรา เราต้องบวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทบวชทั้งใจ สิ่งที่ครอบครองเราคุ้มครองเราได้ “หิริ” ความละอายต่อบาป “โอตตัปปะ” ความเกรงกลัวต่อบาป ผู้มาบวชมาปฏิบัติธรรมถึงมีความเคารพคารวะในพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ถ้าเราไม่เคารพเราก็ตั้งอยู่ในความประมาท ความไม่เคารพนี้คือความไม่ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป รู้ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตั้งหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมไว้แล้วก็ยังฝืนทำอยู่ จัดเป็นผู้ที่ไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป นี้คือความประมาท เป็นผู้ไม่มี “หิริ” ความไม่ละอายต่อบาป เป็นผู้ไม่มี “โอตตัปปะ” ความเกรงกลัวต่อบาป มาบวชมาปฏิบัติก็ย่อมไม่ได้ผลไม่มีผล เพราะไม่ได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

หลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ท่านให้เราเข้าสู่ภาคบำบัด ให้ภาคบำบัดนั้นปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย ถ้าเรามีความไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป การประพฤติการปฏิบัติของเรามันจะขาดสาย มันเป็นขบวนการ ไม่ใช่กระแสพระนิพพาน การปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ผลไม่มีผล

 

เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาพระธรรมเอาพระวินัยเป็นหลัก ตั้งอยู่ในโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นเถรวาท คือโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โอวาทนี้เราต้องรู้เข้าใจ โอวาทนั้นคือพระธรรมพระวินัย เราทั้งหลายต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะไม่เพียงพอ เราจะหยุดกรรมหยุดเวรหยุดสัญชาตญาณของตัวเรานั้นไม่ได้ ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเห็นภัยในวัฏฏสงสารมันจะเป็นเบรก เรามองให้เห็นนะ รถก็ต้องมีเบรก เครื่องบินก็ต้องมีเบรก เรือก็ต้องมีเบรก แม้สิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ต้องมีเบรกอย่างนี้ เราต้องรู้เข้าใจ ศีลนั้นคือเบรกธรรมะนั้นคือคันเร่ง มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติใจของเราต้องมีเบรก มีหิริมีโอตตัปปะ

 

ผู้มาบวช ผู้มาปฏิบัติธรรมต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก อย่าไปเอาพวกมากลากไป อันนั้นมันไม่ใช่ เราต้องรู้เข้าใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงให้คบกับบัณฑิต บัณฑิตนั้นเป็นผู้มีการเรียนการศึกษา เข้าใจความรู้ ในการเรียนการศึกษาจากการเรียนการศึกษา เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต รู้จักเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมผลของกรรม เพราะทุกอย่างมันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม บัณฑิตนั้นคือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ เป็นผู้มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป พระธรรมพระวินัย ข้อวัตรปฏิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับนักบวช สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ให้รู้เข้าใจ ไม่มีใครเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้ผู้ฆราวาส ผู้ครองเรืองครองบ้านครองเมือง รู้จักหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อจะได้เอาศีลเอาธรรมนำชีวิต เพราะอันนี้คือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรมมันคือความสงบคือปัญญา คือบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ พรหมจรรย์มีอยู่หลายระดับ ระดับฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมืองที่เป็นพระราชามหากษัตริย์ เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นพ่อค้าประชาชน เกษตรกร เกษตรกรรม อุตสาหกรรม

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเรื่องอริยสัจสี่ เราทุกคนต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราตั้งใจตั้งเจตนา การประพฤติการปฏิบัติธรรมถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้ายังมีต่อหน้าและลับหลังอยู่ มันยังเป็นโลกธรรม ยังเป็นนิติบุคคลตัวตน โลกมันทำลายธรรม นิติบุคคลมันทำลายธรรม เราถึงใช้คำว่าโลกธรรม รักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ ต้องให้ได้หมดทุกข้อ ไม่ขาดตกบกพร่อง ผู้ที่จะรักษาได้หมดทุกข้อมันอยู่ที่ตั้งใจตั้งเจตนา เราต้องรู้เข้าใจ ขึ้นอยู่ที่เจตนา กายวาจากิริยามารยาทอาชีพให้รู้จักนะ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพเป็นเพียงอุปกรณ์ของจิตใจ ไม่ใช่ต้นนะ เป็นปลายเหตุแล้ว เราทั้งหลายถึงเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด

 

ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเข้าใจในหลักเหตุผลทั้งทางวิทยาศาสตร์ทั้งทางใจ ท่านไปเรียนศึกษาพระวินัยอยู่ที่วัดเขาวงกต อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี จากท่านพระอาจารย์เภา ท่านไปฟังธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่จังหวัดสกลนคร ท่านเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัยเป็นเรื่องของใจของเจตนา

 

พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ สิ่งสำคัญที่เรารู้เข้าใจในสิกขาบทน้อยใหญ่ รู้แล้วต้องนำไปสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต จะได้บวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทบวชทั้งใจ เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท ท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระธรรมพระวินัย ถือว่าเป็นอันดันหนึ่งของประเทศไทย ท่านให้พระภิกษุสามเณรคุณแม่ชี ให้ตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่เห็นแก่ฉันเห็นแก่นอนแก่พักผ่อน ท่านได้มีคติไว้ในใจว่า การกินน้อยนอนน้อยคือผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ที่กินมากนอนมากไม่ใช่ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา การพัฒนาของประเทศไทยอยู่ในความยากลำบาก ประชาชนทุกข์ยากลำบาก ท่านพระอาจารย์ชาก็มีหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ ท่านแสดงธรรมให้ญาติโยมประชาชนเข้าใจในการบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล

 

มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ ต้องบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล ถ้าเอาพระรัตนตรัยนำชีวิต เอาความสงบและปัญญานำชีวิต ทุกคนต้องเอาความดีที่รู้เข้าใจเกิดปัญญา เพราะว่าการเวียนว่ายตายเกิดของเรามันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมผลของกรรม

 

วัดหนองป่าพงอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ ๒ กิโล ๓ กิโล ที่หมู่บ้านอยู่รอบวัดหนองป่าพงน่ะ ท่านพระอาจารย์ชาก็เทศน์ให้ประชาชนเข้าใจ เพราะหมู่บ้านอยู่ไกลจากวัด ท่านก็เทศน์ให้เค้าใส่กับข้าวมาพร้อมกับข้าวเลย เพราะว่าพระฉันข้าวก็ต้องมีกับข้าวเอาใส่พร้อมกันมาเลย ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีกับข้าว มีแต่ข้าวเปล่า ๆ ไม่เหมือนคนสมัยใหม่นี้ อาหารที่ได้มาทั้งข้าวและกับข้าวผักผลไม้ตามเทศกาลของผลไม้ก็ต้องเอามารวมกัน

 

ท่านก็ให้เอาหลักการ อาหารทุกอย่างก็ต้องเอามารวมกัน ถ้ามีแกงก็ให้มารวมกันเป็นหม้อเดียว ถ้าเป็นน้ำพริกก็มารวมในหม้อเดียวกันของน้ำพริก เนื่องจากอาหารมาจากหลายที่หลายแห่ง เพื่อความสะอาด ท่านก็ให้ทางโรงครัวอุ่นด้วยไฟเพื่อให้สุกเพื่อให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง อาหารที่ได้มาแจกกันไม่ได้มากนะ รวมหมดแล้วก็ส่วนใหญ่ก็ได้ประมาณ ๓-๔ ช้อนโต๊ะนี้แหละ แล้วก็มีน้ำพริกที่ชาวบ้านเรียกกันว่าแจ่วอีกประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ

 

