๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ให้ทุกท่านทุกคนพากันนั่งให้สบาย มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าก็สบาย หายใจออกก็สบาย ให้มีสติให้มีสัมปชัญญะ ให้รู้ตัวทั่วพร้อม
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๒๗ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๔๖
มนุษย์เราปฏิบัติเดินทางสายกลางระหว่างเรื่องจิตใจกับเรื่องวัตถุให้เป็นทางสายกลาง ให้เป็นความสงบและปัญญา ให้เป็นปัญญาและความสงบควบคู่กันไป อดีตก็มารวมกันอยู่ที่ปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็รวมกันที่ปัจจุบัน ปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เรารู้เข้าใจ เพราะในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร อนาคตก็ย่อมไปจากปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เราพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติพรหมจรรย์เถิด จะได้รู้เข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ให้สิ่งทั้งหลายนั้นจบลงที่ผัสสะ ให้จบลงที่ปัจจุบัน อดีตที่ผ่านมาแล้วเราทุกคนต้องปล่อยต้องวาง เพราะเหตุผลว่ามันผ่านมาแล้ว มันเกษียณแล้ว เราอย่าให้เรื่องอดีตนั้นปรุงแต่งจิตใจของเรา เราทั้งหลายจะได้จบลงที่ปัจจุบัน สิ่งใหม่ ๆ ก็ให้เราเข้าใจ สิ่งใหม่ ๆ นั้นให้เข้าใจว่าเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมาชั่วครู่ชั่วคราวชั่วยาม เรามีตาก็ต้องมีรูป เรามีหูก็ต้องมีเสียง เรามีจมูกก็ต้องมีกลิ่น เรามีลิ้นก็ต้องมีรส เรามีกายก็ต้องมีสัมผัส เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ จะได้จบลงที่รู้เข้าใจ ให้มันจบลงได้ในปัจุบันด้วยสติคือความสงบ ด้วยสัมปชัญญะคือตัวปัญญา เพื่อให้ความสงบและปัญญาที่ยกเลิกสิ่งที่เป็นอดีต ยกเลิกสิ่งที่เป็นอนาคต คำว่ายกเลิกนี้หมายถึงรู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความสงบและปัญญา ด้วยรู้เข้าใจเรื่องอดีต เข้าใจเรื่องปัจจุบัน ว่าสิ่งเหล่านั้นน่ะเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมา
ปัจจุบันเราต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน เรามีปิติมีความสุขที่เกิดจากปัญญาสัมมาทิฏฐิที่หล่อเลี้ยงทั้งกายทั้งใจ ด้วยปิติสุขเอกัคคตา เพื่อเราทุกคนจะไม่มีความทุกข์ เราทุกคนจะไม่เป็นโรคซึมเศร้า ให้รู้ให้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจแล้วทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พวกเราทั้งหลาย ให้ตั้งอยู่ในความรับผิดชอบ อย่าพากันประมาท ถ้าเรามีความประมาทเดี๋ยวมันจะเสียหาย เดี๋ยวมันจะพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย ตึกที่ไหนเค้าก็ไม่พัง ไปพังตึกเดียวเฉพาะตึก สตง. ทั้งที่ตึกอื่นเค้าใหญ่กว่าสูงกว่าเค้ามีมากมายเค้าก็ไม่พังทลายเหมือนตึก สตง.
ด้วยเหตุผลนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้ทุกข์ พากันรู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ อย่าพากันประมาท อย่าพากันตั้งอยู่ในความประมาท เดี๋ยวมันจะเสียหาย เดี๋ยวมันจะพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง.
