๒๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๒๓ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ระเบียบการประพฤติการปฏิบัติเพื่อคัดกรองสำหรับพระภิกษุสามเณรผู้ที่มาบวชมาประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมารามแห่งนี้
ผู้ที่มาบวชมาประพฤติมาปฏิบัติธรรม ต้องพากันรู้พากันเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอาข้อวัตรกิจวัตร เอาธุดงควัตร เป็นหลักการในการประพฤติในการปฏิบัติ
ผู้ที่มาอยู่สถานที่แห่งนี้ต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ข้อวัตรข้อปฏิบัติทุก ๆ ข้ออย่างละเอียดด้วยความตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนา ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ต้องพากันประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามระเบียบของวัด ตามกิจวัตรข้อวัตรที่ทางวัดกำหนดไว้ เพื่อเป็นกติกาในการประพฤติการปฏิบัติ ห้ามไม่ให้ใครบุคคลใดบุคคลหนึ่งทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย สถานที่แห่งนี้ไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ผู้ที่มาอยู่สถานที่แห่งนี้ต้องทำตามพระธรรมพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัติที่ทางวัดได้วางหลักการไว้
ให้เป็นสถานที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมตามพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่อนุโลมให้บุคคลใดคนหนึ่งทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย
จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียหาย ด้วยเหตุผลนี้จึงได้คัดกรองเอาเฉพาะผู้ที่ตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มีศีลเสมอกัน มีสมาธิเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน เพื่อสืบทอดต่อยอดพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้บุคคลใดคนหนึ่งมาแอบแฝง เอาพระศาสนาหาเลี้ยงชีพ ผู้ที่มาอยู่ประพฤติปฏิบัติธรรมต้องพากันรู้พากันเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้กตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุผลว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ให้การสนับสนุนผู้ที่มาบวชมาประพฤติปฏิบัติธรรมเงินนั้นมาจากภาษีอากรของประชาชน ทรัพยากรอีกส่วนหนึ่งได้มาจากศรัทธาของประชาชนที่เค้าทำความดีสร้างบารมี
เพื่อความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติธรรม เราต้องคัดกรองผู้ที่จะมาบวชมาประพฤติมาปฏิบัติธรรม ทุกคนต้องทำให้ได้ปฏิบัติให้ได้ ผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติธรรมในที่แห่งนี้ถึงมีทั้งคำสั่งคำสอน มีข้อกติกาในการประพฤติในการปฏิบัติ ให้ผู้ที่จะมาอยู่ทีนี่ให้รู้เข้าใจ ให้แน่ในว่าตัวเองจะประพฤติปฏิบัติได้ ถ้าคิดว่าปฏิบัติไม่ได้ทำตามไม่ได้ก็อย่าพากันมาบวช อย่าพากันมาอยู่ที่นี่ ให้เข้าใจว่า ไม่มีพระก็อย่าให้มันมีโจร ให้มันเจ๊ากันไป จะไม่ได้เสียงบประมาณแผ่นดิน จะไม่ได้เสียงบประมาณของศรัทธาประชาชน
ปัจจุบันนี้ที่เรามองดูแล้วรู้กัน เราได้เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ได้เอาความผิดนำชีวิต เราได้อนุโลมผ่อนปรน เอาความผิดนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตด้วยการผ่อนปรน เราต้องพากันรู้พากันเข้าใจ ว่าการอนุโลมการผ่อนปรนนี้ทำให้เสียหาย ทำให้พังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตึกทั้งหลายทั้งปวงมีอยู่ทั่วฟ้าเมืองไทย ตึกอะไร ๆ ก็ไม่พัง พังตั้งแต่ตึกเดียวคือตึก สตง. เพราะสาเหตุว่าเอาความผิดนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิต เอาทุจริจนำชีวิต การดำเนินชีวิตที่ประเสริฐของหมู่มวลมนุษย์ที่เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์พังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกับ ตึกสตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ประเทศไทยเรานี้แหละถึงต้องพังทลาย ด้วยการอนุโลมด้วยการผ่อนปรน
