๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ให้ทุกท่านทุกคนพากันนั่งให้สบาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๔๖ เป็นวันหยุดการทำงานของข้าราชการ

 

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลทอดกฐินประจำปีของศาสนาพุทธ เราทุกคนเป็นมนุษย์ สรีระร่างกายของเราเป็นมนุษย์ มนุษย์เราทุกคนต้องพากันรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ความรู้ความเข้าใจที่เราจะเอาไปใช้เอาไปปฏิบัติ เดินทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน เพราะเหตุผลว่าอดีตที่ผ่านมาก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ปัจจุบันเราทุก ๆ คนต้องมีสติมีความสงบ มีสัมปชัญญะมีปัญญา มีความสงบและปัญญาควบคู่กันไป เราทั้งหลายพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เรารู้เข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติของตัวของเราเอง รู้จักกรรม รู้จักกฎแห่งกรรม รู้จักผลของกรรม เข้าใจเรื่องชาติด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ รู้เข้าใจว่าชาตินั้นคือความเกิด ความเกิดนั้นมาจากกรรม กรรมทางร่างกาย กรรมทางวาจา กรรมทางกิริยามารยาทที่แสดงออกมา กรรมทางอาชีพที่ประกอบอาชีพ มารวมลงที่ใจที่เจตนา กรรมทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพเป็นอุปกรณ์ของใจ เมื่อเราถึงต้องรู้อริยสัจสี่ คือต้องรู้ทุกข์ รู้เหตุที่จะเกิดทุกข์ รู้ถึงข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ จะได้จบลงที่ปัจจุบัน จบลงที่ผัสสะ เพื่อรู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้หยุดความปรุงแต่ง เพื่อกรรมของเราหยุดลง จะได้หยุดเรื่องกรรมของเรา พระศาสนาเป็นความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกรรม และกฎแห่งกรรม ผลของกรรม  

 

มนุษย์เราในโลกนี้ทั้งหมดมีแปดพันกว่าล้านคนก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ธรรมะถึงเป็นสิ่งที่รู้เข้าใจ ถึงไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีปัญญาสัมมาทิฏฐิกันทุก ๆ คน รู้ทุกอย่างในสภาวธรรมในความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้มมันมีเพียงกรรม กฎแห่งกรรม ผลของกรรม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเพียงเหตุเพียงปัจจัย เป็นเพียงอาคันตุกะสัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วยาม เราทุกคนมาเจริญสติ มาเจริญสัมปชัญญะ มีผู้ปัญญามาก ๆ ก็ต้องมีความสงบมาก ๆ ผู้มีความสงบมาก ๆ ก็ต้องเสียสละมาก ๆ ชีวิตของเราจะได้ก้าวไปด้วยความสงบและปัญญา ก้าวไปด้วยปัญญาและความสงบ เราใช้หลักการนี้เป็นศิลปะชีวิต

 

 เรามีความตั้งมั่น รู้เข้าใจ เราทั้งหลายไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามอารมณ์ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นสัมมาสมาธิ เป็นความสงบและปัญญา เป็นสมถะเป็นวิปัสสนา เป็นปัญญาเห็นตามเป็นจริง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน รู้จักกรรมเก่าที่เกิดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ กรรมเก่านั้นก็ได้แก่ธาตุทั้ง ๔ ดินน้ำไฟลม ขันธ์ทั้ง ๕ ก็ได้แก่ รูปเวทนาสัญญาสังขาณวิญญาณ รู้จักอายตนะทั้ง ๖ ภายใน คือตาหูจมูกลิ้นกายใจ ว่าสิ่งเหล่านี้มันคือกรรมเก่า รู้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้คือกรรมเก่า กรรมเก่านั้นทุกคนจะไปแก้ไขไม่ได้ เพราะสิ่งที่มันเป็นอดีต สิ่งที่มันเกษียณแล้ว เราทุกคนจะไปแก้ไขไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นอดีต เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปแก้ไขเรื่องในอดีต เราทุกคนพากันคิดดูดี ๆ เราอยากให้มากมันก็ไม่มาก มันก็เท่าเก่าเท่าเดิม เราจะไปคิดมันไปทำไม จะไปปรุงแต่งมันไปทำไม เรื่องอยากให้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่าเท่าเดิม เราจะไปคิดมันไปทำไม เราจะไปปรุงแต่งมันไปทำไม ด้วยเหตุผลนี้เราถึงต้องเข้าถึงความสงบ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากมันเป็นเรื่องของกรรมเก่า

