๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕  ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๑๖

 

ทุกชาติทุกศาสนาก็ปฏิบัติไปในทางแนวเดียวกันกันสิ่งเดียวกันเพื่อพัฒนาทั้งใจพัฒนาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่สำคัญ ส่วนที่สำคัญอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ถ้าเรามีความเห็นไม่ถูกต้อง มีความเข้าใจไม่ถูกต้อง เราจะปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นไม่ได้

 

มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ ต้องพากันมารู้เรื่องทุกข์ เรื่องเหตุเกิดทุกข์ เรื่องข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราจะได้ปฏิบัติเป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุต้องไปทางสายกลาง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน อดีตทั้งหมดก็มารวมกันที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็มารวมกันอยู่ที่ปัจจุบันนี้แล้ว ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เราอยู่ที่ไหน เป็นใครก็ทำได้ปฏิบัติได้ เพราะเราทุก ๆ คนปฏิบัติที่เราเอง ไม่ได้ปฏิบัติที่คนอื่น ด้วยเหตุผลนี้มนุษย์เราถึงต้องเอาธรรมนำชีวิต จะได้เป็นทางสายกลาง

 

เราคิดดูดี ๆ มนุษย์เราสมัยใหม่นี้ดี เพราะเราพัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ พัฒนาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เพียงแต่เรารู้เข้าใจ มีหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัตินั้นต้องปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง เหมือนรายการดี ๆ ต่าง ๆ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ให้ประชาชนมหาชนได้ดูรายการนั้น รายการนั้นก็ย่อมมีผู้ที่หวังผลประโยชน์ตอบแทนมาเช่าเพื่อโฆษณาสินค้าต่าง ๆ นานาเพื่อจำหน่ายสิ่งของ

 

เราทุกคนพากันให้รู้ให้เข้าใจ ว่าการเรียนการศึกษาเพื่อความรู้เพื่อความเข้าใจ เราทั้งหลายต้องพากันมารู้มาเข้าใจ จะไม่ได้ไปตามผัสสะ จะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม ความรู้ความเข้าใจนี้จะต้องให้ดับลงเพียงผัสสะ มนุษย์เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐิถึงได้มีการเรียนการศึกษา เพื่อเอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิต ไม่เอาความผิดนำชีวิต

 

พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือพระศาสนา พระศาสนาคือธรรมะ ให้เราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้ พระศาสนาคือทางสายกลางที่เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐิ พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา เอาพระศาสนานำชีวิต ให้เรารู้เข้าใจ เรื่องกายวาจากิริยามายาทอาชีพมันเป็นเพียงอุปกรณ์ของใจนะ เมื่อใจของเราไม่มีปัญญาสัมมาทิฏฐิมันก็ย่อมเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ ก็ย่อมมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ถ้าเรารู้เข้าใจก็เป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจที่เจตนา ถ้าเรารู้เข้าใจก็เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจก็เป็นมิจฉาทิฏฐิคือมีความคิดเห็นผิดเข้าใจ ไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องวัฏฏสงสาร เอาความหลงนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิต ชีวิตนี้ถึงพังทลาย ล้มละลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง.ของประเทศไทย

 

เราต้องรู้เข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยที่เป็นศาสนา ที่เป็นหลักการหลักวิชาการ ที่เป็นอุดมธรรม เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด เรารู้เราเข้าใจในปัจจุบันในชีวิตประจำวัน เรามีปิติมีความสุข พัฒนาใจกับวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เราจะได้ทั้งวัตถุได้ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นมนุษย์ผู้มีความรู้ความเข้าใจ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นเทวดาผู้รู้ผู้เข้าใจผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระพรหมผู้รู้ผู้เข้าใจผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระอริยเจ้าผู้รู้ผู้เข้าใจผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

 ในปัจจุบันในชีวิตประจำวัน เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน อย่างเช่นเราผู้มีปัญญา เป็นผู้คงแก่เรียนการศึกษาเราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ผู้มีปัญญาก็ต้องมีความสงบ ผู้มีความสงบก็ต้องเสียสละ เราไม่เสียสละมันก็ไม่ได้ เราไม่เสียสละมันก็ไปไม่ได้ เราเสียสละถึงเป็นผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นผู้มีศีลเป็นผู้มีสมาธิมีปัญญา เป็นผู้มีธรรมมีปัจจุบันธรรม เพราะธรรมะธรรมชาติมันลงตัวอยู่มันเป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี เป็นประภัสสร เราไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัดตอน

 

เราคิดดูดี ๆ ธรรมะนั้นเป็นประภัสสร ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากมันเป็นเหตุเป็นปัจจัยเป็นประภัสสร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงไม่ให้เราลิดรอนสิทธิเสรีภาพของความเป็นประภัสสร ให้เรารู้เข้าใจสิ่งที่สัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วยามเป็นเพียงอาคันตุกะ ในปกตินี้แหละ เราต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารอย่างนี้ เพื่อจะไม่ได้ไปตามผัสสะ ไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม เราทั้งหลายจะได้จบลงที่ผัสสะ ยกผัสสะนั้นเข้าสู่พระไตรลักาณ์ ว่าผัสสะนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่มีอะไรนอกจากเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้สิ่งอำนวยความสะดวกทางวัตถุอย่างสบาย ใจของเราก็สบายไปด้วยเพราะใจของเรามีปัญญา