ให้เรารู้เข้าใจในทางสายกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจต้องไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เราทั้งหลายต้องตั้งอยู่ในสัมมาสมาธิด้วยความตั้งใจมั่น เราทั้งหลายจะเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาความสงบและปัญญานำชีวิต เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ จะไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม รู้จักผัสสะ รู้จักสิ่งแวดล้อม เราทั้งหลายจะได้เข้าสู่ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้กับการปฏิบัตินี้จะได้จบลงเพียงผัสสะ เราจะไม่ได้อนุโลมไม่ผ่อน ไม่ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินไม่ตั้งอยู่ในความหลงไม่ตั้งอยู่ในความประมาท เราทุกคนต้องแน่ใจ มั่นใจ เป็นสัมมาสมาธิ เป็นองค์มรรคเป็นประธาน
การประพฤติการปฏิบัติของเรา เรารู้เข้าใจ เราจะไม่ผ่อนปรน เราจะไม่อนุโลม เอาปัจจุบันเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเหตุผลว่าอดีตก็มาอยู่ที่ปัจจุบันแล้ว อนาคตที่ไปข้างหน้าก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้เอง การประพฤติการปฏิบัติมันต้องเข้าถึงปัจจุบันและอนาคตด้วยความรู้ความเข้าใจเรื่องกระบวนการของกระแสปฏิจจสมุปบาท เราต้องรู้เข้าใจ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เป็นประโยชน์เดี๋ยวนี้และอนาคต เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เป็นธรรมะอยู่ที่นอกเหตุเหนือผล เหนือความปรุงแต่งของเราให้รู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยนี้มายกเลิกความปรุงแต่งนะ เราต้องรู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยนี้เป็นสิ่งพอดี เป็นสิ่งที่พอเพียงเพียงพอไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัด เป็นประภัสสร เป็นความสงบและปัญญา เป็นอนัตตา ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน เราทั้งหลายถึงไม่มีคำว่าผ่อนปรน ไม่มีคำว่าอนุโลม เพื่อเราจะเอาพระธรรมเอาพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เป็นทั้งคำสั่งทั้งสอน
ให้เรารู้เข้าใจว่าอันนี้คือความถูกต้อง อันนี้คือความสงบและปัญญา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล อยู่เหนือความปรุงแต่งของเรา ให้เรารู้เข้าใจ นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ต้องปรับทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่ความถูกต้อง อย่าเอาความถูกต้องเป็นตัวเป็นตน ต้องเอาความถูกต้องให้เกิดความสงบ อย่าให้ความถูกต้องนั้นเป็นภพเป็นชาติ ให้จบลงเพียงผัสสะ อย่าให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น ว่าตัวเองดีกว่าเค้า ตัวเองเก่งกว่าเค้า ตัวเองฉลาดกว่าเค้า ตัวเองมีเพาเวอร์กว่าเค้า ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ที่อยู่นอกเหตุเหนือผล เพราะความดับทุกข์ เราต้องรู้เข้าใจ มันอยู่ที่รู้เข้าใจ มันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล
ให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายรู้เข้าใจ นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจะได้พากันมาเสียสละ มาเรียนหนังสือก็เพื่อพากันมาเสียสละในการเรียนการศึกษา มาทำงานก็เพื่อพากันมาเสียสละในการทำงาน เพราะเราทุกคนมีตัวมีตน มีความขี้เกียจขี้คร้าน เราทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ
เราทั้งหลายต้องพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเสียสละ การเสียสละนี้มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบัน มันจะเป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ถูกอวิชชาความหลงครอบงำ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาใช้เวลาตั้งหลายล้านปี หลายล้านชาติ หลายอสงไขย ให้เรารู้เข้าใจท่านมาเสียสละไม่หวังอะไรตอบแทนเป็นปิติเป็นความเป็นเอกัคคตา เราทั้งหลายต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิมีความรู้ความเข้าใจ ว่าเราทั้งหลายต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต เอาพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้า คือพระธรรมคำสั่งสอน เอาพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี ไม่หวังอะไรตอบแทน
เราทั้งหลายพากันมาลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ท่านเอาธรรมนำชีวิต เอาความสงบและปัญญานำชีวิต เราพากันมากตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรามากตัญญูกตเวทีในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระธรรมพระวินัยเป็นคุณสมบัติของคนดีของผู้ดีผู้มีความสงบมีปัญญา พระธรรมพระวินัยเป็นคุณสมบัติของผู้ดีคนดี ความกตัญญูกตเวทีเอาพระธรรมคำสั่งสอนนำชีวิต เป็นคุณสมบัติของคนดี เราทั้งหลายต้องพากันตั้งใจตั้งเจตนาทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจต้องเป็นผู้ตั้งมั่นในพระธรรมพระวินัยในเรื่องความกตัญญูกตเวที
ประธานสงฆ์วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมารามแห่งนี้ จึงได้คัดกรองกลั่นกรองเอาผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทมาบวชในอาวาสนี้ คัดกรองเอาพระภิกษุภิกษุณีสามเณรสามเณรี อุบาสกอุบาสิกา ทั้งผู้ที่อยู่ประจำทั้งผู้ที่เป็นอาคันตุกะที่สัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วยาม เพื่อจะได้ประพฤติเพื่อจะได้ปฏิบัติไปในทางหนึ่งทางเดียวกัน เพื่อมีศีลเสมอกัน มีสมาธิเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน มีจุดมุ่งหมายที่เป็นพระนิพพานในปัจจุบันและพระนิพพานในอนาคต เราทุกคนต้องรู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยเป็นทางสายกลาง ไม่มีความปรุงแต่ง เป็นธรรมะอยู่นอกเหตุเหนือผล อยู่เหนือความปรุงแต่งของเรา
ผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติธรรม ณ วัดป่าทรัพย์ทวีฯ แห่งนี้ ต้องรู้เข้าใจว่า สถานที่แห่งนี้เค้าพากันประพฤติพากันปฏิบัติอย่างนี้ ถ้าจะมาอยู่ที่นี่ก็ต้องปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรอย่างนี้แหละ เพื่อเข้าสู่มาตรฐานของผู้ที่จะมาอยู่ที่นี่ปฏิบัติที่นี่
ผู้ที่จะมาอยู่ที่นี่และกำลังปฏิบัติอยู่ที่นี่ ผู้ที่จะมาอยู่ผู้ที่อยู่ต้องแน่ใจมั่นว่าตัวเองจะต้องปฏิบัติให้ได้ ต้องพากันแน่ใจในใจตนเองว่า ตนเองจะประพฤติปฏิบัติได้ ในใจของเราต้องไม่มีความลังเลสงสัยว่าเราจะปฏิบัติไม่ได้ เราต้องแน่ใจว่าเราปฏิบัติได้ ต้องมีความตั้งมั่นความตั้งใจมั่น เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการประพฤติการปฏิบัติ
ความตั้งใจมั่น ตั้งใจตั้งเจตนาเป็นสัมมาสมาธิ เป็นธรรมะอยู่นอกเหตุเหนือผลอยู่เหนือความปรุงแต่ง
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราทุกคนจะได้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ ให้เอาพระธรรมพระวินัยให้เป็นหลักการอยู่ที่นอกเหตุเหนือผล เหนือความปรุงแต่ง เพราะเราต้องรู้เข้าใจ พระธรรมพระธรรมวินัยอยู่นอกเหตุเหนือผลเหนือความปรุงแต่ง เราต้องรู้เข้าใจว่าธรรมะ พระธรรมพระวินัยอยู่ในความพอเพียงเพียงพอ อยู่ในความพอดี เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผลอยู่เหนือความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมารามแห่งนี้ได้ประมวลการประพฤติการปฏิบัติที่ผ่านมา ได้มองเห็นความผิดพลาด ได้มองเห็นความประมาท และมองเห็นความเสียหายที่เราทั้งหลายได้พากันลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ ได้อนุโลมได้ผ่อนปรนในความไม่ถูกต้อง นี้มันเสียหาย เรารู้เข้าใจ ถึงได้ตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนา คัดกรองกลั่นกรอง เพื่อให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เอาความผิดพลาดที่ผ่านมามาแก้ไขให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นพระธรรมเป็นพระวินัยเป็นปัจจุบันธรรมเพื่อให้เป็นประโยชน์ในปัจจุบันและโอกาสต่อไป ด้วยบารมีด้วยความดีประกอบด้วยปัญญา ด้วยปัญญาประกอบด้วยความดี ไม่ลูบคลำในปฏิปทา ในศีลข้อวัตรปฏิบัติ
จะพากันประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ทุก ๆ สิกขาบทตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ เพื่อเป็นทางสายกลางนำชีวิต เพื่อไม่ลูบคลำในศีลข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติเป็นข้อวัตรกิจวัตร เพื่อไม่ลูบคลำในศีลข้อวัตรปฏิบัติ เป็นหลักการอุดมการณ์ในการประพฤติการปฏิบัติ ทำอะไรเหมือน ๆ กันทุก ๆ คนไม่มีใครยกเว้น ทำอะไรก็พร้อมเพรียงกันทำ เลิกก็พร้อมเพรียงกันเลิก ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยเหมือนวัดทั้งหลายทั่ว ๆ ไป เพื่อเป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ พร้อมกันทำพร้อมกันเลิก เช่น ออกภิกขาจารบิณฑบาตพร้อมกันทุก ๆ รูป ฉันอาหารในบาตรทุก ๆ รูป ฉันวันหนึ่งเพียงหนเดียว ฉันร่วมรวมกันที่ศาลาในศาลา ฉันน้ำปานะร่วมรวมในที่เดียวกันที่ศาลา
วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้พระภิกษุสามเณรสูบบุหรี่เคี้ยวหมาก ผู้ที่อยู่วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ต้องไม่สูบบุหรี่เคี้ยวหมาก ผู้ที่สูบบุหรี่เคี้ยวหมากมาอยู่วัดป่าทรัพย์ทวีฯ แห่งนี้ไม่ได้ เพราะการสูบบุหรี่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ดี ทำให้อากาศเสีย ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น การเคี้ยวหมากถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันเป็นสิ่งที่สกปรก พระรุ่นเก่าสมัยก่อนสมัยเก่าสมัยโบราณพากันเคี้ยวหมาก เป็นสิ่งที่สกปรก เป็นสิ่งเสพติด ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยจะมีใครเคี้ยวหมากกันแล้ว ถ้าใครทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ไม่ให้อยู่ที่อยู่วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ ผู้ที่สูบบุหรี่เคี้ยวหมากจะมาอยู่วัดป่าทรัพย์ทวีฯ แห่งนี้ไม่ได้ ต้องไปอยู่ที่อื่น
กุลบุตรลูกหลานที่มาบวช ณ วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ ถ้าใครติดบุหรี่ก็ให้เตรียมตัวมายกเลิกการสูบบุหรี่ ถ้าทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ก็อย่าพากันมาบวช
พระภิกษุสามเณรที่มาอยู่วัดป่าทรัพย์ทวีฯ ไม่มีโทรศัพท์มือถือไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นของส่วนตัว เพราะสาเหตุว่าการมีโทรศัพท์มือถือใช้โทรศัพท์มือถือเป็นความเสียหายมากกว่าคุณประโยชน์ เป็นสาเหตุที่นำสิ่งภายในออก นำสิ่งภายนอกเข้า จะอนุญาตให้ผู้ที่ทำการสงฆ์ใช้โทรศัพท์ได้เพียงบางครั้งบางครั้ง เพื่อใช้ในความจำเป็น ด้วยความเห็นชอบความไว้วางใจของครูบาอาจารย์ว่าพระรูปนี้เป็นผู้ที่ถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุญาตให้ใช้ได้เมื่อคราวจำเป็นเท่านั้น
วัดป่าทรัพย์ทวีฯแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้พระภิกษุสามเณรรูปใดรูปหนึ่งนำอาหารไปฉันที่กุฏิที่พักที่อาศัยของตนเอง นอกจากภิกษุรูปนั้นอาพาธจริง ๆ อาพาธจริง ๆ ทางร่างกายนะ ไม่ใช่ใจอาพาธ ต้องให้ใจอาพาธ เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแบบอย่างในทางที่ไม่ดีในความไม่ถูกต้อง เพราะปกติแล้วทุกคนก็ใจอ่อนอยู่แล้ว จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยหลาย ๆ คนพากันทำตามกัน ด้วยเหตุผลนี้ถึงห้ามพระภิกษุไปฉันอาหารที่กุฏิที่พัก