พระภิกษุสามเณรต้องแบ่งปันให้ได้เท่า ๆ กัน ที่นั่นจะมีภัตตุเทศ มีพระผู้แจกภัตตาหาร จะเดินแจกภัตตาหารเพื่อให้ได้อาหารเท่า ๆ กัน ท่านพระอาจารย์ชาก็ได้เท่า ๆ กัน ส่วนที่ได้เท่ากันท่านพระอาจารย์ชาก็แบ่งให้มารดาของท่านที่บวชเป็นคุณแม่ชี เพราะท่านพระอาจารย์ชาเป็นพระที่มีความกตัญญูกตเวทีมาก ๆ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า ท่านจะแบ่งอาหารให้คุณแม่ชีพิมพ์ ที่ท่านเห็นภัยในวัฏฏสงสารแล้ว ท่านได้เอาแม่ของท่านมาบวช เพื่อเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ภายหลังจึงได้จัดสำหรับปิ่นโตอีกต่างหาก เพื่อให้คุณแม่ชีพิม เพราะท่านอาจารย์ชาซูบผอมเพราะอาหารไม่เพียงพอ เพราะท่านกตัญญูกตเวทีต่อแม่ของท่าน ท่านยอมตายเพื่อพระพุทธเจ้า เพื่อพ่อแม่

 

ของทุกอย่างต้องแจกกันหมด ไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัต เพราะว่าข้อวัตรข้อปฏิบัติที่เป็นปฏิปทา เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา สิ่งของที่ประชาชนเค้าถวายมาก็ให้เข้าสู่คลังของวัด พระภิกษุสามเณรต้องการให้ขอจากพระเจ้าหน้าที่ทำการสงฆ์ จะเอาอะไรทุกอย่างต้องขอเสียก่อน ไม่ให้จับเอาโดยไม่ได้ขอไม่ได้แจ้งให้ใครรับทราบ เพื่อความสงบเพื่อความเคารพเพื่อความซื่อสัตย์ เพราะความสงบความเคารพความซื่อสัตย์ที่เป็นความดีประกอบด้วยปัญญาเป็นพระธรรมพระวินัยเป็นความพอดีเป็นความพอเพียงเพียงพอ

 

จะเอาเทียนไขไปใช้ที่กุฏิ ไปจุดแสงสว่างก็ต้องขอ จะเอาธูปเอาอะไรไปจุดที่ทางเดินจงกรมเพราะยุงป่ามันเยอะ เดินจงกรมก็ต้องเดินเร็ว ๆ ถ้าเดินช้ายุงมันจะกัด ถ้ามีธูปก็จุดธูปรอบ ๆ ทางเดินจงกรม ของทุกอย่างต้องขอ

 

ระบบที่เสียหายที่วัดหนองป่าพงได้มองเห็นพวกคนรวยที่เอาลูกมาบวช ได้ไปฝากเงินไว้กับไวยาวัจกรเพื่อให้ดูแลลูกของตัวเอง โดยท่านพระอาจารย์ชาไม่รู้ ไปซุบซิบกันอยู่ข้างหลังไม่ให้ท่านพระอาจารย์ชารู้ เพราะถ้าท่านพระอาจารย์ชารู้แล้วจะทำไม่ได้ มันเป็นความไม่เสมอภาค มันยังมีต่อหน้าและลับหลังอันนี้ไม่ถูกต้อง

 

อันนี้จะชี้ให้เห็นถึงการประพฤติการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมไม่มีต่อหน้าและลับหลัง การที่เอาเงินไปฝากไว้กับคนใดคนหนึ่งแอบกระซิบเค้าเอาของอย่างโน้นอย่างนี้อันนี้คือความเสียหายมันทำลายความสงบทำลายปัญญา มันไม่ใช่อนัตตา มันเป็นตัวเป็นตน

 

ให้ผู้มาบวชทั้งหลายรู้เข้าใจนะ ถ้าไม่รู้เข้าใจมันจะเสียหายมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะที่บวชอยู่วัดเราพากันคิดดูดี ๆ นะ ไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม เพียงแต่กรรมนั้นยังไม่สุกงอม

 

เราอย่าให้ญาติพี่น้องหรือพ่อแม่หรือเพื่อน ๆ แอบฝากเงินฝากสตางค์ไว้กับคนใดคนหนึ่งอันนี้คือว่าเป็นความไม่ถูกต้องถือว่าเป็นความผิด เรามาบวชมาปฏิบัติเราต้องหยุดสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่หยุดอย่างนี้เราก็ไม่ได้เข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด ต้องรู้หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม การไปรับกิจนิมนต์ที่เค้านิมนต์ไปฉันในบ้าน ไปฉันในอำเภอวาริน ในอำเภอเมืองอุบลฯ ได้ของมา ได้ปัจจัยมาก็เอามารวมไว้ส่วนรวม ไม่เป็นของของใคร เมื่อใครเจ็บป่วยไม่สบายจะได้ใช้ได้ในการไปหาหมอ