 

วันธรรมดาจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ให้เราทำอย่างนี้ เอาการทำงานกับการพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยปิติด้วยความสุขเอกัคคตา เราทั้งหลายก็จะเป็นผู้มีศาสนาที่เอาทั้งใจเอาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน

 

วันพระวันธรรมสวณะเป็นวันหยุดธุรกิจหน้าที่การงาน ไปเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ ไปเข้าสู่ภาคบำบัด ไปหยุดตรึกในกาม หยุดตรึกในพยาบาท เจริญสติสัมปชัญญะ เอาความสงบและปัญญา พากันไปยกทุกอย่างที่เป็นความรู้ความเข้าใจเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ว่ารูปทั้งหลายทั้งปวง ว่ารูปของเรารูปคนอื่นมันไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่นิติบุคคลตัวตนเลย เวทนาทั้งภายนอกภายในมันก็ไม่แน่ไม่เที่ยงขึ้นอยู่กับเหตุอยู่กับปัจจัย เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

สมัยโบราณพุทธกาลที่ผ่านมาเค้าเอาวันพระ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ เอาวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เดือนหนึ่งใช้เวลาทั้งหมด ๘ วัน สมัยปัจจุบันนี้เค้าเอาวันเสาร์วันอาทิตย์ เค้าใช้เวลา ๘ วันเช่นเดียวกัน หลายร้อยหลายพันหลายหมื่นปีก็ใช้หลักการอันเดียวกันอยู่ เรามองดู ประชาชนเค้าติดบุหรี่ติดเหล้าติดเบียร์ติดยาเสพติพ พวกที่ติดทั้งหลายนี้ พวกนี้จะอยู่ได้ก็เพราะเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัดนะ ศีลสมาธิปัญญานี้ถึงเป็นภาคปฏิบัติภาคบำบัด เราต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง อย่างน้อยต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป เอาอาทิตย์เดียวนี้ก็ยังไม่ได้สองอาทิตย์ก็ยังไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ต้อง ๓ อาทิตย์ขึ้นไป การที่เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องที่จะไม่ต้องไปตามผัสสะด้วยความรู้ความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้ก็ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป

 

เราคิดดูดี ๆ สิ อย่างเรานั่งสมาธิ เจริญสมาธิสัก ๕ นาทีก็ยังไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เข้าสู่หลักปฏิบัติ เข้าสู่ภาคบำบัด วัดนี้หมายถึงข้อวัตรข้อปฏิบัตินะ เค้าจะสร้างบ้านสร้างเรือนสร้างเมืองสร้างประเทศเค้าต้องมีเครื่องวัดนะ วัดความสั้นความยาวความตื้นความลึก ความหนักความเบา พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เป็นเครื่องวัด เป็นข้อวัตรปฏิบัติเป็นกิจวัตร ให้เรารู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยเป็นความรู้ความเข้าใจเราอยู่ที่ไหนเราต้องรู้เข้าใจว่าอันนี้คิดไม่ได้ พูดไม่ได้ กิริยามารยาทอย่างนี้ไม่ได้ใช้ไม่ได้ อาชีพอย่างนี้ไม่ดีไม่ถูกต้อง มันทำให้เบียดเบียนบุคคลอื่น เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อให้การประพฤติการปฏิบัติของเรามันติดต่อต่อเนื่อง

 

เราทุกคนต้องรู้ว่าทุกอย่างคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม ทุกคนจะเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรมนั้นไม่ได้ ต้องพากันเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัดเพื่อเป็นข้อวัตรปฏิบัติของเรา ชีวิตของเราที่เป็นปัจจุบัน ปัจจุบันทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เราต้องรู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ ผู้ที่มาบวชอยู่ที่วัด ผู้ที่มาบวชเป็นพระ เราต้องมาประพฤติปฏิบัติให้มันติดต่อต่อเนื่องเพื่อยกเลิกสัญชาตญาณ เอาทางสายกลางนำชีวิต ผู้ที่มาบวชเค้าถึงเรียกบุคคลนั้นว่าเป็นพระ พระนั้นไม่ใช่นิติบุคคลตัวตนนะ พระนั้นคือพระธรรมพระวินัย ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิตเอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่เอาความชอบความชัง หยุดตัวตน ยกเลิกตัวตน ยกเลิกความปรุงแต่ง พากันมาเป็นพระธรรมพระวินัย พากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ พากันมาเป็นพระกัน พากันมาเข้าสู่ภาคปฏิบัติ ผู้ที่ติดอยู่ก็เรียกว่าเข้าสู่ภาคบำบัด มีแต่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพที่ท่านไม่ได้เข้าสู่ภาคบำบัด นอกจากนั้นเข้าสู่ภาคบำบัดทั้งนั้น

 