ห้ามไม่ให้ภิกษุสามเณรรูปใดรูปหนึ่งเก็บอาหารที่กุฏิที่พัก เก็บน้ำปานะในที่พัก ไม่ให้เก็บสังฆทานไว้ที่กุฏิที่พักที่อาศัย ที่พักของผู้มาประพฤติปฏิบัติธรรมต้องมีเพียงผ้าจีวร บาตร ยารักษาโรคเท่าที่จำเป็น ให้เก็บได้เพียงเท่านี้
ผู้ที่พักอาศัยประพฤติปฏิบัติธรรม ห้องนอนห้องน้ำห้องสุขาต้องรักษาความสะอาด ห้องนอนต้องสะอาด ห้องน้ำห้องสุขาต้องสะอาด ต้องทำความสะอาดทุก ๆ วัน ไม่ให้มีกลิ่นเหม็นกลิ่นอับ ต้องเก็บของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยทุก ๆ วัน ไม่ปล่อยปะละเลยที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ อย่าไปคิดว่านี้มันเป็นที่ส่วนตัว ไม่มีใครมารู้มาเห็น ผู้ประพฤติปฏิบัตะรรมต้องเข้าใจต้องไม่มีความรู้สึกอย่างนั้น
อย่าไปคิดว่าตัวเองนี้เป็นผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง ความคิดอย่างนั้นมันเป็นมิจฉาทิฏฐิมันเป็นตัวเป็นตนมันเป็นเป็นเพื่อสะสมกองกิเลสมันเป็นการปล่อยปะละเลยเอาความผิดนำชีวิตเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตเราอย่าไปถืออภิสิทธิ์อย่างนั้นเอาความหลงอย่างนั้นมมาเป็นการปล่อยวาง มันเป็นการปล่อยปะละเลย เราอย่าไปปล่อยวางข้อวัตรข้อปฏิบัติ ปล่อยวางข้อวัตรข้อปฏิบัติมันไม่ได้ ข้อวัตรปฏิบัตินั้นมันเป็นยาน เพื่อหยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน นี้มันไม่ใช่คนประพฤติปฏิบัติธรรมชั้นสูงมันเป็นคนปฏิบัติธรรมชั้นต่ำ มันเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างสุด ๆ เราอย่ามีความคิดเห็นที่ผิด ๆ เพราะเราบวชมาเพื่อมาปล่อยมาวาง นั้นเป็นการปล่อยวางความถูกต้อง ปล่อยวางข้อวัตรกิจวัตร นี้เป็นความเสียหายนะ มันเป็นการพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั่นแหละ
ให้เรารู้ให้เราเข้าใจ นั้นมันเป็นนิติบุคคล เป็นตัวเป็นตน ให้เราทุกคนรู้เข้าใจนี้มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเป็นความถูกต้อง เห็นความถูกต้องเป็นความผิด เราอย่าไปคิดว่าเราบวชมาเพื่อมาปล่อยมาวาง อันนั้นมันปล่อยวางความถูกต้อง ปล่อยวางพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติ นี้มันเป็นความเสียหายมาก ๆ ไม่มีอะไรที่จะเสียหายไปมากกว่ามิจฉาทิฏฐิที่มีความเห็นผิดมีความเห็นไม่ถูกต้องแล้วปฏิบัติไม่ถูกต้อง ไปคนละทางเลยกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไปทางหนึ่งแต่เราไปอีกทางหนึ่ง
เราทั้งหลายต้องพากันรู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ รู้ว่าพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ล้วนแต่เป็นคุณเป็นสิ่งที่มีอุปการคุณอย่างมาก ๆ ให้เรารู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยเป็นยานที่จะนำมาเราไป เราจะเดินทางไกลก็ต้องอาศัยเท้า ๒ ข้าง มนุษย์สมัยใหม่เค้าเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เข้าใจเรื่องจิตเรื่องใจ ต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราต้องก้าวไปด้วยยานคือพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร เค้าจะเดินทางไกลเค้าต้องอาศัยเรือ อาศัยรถ อาศัยเครื่องบินเพื่อเป็นยานนำเราไป ความรู้ไม่ใช่เพียงความรู้กับความฉลาด ต้องเอาความรู้นั้นมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อหยุดสัญชาตญาณด้วยความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัติ
เราอย่าไปคิดว่าบวชมาเพื่อมาปล่อยมาวาง ให้เรารู้เข้าใจนะ ว่าอันนั้นคือมิจฉาทิฏฐิ นั้นคือความเสียหาย