 

การไปหาหมอนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครไปหาหมอ ถ้าไม่ป่วยทางร่างกายจริง ๆ ถ้าไปหาหมอนี้ถือว่าเรื่องใหญ่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

ท่านพระอาจารย์ชา ท่านไม่ให้พระรับปัจจัย เรื่องกิจนิมนต์พระเลยไม่มีใครอยากจะไป เพราะไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้เงินไม่ได้สตางค์ จะมีพระจัดให้ใครไป ถ้าให้ใครสมัครไปไม่มีใครจะไป

 

เรื่องเงินเรื่องสตางค์เรื่องสตรีนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สตางค์สตรีนี้เป็นอสรพิษนะ เหมือนงูนี้แหละ งูพิษนี้แหละ เหมือนสัตว์ทุกชนิดเมื่อมีอาหารเกิดขึ้นมันจะทะเลาะกันทันทีเลย ไม่ว่าหมูเป็ดไก่ ช้างม้าวัวควาย มันทะเลาะกันในเรื่องอาหาร ตัวตนนี้แหละมันทะเลาะกันเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐกิจนี้มันเป็นสิ่งที่ดี

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ดี แต่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นทางสายกลางระหว่างเศรษฐกิจกับเรื่องจิตเรื่องใจ เพราะวัดหนองป่าพงนั้นสมัยท่านพระอาจารย์ชายังอยู่พากันปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถึงจะบวชตามเทศกาลเข้าพรรษาก็พากันปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะจุดสำคัญอยู่ที่ท่านพระอาจารย์ชา พาทำเป็นหลักเป็นตัวอย่าง

 

เรามาคิดดูดี ๆ เพราะความรู้เป็นคู่การประพฤติการปฏิบัติ ผู้ที่เป็นประธานสงฆ์ทั้งหลายต้องจับหลักให้ได้นะ ในการประพฤติการปฏิบัติต้องจับหลักให้ได้ ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรเป็นหลัก ให้รู้จักยาน ให้รู้จักสัญชาตญาณ

 

การเดินทางของชีวิตต้องรู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ท่านพระอาจารย์ชาก็จะบอกสอนพระธรรมพระวินัยเพื่อให้เกิดปัญญาสัมมาทิฏฐิ เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ทุกคนต้องพากันปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน อยู่กันพรรษาหนึ่งแทบจะไม่รู้ว่าใครชื่ออะไร เพราะไม่มีการคลุกคลีกัน ท่านพระอาจารย์ชาไม่ให้เดินไปเป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนหนุ่มสาว ท่านให้เดินห่าง ๆ กัน ๒๐ เมตร ๓๐ เมตร เวลาเดินกลับกุฏิ ไม่มีการคลุกคลีกัน ไม่มีการคลุกคลีเลย มีแต่ความสงบ ที่นั่นสงบ ไปอยู่ที่นั่นมันสงบไปแล้ว ๕๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะมองดูพระภิกษุสามเณรก็สงบ มองดูต้นไม้เขียวชอุ่มเขียวขจีก็สงบ เราเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติก็ยิ่งสงบ

 

พระภิกษุผู้มาบวชจะไม่มีใครต้องอาบัติสังฆฑิเสส เพราะท่านพระอาจารย์ชาสอนไม่ให้ตรึกในกาม ไม่ให้หมกมุ่นในกาม ไม่ให้หมกมุ่นในพยาบาท ท่านบอกระบบความคิดน่ะ คิดอย่างนี้ไม่ได้นะ คิดอย่างนี้มันกำหนัดยินดี คิดอย่างนี้ทำให้เจ้าโลกมันตื่นตัว เวลาสรงน้ำอย่างนี้ก็ท่านก็บอกสอนไว้ อย่าไปจับอวัยะเพศ ถ้าจับอวัยวะเพศของตัวเองก็ต้องมีสติ ให้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เรื่องตรึกในกามหมกมุ่นในกามเป็นสิ่งที่สำคัญ นิติบุคคลตัวตนให้รู้เข้าใจนะ นี้มันคือวัฏฏสงสาร มันเป็นครอบครัว

