๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๑๕ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
เราทุกคนต้องรู้เรื่องของกรรม รู้เรื่องกฎแห่งกรรม รู้เรื่องผลของกรรม มีความรู้ความเข้าใจเป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันเป็นวาระสำคัญของการประพฤติการปฏิบัติ อดีตก็มารวมกันที่ปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตที่ยังไปไม่ถึงก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้เองคือการประพฤติการปฏิบัติของเรา เราต้องตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพระพรหม เป็นพระอริยเจ้าในปัจจุบัน จะได้เป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เราทุกคนจะได้เป็นคนที่ทันโลกทันสมัย มนุษย์เราที่เอาทั้งทางวิทยาศาสตร์ทางใจไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เพื่อให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ความสงบกับปัญญาจึงควบคู่กันไป ชีวิตที่รู้เข้าใจเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องผลของกรรม สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะจบลงไปเพียงผัสสะ จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา จะมีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ
เราทุกคนต้องพากันมาหยุดสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน สัญชาตญาณที่มีความยึดมั่นถือมั่นว่าธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะภายนอกภายใน ๑๒ นี้ ที่เป็นเราเป็นคนอื่น เราทั้งหลายต้องมาหยุด เราต้องรู้กรรม รู้กฎแห่งกรรม รู้ผลของกรรม ด้วยความรู้ความเข้าใจ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะจบลงเพียงผัสสะ ให้รู้เข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วยาม
เราทุกคนพากันมาเน้นที่ตัวเรา เรามานอนมาพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นฆราวาสผู้ที่ทำงานหนัก ผู้ที่ใช้แรงงานทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ ต้องพักผ่อนให้ได้วันละ ๖-๘ ชั่วโมง เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง การนอนการพักผ่อนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรานอนพักผ่อนไม่ได้มันก็ทานอาหารไม่ได้ เมื่อเรานอนพักผ่อนเพียงพอก็ทานอาหารได้ การทำการทำงานก็มีประสิทธิภาพ เป็นฆราวาสถึงต้องนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง เพื่อสุขภาพแข็งแรง ฆราวาสต้องนอนพักผ่อนวันละ ๖ ชั่วโมงถึง ๘ ชั่วโมง
ผู้ที่เป็นนักบวช ถือเพศพรหมจรรย์ ไม่ได้ทำธุรกิจหน้าที่การงานเหมือนฆราวาส ได้รับสิทธิพิเศษด้วยการภิกขาจารบิณฑบาตภัตตาหาร มีที่พักที่สะดวกสบาย มีหลักการในการพักผ่อนจำวัดวันละ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ไม่ทำงานหนักเหมือนฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมือง พักผ่อนจำวัดวันละ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมงก็เพียงพอ พระที่อยู่วัดบ้านวัดในเมือง พระที่อยู่วัดป่านอกบ้านนอกเมืองก็ทำอย่างเดียวกันปฏิบัติอย่างเดียวกัน พากันพักผ่อนพากันจำวัดวันละ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง
คำว่าพระให้ทุกคนรู้เข้าใจร่วมกัน คำว่าพระคือพระธรรมพระวินัย ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ทำตามพระธรรมพระวินัยเค้าเรียกว่าพระ พระนี้ถึงมีความสงบและปัญญา เป็นปัญญาและความสงบ การที่เรามองเห็นพระเห็นสมณะถึงเป็นมงคล มงคลนี้หมายถึงความพอดี เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา
พระนั้นคือที่รู้เข้าใจในเรื่องของกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องผลของกรรม เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ความรู้ความเข้าใจไม่ไปตามผัสสะ จบลงเพียงผัสสะ ไม่ประมาท ไม่หลง ไม่เพลิดเพลินในสิ่งที่มากระทบทางธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ ไม่หลงไปตามผัสสะ เห็นผัสสะนั้นเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมา เพื่อทำความดีเป็นบารมีเป็นคุณธรรม เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม รู้เรื่องของกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม รู้ผลของกรรม