 

เราทุกคนต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความสงบ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ปัจจุบันเราต้องเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ สติกับสัมปชัญญะเป็นธรรมะที่มีคุณมีประโยชน์ มีอุปการะมากกับเราทุก ๆ คน พระธรรมพระวินัยมีอยู่มากมาย ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็มารวมที่สติที่สัมปชัญญะนี้แหละ อยู่ที่เราตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อให้เป็นปฏิปทาที่ยกเลิกตัวตน ศีลสมาธิปัญญาของเราจะเกิดได้ ด้วยใจด้วยเตนาที่เรายกเลิกตัวตน อยู่ที่เรามีความสงบอยู่ที่เรามีปัญญา จิตใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาที่เป็นกรรมเป็นปัจจุบันธรรม ที่เต้องยกเลิกกรรม ยกเลิกกฎแห่งกรรม ยกเลิกผลของกรรม เรามีความสงบและปัญญา เราทุกคนก็จะหยุดเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม ผลของกรรม

 

เรารู้เข้าใจเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม ผลของกรรม เรายกเลิกด้วยพระธรรมพระวินัย ลงรายละเอียดทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ลงที่เจตนาที่เราต้องยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวยกเลิกตน เราจะมีสติมีสัมปชัญญะได้อย่างไร เราจะเข้าถึงศีลถึงสมาธิถึงปัญญาได้อย่างไร

 

ความสงบและปัญญาจะเป็นสภาวธรรมที่หยุดกรรม หยุดความปรุงแต่ง หยุดวัฏฏสงสารที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นทางสายกลางระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจกับเรื่องวัตถุ เป็นสติเป็นสัมปชัญญะ

 

รู้เข้าใจในเรื่องกรรม กฎแห่งกรรม ผลของกรรม เราทุกคนก็จะรู้เรื่องพระศาสนา

 

พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมคือพระศาสนา พระศาสนาคือทางสายกลางเรื่องจิตเรื่องใจกับเรื่องวัตถุหรือว่าเรื่องทางวิทยาศาสตร์ เราต้องเข้าถึงเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องวัตถุที่เป็นวิทยาศาสตร์ เราทั้งหลายจะได้เอาเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องวัตถุเรื่องวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ๒ อย่างนี้ต้องไปพร้อม ๆ กัน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ความสงบและปัญญาต้องไปพร้อม ๆ กัน

 

เพื่อทำที่สุดแห่งความไม่มีทุกข์ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ธรรมะต้องเป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุเพื่อให้สองอย่างนี้เป็นความดีและปัญญา เพื่อปัญญาและความดีและได้ก้าวไปพร้อม ๆ กัน เราทั้งหลายต้องยกเลิกตัวตน เพื่อทุกคนจะได้เดินทางสายกลาง เพื่อจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจบลงเพียงผัสสะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ถ้าเราเจริญสติ เจริญสัมปชัญญะ มีความสุขในการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ ความดับทุกข์นั้นก็ย่อมมีกับเราทุก ๆ คนไม่มีใครยกเว้น เพราะความดับทุกข์ ความไม่มีทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่เรามีสติมีสัมปชัญญะ

 

สติระดับศีล ศีลที่มีสติสัมปชัญญะก็ดับทุกข์ได้ในเบื้องต้น สติระดับสมาธิก็ดับทุกข์ได้ระดับกลาง สติระดับปัญญาที่ยกเลิกตัวตนก็ดับระดับทุกข์ได้ระดับสูงสุด เราทุกคนต้องรู้เข้าใจนะ ทุกคนต้องเจริญสติสัมปชัญญะ เอากาย เอาวาจา เอากิริยามารยาท เอาอาชีพมาเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ เราทั้งหลายจะได้ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ ได้ทั้งเรื่องวัตถุไปพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นทางสายกลาง ในส่วนร่างกายของเรา ร่างกายก็แข็งแรง ส่วนจิตใจของเราก็แข็งแรง เพราะเรามีสติมีสัมปชัญญะ เราทุกคนต้องตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ ให้ทุกท่านเข้าใจว่า ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เราจะไม่ได้เสียเวลาที่เราต้องใช้ทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้พวกเราทั้งหลายมาเจริญสติสัมปชัญญะ อย่าพากันตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลินความประมาท ให้เข้าใจว่า ปัจจุบันเป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ในการเจริญสติคือความสงบ ในการเจริญสัมปชัญญะตัวปัญญา เพื่อให้ปฏิปทาก้าวไปด้วยปิติด้วยความสุขด้วยเอกัคคตาที่เป็นปัญญากับความสงบ เราพากันเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน เราต้องรู้เข้าในว่าพระนิพพานนี้ต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันเราต้องเข้าถึงพระนิพพาน ให้ศีลนี้เป็นพระนิพพาน สมาธิเป็นพระนิพพาน ปัญญาเป็นพระนิพพาน เราไม่ต้องเอาความฟุ้งซ่าน ไม่เอาความหลงนำชีวิตว่าพระนิพพานอยู่เบื้องหน้าโน้นเทอญ คำว่าเทอญอยู่ไกลเหลือเกิน มันไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ปัจจุบันธรรม อย่างนั้นมันเอาความผิดนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมไม่ได้เอาปัจจุบันธรรมอันนั้นไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา อันนั้นมันเป็นอัตตาเป็นนิติบุคคลตัวตนให้เรารู้เข้าใจ

 

ด้วยเหตุผลนี้เราทุกคนจึงต้องเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ เพื่อให้สติสัมปชัญญะของเรามันติดต่อต่อเนื่อง เราคิดดูดี ๆ นะ การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องถึงจะเป็นชิ้นเป็นอัน ถึงจะเป็นมรรคเป็นผล เพราะอันนี้เราต้องรู้เข้าใจว่าอันนี้เป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม เราต้องรู้ต้องเข้าใจในเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม การประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่อง รายการดี ๆ ก็ย่อมมีรายการต่าง ๆ เข้ามาแทรกแซงนะ อย่างรายการโทรทัศน์ดี ๆ ก็ย่อมมีการโฆษณา ในชีวิตประจำวันมีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เกิดจากธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ที่มาเกี่ยวข้อง ที่มาสัมผัส เปรียบเสมือนรายการโฆษณาสรรพสินค้าต่าง ๆ นานา เรื่องธุรกิจหน้าที่การงาน เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปตามสิ่งที่เค้าโฆษณา เราจะได้จบลงที่ปัจจุบัน ถึงสิ่งต่าง ๆ นั้นจะเอร็ดอร่อย  จะแซบจะลำจะนัวจะหรอย เราก็ต้องจบลงด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ว่าให้เราช้าให้เรานาน เสียเวลากับความเพลิดเพลินในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

 

เราทั้งหลายต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราจะได้จบลงที่ปัจจุบัน เราต้องตั้งมั่นเราต้องเข้มแข็ง เอาปัจจุบันให้มีสติสัมปชัญญะดี ๆ ให้มีความสงบมาก ๆ ด้วยการเสียสละ เสียสละความเอร็ดอร่อยในปัจจุบัน ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อความดีเพื่อบารมีเพื่อศีลเพื่อสมาธิเพื่อปัญญาจะได้ติดต่อต่อเนื่องที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นทางสายกลางระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจกับเรื่องวัตถุไปพร้อม ๆ กัน

 

เราทุกคนพากันรู้เข้าใจนะ อยู่ที่ไหนเราก็พากันทำได้ปฏิบัติ ไม่ขัดต่อธุรกิจหน้าที่การงาน เราเอาธุรกิจหน้าที่การงานมาใช้มาปฏิบัติให้มันได้ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เพราะธรรมะมันเป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจ เป็นอุปกรณ์ที่เราจะเอาไปใช้เอาไปปฏิบัติทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ มารวมลงที่เจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้เป็นความดีเป็นบารมี เป็นปฏิปทา เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ คำว่าวัตรข้อวัตรข้อปฏิบัติให้เรารู้เข้าใจ เขาจะทำอะไรเขาต้องมีเครื่องวัด อย่างเค้าจะทำบ้านทำเรือนสร้างบ้านสร้างเมืองเค้าต้องมีเครื่องวัด วัดความสั้นความยาวความสูงความต่ำ วัดน้ำหนักของความหนักความเบา วัดมีความหมายอย่างนี้ พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ให้เรารู้เข้าใจ จะเป็นอุปกรณ์ให้เราถือเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

เราทั้งหลายต้องรู้ประโยชน์รู้คุณ พระธรรมพระวินัยไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ พระธรรมพระวินัยเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะให้เราเข้าถึงบริสุทธิคุณทั้งทางกายวาจากิริยามายาทรวมลงที่ใจที่เจตนา เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย เรื่องการให้ทานการเสียสละ เรื่องเจริญเมตตา เจริญสมถะ เจริญวิปัสสนา สิ่งเหล่านี้ที่เป็นคุณมากมีอุปการะคุณมาก เราต้องรู้เข้าใจเรื่องทาน ศีล สมาธิ ปัญญา วิปัสสนา ว่าสิ่งเหล่านี้มีคุณมีอุปการคุณแก่เรามาก ๆ เราจะได้เข้าถึงความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เป็นทั้งรูปธรรมนามธรรม ที่เป็นทั้งความสงบและปัญญา

 

เราทุกคนจะเอาความรู้สึกนำชีวิตนั้นไม่ได้ ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย ยกเลิกตัวตน สติสัมปชัญญะคือหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ ความไม่ประมาท ความตั้งใจ ตั้งเจตนา เพื่อจะให้ปฏิปทา สติสัมปชัญญะได้ก้าวไป เราทุกคนถึงไปตามใจตามอารมณ์ตามความรู้สึกไม่ได้ ต้องทวนกระแส ไม่ไปตามกระแส อย่าให้ความประมาทเข้ามาแทรกแซง เราคิดดูดี ๆ นะ ความประมาทมันจะเข้ามาแทรกแซงนะ ธรรมะถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมอยู่ตลอด ต้องยกเลิกตัวตนอยู่ตลอด ให้เข้าใจนะว่าศีลสมาธิปัญญาเป็นสภาวธรรมที่ยกเลิกตัวตนที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

 เราคิดดูดี ๆ นะ พวกที่มาบวชทั้งหลาย ใหม่ ๆ ก็ขยัน บวชหลายวันหลายเดือนหลายปี ตั้งอยู่ในความประมาท ความประมาทที่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน หลายวันหลายปี บารมีที่เป็นตัวเป็นตนมันก็เจริญแก่กล้า ผู้ที่บวชมาหลายปีเอาความประมาทนำชีวิต ผู้ที่บวชมานานเลยกลายเป็นผู้ที่ขี้เกียจขี้คร้าน ขี้เกียจขี้คร้านมาก ๆ จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ๙๙.๙ เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เราคิดดูดี ๆ สิ ผู้ที่เรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา ตอนเรียนหนังสือขยันหมั่นเพียรแข่งขันกัน เมื่อได้ไปรับราชการเป็นข้าราชการ ความขี้เกียจขี้คร้าน พากันตั้งอยู่ในความหลงเพลิดเพลิน พากันตั้งอยู่ในความประมาท พวกข้าราชนักการเมืองถึงมีแต่บุคคลที่ขี้เกียจขี้คร้าน เพราะความประมาท ความหลงมันเป็นนิติบุคคลตัวตน มันทำให้ทุกคนขี้เกียจขี้คร้าน ตั้งอยู่ในความประมาท พวกข้าราชการนักการเมืองมีความเกียจขี้คร้านมาก ๆ เลยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ๙๙.๙ เปอร์เซ็นต์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ความสงบและปัญญาถึงต้องคู่กันไปนะ

 

อย่างเราพากันมานั่งสมาธิ นั่งสมาธิเรายกเลิกตัวตน ใจมันก็สงบ เมื่อมันสงบมันก็เป็นตัวเป็นตน ผู้มีความสงบก็ต้องเสียสละ อย่าไปติดสุขติดสบาย องค์สมเด็จพระสัมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเมื่อเรามีความสงบพอสมควรเราก็ต้องพิจารณาร่างกายเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เราจะได้ทำสมถะวิปัสสนาไปพร้อม ๆ กัน

 

เราไปติดสุขติดความสงบติดความสบายเดี๋ยวเราก็ต้องนั่งสัปหงกโงกง่วง เรานอบน้อมต่อความหลงโยกไปโยกมา น่าเวทนาทั้งตัวเราและคนอื่นนะ เราต้องเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท ให้เรารู้เข้าใจ ว่าเราทั้งหลายอย่าไปตั้งอยู่ในความหลงอย่าไปตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาท เราทั้งหลายต้องเสียสละยกเลิกตัวตน ต้องทำหน้าที่เพราะธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะเพื่อให้ความสงบและปัญญาก้าวไปพร้อม ๆ เรามีปัญญามาก ๆ เราก็ต้องสงบมาก ๆ  เรามีความสงบมาก ๆ เราก็ต้องเสียสละมาก ๆ เพื่อเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เพื่อเราจะได้ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานกับการปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กันให้เราทุกคนรู้เข้าใจ ว่าธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ เพื่อพัฒนาทั้ง ๒ อย่าง พัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ พัฒนาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงาน มาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ ยกเลิกสิ่งภายนอกหมด เน้นความบริสุทธิที่ใจ ใจของเรานั้น เราทุกคนต้องยกเลิกตัวตน เราทุกคนถ้าเรายกเลิกตัวตนแล้ว เราทุกคนก็จะมีแต่ความสงบและปัญญา มีปัญญาและความสงบ ใจของเราทุกคนรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติของความดับทุกข์ ใจของเราจะเป็นปัจจุบันธรรม ใจของเราจะยกเลิกตัวตน ถ้าเราทุกคนยกเลิกตัวตน เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความเป็นประภัสสร เราจะได้ว่างจากนิติบุคคล ว่างจากตัวตน เราจะไม่ได้ไปเป็นอะไร ไม่ได้อะไรเสียอะไร เราทั้งหลายจะได้ว่างจากตัวตน

 

เราคิดดูดี ๆ นะ ใจของเรามันเป็นกลาง ๆ มันว่างจากตัวจากตน ใจของเราเค้าจะไม่มีความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก ที่มันเกิดมันแก่มันเจ็บมันตายมันพลัดพรากล้วนแต่เป็นนิติบุคคลตัวตน ศีลสมาธิปัญญาถึงเป็นสภาวธรรม เป็นพระธรรมพระวินัยให้พวกเราทั้งหลายพากันมายกเลิกตัวตน ให้เรารู้เข้าใจ ธุรกิจหน้าที่การงาน กายวาจากิริยามารยาทอาชีพให้เรารู้เข้าใจ ว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่จะเป็นอุปกรณ์ให้พวกเราได้ประพฤติได้ปฏิบัติ เพื่อบำเพ็ญบารมีเบื้องต้นท่ามกลางที่สุด เราทุกคนจะได้เข้าถึงความสงบและปัญญาในปัจจุบัน เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานบ้านของเราในปัจจุบัน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เรารู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ เราอย่าไปเข้าใจเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนเราแยกการแยกงานออกจากการปฏิบัติธรรม อย่างนั้นไม่ได้มันเสียหาย เสียหายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตึกที่ไหนเค้าก็ไม่พังทลายไปพังตึกเดียว พังแต่ตึกสตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ยกเลิกเรื่องสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต ทำกันมานับเป็นร้อย ๆ ปี โครงการนี้ก็แก้ไขไม่ได้ ก็ยิ่งพากันประพฤติปฏิบัติเสียหายกันมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความหลง ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตความหลงก็เลยยิ่งมาก มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย ๆ มากยิ่งกว่าเก่า มากกว่าเดิม มากทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

