๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่
๑๑ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๖๘
ของศาสนาพุทธ
คริสต์ศักราช
๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์
ฮิจเลาะห์ศักราช
๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
เดือนนี้เป็นเดือนเมษาหน้าแล้งฤดูร้อน
ประเทศไทยมี ๓
ฤดู ฤดูฝนฤดูหนาวฤดูแล้ง
เดือนเมษาเป็นเดือนของศาสนาพุทธ
ผู้ที่ถือศาสนาพุทธสรงน้ำพระพุทธรูป
ดูแลปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
โบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ ห้องน้ำห้องสุขา
ชาวพุทธในประเทศไทยและทุก
ๆ ประเทศ
ได้เอาเดือนเมษาหน้าแล้งฤดูร้อนของทุก
ๆ ปี
ปฏิบัติสืบทอดติดต่อกันมาหลายร้อยปี
เป็นประเพณีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์สมัยโบราณ
เริ่มต้นจากวันเพ็ญ
๑๕ ค่ำเดือนเมษา
ไปถึงวันเพ็ญ ๑๕
ค่ำเดือนพฤษภา
ระยะเวลาเป็นเวลา
๑ เดือน
เป็นประเพณีของโบราณที่ทำสืบทอดกันมา
ปัจจุบันนี้ทางการทางส่วนราชการ
ให้วันที่ ๑๓
เมษา ถึงวันที่ ๑๖ เมษาก็เพียงพอ
ไม่ต้องไปเอาทั้งเดือน
เป็นวันหยุดทำงาน
หยุดราชการ ให้เป็นวันสงกรานต์
เป็นวันหยุดของทุก
ๆ ปี
เพื่อเป็นหลักการเพื่อเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐต้องเอาธรรมนำชีวิต
เอาธรรมนูญนำชีวิต
ต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
ไม่ให้ใครทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย
การไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย
ก็เพื่อให้อยู่ในหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต
ปรับเข้าหากาลเข้าหาเวลา
เพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต
ทุกคนให้พากันเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ชีวิตของเราทุกคนต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย
เพราะไม่มีอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรม
ไปทำอะไรตามใจ ตามอัธยาศัยไม่ได้
ทุกคนก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติของตัวเองของเราเอง
พระพุทธเจ้าท่านก็ประพฤติปฏิบัติพุทธกิจของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ก็ทำกิจพระอรหันต์
เน้นการกระทำการประพฤติการปฏิบัติของเราเอง
ให้รู้เข้าใจอย่าไปตามความไม่รู้ความไม่เข้าใจ
ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติ
ารปฏิบัติ
เป็นศิลปชีวิต
เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา
พากันเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
เป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา
อย่าไปตั้งอยู่ในความประมาท
ปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นวาระสำคัญเราทั้งหลายอย่าได้พากันประมาท
เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้อุดมสมบูรณ์
ด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ
เราอยู่ที่ไหนทำอะไรก็เอาธรรมนำชีวิต
ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิตเราก็จะไม่มีปัญหา
คนอื่นเอาธรรมนำชีวิตคนอื่นก็จะไม่มีปัญหา
ธรรมชาติมันจะสมดุลสมบูรณ์อยู่ในความพอดี
ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป
มันอยู่ในความพอดี
อยู่ในความพอเพียงเพียงพอ
ธรรมชาติมันมีความพอดี
มีความพอเพียงเพียงพออยู่แล้ว
อย่างกลางวันก็มีความสว่าง