ความเป็นพระนั้นเป็นได้ทุกชาติทุกศาสนา ทั้งฆราวาสผู้ครองเรืองทั้งนักบวช ถ้าเรารู้เข้าใจในเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม เป็นผู้รู้เข้าใจในความผิด เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เพราะความเป็นพระอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเน้นมาที่เรา เราถึงนอนถึงพักผ่อน ฆราวาสผู้ครองเรือนนอน ๖-๘ ชั่วโมง สมณะชีพราหมณ์นอน ๕,๖ ชั่วโมง
ในชีวิตประจำวันของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักการประพฤติการปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัตินั้นอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันตาหูจมูกลิ้นกายของเราอยู่ที่ไหนสัมผัสกับอะไรให้เราปฏิบัติที่นั่นด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะเป็นโจทย์เป็นข้อสอบ ต้องตอบด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราต้องเข้าถึงพระนิพพานความสงบและปัญญาในปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า เอาชาติปัจจุบันนี้แหละ ปัจจุบันเราไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร เราทุกคนจะได้รู้เข้าใจ จะไม่ได้เอาความหลงนำชีวิต จะไม่ได้เอาความผิดนำชีวิต
มนุษย์เราฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมือง พากันรับประทานอาหารวันละ ๓ เวลา เช้ากลางวันเย็น อาหารที่เรารับประทานเข้าไปสู่สรีระร่างกาย อาหารนั้นต้องได้มาจากการไม่เบียดเบียนคนอื่นสัตว์อื่น มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต
มนุษย์เราต้องละจากการเบียดเบียน เบียดเบียนทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่เอาความสุขจากความหลงจากการเบียดเบียน เพื่อจะได้ปล่อยวางให้ถูกต้อง อย่าไปปล่อยวางความถูกต้อง ความเป็นนิติบุคคลตัวตนเราจะเป็นคนไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป ด้วยความเพลิดเพลินด้วยความประมาท เราจะไปปล่อยวางสิ่งที่ถูกต้อง มันเป็นการเอาตัวรอดในสิ่งที่ไม่รอด มันรอดตายก็จริง แต่ไม่รอดบาปรอดกรรม รอดเวรรอดภัย
การที่เราจะบริโภคอะไรเข้าสู่สรีระร่างกาย เราต้องมีสติมีสัมปชัญญะ พ่อแม่บรรบุรุษของเราที่เป็นสามัญชน ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ได้เอาความหลงนำชีวิต ได้เอาความผิดนำชีวิต มีชีวิตอยู่ด้วยการเบียดเบียน ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดจาโกหกหลอกลวง บริโภคสิ่งเสพติดของมึนเมา
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะเอาความถูกใจเหนือความถูกต้องนั้นไม่ได้ คนโบราณที่ผ่านมาทำบาปทำกรรมตั้งแต่เด็กหนุ่มสาววัยกลาง เมื่อวัยชราก็หยุดทำบาปทำกรรมทำเวรทำภัย เกษียณทำบาปทำกรรมทำเวรทำภัย ให้ลูกให้หลานมาทำหน้าที่แทนต่อ มนุษย์เราผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราต้องรู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะทันโลกทันสมัย มนุษย์เราต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจในปัจจุบันให้ทันโลกทันสมัย เราทั้งหลายจะไม่ได้ทำบาปทั้งปวง ทำแต่ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เรื่องนี้แหละให้เราทุกคนเน้นที่ตัวเรา เน้นที่เจตนาที่ตัวเรา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ก่อนที่เราจะบริโภคอะไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้เราพิจารณาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อจะได้ไม่มีความผิด ความผิดก็เปรียบเสมือนยาพิษ ความสงบและปัญญาถึงต้องเอามาใช้ในปัจจุบัน เราต้องรู้เข้าใจ เพราะความปรุงแต่งนั้นมันทำให้เราเสียหาย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่หยุดวัฏฏสงสารได้ อยู่ที่เรารู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยนี้อยู่นอกเหตุเหนือผล อยู่เหนือความชอบใจอยู่เหนือความเสียหาย ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ไม่เพิ่มไม่ตัด เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี
เราคิดดูดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญา ให้เราว่างจากความปรุงแต่งเพื่อเกิดความสงบเกิดปัญญา ความสงบและปัญญาเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ทวนโลกทวนกระแส ไม่ไปตามโลกไม่ไปตามกระแส ไม่เอากามไม่เอาพยาบาทนำชีวิต ไม่เอาความผิดนำชีวิต ความผิดมันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เราทุกคนต้องรู้เข้าใจเพื่อเราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นฆราวาสผู้ครองเรือนครองบ้านครองเมืองก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต ผู้ที่เป็นนักบวชในศาสนาทุกศาสนาก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต เป็นพรหมจรรย์ เบื้องต้น ท่ามกลาง และสูงสุด สิ่งที่เรามองเห็นที่เป็นรูปแบบก็เป็นเพียงแบรนด์เนมทางภายนอก เป็นสัญลักษณ์ เป็นแบรนด์เนม แต่ทางจิตทางใจนั้นเหมือนกันทั้งฆราวาสทั้งนักบวช