ปล่อยวางอย่างนี้เรียกว่ามิจฉาทิฏฐินะ ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมชั้นสูง มันเป็นการปฏิบัติธรรมชั้นต่ำหรือว่าตกต่ำอย่างสุด ๆ มันเป็นอบายมุขอบายภูมิ มันเป็นชั้นต่ำอย่างสุด ๆ ธรรมะเป็นสิ่งที่รู้เข้าใจเรื่องอริยสัจสี่ เรื่องรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เพื่อหยุดกระแส ไม่ไปตามกระแส องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราหยุดลงด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้มันหยุดลงเพียงผัสสะ ให้รู้ให้เข้าใจเพื่อจะหยุดความปรุงแต่ง เพราะธรรมวินัยให้เรารู้ให้เข้าใจ มันอยู่นอกเหตุเหนือผลของเรา เราจะเอาเหตุเอาผลของเราไปตัดสินนั้นไม่ได้
ให้เรารู้เข้าใจว่าธรรมะนั้นอยู่นอกเหตุเหนือผล เราไม่ต้องไปเพิ่ม ไม่ต้องไปตัด เราต้องเข้าใจลงใจในพระธรรมพระวินัย ว่าพระธรรมพระวินัยนั้นอยู่นอกเหตุเหนือผล อยู่นอกเหนือความปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น ทางวิทยาศาสตร์ทางเหตุทางผลนั้นดีแล้วถูกต้องแล้ว เพื่อเหตุเพื่อปัจจัยทั้งฝ่ายวัตถุทางวิทยาศาสตร์ ใจของเราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราทำความดีถึงต้องทำความดีด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ถึงจะเข้าถึงทำถึงปัจจุบันธรรม ถึงจะเป็นการปล่อยวางที่ถูกต้อง ถึงจะเข้าถึงปัจจุบันธรรม เข้าถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่น เรื่องสักกายทิฏฐิ เรื่องถือตัวถือตนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
มนุษย์เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ต้องละมานะละทิฏฐิต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงจะเข้าถึงความสงบเข้าถึงปัญญา ถึงจะหยุดอัตตาตัวตนด้วยมรรคาด้วยหนทางที่ประเสริฐ เราทั้งหลายถึงจะเข้าถึงความสงบเข้าถึงปัญญา ถึงจะหยุดสัญชาตญาณ หยุดความปรุงแต่งของตัวเองได้ เรานี้แหละมันมีทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน
เราทุกคนพากันมาบวชมาประพฤติมาปฏิบัติธรรม ต้องรู้เข้าใจ เราจะได้หยุดสัญชาตญาณที่เป็นมิจฉาทิฏฐิที่เป็นอัตตาตัวตน ด้วยการมาลดมานะละทิฏฐิ มาอ่อนน้อมถ่อมตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ท่านถึงให้เราคบกับบัณฑิต บัณฑิตก็มีใครล่ะ บัณฑิตก็มีพระพุทธเจ้า บัณฑิตก็คือพระอรหันต์ บัณฑิตคือพระธรรมพระวินัยความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในประพฤติการปฏิบัติ ด้วยเหตุผลนี้เราต้องเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติ เราจะไปถือทิฏฐิมานะอัตตาตัวตนนั้นไม่ได้
เราทั้งหลายพากันมาเน้นที่ตัวเรา เพื่อจะเจริญสติเอาพระธรรมพระวินัยด้วยการตั้งใจตั้งเจตนาเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีที่ลังที่แจ้ง เราเข้าถึงความสงบปัญญา ยกเลิกสักกายทิฏฐิ ยกเลิกตัวตน เราคิดดูดี ๆ สิ ตัวตนนี้มันไม่อยากคบบัณฑิตนะ
เราคิดดูดี ๆ สิ เช่น พระองค์ไหนหรือคนคนไหนมันอยู่ในภพภูมิเดียวกันมันจะชอบไปหากัน เราทั้งหลายพากันสังเกตุดูสิ คนไหนนิสัยมันเป็นอย่างไรมันชอบไปหากัน ขี้เหล้าก็ชอบไปหาขี้เหล้า ขี้เบียร์ก็ชอบไปหาขี้เบียร์ ขี้การพนันก็ไปหาการพนัน มันจะไปหากัน มันเป็นสายแร่เลย สายแร่ดีบุกมันก็มีอยู่ สายแร่พวง สายแร่สังกะสี สายแร่อะไรต่าง ๆ มันจะไปหากัน คือมันภพภูมิอันเดียวกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่าสิ่งที่เป็นมงคลที่สุดก็คือบัณฑิต บัณฑิตไม่ใช่พวกเรียนจบมหาวิทยาลัยดัง ๆ ของโลกนะ บัณฑิตคือต้องจบมหาวิทยาลัยดัง ๆ ของโลกพร้อมทั้งมีความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ เอาทั้งทางวิทยาศาสตร์เอาทั้งใจไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พัฒนาทางสายกลางเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
การประพฤติการปฏิบัติเราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไปตามใจตามอารมณ์ตามความรู้สึกตามสัญชาตญาณนั้นไม่ได้ เราต้องเข้าสู่หลักการ หลักวิชาการ อุดมการณ์อุดมธรรม เน้นที่ปัจจุบัน เราทุกคนเน้นที่สติเน้นที่สัมปชัญญะ เน้นที่ตัวเรานี้แหละ ให้เราทุกคนจับหลักจับประเด็นให้ได้ ต้องปล่อยวางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าไปปล่อยวางพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร สิ่งที่มีแต่คุณมีแต่ประโยชน์ เราต้องเข้าใจ เราจะไปปล่อยวางได้อย่างไร
ให้เราพากันรู้เข้าใจเรื่องการปล่อยวางนะ ถ้าเราไม่เข้าใจแล้วมันจะเป็นมิจฉาทิฏฐิ ปล่อยว่างความดี ปล่อยวางพระธรรมพระวินัย นี้มันเป็นความเสียหายมากนะ เสียหายมากจริง ๆ
ปล่อยวางความดี ปล่อยวางบารมี ปล่อยวางคุณธรรม นี้มันเสียหายมาก เสียหายจริง ๆ สิ่งอันนี้มันทำให้จิตใจสกปรก ให้วาจากิริยามารยาทใจมันสกปรกมันสะท้อนให้เห็น กุฏิที่พัก ห้องน้ำห้องสุขาอะไรก็สกปรกไปหมด เหม็นทั้งนอกทั้งใน เหม็นทั้ง ๓ แดนโลกธาตุเลย ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนท่านว่าอย่างนั้น
ผู้ที่มาประพฤติมาปฏิบัติ ใจเรายังไม่ถึงขั้นสูงสุด ก็ให้เอากายวาจากิริยามารยาท เอาพระธรรมพระวินัยเอาข้อวัตรข้อปฏิบัติให้มันได้ เราต้องตั้งใจตั้งเจตนา ต้องสมาทานเข้าสู่ระบบความคิดคำพูดการกระทำกิริยามารยาทเพื่อติดต่อต่อเนื่องกันเป็นกระบวนการ เหมือนกระแสไฟฟ้า เหมือนกระแสน้ำ เหมือนกระแสของลม มันต้องเข้าสู่ขบวนการ เข้าสู่หลักการ ตัวตนมันส่งกลิ่นเหม็นนะ ถ้าหลายวันมันก็เหม็นยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ที่พักที่อาศัยห้องน้ำห้องสุขาสกปรกรกรุงรัง เพราะการปล่อยวางไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลนี้เราทั้งหลายถึงมาเจริญสติสัมปชัญญะ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจต้องทวนกระแสไม่ไปตามกระแส สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะต้องให้มันดับลงได้เพียงผัสสะ ไม่ให้อวิชชาความหลงมันปรุงแต่งเราได้ เพราะเราต้องรู้เข้าใจว่าธรรมวินัยนี้มันอยู่นอกเหตุเหนือผล เป็นสิ่งที่ต้องหยุดความปรุงแต่งเราด้วยความรู้ความเข้าใจ
การเจริญสติสัมปชัญญะนั้นมาจากปัญญาสัมมาทิฏฐิที่เป็นความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนั้นมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เรารู้เข้าใจว่าการกระทำของเราน่ะ เรื่องทางกายวาจากิริยามารยาทใจนั้นมันทำได้ทีละอย่าง ถ้าเรารู้เข้าใจ เราพากันเจริญสติสัมปชัญญะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็ต้องดับลงที่ผัสสะ ด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติถึงมาจากปัญญาสัมมาทิฏฐิ เพื่อปล่อยวางตัวปล่อยวางตน เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องทั้งกายวาจากิริยามารยาทรวมลงที่ใจด้วยการเจริญสติสัมปชัญญะ ถึงจะเกิดความสงบที่แท้จริง เกิดปัญญาที่แท้จริง มันถึงจะเป็นความสงบที่เกิดจากปัญญา ถึงเป็นปัญญาคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มันจะเป็นความสงบเป็นความเคารพเป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี มันจะเป็นความกตัญญูกตเวทีรู้จักความเป็นประภัสสร รู้จักสิ่งที่จรไปจรมาชั่วครู่ชั่วยามอันนั้นเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมา ความรู้ความเข้าใจเราอาศัยพระธรรมพระวินัยเพื่อมาเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติเพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นการปล่อยวางที่ถูกต้อง ด้วยอาศัยหลักการ อาศัยพระธรรมพระวินัย เอาพระธรรพระวินัยควบคู่กันไป เราจะเอาแต่พระธรรมก็ไม่ได้ต้องเอาพระวินัยควบคู่กันไป เราจะเอาพระวินัยก็ไม่ได้ต้องเอาพระธรรมควบคู่กันไป พระธรรมพระวินัยถึงเป็นสติปัฏฐานเพราะว่ามีกรรมเป็นพื้นฐาน ถ้าเรามีปัญญาพร้อมการประพฤติการปฏิบัติก็จะเป็นสติปัฏฐาน
เรามีแต่พระธรรม เราจะเอาตั้งแต่พระธรรมนั้นไม่ได้ เราต้องเอาทั้งพระธรรมทั้งพระวินัยไปพร้อม ๆ กันถึงจะเข้าถึงความพอดีความพอเพียง