เราทุกคนต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ต้องปรับเข้าหาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่นี้สำคัญหมด ปรับเข้าหาเวลา ข้อวัตรกิจวัตร ให้เข้าใจว่าสติสัมปชัญญะที่เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินี้สำคัญ ถ้าเราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ การประพฤติการปฏิบัติของเรามันก็จะไม่มี สติสัมปชัญญะถึงเป็นธรรมะที่มีอุปการคุณ
ให้พวกเราทั้งหลายพากันทำหน้าที่ของตัวเราเองให้สมบูรณ์ในปัจจุบัน มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เข้าใจว่าสติสัมปชัญญะนี้คือการประพฤติการปฏิบัติของเรา เราต้องทำหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ปัจจุบันถึงอย่าให้ขาดตกบกพร่อง เน้นมาที่เรา เรื่องของเขาเรื่องของคนอื่นก็ให้เป็นเรื่องของเขาเรื่องของคนอื่น เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ที่เรา ยืนเดินนั่งนอนเราถึงต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าให้สบาย หายใจออกให้สบาย หายใจเข้ามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจออกมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เพื่อสติสัมปชัญญะของเราจะได้ชัดเจน จะได้สมบูรณ์ อานาปานสติใช้ได้ทุก ๆ อิริยาบถไม่ใช่เราเอาไปใช้เฉพาะการนั่งสมาธินะ เราเอาไปใช้ได้ทุก ๆ อิริยาบถ การนั่งสมาธิก็เอาอานาปานสตินี้แหละ การทำงานเราก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีความสุขในการทำงาน เราจะได้ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องวัตถุไปพร้อม ๆ กันในปัจจุบัน การพูดจากิริยามารยาทให้เรารู้ให้เข้าใจ การพูดจากิริยามารยาทคือการประพฤติการปฏิบัติธรรม เราต้องรู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักดีรู้จักชั่ว เพื่อคอนโทรลกายวาจากิริยามารยาท อย่าไปประมาท ต้องให้เกิดความสงบเกิดปัญญา ให้เราทุกคนได้ยกเลิกตัวตน จะได้เอาความสงบและปัญญาควบคู่กันไป
อากัปกิริยาบถย่อยเป็นสิ่งที่สำคัญ อากัปกิริยาบถกลางเป็นสิ่งที่สำคัญ อากัปกิริยาบทใหญ่เป็นสิ่งที่สำคัญ เราทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ด้วยเหตุผลนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้พวกเราทั้งหลายอย่าตั้งอยู่ในความประมาท อย่าไปมองข้ามความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ อิริยาบถเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องลงรายละเอียดด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ อย่าไปมองข้าม
ให้เรารู้ให้เข้าใจ เพราะทุกอย่างมันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม กรรมทางกาย กรรมทางวาจา กรรมทางกิริยามารยาท นั่นแหละเป็นกรรม ด้วยเหตุผลนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงไม่ให้เราประมาท อย่าไปมองข้ามความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความประมาท คิดว่าไม่เป็นไร ไม่สำคัญ ที่เป็นแม่น้ำเป็นทะเลเป็นมหาสมุทรก็ย่อมมาจากเม็ดฝนเม็ดเล็ก ๆ ที่มันตกลงมาที่ติดต่อต่อเนื่องกัน ถ้าเราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ เราก็มองข้ามความคิด มองข้ามกายวาจากิริยามารยาทอาชีพไป สิ่งเหล่านี้ให้เรารู้เข้าใจ สิ่งเหล่านี้มันเป็นกรรม เป็นกฎแห่งกรรม เป็นผลของกรรม เดี๋ยวมันจะสายเกินแก้ สติสัมปชัญญะถึงเป็นธรรมะที่คัดกรอง กลั่นกรอง แพทย์เค้าให้เช็คสุขภาพตรวจสุขภาพทุก ๆ ปี ว่าผลของเลือดในสรีระร่างกายมันมีผลแนวโน้มไปทางไหน เพื่อจะไม่ได้สายเกินแก้ เราต้องรู้เข้าใจ เรานี้เป็นทั้งแพทย์เป็นทั้งพยาบาลในตัวนะ แพทย์ก็อยู่ที่เรานี้แหละ พยาบาลก็อยู่ที่เรานี้แหละ ที่เราไปหาแพทย์หาพยาบาลที่โรงพยาบาลนั้นมันเป็นปลายเหตุแล้ว กายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจด้วยการมีสติมีสัมปชัญญะ ทุกคนต้องรู้เข้าใจ พากันทำหน้าที่ พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราจะได้เอาสติเอาสัมปชัญญะมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้แหละถือว่าไม่รู้เรื่องในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เรื่องของกาย ของวาจากิริยามารยาท รู้เรื่องของเราเอง เราทั้งหลายจะได้เอาทางเรื่องจิตเรื่องใจ เอาทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เราทั้งหลายจะไม่ได้แก้ไขที่ปลายเหตุ เราต้องคัดกรองกายวาจากิริยามารยาท คัดกรองที่ใจ ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา
เราทั้งหลายก็ต้องพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราจะเป็นผู้มีศีล เป็นผู้มีสมาธิ เป็นผู้มีปัญญาในปัจจุบัน เราจะได้เป็นมนุษย์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นเทวดาผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นผู้มีพรหมวิหารผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระอริยเจ้าผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราจะได้ทำหน้าที่ของตัวของเราให้สมบูรณ์ ด้วยปิติด้วยความสุขด้วยเอกัคคตา ชีวิตของเราจะได้สว่างไสวทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจ ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาความสงบและปัญญาที่เป็นปฏิปทาก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราพากันนอนพากันพักผ่อนให้เพียงพอ ภายใน ๒๔ ชั่วโมงนี้ กลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง เป็นการหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ หมุนรอบตัวเองของโลก เป็นกลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องนอนพักผ่อน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง เพราะการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องใช้สรีระร่างกาย ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ เพื่อให้กายกับใจเดินไปพร้อมกัน เราต้องนอนพักผ่อนให้ได้ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง เราจะเป็นใครเราก็ต้องนอนพักผ่อนเพื่อยกเลิกตัวตน เพื่อตัวตนมันคือความไม่สงบ
การนอนการพักผ่อนให้เข้าใจนะ คือการยกเลิกตัวตน เพื่อให้ร่างกายให้สรีระเค้าได้หยุดทำงาน ให้เค้าพักผ่อน เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องเสียสละให้สรีระร่างกายให้เค้าได้นอนได้พักผ่อน เราทั้งหลายต้องยกเลิกตัวตน ให้ร่างกายเค้าได้นอนได้พักผ่อน มีอะไรก็เอาไว้ก่อน ให้เรารู้ให้เข้าใจ เพราะตัวตนนี้มันจะปรุงแต่งไม่หยุด ที่เรามีรถมีเรือมีเครื่องบิน เค้าก็ต้องมีการหยุดการพักผ่อน เพื่อเครื่องจะไม่ได้ร้อน เครื่องจะได้เย็น เย็นด้วยการยกเลิกตัวตน ด้วยการนอนพักผ่อน เราต้องรู้เข้าใจ เราอยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่าเท่าเดิม อยากได้น้อยมันก็ไม่ได้น้อยมันก็เท่าเก่าเท่าเดิม
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ยกเลิกตัวตน เราจะได้พากันนอนพากันพักผ่อน เราต้องมีปิติมีความสุขในการยกเลิกตัวตน ว่างจากตัวตนสัก ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมงด้วยการนอนการพักผ่อน การนอนการพักผ่อนคือการยกเลิกตัวตนนะ ที่เอาออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงร่างกายด้วยการยกเลิกตัวตน เอาคาร์บอนไดออกไซด์ เอาของเสียออกไป ปล่อยวางทุกอย่างยกเลิกตัวตน เราคิดดูดี ๆ นะ ถ้าใครยกเลิกตัวตน บุคคลนั้นก็จะนอนจะพักผ่อนได้ดี ถ้าใครไม่ยกเลิกตัวตนก็จะนอนพักผ่อนได้ไม่ดี เราจะไปอาศัยตั้งแต่ยานั้นไม่ได้ เราต้องพัฒนาทั้งทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี
ในชีวิตประจำวันเราทุกคนพากันมีสติมีสัมปชัญญะ มีความสุขในอริยมรรคมีองค์แปด มีความสุขในการคิดดี ๆ ประกอบด้วยปัญญาที่ยกเลิกตัวตน พูดดี ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อเราจะได้ยกเลิกตัวตน กิริยามารยาทดี ๆ ที่ยกเลิกตัวตน อาชีพดี ๆ อาชีพที่ตั้งอยู่ในศีล ๕ เพราะมนุษย์คือผู้รู้เข้าใจเรื่องอริยสัจสี่ ยกเลิกตัวตน เมื่อเรายกเลิกตัวตนเราทุกคนก็จะมีความสงบมีปัญญามีศีล ๕ จะได้พัฒนาทั้งวัตถุพัฒนาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เป็นผู้เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เห็นภัยในความเสียหาย ไม่ประมาท มีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติธรรม ไม่ประมาท ไม่ผิดพลาด มีหลักการด้วยเอาศีล ๕ นำชีวิต ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ศีล ๕ เป็นปัญญาการประพฤติการปฏิบัติที่ยกเลิกตัวตน เราจะได้เข้าถึงทั้งปัญญาในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นทั้งแพทย์เป็นทั้งพยาบาลไปในตัว
เราต้องรู้เข้าใจ ให้ทุกคนยกเลิกตัวตน อย่าเอาความหลงนำชีวิต อย่าเอาความผิดนำชีวิต ให้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ถึงสิ่งต่าง ๆ มันจะแซบจะลำจะนัวจะหรอยก็ช่างหัวมัน ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ของเมืองไทย ที่ท่านตรัสเป็นคติธรรมให้พสกนิกรชาวไทยและชาวโลก เราจะไม่ได้เอาความหลงนำชีวิต เพราะเอาความหลงนำชีวิต เอาความผิดนำชีวิตมันก็ย่อมพังทลายเสียหายอย่างเดียวเช่นเดียวกับตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย
ในชีวิตประจำวันเราต้องมีความสุขในการทำหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจกับวัตถุต้องไปพร้อม ๆ กัน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน นักวิทยาศาสตร์ผู้คงแก่เรียน ผู้ที่มีปัญญามาก ๆ ทั้งหลาย เมื่อเรามีปัญญามาก ๆ เราก็ต้องมีความสงบมาก ๆ เมื่อเรามีความสงบมาก ๆ เราก็ต้องเสียสละมาก ๆ ให้เรารู้เข้าใจ เพื่อจะได้เข้าถึงสติเข้าถึงสัมปชัญญะ เข้าถึงความเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราทั้งหลายจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ เพราะธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ธรรมะ มันเป็นประโยชน์ทั้งปัจจุบัน และเป็นประโยชน์ทั้งอนาคต
เราทั้งหลายจะได้ลงใจ เราทั้งหลายจะได้โอเค ปัจจุบันจะได้เป็นพื้นเป็นฐาน เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า ต้องเอาที่ปัจจุบัน ปัจจุบันต้องเป็นพื้นเป็นฐานของอนาคต ด้วยความรู้ความเข้าใจนี้ สิ่งทั้งหลายจะได้จบลงที่ผัสสะ เพื่อเป็นบารมีในเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องต้นก็คือปัจจุบัน ท่ามกลางก็คือปัจจุบัน อนาคตก็ไปจากปัจจุบันนี้ เราทั้งหลายจะไม่ได้พากันสงสัยว่า ตายแล้วเกิดหรือว่าตายแล้วสูญ เพราะเราเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความความพอดี เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
เราทั้งหลายทุก ๆ คนพากันทำหน้าที่ของตัวของเราเองให้สมบูรณ์ เพราะไม่มีใครมาประพฤติมาปฏิบัติให้เราได้ ความไม่สงบคือความทุกข์ ความไม่สงบคือการนอนไม่หลับ คือการหลับไม่ลง ความปรุงแต่งทั้งหลายคือความไม่สงบ ที่พระบาลีตรัสว่า การมาสงบระงับสังขารทั้งหลายเป็นความดับทุกข์อย่างยิ่ง สติกับสัมปชัญญะถึงมีอุปการะมากกับเรา เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราพากันไปติดในตัวในตน ไปติดในความสงบ เมื่อเรามีความสงบเราก็ไม่อยากทำงาน ไม่อยากเสียสละ ด้วยเหตุผลนี้ผู้มีความสงบมาก ๆ ก็ต้องเสียสละมาก ๆ เพื่อชีวิตนี้จะไม่ได้เป็นตัวเป็นตน จะไม่ได้เป็นเพียงสมถะ ต้องเอาทั้งสมถะทั้งวิปัสสนาควบคู่กันไป ให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เป็นอริยมรรคมีองค์แปดทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจ ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ที่เป็นธรรมนูญชีวิต
มนุษย์เราในโลกนี้ใช้หลักการหลักวิชาการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างเดียวเช่นเดียวกันทุก ๆ ท่านทุก ๆ คนไม่มีใครยกเว้น อันนี้คือความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้เรารู้เข้าใจ นี้เป็นเรื่องสากลในหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ สติสัมปชัญญะที่เป็นสมมติสัจจะ ที่ให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ทำหน้าที่ของใจ เพื่อเป็นธรรมะ เป็นหน้าที่ เพื่อให้เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมเป็นธรรมนูญ ด้วยเหตุผลนี้ประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ทั้งหลายต้องปรับเข้าหาธรรมนูญ สังคมนิยมชมชอบ ชอบอกชอบใจก็ต้องปรับเข้าหาธรรมนูญ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเดี๋ยวมันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน สิ่งที่ว่ากามเป็นคุณ เดี๋ยวกามนั้นจะเป็นโทษ ที่ตรัสว่ากามคุณ ถ้าเรามีสติมีสัมปชัญญะ มีทั้งสติทั้งปัญญา สิ่งเหล่านั้นก็จะมีแต่คุณ เพราะเรารู้อริยสัจสี่รู้ความจริง เราจะไม่ได้หยุดอยู่ในสมาบัติ เราจะได้หยุดที่ตัวที่ตน เราจะได้เอาความสงบและปัญญามาใช้มาปฏิบัติควบคู่กันไป ที่เป็นพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือพระธรรมกับพระวินัย พร้อมทั้งตัวเราเป็นผู้ประพฤติผู้ปฏิบัตินี้เรียกว่าพระรัตนตรัย เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นการประพฤติการปฏิบัติ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ถึงเรียกว่าพระ พระนี้คือยกเลิกตัวยกเลิกตน เป็นการพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กันให้เป็นทางสายกลาง
ให้เรารู้เข้าใจนะ คำว่าพระน่ะ พระนี้คือผู้ที่มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ยกเลิกตัวตน ผู้ที่ยกเลิกตัวตนถึงจะมีสติมีสัมปชัญญะ เมื่อรู้เข้าใจ มนุษย์เราทุกคนก็ปฏิบัติอย่างเดียวกันนี้แหละ เพื่อให้เข้าถึงความมั่นคงเป็นทางสายกลางที่เป็นชาติ เป็นศาสน์ เป็นกษัตริย์ เพื่อให้รูปธรรมนามธรรมสมบูรณ์ เพื่อให้เป็นมนุษย์สมบูรณ์ มนุษย์คือผู้รู้ผู้เข้าใจ เพื่อให้เป็นเทวดาสมบูรณ์ เทวดาผู้รู้ผู้เข้าใจ เป็นพรหมที่สมบูรณ์ พรหมคือผู้รู้เข้าใจเรื่องทางสายกลาง ทางสายกลางนี้เป็นเรื่องปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเป็นฐานของอนาคต ปัจจุบันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงทั้งรูปธรรมนามธรรม เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ความสงบความอบอุ่น ความไม่ว้าเหว่ อยู่ที่เรามีสติมีสัมปชัญญะนะ ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ เราทุกคนจะมีความสงบอบอุ่น เราทุกคนจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ชีวิตของเรานี้มันจะไม่ขาดตกบกพร่อง มันจะอิ่มมันจะเต็ม มันจะพอเพียงเพียงพอ
เราคิดดูดีๆ นะ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีก็เพื่อเข้าถึงความเต็ม ๆ ๆ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพื่อเป็นอริยมรรคมีองค์แปดที่ยกเลิกตัวยกเลิกตน เข้าถึงความเต็ม ท่านมาจุติเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็วันพระจันทร์วันเพ็ญ ท่านประสูติก็วันพระจันทร์วันเพ็ญ ท่านตรัสรู้ก็วันพระจันทร์วันเพ็ญ แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันก็วันพระจันทรวันเพ็ญ ท่านตรัสบอกว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าพระตถาคตเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันพระจันทร์วันเพ็ญ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันพระจันทร์วันเพ็ญ มันเป็นความเต็ม เป็นความพอเพียงเพียงพอ
ด้วยเหตุผลนี้เราได้คิดให้เกิดปัญญาให้เกิดความมั่นใจ เพื่อจะเป็นกำลังใจให้กับเรา เพื่อให้เราเกิดศรัทธาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะว่าไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากธรรมวินัยเป็นสิ่งที่มีคุณมีประโยชน์ หาโทษมิได้เลย