สถาบันหลักของหมู่มวลมนุษย์ก็ได้แก่ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชาตินี้ก็หมายถึงความเกิด ชาติก็หมายถึงพระศาสนา พระมหากษัตริย์หมายถึงนามธรรม หมายถึงตัวปัญญา จะรวมกันเป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตาที่ย่อยออกมาเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นนิติศาสตร์ เป็นธรรมศาสตร์ เป็นธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช นี้คือกรรม กรรมคือการกระทำ ทั้งกายวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพมารวมที่ใจ มารวมที่เจตนานี้คือกรรม เราต้องรู้เข้าใจในเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม ผลของกรรมนั้นย่อมเป็นเงาตามตัว
เราทุกคนถึงมาเน้นที่ตัวของเราเอง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อให้เกิดความสงบเกิดปัญญา ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองไม่เบียดเบียนทั้งคนอื่น ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น มนุษย์เราต้องรู้เข้าใจ มนุษย์เราเกิดมาต้องมีความสงบมีปัญญา จะได้พากันมาเสียสละ เพื่อความเสียหายได้เกิดขึ้นแก่เราในการเวียนว่ายตายเกิด เราเกิดมาชาตินี้ให้เป็นชาติสุดท้ายในการเวียนว่ายตายเกิด
เรานอนพักผ่อนจำวัดให้เพียงพอ เราก็ต้องออกกำลังกายนะ การออกกำลังกายนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เราเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตนเราก็ไม่อยากออกกำลังกาย เราก็จะติดความสุขความสะดวกความสบายติดทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยเราก็ไม่อยากจะออกกำลังกาย มนุษย์เราทุกคนต้องพากันออกกำลังกายนะ การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ถ้าเราไม่ออกกำลังกายร่างกายจะแข็งแรงนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีเหตุไม่มีปัจจัยที่จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง
เราคิดดูดี ๆ นะ พระพุทธเจ้ายังออกกำลังกายเลย ที่พระพุทธเจ้าที่ท่านเดินจงกรมนั้นคือการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พระกรรมฐานอยู่ตามป่าตามเขา อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านหลายกิโล เวลาออกบิณฑบาตร่างกายจะแข็งแรง กลับมาวัดฉันภัตตาหาร เก็บบริขารท่านก็นั่งสมาธิ เพื่อให้ความสงบและปัญญาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะได้พิจารณาทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ท่านก็ออกกำลังกายเดินจงกรม พระวัดป่าพระกรรมฐาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วันหนึ่งท่านเดินจงกรมออกกำลังกายวันหนึ่งหลายชั่วโมงนะ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ต่อสู้กับโรคกับภัยเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
พระอยู่ที่วัดบ้านอยู่ในเมืองก็ต้องพากันออกกำลังกาย ถ้าไม่มีที่เดินจงกรมก็พากันทำโยคะอยู่ที่ห้องนอน อยู่ในที่มุงที่บัง สมัยโบราษฤาษีชีไพรเพื่อสุขภาพแข็งแรง เค้าจะพากันทำโยคะ เพื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรง
เราต้องมีระเบียบมีวินัยในการออกกำลังกาย ออกกำลังกายติดต่อต่อเนื่องเพื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรง จะได้เอาร่างกายไปประพฤติไปปฏิบัติธรรม การออกกำลังกายนั้นจะทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ เกิดทั้งความสงบเกิดปัญญานะ ตามสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เราทุกคนจะไม่อยากออกกำลังกาย สัญชาตญาณทุกคนจะไม่อยากทำงาน สัญชาตญาณทุกคนจะไม่อยากรักษาศีล ไม่อยากทำสมาธิ ไม่อยากเจริญปัญญา อยากจะปล่อยอะไรไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติก็จริงอยู่ แต่ธรรมชาติที่เป็นนิติบุคคลตัวตน มันไปตามผัสสะไปตามกระแส ไปตามธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะที่ ๑๒ เป็นธรรมชาติที่ไปตามกระแส ด้วยความรู้ความเข้าใจพระธรรมพระวินัยเป็นสิ่งที่ทวนโลกทวนกระแส ไม่ไปตามโลกตามกระแส ทั้งระบบความคิดคำพูดการกระทำกิริยามารยาทอาชีพตลอดถึงการออกกำลังกาย
การบริโภคปัจจัย ๔ ต้องทวนกระแส เราปล่อยอะไรตามอัธยาศัยคือการไม่ได้ปฏิบัติธรรมะนะ มันเป็นการปล่อยไปตามกระแส เป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นทั้งคำสั่งและคำสอน เป็นสิ่งที่มีแต่คุณมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษด้วยประการทั้งหลายทั้งปวง เป็นสิ่งที่ทวนโลกทวนกระแส
เราต้องรู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเราจะได้จบลงได้เพียงผัสสะ ด้วยความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายต้องทำให้ติดต่อต่อเนื่องด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
ให้เข้าใจเรื่องไก่ฟักไข่ ไก่ฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกมาเป็นไก่น้อย จะฟักด้วยแม่ของไก่หรือฟักด้วยไฟฟ้าก็ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์เช่นเดียวกัน
การประพฤติการปฏิบัติต้องทำให้ติดต่อต่อเนื่อง ถึงจะเป็นการจบลงเพียงผัสสะ ถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาถึงจะเป็นประภัสสร ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม จะเป็นประภัสสรด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นธรรมะสิ่งที่ทวนโลกทวนกระแส
เราพากันทำสิ่งภายนอกให้ได้ก่อน สิ่งภายนอกให้ตั้งใจตั้งเจตนาให้ได้ภายนอกเสียก่อน ใจยังไม่ได้ก็ให้กายมันได้ก่อน ให้กายวาจากิริยามารยาทมันได้ก่อนด้วยความตั้งใจตั้งเจตนามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะใจของเรามันเป็นนามธรรม มันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เราอาศัยกายวาจากิริยามารยาทอาชีพเป็นการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ต้องรู้เข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย เราจะไปปล่อยวางพระธรรมพระวินัยได้อย่างไร เพราะพระธรรมพระวินัยเป็นความถูกต้อง เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี
เบื้องต้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตามีความยึดมั่นถือมั่นในการประพฤติการปฏิบัติ นี้เป็นงานเป็นสัญชาตญาณที่นำเราออกจากวัฏฏสงสารให้เรารู้เข้าใจ เราจะเดินทางไกลทางบนบกทางอากาศทางน้ำเราก็ต้องมียาน มีรถมีเครื่องบินมีเรืออย่างนี้เรียกว่ายาน พระธรรมพระวินัยทั้งกายวาจากิริยามารยาทรวมลงที่ใจเป็นพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นี้คือยานเพื่อหยุดสัญชาตญาณ
เราต้องมีความมั่นถือมั่นถือมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยก็วางเพราะมันเกษียณไปแล้ว เราเป็นมนุษย์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นเทวดาผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระพรหมผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระอริยเจ้าผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ความดีและปัญญามันจะก้าวไปอย่างนี้
ธรรมะเป็นความดีอยู่นอกเหตุเหนือผลให้เรารู้เข้าใจ เราทำความดีอย่างนี้ถึงไม่หวังอะไรตอบแทน เราจะเดินจงกรมนั่งสมาธิรักษาประพฤติปฏิบัติธรรมช่วยเหลือบุคคลอื่นไม่หวังอะไรตอบแทนมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราจะได้ให้เกิดความสงบเกิดปัญญา ให้เรารู้ให้เข้าใจในเรื่องความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องก็คือความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องก็คือความผิด เราคิดดูดี ๆ นะ อย่าตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทยสูง ๓๐ กว่าชั้น
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต
เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง
มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้
ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ
เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ
พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ
เรามาระลึกนึกถึงปัจฉิมโอวาที่สำคัญในวาระสุดท้ายก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานท่านตรัสปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร
ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม
ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องปฏิจจสมุปบาทจะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความสงบและปัญญา ธรรมะนั้นถึงหยุดความปรุงแต่งได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
---------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันจันทร์ที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