ปีนี้แหละท่านผู้ว่าชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ได้ประกาศให้ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านส่งชื่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ใครติดยาเสพติด ใครจำหน่ายยาเสพติด ให้ส่งรายชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้เอาบุคคลนั้นเข้าสู่ภาคบำบัด ถ้าไม่เข้าสู่ภาคบำบัดแล้วเราจะแก้ไขบุคคลนั้นไม่ได้ เพราะบุคคลนั้นต้องเข้าสู่ภาคบำบัดเพื่อประพฤติปฏิบัติถึงจะแก้ปัญหาได้ มันต้องเข้าสู่กระบวนการในภาคบำบัด กำลังของตัวผู้เสพเอง กำลังทางครอบครัว ไม่มีกำลังทางจิตใจไม่มีกำลังทรัพย์ การบำบัดนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็ไม่น้อยกว่า ๑ เดือนขึ้นไป เพื่อเข้าสู่ระเบียบเข้าสู่กระบวนการ เราพยายามที่จะแก้ปัญหา ด้วยการจับปรับไหมไปหาหมอไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเค้าก็ปล่อยมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครทำได้ปฏิบัติได้ เรารู้แล้วว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องใช้หลักการเหมือนเค้าฝึกทหารใหม่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๑ เดือนขึ้นไป เพื่อยกเลิกตัวตน ถึงจะแก้ปัญหาได้ ทางผู้ว่าราชการฯ ท่านรู้เข้าใจ ต่อไปนี้จะไม่ปรับจะไม่ไหม เพราะประชาชนทุกคนยากจนอยู่แล้ว จะช่วยวางแผนในเรื่องบำบัด ทางครอบครัวไม่ต้องเสียเงินใด ๆ ให้ประชาชนทุกคนพากันเข้าใจ ลูกหลานของเราจะได้เข้าสู่ภาคบำบัด งบประมาณในการเลี้ยงชีพวันหนึ่งคงใช้เงินไม่เกิน ๑๐๐ บาทต่อคนต่อวัน ผู้ที่ไปบำบัดนั้นจะพากันทำการกุศล ให้มีความสุขในการทำการกุศลให้ติดต่อต่อเนื่องในการทำความดีให้มีปิติมีความสุขมีความตั้งมั่นในความดีที่ประกอบด้วยปัญญา

  

อย่างโครงการสวมหมวกกันน็อค มีโครงการมาไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปีแล้วที่มีมอเตอร์ไซด์เข้ามาขายมาจำหน่ายในประเทศไทย ประเทศไทยเราไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๖๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้ เพราะไม่เห็นความสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติที่ถูกต้อง การปฏิบัติของเรามันต้องเป็นสากลของทุก ๆ คนในโลกนี้ ในโลกนี้เค้าจะขับขี่มอเตอร์ไซด์ทั้งคนขับทั้งผู้ซ้อนเค้าต้องใส่หมวกกันน็อค นี้เป็นสากลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้นะ มันเป็นความเสียหายมาก ๆ เป็นความไม่ถูกต้องมาก ๆ มันเสียหายทั้งส่วนตัวและส่วนรวม เราทั้งหลายต้องมีความละอายแก่ใจในความไม่ถูกต้อง เราเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัวอย่างนี้ไม่ได้นะ ใช้ไม่ได้นะ ในต่างประเทศ ประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วก่อนที่จะออกจากบ้านต้องใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ ถ้าไม่ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์เราจะออกจากบ้านได้อย่างไร ในต่างประเทศประเทศที่เค้าเจริญก่อนจะออกจากบ้านเค้าก็ต้องใส่หมวกกันน็อค ถ้าไม่อย่างนั้นเค้าก็ทำใจไม่ได้ เพราะเค้าเอาความผิดนำชีวิต เอาความเสียหายนำชีวิต

 

เราต้องเข้าใจ ทุก ๆ คนต้องเข้าใจ เข้าใจแล้วก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องละอายแก่ใจในความไม่ถูกต้อง เราต้องมีความเคารพคารวะในกฎในระเบียบที่ดีที่ถูกต้อง การประพฤติการปฏิบัติที่ดีที่ถูกต้อง ต้องอาศัยเวลาประพฤติปฏิบัติเป็นเวลา ๔ ปีนะ วาระของนักการเมืองที่ดี ๆ ที่ถูกต้องถึงเป็นวาระหนึ่งใช้เวลา ๔ ปี เพื่อความดีและปัญญาจะได้ติดต่อต่อเนื่อง อย่างคนโบราณสมัยก่อนเค้าเรียนหนังสือ เค้าเรียนตั้งแต่ ป.๑ จบ ป.๔ เมื่อสมัยร่วม ๆ ร้อยปี เพราะการทำอะไรติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นกระบวนทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพไปรวมลงที่ใจที่เป็นทั้งความสงบและปัญญา 

 

พูดอย่างนี้ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ นี้มันเป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นปัญญาบริสุทธิคุณให้รู้เข้าใจ นี้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา นี้คือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ นี้เป็นความมั่นคงของชาติคือความเกิด ด้วยเหตุที่ถูกต้อง ไม่มีความผิด ถูกต้องน่ะ ความถูกต้องหมายถึงบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ตัวตน นั่นแหละคือความถูกต้อง  เป็นความมั่นคงของพระศาสนา ศาสนาคือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ  เป็นความมั่นคงของพระมหากษัตริย์นั้นได้แก่ปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาเพื่อตัวตน ปัญญาบริสุทธิคุณนี้เป็นความหมายของพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ที่ขึ้นครองราชย์ถึงทรงทศพิธรราชธรรม เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต คำว่าพระหมายถึงไม่มีตัวไม่มีตนให้เข้าใจ ถ้ามีตัวมีตนก็ไม่ใช่พระไม่ใช่ธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ

 

นี้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นพระศาสนา เป็นพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ เพื่อให้เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ให้เรารู้ให้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ทำให้ถูกต้อง จะได้ไม่พากันทำความผิด เพื่อเข้าสู่ขบวนการแห่งความถูกต้องของรัฐธรรมนูญในการดำเนินชีวิต การดำเนินชีวิตต้องไม่เอาความผิดดำเนินชีวิต

 

 

 

ให้เราทั้งหลายระลึกถึงโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทสำคัญครั้งสุดท้ายไว้ว่า

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร

 

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการปฏิจจสมุปบาท กระบวนการของปฏิจจสมุปบาทจะได้จบลงเพียงผัสสะ จะได้เป็นปัญญาเป็นความสงบ จะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล หยุดความปรุงแต่ง นี้เป็นขบวนการที่ติดต่อต่อเนื่อง เป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เป็นขบวนการของกระแสในการประพฤติการปฏิบัติที่ได้นำเอาพระธรรมพระวินัยมาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบันให้ติดต่อต่อเนื่อง

 

 ความสงบและปัญญาที่เป็นพระธรรมพระวินัยถึงหยุดความปรุงแต่งได้ ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน พระธรรมพระวินัยที่เป็นความรู้ความเข้าใจ ที่จะหยุดความปรุงแต่งได้ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า พระนิพพานต้องอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น

 

การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเช้าของวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๘ เห็นสมควรแก่เวลา ขอสมมติยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้

 

--------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 103,026