เรามีพระวินัยเอาจะเอาแต่พระวินัยเราไม่ได้ เราต้องเอาธรรมะควบคู่กันไป พระธรรมพระวินัยเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป
ถ้าไม่ควบคู่กันไปมันไปไม่ได้ เพราะพระธรรมกับพระวินัยมันจะหยุดความปรุงแต่ง มันจะอยู่นอกเหตุเหนือผล ให้เรารู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยคือการทำที่สุดแห่งทุกข์ หยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ
พระธรรมพระวินัยถึงไปพร้อม ๆ กัน จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เราทั้งหลายมีศีลมีสมาธิมีปัญญา เราพากันมาสมัครสมานสามัคคี เอาความดีบริสุทธิคุณ เอาปัญญาบริสุทธิคุณ มีความเห็นไปในทางเดียวกัน มีการประพฤติการปฏิบัติไปในทางเดียวกัน เพื่อเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อเอาทั้งพระธรรมเอาทั้งพระวินัย เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม สัมมาสมาธิคือความตั้งใจมั่นชอบด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิจะเป็นประธานในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะสัมมาสมาธินี้แหละจะหยุดนิวรณ์ทั้ง ๕ หยุดอคติทั้ง ๔ ใจเราถึงจะหยุดเรื่องอดีต ใจของเราถึงจะอยู่กับปัจจุบัน ถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ใจของเราจะรู้เข้าใจ สิ่งทั้งหลายจะได้ดับลงเพียงผัสสะ
ผู้ประพฤติปฏิบัติต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง เราทั้งหลายจะพากันใจอ่อนนั้นไม่ได้นะ สัมมาสมาธิต้องตั้งมั่นตั้งเข้มแข็ง เพราะปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ อดีตก็มารวมที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็มารวมลงที่ปัจจุบัน ถ้าเราไม่มีสัมมาทิฏฐิความตั้งใจมั่นชอบด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ ชีวิตของเราการประพฤติการปฏิบัติของเรามันก็สูญเปล่า มันก็ล้มละลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึกสตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
เราทุกคนจะเป็นผู้มีศีลเป็นผู้มีสมาธิเป็นผู้มีปัญญา เราทั้งหลายพากันมารู้เข้าใจพากันมาสมัครสมานสามัคคี เพื่อเอาความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาที่ประกอบด้วยความดีด้วยสัมมาทิฏฐิที่มีความตั้งมั่นด้วยสัมมาสมาธิ เพื่อคอนโทรลในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดับลงเพีงผัสสะ
เราทุกคนน่ะ มาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ เพราะเราทุกคนมีสิทธิเสรีภาพพอ ๆ กัน ไม่มีใครมากใครน้อยกว่ากัน เรามามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะโอกาสดีโอกาสทองเป็นของเราแล้ว เราอย่าไปเอาความผิดนำชีวิต ต้องเอาปัญญาสัมมาทิฏฐิ เพราะเราต้องรู้เข้าใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นสิ่งชั่วครู่ชั่วยาม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเมตตาบอกหนทางดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ ว่าหลักการพระธรรมพระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายอสงไขยหลายล้านชาตินี้เป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ พระธรรมพระวินัยนี้เป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เรารู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่ปัจจุบัน ท่านได้ตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน
ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องปฏิจจสมุปบาทจะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความสงบและปัญญา ธรรมะนั้นถึงหยุดความปรุงแต่งได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันอังคารที่ ๒๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