๑๒ ชั่วโมง
กลางคืนก็มีความมืดอยู่
๑๒ ชั่วโมง มันเป็นความพอดี
ธรรมชาติมันจะพอดี
ๆ ธรรมชาติมันจะพอเพียงเพียงพอน่ะ
เราทั้งหลายพากันมีสัมมาทิฐิมีปัญญา
มีความเห็นถูกต้อง
มีความเข้าใจถูกต้อง
ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง
ต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
ให้รู้ให้เข้าใจ
ความรู้ความเข้าใจนี้เรียกว่ารู้ธรรมรู้สภาวธรรม
เป็นผู้รู้อริยสัจสี่
คือรู้เรื่องทุกข์
รู้เรื่องเหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติด้วยความปิติยินดี
มีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติในการปฏิบัติ
ความไม่รู้ไม่เข้าใจนี้นะมันเป็นอบายมุขอบายภูมิ
มันจะเป็นภูมิแห่งความทุกข์
ถ้าเราไม่เข้าใจ
เราจะมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น
ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป
นอกจากทุกข์ไม่มี
เพราะความไม่รู้เข้าใจมันเป็นความทุกข์
เราทั้งหลายถึงมารู้อริยสัจสี่
มารู้ทุกข์
รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
เรามีตัวมีตนน่ะ
เราเป็นคนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี
เป็นคนรวยก็มีความทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ
สองคนนี้ก็เป็นทุกข์พอ
ๆ กันนั่นแหละ
ไม่มีใครยิ่งหย่อนมากกว่ากัน
คนนึงก็ทุกข์เพราะไม่มี
คนนึงก็ทุกข์เพราะมีความหลงเป็นคนไม่รู้จักพอ
ไม่เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เราทั้งหลายจะได้เอาความถูกต้องนำชีวิต
เอาความสงบนำชีวิต
เอาปัญญานำชีวิต
ไม่ต้องไปเอาความฟุ้งซ่านเอาความหลงนำชีวิต
ไม่เอานิวรณ์ทั้ง
๕ นำชีวิต
ไม่เอาอคติทั้ง
๔ นำชีวิต
เราทั้งหลายต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เราเน้นมาในการประพฤติการปฏิบัติของเราเอง
ให้มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
สมมติสัจจะทั้งหลายให้พวกเรารู้เข้าใจเรื่องสมมติสัจจะ
สมมติสัจจะนี้นะเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามาก
ๆ น่ะ
เราทั้งหลายอย่าได้ประมาทไม่ให้ผิดพลาด
เน้นการประพฤติการปฏิบัติให้สมบูรณ์
ให้สมบูรณ์ทั้งอย่างต้นอย่างกลางอย่างละเอียด
ต้องให้สมบูรณ์
สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า
พวกเธอทั้งหลายอย่าพากันเพลิดเพลินอย่าไปประมาท
ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ
จะทำให้เราไม่เสียเวลาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐน่ะ
เราต้องประพฤติปฏิบัติเพื่อให้สมมติสัจจะนั้นสมบูรณ์
เน้นเรื่องการประพฤติ
การปฏิบัติ
ความรู้ความเข้าใจ
เราต้องเอามาประพฤติเอามาปฏิบัติในสมมติให้สมบูรณ์
เราจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์อุดมธรรม
การประพฤติการปฏิบัติของเรานี้ให้พวกเราเข้าใจนะ
มันเป็นรายรับรายจ่ายน่ะ
การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นรายรับรายจ่าย
รับรายรายจ่ายต้องสมดุลกัน
ด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เพื่อเข้าสู่ความพอเพียงเพียงพอ
เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
อย่าไปเพลิดเพลินอย่าไปประมาท
ต้องปฏิบัติสมมติสัจจะให้สมบูรณ์
ศีลนี้แหละเป็นพื้นฐาน
เป็นกรรม
เป็นกรรมฐาน
เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีกรรมเป็นพื้นฐาน
เป็นบุญหรือเป็นบาปน่ะ
การปฏิบัติธรรม...