ประเทศไทยของเราเอาหลักการของพระศาสนานำชีวิต ประเทศไทยเราจะมีศาสนาหลายศาสนาก็ไม่เป็นไร มนุษย์เรามีชื่อต่างกันหลายชื่อก็ไม่เป็นไร ประการสำคัญสิ่งที่สำคัญก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต พัฒนาใจพัฒนาวัตถุให้เป็นทางสายกลาง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเน้นที่ปัจจุบันนี้แหละ ระบบความคิดคำพูดกิริยามารยาทรวมลงที่ใจ เจตนาที่ยกเลิกสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน มีความสุขในการเอาทางสายกลางนำชีวิต ทุกศาสนาก็ไปหลักการเดียวกันนี้แหละ เพราะศาสนาก็เปรียบเสมือนอาหารนี้แหละ อาหารจะเป็นอะไรก็คืออาหาร จะเป็นผักผลไม้ ขนมนมเนยสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นอาหาร อาหารก็ดับทุกข์ทางกายได้หมดทุกอย่าง อาหารถึงพอดีพอเพียงเพียงพอ อย่าให้มากเกินไปน้อยเกินไป ให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะธรรมชาติที่บริสุทธินั้นเป็นประภัสสร ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดความปรุงแต่งได้ การประพฤติการปฏิบัติที่จะหยุดความปรุงแต่งได้ต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันต้องหยุดสัญชาตญาณ สัมมาสมาธิคือความหยุดยกเลิก หยุดทำธุรกิจหน้าที่การงาน ยกเลิกการงาน มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการหยุดการยกเลิก เราไม่ต้องไปสร้างปัญหา ปัญหาเก่าเราก็หยุด ปัญหาใหม่เราก็ไม่สร้าง เพราะความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เมื่อตาเราเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรสสิ่งสัมผัสทางกายความรู้สึกนึกคิดเราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ดับลงได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ดับลงได้เพียงผัสสะ เพื่อให้ปฏิปทาของเราก้าวไป หลักการของเมืองไทยประเทศ ผู้ครองบ้านครองเมืองเค้าถึงให้มีวันเสาร์วันอาทิตย์เพื่อฝึกใจ มีวันพระเพื่อให้ฝึกใจ เพื่อเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด เพื่อความรู้ความเข้าใจ ความไม่เนิ่นช้า เพื่อมีหลักการจะได้ไม่ตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลินความประมาท

 

เราเป็นมนุษย์ เราได้รับทรัพยากรประเสริฐพิเศษ เราต้องทำหน้าที่เพื่อให้เป็นบารมีให้เป็นความดีที่เกิดจากปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อเราจะได้สร้างความดีในเบื้องต้นท่ามกลางถึงที่สุด เพื่อเข้าถึงธรรมถึงปัจจุบันธรรม เข้าถึงพระนิพพาน คือความสงบและปัญญาในปัจจุบัน ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละเราจะเป็นบุคคลไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา เป็นคนไม่มีศาสนา เป็นผู้มีแต่อวิชชามีแต่ความหลง เป็นบุคคลที่เอาความผิดนำชีวิต ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลายเช่นเดียวกันอย่างเดียวกันกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

 

เน้นการประพฤติการปฏิบัติที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เราต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องเสียสละอย่างสุด ๆ ไม่ออมไว้ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการเสียสละด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงธรรมถึงสภาวธรรม ถ้าเราเน้นการประพฤติการปฏิบัติ เน้นบริสุทธิคุณในปัจจุบัน ปัจจุบันนั้นก็จะก้าวไปด้วยความดี ก้าวไปด้วยปัญญา เราทั้งหลายจะได้เป็นมนุษย์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ขีณาสพออกไปเผยแผ่ ให้ไปบอกความจริงให้ประชาชนให้มหาชนรู้เข้าใจ ไปบอกว่าทุกอย่างคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม กรรมของเรามันมีได้เพราะเหตุเพราะปัจจัยที่มันเกิดขึ้นทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ท่านส่งพระอรหันต์ออกไปเผยแผ่ให้ไปทางละรูป ไม่ให้ไปทางละหลายรูป สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใหม่ ๆ เพราะทรัพยากรของพระอรหันต์ขีณาสพนั้นมีน้อย

 

การไปเผยแผ่พระศาสนา ให้หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายรู้เข้าใจ ท่านให้ไปเผยแผ่ ให้รู้เรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม จะได้เอาพระศาสนานำชีวิต จะไม่ได้เอาความผิดนำชีวิต มนุษย์เรามีความทุกข์เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ อยากได้มากก็ว่าสิ่งเหล่านั้นมีน้อย อยากได้น้อยก็ว่าสิ่งนั้น ๆ มันมาก ความไม่รู้ไม่เข้าใจ ล้วนแต่เป็นทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ดับทุกข์ ความไม่รู้ไม่เข้าใจไปพูดเองเออเอง การไปเผยแผ่ ท่านให้ไปบอกประชาชนว่า ประชาชนต้องพากันเสียสละเพื่อจะได้มรรคเพื่อจะได้ผลเพื่อจะได้พระนิพพาน ให้เรารู้เข้าใจ ธรรมะนั้นคือธรรมะ มันเป็นความพอเพียงเพียงพอมันเป็นความพอดี มันเป็นการรู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เมื่อรู้แล้วจะจบด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะได้จบลงเพียงผัสสะ กรรมเก่าจะได้จบกรรมใหม่จะไม่ได้สร้าง

 