ธรรมะสิ่งที่มีอุปการมากที่สุดคือสติสัมปชัญญะ เมื่อเรารู้เข้าใจ เรื่องสติที่ทำให้เราเกิดความสงบ รู้เข้าใจเรื่องสัมปชัญญะทำให้เราเกิดปัญญาที่ยกเลิกตัวตน เมื่อเรายกเลิกตัวตนมันก็เป็นความสงบ ความสงบกับความเคารพให้เราทุกคนพากันเข้าใจนะ มันคือสิ่งเดียวกัน มันเป็นธรรมะที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดีที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายจะได้เป็นสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติชอบประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติเอาทั้งความสงบเอาทั้งปัญญาไปพร้อม ๆ กันที่เป็นสมถะเป็นวิปัสสนา เป็นความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ เป็นคุณธรรมที่ประเสริฐ เป็นคุณสมบัติของผู้ดีของคนดี ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตนเราจะเป็นคนดีไม่ได้ เพราะว่าเราเอาความผิดนำชีวิต ชีวิตนี้ก็ย่อมพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกับตึก สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
เราทั้งหลายถึงมายกเลิกตัวตนด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่องที่เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเข้าสู่หลักสากลที่เป็นกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เพื่อความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทรัพยากรของมนุษย์ที่เราเอามาใช้จะได้เกิดประโยชน์ ทรัพยากรที่เรามีที่เราเอามาใช้มีเวลาจำกัดนะ ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน ๑ ศตวรรษคือร้อยปี ถ้าเรารู้เราเข้าใจ เราสร้างความดีที่ประกอบด้วยปัญญามาบำเพ็ญบารมีที่เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา
เราปฏิบัติในเรื่องจิตเรื่องใจ เราปฏิบัติทางวัตถุไปพร้อม ๆ กันสามารถอยู่ได้เกินร้อยปีนะ ถ้าเราปฏิบัติเดินทางสายกลางระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เราอยู่ได้เกินร้อยปี เพราะเหตุผลว่าทางวิทยาศาสตร์เราก็พัฒนาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องวัตถุ ทางเรื่องจิตเรื่องใจเราก็พัฒนาเพื่อไม่ให้ใจมีความทุกข์ ให้ใจมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา เพราะเหตุผลนี้ที่เรามีปิติสุขเอกัคคตาทั้งภายนอกภายในมันสว่างไสวทั้งเรื่องวัตถุและเรื่องจิตใจมันไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุผลนี้เราถึงต้องเห็นคุณเห็นประโยชน์ในพระธรรมในพระวินัย ด้วยการมาเจริญสติสัมปชัญญะควบคู่กันไป เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายมาระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสโอวาทไว้ว่า เธอทั้งหลายจงพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ท่านได้ตรัสโอวาทไว้ว่า เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ท่านได้ตรัสเป็นภาษาบาลีไว้ว่า
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร
ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรมมาประพฤติมาปฏิบัติ ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการปฏิจจสมุปบาท กระบวนการของปฏิจจสมุปบาทจะได้จบลงเพียงผัสสะ จะได้เป็นปัญญาเป็นความสงบ จะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล หยุดความปรุงแต่ง นี้เป็นขบวนการที่ติดต่อต่อเนื่อง เป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เป็นขบวนการของกระแสในการประพฤติการปฏิบัติที่ได้นำเอาพระธรรมพระวินัยมาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบันให้ติดต่อต่อเนื่อง
ความสงบและปัญญาที่เป็นพระธรรมพระวินัยถึงหยุดความปรุงแต่งได้ ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน พระธรรมพระวินัยที่เป็นความรู้ความเข้าใจ ที่จะหยุดความปรุงแต่งได้ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า พระนิพพานต้องอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติของหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมหาชน เพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรคเป็นหลักการของการประพฤติการปฏิบัติ เป็นความสงบและปัญญา เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นธรรมนูญนำชีวิต เช้าของวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ก็สมควรแก่เวลา ขอสมมติยุติการบรรยายไว้เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
-----------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