การปฏิบัติมันเป็นพื้นฐาน
ศีลนี้ถึงเป็นฐานของการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิ
ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
เพื่อเราจะได้มีศีลเป็นพื้นฐาน
เพื่อจะหยุดสัญชาตญาณไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม
มีศีลเป็นพื้นฐาน
นี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายต้องรู้กรรมรู้กฎแห่งกรรม
เราต้องมีศีลมีธรรมเป็นพื้นฐาน
เรื่องความรู้ความเข้าใจในเรื่องสมมติสัจจะ
เพื่อเอาสมมติสัจจะมาใช้มาประพฤติปฏิบัติ
เพื่อให้สมมติสัจจะนั้นสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
เพราะสมมติสัจจะ
จะทำหน้าที่จากการประพฤติการปฏิบัติ
นี้เป็นธรรมที่จะหยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
หยุดการเวียนว่ายตายเกิด
หยุดเหตุหยุดปัจจัยด้วยความรู้ความเข้าใจ
เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เพื่อให้ศีลสมาธิปัญญาก้าวไปด้วยเหตุด้วยปัจจัย
เป็นกิจที่ควรทำควรปฏิบัติ
เป็นกิจที่ต้องหยุด
ต้องยกเลิกในสิ่งที่ไม่ควรทำไม่ควรปฏิบัติน่ะ
เราต้องเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานในการประพฤติการปฏิบัติ
ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา
เราทุก ๆ คนเข้าสู่แบรนด์เนมแห่งการประพฤติการปฏิบัติ
ความรู้ความเข้าใจนี้จะเข้าสู่แบรนด์เนมในการประพฤติการปฏิบัติ
ตำแหน่งทั้งหลายที่เค้าแต่งตั้งเค้าให้เรา
เรียกว่าแบรนด์เนม
ที่เค้าให้ยศให้ตำแหน่งอย่างถูกต้องน่ะ
ยศตำแหน่งที่เราพากันเรียนพากันศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก
เป็นตำแหน่ง ๆ
ขึ้นไป
เป็นรองศาสตราจารย์
เป็นศาสตราจารย์
นี้เป็นตำแหน่งที่เราเรียนได้ศึกษาได้เสียสละ
เราต้องเอาตำแหน่งที่เราได้เรียนได้ศึกษา
ที่มีผู้อื่นรับรองความเป็นมาตรฐานนั้นมาใช้มาปฏิบัติ
ตำแหน่งต้องเป็นตำแหน่งปัญญาบริสุทธิคุณ
เราต้องมีสัมมาทิฐิ
ความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้อง
ไม่เอายศไม่เอาตำแหน่งมาเป็นนิติบุคคลตัวตน
ต้องเอาตำแหน่งนั้นมาเป็นธรรม
เป็นธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ
เพื่อประโยชน์ของเราเอง
เพื่อประโยชน์ของคนอื่น เพื่อเราจะได้เอาธรรมนำชีวิต
ฝ่ายทางธรรมะเรามีการเรียนการศึกษาตั้งแต่นักธรรมตรี
จนถึงเปรียญธรรม
๙ ประโยค
ที่เป็นความรู้ที่พวกเรารู้เข้าใจ
เพื่อมาเอาธรรมนำชีวิต
เอาธรรมนูญนำชีวิต
เป็นตำแหน่งที่เราต้องพากันมาเสียสละ
เพื่อประโยชน์ของเราเองและประโยชน์ของบุคคลอื่น
เราถึงจะเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม
เข้าถึงธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ
ศาสนาทุกศาสนาอยู่ในโลกนี้คือธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญนะ
ศาสนานั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนะ
ศาสนาคือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ
แต่ชื่อมันต่างกันเฉย
ๆ นะ
อันหนึ่งชื่อศาสนาพุทธ
อันหนึ่งชื่อคริสต์พระศาสนา
อันหนึ่งชื่อว่าอิสลามพระศาสนา
ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาต่าง
ๆ
มันต่างกันแต่เพียงชื่อเฉย
ๆ
แต่ความหมายของศาสนามันคืออันเดียวกัน
คือธรรมะคือธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ
เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ
เดี๋ยวจะเอาพระศาสนาเป็นนิติบุคคลตัวตน
มันจะไม่ได้เป็นพระศาสนา
ให้เรารู้เข้าใจ
พระศาสนาเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
เพื่อยกเลิกตัวตนเรียกว่าพระศาสนา
พระศาสนาคือธรรมะ
ธรรมะคือพระศาสนา
ศาสนาคือธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ
นี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายอย่าเอาพระศาสนาเป็นตัวเป็นตนนะ
มันเสียหายมาก
เราต้องรู้เข้าใจถ้าไม่รู้เข้าใจมันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน
มันจะสำคัญมั่นหมายเป็นนิติบุคคลตัวตน
สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย
เป็นหนุ่มเป็นสาว
เป็นคนแก่คนเฒ่าคนชราเป็นคนที่ตายน่ะ
มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน
มันจะสำคัญมั่นหมายว่า
เราดีกว่าเค้า
เก่งกว่าเค้า
รวยกว่าเค้า
มีเพาเวอร์สูงกว่าเค้า
อะไรก็เขาอะไรก็เรา
อันนั้นมันไม่เป็นธรรมมันไม่เป็นสภาวรรม
มันเป็นตัวเป็นตน
เราทุกคนต้องเข้าใจเรื่องพระศาสนา
ให้เราทั้งหลายเข้าใจเราทั้งหลายจะได้รู้เรื่องของพระศาสนา
พระศาสนานี้ต้องยกเลิกเขายกเลิกเรา
ยกเลิกตัวกูของกู
มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา
มีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ
มีแต่ปิติสุขเอกัคคตา
เราทั้งหลายต้องมีความสงบมีปัญญา
เราจะได้มีพระศาสนาด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ
เราต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาพระศาสนานำชีวิต
เอาธรรมนูญนำชีวิต
เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต
อันนี้เรียกว่าเป็นผู้ไม่มีพระศาสนานำชีวิต
คือผู้ที่เอาความหลงนำชีวิต
ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก
เราต้องรู้เราต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น
มันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม
พวกเราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ
พระศาสนาคือความรู้ความเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
พระศาสนาคือปัญญาคือความสงบ
การมาสงบด้วยความรู้ความเข้าใจ
ด้วยการประพฤติการปฏิบัติมันเป็นความสุขอย่างยิ่ง
ที่พระท่านสวดว่า
เตสังวูปะสะโมสุโข
การยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันเป็นความสุขอย่างยิ่ง
การเป็นตัวเป็นตน
ความปรุงแต่งสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวเป็นตน
มันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เราทั้งหลาย เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งไม่ได้
ต้องเข้าถึงความรู้ความเข้าใจ
เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
เข้าถึงความพอดี
หวานมากเกินไปก็ไม่ดี
จืดมากเกินไปก็ไม่ดี
เค็มมากเกินไปก็ไม่ดี
เปรี้ยวมากเกินไปก็ไม่ดี
ต้องเข้าถึงความเพียงพอเข้าถึงความพอดี
เราต้องรู้เข้าใจ
เราไปหาหมอ
คุณหมอเค้าตรวจร่างกายของเรา
เค้าต้องตรวจเลือดเรา
เพื่อจะเข้าหาความพอดี
เข้าหาความพอเพียงเพียงพอ
เค้าต้องตรวจความดันโลหิตของเราเพื่อเข้าหาความพอดี
เข้าหาความพอเพียงเพียงพอน่ะ
เพราะความถูกต้องมันคือความถูกต้อง
การดำเนินชีวิตของเราทุก ๆ คนน่ะ
ต้องอยู่กับพอดี
ความพอเพียงเพียงพอ
ต้องเข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
ด้วยความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นมันไม่ได้
เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ธรรมะ
มันเป็นความหลง
ความหลงนำชีวิตนั้นไม่ได้
เอาอารมณ์เอาตัวเอาตนนำชีวิตนั้นไม่ได้
ต้องเอาความถูกต้องเอาความสงบเอาปัญญา
เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญา
เพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิตน่ะ
ต้องเอาความจริงนำชีวิต
เอาความถูกต้องนำชีวิต
พวกเราไปหาคุณหมอ
คุณหมอเขาถึงตรวจสุขภาพร่างกายด้วยการตรวจเลือด
วัดความดัน
เค้าจะตรวจเลือดตรวจความดันเราน่ะว่าส่วนไหนมากส่วนไหนน้อย
เพื่อจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
เข้าถึงความดีน่ะ
เข้าหาความสงบเข้าหาปัญญา
เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นไม่ได้
มันไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา
มันเป็นนิติบุคคลตัวตน
คุณหมอตรวจเราว่าเราขาดอะไรเกินอะไร
ว่าขาดวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุ
หรือไม่
เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง
เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเราต้องรู้ต้องเข้าใจ
ชีวิตของเราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
เราเอาความหลงนำชีวิตไม่ได้
เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตนั้นไม่ได้
คนเรามาคิดดูดี
ๆ นะ
หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายเป็นโรคทางกายไม่เท่าไหร่หรอก