เราคิดดูดี ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้ไปสั่งสอนให้ประชาชนสร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างเจดีย์ เพราะความรู้ความเข้าใจ ทุกคนก็ต้องเสียสละอยู่แล้ว ถ้าไม่เสียสละมันก็เป็นเพียงสมาธิเป็นเพียงสมาบัติ ถ้าไม่เสียสสละมันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน มันไม่ใช่คนมีปัญญา ไม่ใช่มีความสงบ การเผยแผ่พระศาสนาเพื่อเป็นนิติบุคคลตัวตนนี้ ปัจจุบันนี้เป็นความเสียหาย ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้นเป็นวัฏฏสงสาร เราทำงานก็เพื่อจะเอา เราทำงานราชการก็เพื่อจะเอา เราเป็นนักการเมืองก็เพื่อจะเอา เป็นนักบวชเป็นพระศาสนาก็เพื่อจะเอา สัมมาทิฏฐิเป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติเป็นการเสียสละที่เกิดศิลปะ คือเกิดศีลเกิดสมาธิเกิดปัญญา เราต้องรู้ต้องเข้าใจ เรื่องความเป็นพระเรื่องเป็นพระศาสนา พระศาสนาเราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาพระศาสนามาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการปฏิบัติพระศาสนาที่เป็นทางสายกลางระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจ ระหว่างเรื่องวิทยาศาสตร์ พระศาสนาต้องเป็นทางสายกลางอย่างนี้ พระศาสนานั้นถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล เป็นสิ่งที่อยู่เหนือตัวเหนือตน อยู่เหนือความชอบความชัง อยู่เหนือความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง

 

การประพฤติการปฏิบัติธรรม เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ท่านถึงตรัสให้เราเข้าใจว่า อริยมรรคคือการประพฤติการปฏิบัติของเราทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจ เป็นอาหารกายเป็นอาหารใจ เป็นความสงบเป็นปัญญา เราคิดดูดี ๆ นะ ถ้ามันไม่ถูกต้องก็คือไม่ถูกต้อง บุคคลที่ไปแก้ที่คนอื่นคือความไม่ถูกต้องนะ บารมีเบื้องต้นท่ามกลางที่สุด มันเป็นการที่เราเอง ไม่ได้แก้ที่คนอื่น เรารู้เข้าใจมาปฏิบัติในตัวของเราเอง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เรามาเน้นที่ตัวเรา การประพฤติการปฏิบัติเราก็ไม่ต้องเลิกกาลสถานที่ เราอยู่ที่ไหนเรามีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ เราก็มาเน้นที่ใจของเราเน้นที่เจตนาของเรา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ให้เต็มที่ในปัจจุบัน มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาทางวิทยาศาสตร์ทางจิตใจให้เต็มที่ในปัจจุบัน ปัจจุบันพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจให้เต็มที่ เพื่อทางวิทยาศาสตร์ทางจิตใจจะได้ไปพร้อม ๆ กัน การกระทำอย่างนี้ถึงจะเป็นการอบรมบ่มอินทรีย์เป็นบารมีเบื้องต้นท่ามกลางถึงที่สุด โลกใหม่สมัยใหม่เราแชร์เทคโนโลยี เราแชร์เรื่องจิตเรื่องใจให้ทันโลกทันสมัย เราไม่หวังอะไรตอบแทนจากใคร เพราะเราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละ เพื่อจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา อย่างการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ทั้งทางคอมพิวเตอร์ เราก็ไม่ต้องเดินทางไกลทางรถทางเรือทางเครื่องบิน เพราะทางวิทยาศาสตร์เค้าทำได้ แต่การกระทำของเรา เราทำเพื่อความสงบและปัญญา เพื่อเอาความรู้ความเข้าใจมาเสียสละ เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์กับการต่อยอดทางจิตใจต้องไปพร้อม ๆ กันในปัจจุบัน การประพฤติการปฏิบัติของเราถึงจะเป็นการทันโลกทันสมัยจะได้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เรามาเน้นที่ตัวเรา ให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนความสงบต้องเพียงพอ ปัญญาต้องเพียงพอ เราทั้งหลายอย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเข้าระบบเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด

 

เราต้องรู้ต้องเข้าใจ อย่าปล่อยทุกอย่างมันยืดเยื้อเสียเวลา เราอย่าไปคิดว่าค่อยเป็นค่อยไป เราอย่าไปอาลัยอาวรณ์ในเรื่องภพเรื่องชาติ เราต้องตัดให้ขาดด้วยภาคปฏิบัติภาคบำบัดที่ติดต่อต่อเนื่อง เราคิดดูดี ๆ นะ มีใครบ้างไม่เข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัดจะยกเลิกสิ่งนั้นได้ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันต้องมีเหตุมีปัจจัย ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ท่านชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ท่านได้ให้ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ใครติดยาเสพติดให้ส่งรายชื่อไปให้ จะได้เอาผู้ติดยาเสพติดไปปฏิบัติไปบำบัด เพราะยาเสพติดถ้าไม่เข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัดนั้นมันจะเลิกไม่ได้ มันจะเป็นภัยเงียบ เป็นภัยที่ถาวร เมื่อไม่มีเงินซื้อมาเสพ ก็ต้องหาวิธีต่าง ๆ นานาเพื่อหลอกพวกเด็ก ๆ ด้วยประการทั้งหลายทั้งปวง เด็ก ๆ เค้าจะได้พากันติดยาเสพติด ตัวเองจะได้ขายยาเสพติด จะได้ทั้งเสพทั้งจำหน่าย เราทุกคนให้มองดูในแง่มุมนี้ เราทั้งหลายจะได้ปฏิบัติตัวเอง จัดการตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะเราทั้งหลายนั้นไม่มีใครอยู่เหนือกรรมอยู่เหนือกฎแห่งกรรมอยู่เหนือผลของกรรม ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านให้พากันร่วมใจกันนะ ปฏิบัติไปในทางแนวเดียว มีศีลมีสมาธิมีปัญญาเสมอกัน อย่าเอาความผิดนำชีวิต อย่าเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เพราะเอาความผิดนำชีวิตเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เราก็เห็นอยู่แล้วมันก็เป็นความเสียหายเป็นความพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึกสตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย ผู้ใหญ่บ้านทุกผู้ใหญ่บ้าน กำนันทุกกำนัน อบต.ทุกคนต้องมีความสมัครสมานสามัคคีเป็นทางหนึ่งทางเดียวกัน เพราะความผิดถือว่าเป็นพิษเป็นภัยร้าย เป็นภัยที่ถาวร มันต้องผ่านการปฏิบัติและผ่านการบำบัด

 

 เราต้องหยุดอบายมุขอบายภูมิที่อยู่ตัวในตัวของเราเอง ให้เรารู้เข้าใจ ตัวเราเองนั้นจะเป็นรัฐประหาร มันจะเป็นหายในตัวของตัวเอง มันจะเป็นปฏิบัติรัฐประหารในตัวของตัวเอง ตัวเองถึงเป็นโรคภูมิแพ้ในตัวของตัวเอง มนุษย์เราจะแยกวิทยาศาสตร์เอาจากใจไม่ได้ แยกใจออกจากวิทยาศาสตร์ไม่ได้มันต้องไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เราต้องเอาระหว่างใจกับทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ปัจจุบันนี้เรามีความรู้สึกทุก ๆ คน ที่มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลย ทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังทั้งอดีตทั้งปัจจุบันมีแต่ทุกข์ทั้งนั้นทุกข์ทั้งเพ เราต้องพากันมาแก้ปัญหาให้ถูกต้อง มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะความถูกต้องมีความสงบและปัญญา มีแต่คุณมีแต่พระคุณ ท่านถึงเรียกว่าพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ เราระลึกถึงตัวเองมีแต่ทุกข์ลอยขึ้นไป นึกถึงคนอื่นมีแต่ทุกข์ลอยขึ้นมา เรามองดูหน้าใครก็มีแต่หน้าโจร คำว่าโจรก็หมายถึงทุกข์ยากลำบาก ยากจน มันเป็นการมองในแง่มนุษย์เราไม่รู้อริยสัจสี่ ที่เอาความผิดนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มองดูหน้าข้าราชการก็มองเห็นหน้าโจรมันลอยมา มองดูหน้านักการเมืองก็เห็นโจรมันลอยมา มองดูหน้านักบวชก็เห็นโจรมันลอยมา ให้เข้าใจว่าตัวตนนี้แหละมันเจ้าปัญหา เราต้องรู้จักปัญหา

 

เรามาลงใจให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านเอาทางสายกลางพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน ไม่มากเกินไม่น้อยเกิน เปรียบเสมือนสายพิณนี้แหละ สายพิณสายกีต้าร์ ถ้าตึงเกินไปมันก็จะขาด ถ้าหย่อนเกินไปมันก็ไพเราะ มันต้องเป็นทางสายกลาง เน้นการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละมันก็ย่อมเสียมันก็ย่อมพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย

 

มนุษย์เราต้องรู้ต้องเข้าใจในธรรมในสภาวธรรม ความรู้ความเข้าใจนี้จะได้จบลงเพียงผัสสะ เพื่อจะเอาความสงบและปัญญามาหยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราจะไม่ได้เอาความปรุงแต่งนำชีวิต เราต้องรู้ต้องเข้าใจเรื่องสมถะ สมถะเราต้องเอามาใช้ร่วมกันกับปัญญา เพื่อเราจะเอาสิ่งสองอย่างนี้มาใช้พร้อม ๆ กัน วัฏฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิดจะได้จบลงเพียงผัสสะ จบลงที่สมถะ จบลงที่วิปัสสนา เรามาเน้นที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถ้าเราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นบารมี เป็นความดี เป็นปัญญา การพัฒนากายวาจากิริยามารยาทอาชีพของเรา เราต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติอย่างนี้ สิ่งที่สำคัญเราต้องรู้เข้าใจ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีปิติไม่มีความสุขไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติชีวิตของเราจะเป็นโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้านั้นให้เรารู้เข้าใจนะ โรคซึมเศร้าเป็นโรความทุกข์ มันเป็นความทุกข์ทางจิตใจ มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นั้นไม่มีเลย ด้วยเหตุผลนี้เราถึงต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้จักหลักในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะไม่ได้มีความทุกข์ จะไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ปัจจุบันนี้ประชากรของโลกเป็นโรคซึมเศร้ากันมากมายก่ายกองกันเหลือเกิน มนุษย์เราต้องรู้เข้าใจนะ ถ้าใครมีสติสัมปชัญญะความปรุงแต่งย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ โรคซึมเศร้าย่อมไม่เกิดขึ้นแก่เรา

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้รู้เข้าใจว่า ธรรมะที่มีอุปการะมาก ได้แก่สติคือความสงบ ได้แก่สัมปชัญญะคือตัวปัญญา สติและสัมปชัญญะที่เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันจะหยุดโรคซึมเศร้าให้เรารู้ให้เราเข้าใจ สติสัมปชัญญะนั้นถึงเป็นธรรมะที่มีอุปการะมาก ด้วยเหตุผลนี้เราถึงเจริญสติปัฏฐาน มีสติความสงบเป็นพื้นฐาน สัมปชัญญะตัวปัญญาเป็นพื้นฐาน เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ที่เป็นกระบวนการ ที่เป็นกระแสของปฏิจจสมุปบาท เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงจะมี  เราทุกคนจะได้หยุดวัฏฏสงสารหยุดกรรมหยุดเวรหยุดภัยหยุดอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะนั้นถึงเป็นพื้นเป็นฐาน เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม เป็นกระบวนการของพระธรรมของพระวินัย เป็นพระศาสนา เป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นทั้งพระธรรมคำสั่งสอน เป็นพระวินัยในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นพระศาสนา เป็นพระธรรมพระวินัย ให้เราพากันเข้าใจนะ เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี

 

เราใช้หลักการนี้ เราใช้หลักวิชาการนี้ ใช้อุดมการณ์อุดมธรรม มนุษย์เรา เราต้องพากันรู้พากันเข้าใจนะ มนุษย์เรา ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะแล้ว ความทุกข์ของมนุษย์เรามันจะไม่มีเลย ความทุกข์ของมนุษย์ที่มีได้เพราะเราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ เราลองคิดดูดี ๆ พากันคิดดูดี ๆ นะ มนุษย์เรา ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ความทุกข์ของเรานั้นจะไม่มีเลย มันจะเป็นความสงบ เป็นความพอเพียงเพียงพอ การประพฤติการปฏิบัติท่านถึงพูดกันว่า พระอรหันต์ขีณาสพผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ การประพฤติการปฏิบัติของเรา ถึงอยู่ที่เรารู้เข้าใจ แล้วเอาพระธรรมเอาพระวินัย พระธรรมคือคำสั่งสอน สอนให้รู้ให้เข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันถ้าเรามีสติมีสัมปชัญญะ ความทุกข์ของเรามันจะไม่มี กรรมในสิ่งที่เป็นอดีตมันก็จะจบลง กรรมในอนาคต เรารู้เราเข้าใจ เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราทั้งหลายก็จะไม่หลงไปตามผัสสะ ไม่หลงไปตามสิ่งแวดล้อม ด้วยการที่เรามีสติมีสัมปชัญญะด้วยความรู้ความเข้าใจ การที่เราจะคิดจะพูดจะทำกิริยามารยาทอาชีพเราต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้หยุดกรรมเก่า เราจะไม่สร้างกรรมใหม่ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ ถ้าเรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งเหล่านั้นก็มีการพัฒนาติดต่อต่อเนื่องที่เป็นความดีและปัญญา เป็นสมถะวิปัสสนาที่ติดต่อต่อเนื่องกัน

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราต้องหยุดอดีตหรือว่ายกเลิกเรื่องอดีต ยกเลิกตัวตนด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอย่าไปย้อนอดีต เราอย่าไประลึกถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาเดี๋ยวน้ำตามันจะไหล เราคิดดูดี ๆ สิ เราจากกัน พลัดพรากจากกัน ในสมัย ๔๐ ปี ๕๐ ปี ๖๐ ปี เมื่อเห็นหน้าเห็นตากันเมื่อไหร่ก็จะพูดกันแต่เรื่องเก่า ๆ นั้นแหละ เราจะตัดกรรมตัดเวรตัดภัย เราต้องรู้เข้าใจ อย่าให้อดีตมันมาปรุงแต่งใจเราด้วยการมีสติสัมปชัญญะ อย่าลืมว่าปัจจุบันนี้ใจของเรามันคิดได้ทีละอย่าง ถ้าเราอยู่กับความสงบใจมันก็จะคิดไม่ได้ อย่างสมาธิระดับขั้นอัปปณาสมาธิ ใจของเรามันจะไม่ปรุงแต่ง มันจะตัดเรื่องอดีต ตัดเรื่องอนาคต ใจของเราจะอยู่กับความเป็นหนึ่ง อยู่กับเอกัคคตา

 

พระอรหันต์ขีณาสพ รู้มั๊ยว่าท่านอยู่กับอะไร พระอรหันต์น่ะท่านอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา ท่านหยุดอดีต อนาคตก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ ถ้าเรายกเลิกตัวตนทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างมันก็มีแต่ความสงบและปัญญา ด้วยเหตุผลนี้ สติสัมปชัญญะถึงเป็นธรรมะที่หยุดวัฏฏสงสารด้วยสมถะด้วยวิปัสสนา เราต้องรู้เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ทุกอย่างนั้นมันเกษียณ สิ่งที่เกษียณไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้เราทุกคนต้องหยุดเรื่องอดีต ถึงจะชอบใจไม่ชอบใจก็อย่าให้อดีตมันปรุงแต่งใจของเราได้ ต้องรู้ต้องเข้าใจ ต้องเห็นภัยในเรื่องอดีต อย่าให้อดีตมันปรุงแต่งใจของเราได้ เราต้องเอาสมถะกับวิปัสสนามาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบัน ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน มนุษย์เราในปัจจุบันจะได้มีความสุข ต้องหยุดโรคซึมเศร้า หยุดโรคความทุกข์

 

เราต้องรู้เข้าใจนะ ทุกอย่างนั้นมันเพียงสัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วยาม หาใช่นิติบุคคลตัวตนไม่ ธรรมชาติเดิมแท้นั้นเป็นประภัสสร สิ่งที่สัญจรไปมามันชั่วครู่ชั่วยาม เราทั้งหลายจะได้รู้จักกรรมเก่า เราทั้งหลายจะได้รู้จักกรรมใหม่ด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติของเราในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลนี้เราสามารถหยุดสัญชาตญาณ เราต้องพากันรู้พากันเข้าใจนะ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีอยู่นะ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากความรู้ความเข้าใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ สิ่งภายนอกก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ สิ่งภายในก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความสงบและปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ดับลงได้เพียงผัสสะ ดับลงได้ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา การเจริญสมถะวิปัสสนาเราคิดดูดี ๆ ถึงมีผลใหญ่มีอานิสงส์มาก ให้พวกเราตั้งใจตั้งเจตนา ให้มีความรู้ความเข้าใจ ให้มีปิติมีความสุขในการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ในปัจจุบันเหมือนพระอรหันต์ขีณาสพท่านมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

 

เราใช้หลักการเจริญสติปัฏฐานเอาความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน หลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เราใช้อริยมรรคมีองค์แปดที่เป็นกายของเรา เป็นวาจาของเรา เป็นกิริยามารยาทของเรา ที่เป็นอาชีพของเรา ให้เอาหลักการนี้มาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ เพราะการประพฤติการปฏิบัติเราต้องปฏิบัติอย่างนี้ เพราะเหตุผลว่ามรรคผลพระนิพพานมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ที่ความพอดี อยู่ที่ความพอเพียงเพียงพอ อยู่ที่กายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่อาชีพอยู่ที่ใจ ที่ปัญญาสัมมาทิฏฐิ ที่มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจนี้ มันจะรวมลงเป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ด้วยเหตุผลนี้ ศิลปะชีวิตหรือว่าศีลสมาธิปัญญาที่เป็นความสงบและปัญญานี้คือบ้านของเรานะ

 

เราทุกคนต้องมีบ้าน บ้านของกาย บ้านของวาจา บ้านของกิริยา บ้านของมารยาท บ้านของอาชีพ บ้านของใจ ด้วยความรู้ความเข้าใจในมรรคในอริยมรรค การประพฤติการปฏิบัติของเรานั้นถึงไม่เลือกกาลเลือกเวลา ที่ไหนมีกายวาจากิริยามารยาทมีอาชีพนั่นแหละคือการประพฤติการปฏิบัติของเรา เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานบ้านของเราในปัจจุบัน พระนิพพานไม่ใช่อยู่กับอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญนะ พระนิพพานต้องเป็นเรื่องของพระธรรมพระวินัยที่รู้เข้าใจเป็นอริยมรรคมีองค์แปดนี้เอง พระนิพพานต้องอยู่ในปัจจุบัน พระนิพพานต้องชำนิชำนาญเป็นวสีที่ติดต่อต่อเนื่องไม่ให้สิ่งต่าง ๆ มาคั่นรายการ เหมือนรายการดี ๆ ทางโทรทัศน์ที่ออกอากาศรายการดี ๆ ที่ประชาชนคนเค้านิยมชมชอบ สิ่งเหล่านั้นก็ย่อมมาคั่นรายการ เพื่อโฆษณาค้าขาย ธุรกิจการค้าการขาย เราต้องรู้เข้าใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดกับเราทางธาตุทั้ง ๔ ดินน้ำลมไฟ เกิดกับเราทางขันธ์ทั้ง ๕ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ อายตนะภายใน ๖ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราต้องรู้เข้าใจด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยเอาพระธรรมพระวินัย เอามาใช้เอามาประพฤติมาปฏิบัติเพื่อเป็นสติวินัย เป็นสมาธิวินัย เป็นปัญญาวินัยด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ด้วยความรู้ความเข้าใจนี้ มนุษย์เราถึงต้องเดินทางสายกลางระหว่างใจกับวัตถุ เราทั้งหลายจะได้รู้เข้าใจ จะได้ทันโลกทันสมัย จะได้พัฒนาทั้งใจทั้งวัตถุ จะได้มีทั้งบ้านภายนอกภายใน บ้านกายวาจาใจกิริยามารยาท บ้านของอาชีพที่เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ความรู้ความเข้าใจเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราต้องรู้เข้าใจ เราเป็นมนุษย์อายุขัยของเรา ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติอย่างมากก็อยู่ได้ร้อยปีหรือร้อยกว่าปี ด้วยเหตุผลนี้ เราเป็นมนุษย์ก็ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราเป็นเทวดาผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราก็ต้องรู้เข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราเป็นพระพรหม ผู้มีความสงบก็ต้องรู้เข้าใจเป็นพระพรหมก็ต้องเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละก็เป็นเพียงสมถะเป็นเพียงสมาบัติ เราต้องรู้เข้าใจ เราคิดดูดี ๆ พระพรหมไปติดในความสงบ ความสงบนั้นเลยเป็นนิติบุคคลตัวตน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ตรัสรู้ธรรมะด้วยความรู้ความเข้าใจ ที่ท่านได้บำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านชาติหลายล้านปีหลายอสงไขย ท่านได้ตรัสรู้ เมื่อตรัสรู้แล้วระลึกถึงครูบาอาจารย์ของท่าน ว่าครูบาอาจารย์ของท่านได้แก่ อาฬารดาบส อุทกดาบส สองท่านนี้ได้สมาธิสมาบัติได้ฌานสมาบัติ พากันไปติดอยู่ในฌานหลงอยู่ในฌานในสมาบัติ เพราะใจมันเป็นหนึ่งใจมันสงบมันหลง ความหลงคือความไม่รู้ไม่เข้าใจ ใครไปบอกก็ไม่ยอมเชื่อ เพราะตัวตนนี้มันจะไม่เชื่อใคร ตัวตนนั้นนี้จะไม่มีพระรัตนตรัยเพราะมันเป็นตัวเป็นตน ผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งถึงเป็นผู้ที่ไม่มีพระรัตนตรัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ เพราะมันหลง มันเป็นตัวเป็นตน คือบุคคลที่ไม่มีพระรัตนตรัย

 

เรามาคิดดูดี ๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีได้ตรัสรู้ ได้เผยแผ่พระธรรมเป็นทั้งคำสั่งคำสอน เป็นเวลา ๔๕ ปี ๔๕ พรรษา ก่อนที่จะจากลา ท่านได้ตรัสปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า  

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

หลังจากนั้นท่านก็ไม่พูดอะไรอีก

ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าอากาสนัญจายตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตน สมาบัติแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

 

ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะ ว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จ ปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า อานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคยังไม่ เสด็จปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

 

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญา นาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ
ออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจากวิญญานัญจายตนสมาบัติแล้วทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน
ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน
ออกจากทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าปฐมฌาน
ออกจากปฐมฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน
ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน
ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
พระผู้มีพระภาค ออกจากจตุตถฌาน แล้วเสด็จปรินิพพานในลำดับ
(แห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌานนั้น)

 

เมื่อพระผู้มีพระภาค เสด็จปรินิพพานแล้ว พร้อมกับการเสด็จ ปรินิพพาน ได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เกิดความขนพองสยองเกล้า น่าพึงกลัว ทั้ง กลองทิพย์ก็บันลือขึ้น

 

      เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จ ปรินิพพานแล้ว พร้อมกับการเสด็จ ปรินิพพาน ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าวคาถานี้ ความว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จักต้อง ทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลก แต่พระตถาคตผู้เป็นศาสดา เช่นนั้น หาบุคคลจะเปรียบ เทียบมิได้ในโลก เป็นพระสัมพุทธเจ้าทรงมีพระกำลัง ยังเสด็จปรินิพพาน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้พวกเรารู้ให้เข้าใจ ว่าสมถะกับวิปัสสนามันต้องไปพร้อม ๆ กัน ระหว่างวัตถุกับจิตใจต้องไปพร้อม ๆ กัน ที่เราจับประเด็นมองเห็นได้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่นิพพานในฌานสมาบัติ ท่านนิพพานระหว่างฌาน ๓ และ ฌาน ๔ เพื่อให้ปัญญากับความสงบมันสมดุลที่จะได้ดับไม่เหลือ ไม่เป็นเพียงสมาธิไม่เป็นเพียงสมาบัติ การประพฤติการปฏิบัติของเรา เราต้องใช้สติเป็นพื้นฐาน ปัญญาเป็นพื้นฐาน สองอย่างนี้ต้องไปพร้อม ๆ กัน การประพฤติการปฏิบัติธรรมถึงเป็นอริยมรรคมีองค์แปดที่ให้พวกเราเข้าใจ ในธรรมะที่เป็นธรรมเป็นสภาวธรรม เป็นพระนิพพานบ้านของเรา บ้านของเราคือความสงบและปัญญา

 

เรามาระลึกถึงโอวาทของท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร

 

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการปฏิจจสมุปบาท กระบวนการของปฏิจจสมุปบาทจะได้จบลงเพียงผัสสะ จะได้เป็นปัญญาเป็นความสงบ จะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล หยุดความปรุงแต่ง นี้เป็นขบวนการที่ติดต่อต่อเนื่อง เป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เป็นขบวนการของกระแสในการประพฤติการปฏิบัติที่ได้นำเอาพระธรรมพระวินัยมาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบันให้ติดต่อต่อเนื่อง

 

 ความสงบและปัญญาที่เป็นพระธรรมพระวินัยถึงหยุดความปรุงแต่งได้ ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน พระธรรมพระวินัยที่เป็นความรู้ความเข้าใจ ที่จะหยุดความปรุงแต่งได้ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า พระนิพพานต้องอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น

 

-----------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

 

 

 

 

รายการล่าสุดที่คุณดู
Visitors: 100,724