 

 ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราตรึกนึกคิดในเรื่องเพศตรงกันข้าม หรือสมัยใหม่นี้สุภาพสตรีก็ชอบกับสุภาพสตรี สุภาพบุรุษก็ชอบกับสุภาพบุรุษ อย่างนี้เรียกว่าตรึกในกาม ความคิดตรึกในกามมันเป็นนิติบุคคลตัวตน ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เรามาบวชก็ไม่ได้อะไรนะ ได้แต่บาปแต่กรรมแต่เวรแต่ภัย เพราะงบประมาณในการมาบวชมาจากภาษีอากรของประชาชนของมหาชน มาจากศรัทธาประชาชนที่เค้าทำความดี เค้าเสียสละ เพื่อให้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เรามาบวชมาปฏิบัติต้องให้เป็นประโยชน์ทั้งส่วนตัวและส่วนรวมของมหาชน

 

ที่วัดหนองป่าพงนั้นนะ น้ำปานะคือน้ำบอระเพ็ดนะ ทำวัตรเย็นเสร็จจะมีกาใหญ่ ๆ แล้วก็เดินแจกน้ำต้มบอระเพ็ด คนละค่อนแก้วเกือบเต็มแก้ว ไม่มีน้ำอ้อยน้ำตาลน้ำหวานน้ำผึ้งเหมือนปัจจุบันนี้นะ ปัจจุบันนี้แหละวัดเราน่ะ สี่โมงเย็นดื่มน้ำปานะ ดื่มน้ำปานะแทนอาหารเย็นเลย

 

เราต้องรู้เข้าใจนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระที่ผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีเค้าไม่ดื่มน้ำปานะนะ เค้าดื่มน้ำปานะเฉพาะเวลาป่วยเวลาเจ็บไข้ไม่สบายทานอาหารไม่ได้ เค้าถึงพากันดื่มน้ำปานะนะ เราไปคิดว่าไม่ดื่มน้ำปานะเราจะอยู่ได้อย่างไร ให้เรารู้เรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องจิตเรื่องใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ใจของเรานี้สำคัญมาก ถ้าได้ลงใจปลงใจแล้วใจก็จะสงบ เพราะใจมีปัญญา มันจะเป็นความสงบเป็นปัญญา

 

เราลองคิดดูดี ๆ นะ ผู้ที่มาบวชนี้ ฉันอาหารวันละ ๑ ครั้งไม่หิวอาหารนะ เพราะใจมันมีปัญญา ใจมีความคิดว่าอยากจะฉันก็ไม่ได้ฉัน เพราะเราฉันอาหารวันละ ๑ ครั้งจะไปคิดทำไม คิดแล้วก็ไม่ได้ฉัน เราคิดอย่างนี้มันเลยไม่หิวนะ ความคิดความปรุงแต่งให้เราเข้าใจนะ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะหยุดสัญชาตญาณนั้นไม่ได้ ถ้าเราคิดปรุงแต่งมันก็ย่อมมีทุกข์ทันที

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชท่านถึงตรัสว่าให้รู้ความจริง ให้รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราต้องรู้จักความพอดีความพอเพียงเพียงพอ เราอยากให้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่าเราอยากให้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า เราไม่อยากให้แก่ให้เจ็บให้ตายให้พลัดพรากมันก็เท่าเก่า มันจะเพิ่มทวีขึ้นอีกด้วยมันจะทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจ

 

เราต้องรู้เข้าใจในเรื่องความคิดความปรุงแต่ง มรรคมีองค์แปดถึงมีเรื่องความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้งองดำริออกจากกามออกจากพยาบาท เพราะกามคือตัวตนพยาบาทคือตัวตน เราทุกคนถึงต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด เราเอาความดีความถูกต้อง

 

เราพยายามระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราต้องลงใจให้พระพุทธพระธรรมพระอริยสงฆ์ ตัวตนเป็นที่ตั้งคือความไม่ลงใจนะ ตัวตนคือความไม่สงบ ตัวตนคือความไม่โอเคนะ

 

เราทั้งหลายอย่าพากันตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ของตัวเองนะ ต้องหยุดตามใจหยุดตามอารมณ์ เราต้องรู้เหตุรู้ปัจจัย รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราจะไปพระนิพพานเราต้องรู้เรื่องพระนิพพานนะ

 

เราทุกคนต้องรู้จักพระนิพพาน เราจะได้เอาตัวรอดในทางที่รอด ถ้าเราเอาตัวเอาตนคือบุคคลที่พลัดถิ่นนะ คือบุคคลไม่มีพระธรรมไม่มีพระวินัยไม่มีบ้าน ตัวตนคือคนไม่มีบ้าน ไม่มีแผ่นดิน พระธรรมพระวินัยเปรียบเสมือนแผ่นดินนะ แผ่นดินที่อยู่อาศัย เราไม่เอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติเราจะไม่มีแผ่นดินอยู่นะ เพราะตัวตนมันคือคนไม่มีบ้านคนพเนจรคนพลัดถิ่นไปหากินกับความหลง

 

เราทุกคนต้องเอาอุเบกขาวางเฉยต่อความอยากความไม่อยาก ต้องเอาความสงบและปัญญาเพื่อหยุดความอยากความไม่อยาก อุเบกขาวางเฉยนี้ต้องเข้มแข็ง เรามาบวชมาปฏิบัติธรรมเราต้องตัดเรื่องอดีตเรื่องพี่เรื่องน้องเรื่องญาติวงศ์ตระกูลเรื่องเพื่อนเรื่องฝูงเราต้องตัด ให้เอาธรรมเอาปัจจุบันธรรม มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้เสียเวลาพากันมาบวช

 

 เราอย่ามาเอาพระศาสนามาหาอยู่หาฉัน อย่าเอาพระศาสนาเพื่อไปโรงพยาบาล เราต้องละอายหมอละอายพยาบาลนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นโรคประสาทนะ เพราะตัวตนคือความไม่สงบ ตัวตนคือความไม่เพียงพอพอเพียง

 

เรามาบวชมาปฏิบัติปัจจุบันนี้แหละเค้ามองดูหน้าพระหน้าเณรหน้าชีในใจเค้าจะเป็นหน้าโจรลอยมาแล้วนะ ปัจจุบันนี้นะ เค้ากำลังมีคติว่า มีเปรตประจำบ้านประจำเมืองประจำหมู่บ้าน เรามาบวชมาปฏิบัติธรรมได้รับสิทธิพิเศษ บ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อทุกอย่างฟรีหมด

 

เราทั้งหลายต้องมาระลึกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านบำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านหลายล้านปีกว่าจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราต้องมาประพฤติปฏิบัติเข้าสู่ภาคบำบัด ถ้าไม่เช่นนั้นการเกิดเป็นมนุษย์ของเราก็จะพังทลายเช่นเดียวกันกับตึกสตง.นะ

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

ให้เราทั้งหลายระลึกถึงโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทสำคัญครั้งสุดท้ายไว้ว่า

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน

 

ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องปฏิจจสมุปบาทจะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความสงบและปัญญา ธรรมะนั้นถึงหยุดความปรุงแต่งได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

ให้เราเอาตัวอย่างแบบอย่างที่เรามองเห็นปฏิปทาดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญาของท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท เราจะได้บวชจะได้เป็นพุทธบริษัททั้งสี่ เราจะได้มีพระนิพพานบ้านของเรา รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐได้รับโอกาสพิเศษด้วยอายุขัยที่เกิดมาให้เรารู้ให้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเข้าสู่ภาคบำบัดอย่างนี้ถึงจะไม่เป็นเพียงนักปรัชญา จะได้เป็นพระพุทธศาสนาทั้งกายวาจากิริยามารยาทมารวมที่ใจ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ธรรมที่จะคุ้มครองเราก็ได้แก่หิริโอตตัปปะ เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ดังโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังโอวาทขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันศุกร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

 

 

 

 

รายการล่าสุดที่คุณดู
Visitors: 99,439