แต่เป็นโรคทางใจมาก
โรคทางกายเป็นนิดเดียว
ส่วนใหญ่มันเป็นโรคทางใจ
เรื่องปัญญาสัมมาทิฐิ
ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ
เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา
มีปัญญามีความสงบ
เราทั้งหลายจะได้หยุดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ
เราจะได้หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ
ด้วยการประพฤติการปฏิบัติ
บางคนก็นาน ๆ
ทีถึงจะป่วย
แต่เรื่องจิตเรื่องใจ
ถ้าเราเอาความหลงนำชีวิต
เราจะเป็นโรคแห่งความหลง
เป็นโรคทางจิตทางใจอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา
สัมมาทิฐิปัญญาความเห็นถูกต้อง
ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องถึงดีมาก
ต้องรู้จักกาลรู้จักเวลา
รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ
เราจะเข้าถึงธรรมถึงสภาวธรรม
นี้มันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
สงกรานต์ปีหนึ่ง
ๆ ให้พวกเรารู้เข้าใจนะ
มันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์
อุดมธรรม
เพื่อให้เรารู้จักอุดมการณ์อุดมธรรมในการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจ
เราต้องพากันปฏิบัติอยู่ตลอดกาลอยู่ตลอดเวลา
ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เพราะชีวิตของเราคือกรรม
คือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
ให้พากันเข้าใจเรื่องกรรมเรื่องกฏแห่งกรรม
เราทั้งหลายจะได้พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติก็คือการประพฤติการปฏิบัติน่ะ
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดการทำงานของส่วนราชการ
เทศกาลปีใหม่
เทศกาลตรุษจีน สงกรานต์อย่างนี้
นี้เป็นหลักการในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ
วันเสาร์วันอาทิตย์อย่างนี้ก็เป็นหลักการ
แต่การประพฤติการปฏิบัติเปรียบเสมือนเราไปกู้เงินธนาคารเค้ามา
เราไปกู้เงินธนาคารเค้ามาเค้าไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ไม่มีวันหยุดราชการนะ
ดอกเบี้ยเค้าขึ้นอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา
เราต้องเข้าใจรายรับรายจ่ายของชีวิต
ชีวิตของเราต้องรู้เข้าใจ...
เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งเค้าต้องได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้
ได้มาจากทางรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอด
ตลอดปริมณฑล อากาศแสงแดดออกซิเจน
ต้นไม้ต้นนั้นเค้าต้องได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ
ไม่ใช่มาจากรากแต่เพียงอย่างเดียว
ความรู้ความเข้าใจมันคือความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายจะได้รู้เข้าใจ
เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติถึงไม่มีกาลไม่มีเวลา
ไม่เลือกกาลไม่เลือกเวลา
เราต้องรู้การประพฤติการปฏิบัติ
ถามว่าการประพฤติการปฏิบัติเราปฏิบัติไปถึงไหนเราถึงจะได้หยุด
เราต้องเข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติให้พวกเราเข้าใจ
เมื่อเรายังมีอายุขัยอยู่เราก็คิดดี ๆ
เอาธรรมนำชีวิตตลอดอายุขัย
จนกว่าเราหมดลมหายใจ
เราคิดดี ๆ
พูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ
อาชีพที่ถูกต้องยกเลิกตัวตนจนหมดลมหายใจจนหมดอายุขัย
นี้คือการประพฤติการปฏิบัติ
เพราะอันนี้มันเป็นการทำที่สุดแห่งความไม่มีทุกข์
เพื่อหยุดสัญชาตญาณแห่งความไม่ถูกต้อง
หยุดกรรมหยุดกฎแห่งกรรม
มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายน่ะเป็นผู้ที่ประเสริฐเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา
เป็นทั้งคนมีปัญญาเป็นคนดี
ต้องรู้เข้าใจต้องมีสัมมาทิฐิ
มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง
มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
----------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา
สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่
๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา