๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

หลักการของมนุษย์วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของข้าราชการ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นงานทำงานของข้าราชการทุก ๆ ประเทศ

 

หลักการในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต ปัจจุบันนี้โลกนี้มีประเทศอยู่ทั้งหมด ๑๙๕ ประเทศ มีประชากรของโลกอยู่แปดพันกว่าล้านคน การปกครองประเทศทุก ๆ ประเทศเอาธรรมนูญนำชีวิต

 

เอาธรรมนูญเป็นพื้นฐานในปกครอง ธรรมนูญได้แก่ธรรมะ ธรรมนูญติบุคคลตัวตน ธรรมนูญคือธรรมะ ยกเลิกตัวตน ยกเลิกเขายกเลิกเรา เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ ไม่เอาเราไม่เอาเค้า ให้เอาธรรมเอาธรรมนูญรัฐธรรมนูญ

 

เราทุกคนเกิดมาต้องพากันมารู้มาเข้าใจ ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยธรรม ด้วยธรรมนูญ ธรรมนูญเป็นการเดินทางชีวิต เป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราทั้งหลาย ต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิ มีความเห็นที่ถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต

 

เราจะไปทำอะไรตามอัธยาศัยไม่ได้ ต้องทำตามธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน เป็นการประพฤติการปฏิบัติของเรา ปัจจุบันนี้ถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพเป็นวาระแห่งชาติ

การประพฤติการปฏิบัตินี้มันเป็นกรรม มันเป็นกฎของกรรม แล้วก็เป็นผลของกรรม ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

 

การกระทำหรือว่ากรรมถึงเป็นพื้นเป็นฐานที่เราได้ยินว่ากรรมฐานน่ะ การกระทำของเราทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิรยามารยาทมันจะเป็นกรรม มันจะเป็นฐานของกรรม ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติ

 

พวกเราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจแล้วจะปฏิบัติไม่ถูกต้อง การเรียนการศึกษานี้ก็เพื่อความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วมันจะไม่ลืม เพราะมันเข้าใจ เราเข้าใจแล้วเราจะไม่ลืม

 เมื่อเราเข้าใจแล้วจะมองเห็นกระบวนการ มองเห็นวงจร เห็นกรรมเห็นกฎแห่งกรรมเห็นผลของกรรม มันจะรู้จักเรื่องอดีต รู้จักปัจจุบันรู้จักอนาคต เพราะมันรู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องผลของกรรมเรื่องกฎแห่งกรรม

 

ที่พระสารีบุตรในฟังธรรมครั้งแรกจากพระอัสสชิ พระอัสสชิได้บอกกับพระสารีบุตรว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดจากเหตุ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

 

พระสารีบุตรผู้บำเพ็ญสาวกบารมีมาเป็นเวลายาวนานเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เรื่องกระบวนการได้บรรลุธรรม  คือเข้าใจเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องผลของกรรม เป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือพระโสดาบัน

 

ผู้ที่จะเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลายตั้งแต่พระโสดาบันไปถึงพระอรหันต์ขีณาสพทุก ๆ ท่านถึงมีความรู้ความเข้าใจเรื่องอริยสัจสี่ เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เรื่องกระบวนการของกรรมกฎแห่งกรรมผลของกรรม

มีความรู้มีความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้มันจะไม่ลืม เพราะมันเข้าใจ ไม่เหมือนความจำ ความจำนั้นมันลืม ความเข้าใจนี้ไม่ลืม

 

เราทั้งหลายถึงมารู้เรื่องของกรรมรู้กฎแห่งกรรมรู้ผลของกรรม เพื่อมาเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาอริยมรรคนำชีวิต ทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ ทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เพื่อเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ สมบูรณ์หรือว่าเกิดความอุดมสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

เราทั้งหลายต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตาในปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เป็นวาระแห่งชาติ

 

เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งความรู้ สมบูรณ์ด้วยการประพฤติการปฏิบัติเรียกว่าด้วยความรู้ทั้งวิชชาและจรณะ ต้องสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ต้องเน้นลงที่การประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน

 

เราทำงานก็ให้มีความสุขในการทำงาน ถ้าเราไม่มีความสุขในการทำงาน การประพฤติการปฏิบัติมันยังไม่สมบูรณ์ แสดงถึงเรายังเป็นนิติบุคคลตัวตน เราไม่มีความสุขในการทำงาน การทำงานเราต้องมีความสุขในการทำงาน เราทำงานให้มีความสุขน่ะ

 

พระนิพพานคือความสมบูรณ์เป็นสัมมาทิฐิ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เป็นสัมมาทิฐิ เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ เป็นความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เน้นที่ปัจจุบัน ปัจจุบันก็จะเป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ

 

การประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้แหละมันจะยกเลิกสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลที่มันเป็นตัวเป็นตน มันเป็นเราเป็นเขาน่ะ มันจะยกเลิกสัญชาตญาณ ด้วยการทำงานที่เป็นงานที่เป็นบริสุทธิคุณ

 

ชีวิตของเรามันจะยกเลิกนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔ มันจะยกเลิกความชอบความชัง ดีใจเสียใจ ชีวิตของเราจะได้มีแต่ปิติมีแต่ความสุขในการทำงานการเสียสละ เพราะปัจจุบันเราต้องมีความสุขในการทำงานในการเสียสละ เพื่อบริสุทธิคุณเพื่อความสมบูรณ์ เราทำอย่างนี้มันจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ มันจะทำที่สุดแห่งความไม่มีทุกข์

 

เรามาคิดดูดี ๆ นะ คิดดูดี ๆ ด้วยปัญญา เราทั้งหลายต้องมีความสงบและปัญญาที่มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราคิดดูดี ๆ น่ะ เราอยากจะได้มากมันเป็นเรื่องความคิดนะ เราอยากจะได้น้อยอันนี้เป็นเรื่องความคิด

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องอริยสัจสี่ทำให้เราเป็นทุกข์

เราเป็นคนจนก็ทุกข์เพราะไม่มีสิ่งของไม่มีวัตถุ

เราเป็นคนรวยทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ

สองคนนี้ก็มีทุกข์พอ ๆ กันนั่นแหละ

 

เราทั้งหลายต้องมารู้อริยสัจสี่ เราทั้งหลายจะได้รู้จักธรรมะ เราจะได้มีความสุขเราจะไม่ได้เผาตนเอง เราจะไม่ได้ตกนรกทั้งเป็น

 

เราทั้งหลายน่ะพากันตกนรกทั้งเป็นนะ ตกนรกตั้งแต่ยังไม่ตาย คนหนึ่งเป็นทุกข์เพราะไม่มี คนทุกข์เป็นทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ

 

พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักธรรมรู้จักสภาวธรรม ให้เราทั้งหลายพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่ปัจจุบันด้วยปัญญาสัมมาทิฐิหรือว่าปัญญาบริสุทธิคุณที่ยกเลิกตัวตน

 

เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต    

            

สมมติสัจจะในโลกนี้มีหลายล้านสมมตินะ ชี้ให้เห็นแง่มุมผิดถูกดีชั่ว ไม่ผิดไม่ถูก ไม่ดีไม่ชั่ว เป็นกิจเป็นธุรกิจเป็นการประพฤติการปฏิบัติที่จะต้องทำ เป็นกิจที่ควรทำเป็นคุณเป็นประโยชน์ทั้งตนเองและส่วนรวม เป็นอกรณียกิจ เป็นกิจที่ไม่ควรทำ

 

เราต้องรู้เข้าใจกิจที่ควรทำไม่ควรทำ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้เข้าถึงความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

เราทั้งหลายต้องเห็นความสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ อย่างเมื่อวานนี้แหละ มันผ่านไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ อนาคตคือวันต่อไปก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติของการประพฤติการปฏิบัติ

 

การประพฤติการปฏิบัติถึงเป็นวาระแห่งชาติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านกับพวกเราทั้งหลายว่า อย่าพากันไปเพลิดเพลินอย่าพากันไปประมาท ต้องมีปิติ มีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เพราะเราทุกคนน่ะไม่มีใครจะเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมได้

 

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย

 

เราทั้งหลายต้องมารู้มาเข้าใจ เอาสมมติสัจจะทั้งหลายมาประพฤติมาปฏิบัติ ปัจจุบันเราต้องรู้เข้าใจ เห็นภัยในความเสียหาย ในความประมาทของเรา ให้รู้จักคุณรู้จักประโยชน์ของพระธรรมของพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นยานที่จะให้พวกเราก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องเข้าสู่ยาน เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ เราจะเดินทางไกลก็ต้องอาศัยปลีแข้งทั้งสองข้างของเราก้าวไป

 

มนุษย์สมัยใหม่ก็อาศัยรถอาศัยเครื่องบินไปทางบกทางอากาศ ถ้าทางน้ำทางทะเลทางมหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือเรือใหญ่ พระธรรมพระวินัยธรรมนูญรัฐธรรมนูญนี้เป็นยานให้พวกเรารู้ให้พวกเราเข้าใจ มองเห็นคุณเห็นประโยชน์ในพระธรรมพระวินัย

 

เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจเราจะไม่เห็นความสำคัญในพระธรรมพระวินัยในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจ

 

รูปทั้งหลายนั้นมันไม่จบน่ะ เสียงทั้งหลายมันไม่จบ กลิ่น รส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ทั้งหลายมันไม่จบน่ะ

 

เราต้องรู้เข้าใจในกรรมในกฎแห่งกรรมในผลของกรรม

 

เราทั้งหลายต้องรู้กรรมเก่าแล้วก็รู้กรรมใหม่ สองอย่างนี้มันจะเป็นกระบวนการติดต่อต่อเนื่องเป็นวงกลมเป็นสังสารวัฏ

 

พระธรรมพระวินัยธรรมนูญรัฐธรรมนูญนี้มันจะหยุดด้วยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถ้าเราติดเราหลงเราก็เข้าสู่ภาคบำบัดน่ะ

 

คนเค้าติดเหล้าติดเบียร์ติดสิ่งเสพติดต่าง ๆ เค้าก็ต้องเข้าสู่ภาคบำบัด คนเข้าใจแล้วเค้าก็เข้าสู่ภาคปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายก็ต้องรู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัติแล้วก็รู้เรื่องภาคบำบัด เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ นี้อาศัยใครไม่ได้อาศัยความรู้ความเข้าใจ อาศัยการประพฤติการปฏิบัติของเราเอง พระธรรมพระวินัยถึงเป็นยานเพื่อจะหยุดสัญชาตญาณ  

 

เราทั้งหลายต้องเข้าสู่หลักการเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ

 

คนรุ่นใหม่คนสมัยใหม่นี้ไม่รู้ไม่เข้าใจนะ ให้ถือว่าเป็นคนสมัยใหม่ก็แล้วกัน เพราะถือว่ามันเป็นเรื่องของปัจจุบันธรรม

 

ธรรมะมันต้องเป็นของคนสมัยใหม่ คนสมัยปัจจุบันนี้ ไม่ใช่เรื่องของคนโบราณ เพราะคนโบราณเค้าตายไปแล้วเค้าลาละสังขารไปแล้ว คนรุ่นใหม่คนสมัยใหม่ต้องรู้เข้าใจในเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพื่อเราจะได้เข้าสู่วาระแห่งการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราก็ไปตามสัญชาตญาณ สัญชาตญาณน่ะมันเป็นภาษาบาลี ถ้าภาษาไทยภาษาลาวเค้าเรียกว่ามันเป็นไปตามความหลงน่ะ ความหลงก็หมายถึงตัวตน ตัวตนนั้นไม่ใช่ธรรมะนะ มันเป็นนิติบุคคล

 

เรามีตัวตนเมื่อไหร่เราก็มีความทุกข์ ที่เราเอาธาตุทั้งสี่ เอาขันธ์ทั้งห้า เอาอายตนะทั้งหกมาเป็นตัวเรา มาเป็นตัวเป็นตน พวกเราทั้งหลายก็เป็นทุกข์ เพราะเรามีทุกข์เพราะเรามีตัวมีตน เราต้องรู้ว่าธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหกมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม ให้พวกเราทั้งหลายนั้นเวียนว่ายตายเกิด

 

เราทั้งหลายต้องมารู้จักกรรมเก่าของพวกเราทั้งหลาย เราทั้งจะได้หยุดกรรมเก่าด้วยความรู้ความเข้าใจ เราเอาพระธรรมเอาพระวินัยเอาธรรมนูญเอารัฐธรรมนูญมายกเลิกตัวตน

 

คนรุ่นใหม่สมัยใหม่ไม่เข้าใจ พวกหนุ่มสาวในวัยทำงานพากันหนีจากบ้านพลัดถิ่นไปทำงานในที่อื่น ไปหากินไปหาทำงานที่อื่น เพราะคนรุ่นใหม่สมัยใหม่เค้าไม่เข้าใจในธรรมในสภาวธรรม เดี๋ยวนี้ปัจจุบันนี้ก็มีแต่คนแก่มีแต่คนพิการที่พากันอยู่บ้าน เพราะคนหนุ่มสาววัยทำงานเค้าพากันหนีจากบ้าน ไปหาทำงานในที่อื่น เค้าไม่รู้ไม่เข้าใจในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อยกเลิกความไม่รู้ความไม่เข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงเศรษฐกิจเพียงพอ เราจะได้มีความสงบมีปัญญาไปพร้อม ๆ กัน

 

ถ้าเรามีปัญญา ถ้าเราไม่มีความสงบนั้นมันใช้ได้มั๊ย มันใช้ไม่ได้

 

ความสงบกับปัญญาต้องไปพร้อม ๆ กัน ศีลกับปัญญาถึงไปพร้อม ๆ กัน สมาธิกับปัญญาถึงไปพร้อม ๆ กัน มันถึงจะเป็นสมถะเป็นวิปัสสนา รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะมีความฟุ้งซ่านมีความไม่สงบ เราจะไม่ได้อยู่กับความสงบไม่ได้อยู่กับปัญญา เราจะพากันอยู่แต่กับความหลงความฟุ้งซ่าน เราจะไม่ได้อยู่กับความสงบกับปัญญา ทุกคนก็จะอยู่กับความหลงอยู่กับความฟุ้งซ่าน

 

มนุษย์สมัยใหม่นี้จะเอาความหลงความฟุ้งซ่านนำชีวิตนี้ไม่ได้นะ เพราะความหลงความฟุ้งซ่านเค้าเรียกว่ามันเป็นความไม่สงบ ความไม่สงบเค้าเรียกว่ามันเป็นการพลัดถิ่นนะ ความไม่มีสติน่ะคือความไม่สงบ ความไม่สงบมันเป็นความหลง

 

เราทั้งหลายต้องมาหยุดความหลงของตัวเอง สัมมาสมาธิคือความสงบอยู่กับเนื้อกับตัวอยู่กับการทำงาน การทำงานน่ะเรามีความสุขกับสิ่งภายนอก เมื่อเราไม่ได้ทำงานภายนอกเราก็มีความสงบอยู่กับภายใน

 

เราทั้งหลายต้องยกเลิกสิ่งภายนอก มาอยู่กับความสงบ เพื่อความสมดุลระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน เพราะธรรมชาติมันพอดี ธรรมชาติเค้าให้เราพักผ่อนเวลากลางคืน เวลากลางวันให้เราทำงาน ธรรมชาติมันพอดีมันลงตัว

 

นี้พวกเราทั้งหลายจะเอาแต่ความฟุ้งซ่าน เอาแต่ความหลงนำชีวิต มองไปทางซ้ายทางขวาทางหน้าทางหลังมีแต่คนฟุ้งซ่าน มีแต่เล่นโทรศัพท์ ไลน์โทรศัพท์ ทั้งเด็กทั้งหนุ่มสาววัยกลางผู้แก่ผู้เฒ่าสมณะชีพรามหณ์น่ะ ไม่รู้จักทำใจให้สงบ เอาความฟุ้งซ่านนำชีวิต

 

เมื่อเราไม่ได้ทำการทำงาน เราก็ต้องรู้จักทำใจให้สงบ เพื่อเราจะได้เอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของเรา อย่างเราทำงานเราก็มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการทำงาน เราก็มีความสุขในการทำงานภายนอก

เมื่อเราไม่ได้ทำงานเราก็ควรจะอยู่กับความสงบ เพื่อจะได้เอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เราจะได้เอาคาร์บอนไดออกไซด์เอาของเสียออกไปเอาความยึดมั่นถือมั่นเอาความหลงออกไป

เราจะได้กลับมาหาความสงบกลับมาหาปัญญา ชีวิตของเราก็จะสมบูรณ์

 

มนุษย์เรานี้เค้าต้องพัฒนาตัวของมนุษย์เอง ให้มนุษย์มีความสงบมีปัญญา ให้มนุษย์มีปัญญามีความสงบ นี้เป็นหลักการที่เป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เป็นธรรม เป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ

 

เราทั้งหลายพากันเน้นที่ตัวเรา ให้มีความสงบให้เพียงพอ ให้มีปัญญาให้เพียงพอ

 

วันหนึ่งคืนหนึ่งน่ะ มนุษย์เราทั้งหลายนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ๖-๘ ชั่วโมง อย่าไปคอร์รัปชันเวลานอน

 

เวลาเราทำงานเราก็มีความสุขในการทำงาน อย่าไปคอร์รัปชันเวลาทำงาน เราไม่มีความสุขในการทำงานเป็นการคอร์รัปชันในการทำงานนะ

 

ทำงานต้องมีความสุข เรียนหนังสือต้องมีความสุข กายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพน่ะ  

 

ต้องเอาศีลเอาธรรมเอาธรรมนูญรัฐธรรมนูญนำชีวิต ธรรมชาติมันจะลงตัวไปพอดีน่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่อย่างนี้ เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม

 

รู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องผลเรื่องอริยสัจสี่เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา เราทั้งหลายจะไม่ได้ฟุ้งซ่าน จะไม่ได้ผลัดถิ่น จะได้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

เราทั้งหลายจะได้สงบอบอุ่นน่ะ จะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

ทุก ๆ คนพากันทำอย่างนี้แหละ เน้นที่ตัวของเราเอง ธรรมชาติมันจะลงตัวกันพอดี ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

 

คนรุ่นใหม่คนสมัยใหม่มีเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน ทำงานทั้งกะกลางวันกะกลางคืน เพราะการพัฒนาวิทยาศาสตร์มันสว่างทั้งกลางวันกลางคืน ถึงอย่างไรมนุษย์เราก็ต้องพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง

ถ้าวันไหนมันรัดตัว ปฏิปทาเรายังไม่ถึง เราควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมมันมาตัดรอนอย่างน้อยเราก็นอนพักผ่อน ๖ ชั่วโมงน่ะ

 

มนุษย์พักผ่อน ๖ ชั่วโมง... ถ้าผู้ที่อยู่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครอย่างนี้ เป็นต้น ในปริมณฑล ส่วนรวมศูนย์สั่งการอยู่ที่นั่นเค้าไปรวมกันอยู่มาก อากาศไม่ดี ออกซิเจนไม่ดี ค่าพีเอ็มมันเสีย ก็ต้องนอนพักผ่อนมากกว่าผู้ที่อยู่ในต่างจังหวัดในชนบทผู้ที่เค้าอยู่ในป่าในเขา ถึงจะพัฒนาโลกสมัยใหม่ติดแอร์ให้เย็น แต่โอโซนมันมีน้อยก็ต้องพักผ่อนให้พอ

 

เราทุกคนต้องมีสัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ให้เข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าเรายกเลิกตัวตนน่ะ เอาธรรมนำชีวิตอยู่ที่ไหนที่นั่นก็สงบ อยู่ในปริมณฑลก็สงบ อยู่ในต่างจังหวัดก็สงบ อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสงบเพราะเรารู้เข้าใจ

 

เรามีปัญญา มีพุทธะ เรารู้เข้าใจอยู่ที่ไหนก็สงบน่ะ

 

เราไม่ต้องไปคิดเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ก่อนไม่รู้ไม่เข้าใจจะไปเอาความสงบจากตาไม่เห็นรูป หูไม่ได้ฟังเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รส กายไม่ได้สัมผัสอย่างนี้ไม่ได้แล้ว

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาธรรมเอาธรรมนูญมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้รู้จักข้อสอบและข้อตอบ เราจะได้รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าจะพูดในแง่บวกในแง่ดี เราต้องขอบใจทุกสิ่งทุกอย่างที่มาปรากฏกับเรา มาปรากฏทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มาปรากฏกับเราได้ประพฟติปฏิบัติเพื่อเราจะได้มีข้อสอบข้อตอบในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องเข้าใจที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพวกเราทั้งหลายว่าอย่าพากันขี้เกียจขี้คร้านในการประพฤติการปฏิบัติ ต้องมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่าไปขี้เกียจขี้คร้าน

เราเข้าใจแล้วเราจะได้ยกสิ่งที่มันเกี่ยวข้องกับเราเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อเราจะบริโภคสิ่งต่าง ๆ ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้นเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เราจะได้รู้ข้อวัตร  ข้อปฏิบัติของเรา

 

เราอย่าเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านเพราะความขี้เกียจขี้คร้านมันเป็นนิติบุคคลตัวตน   

         

ทุกนรู้มั๊ยว่าความขี้เกียจขี้คร้านมันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

ธรรมเหล่าใดเป็นความขี้เกียจขี้คร้านมันไม่ใช่ธรรมนะ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

เราต้องหยุดสัญชาตญาณนิติบุคคลตัวตน ความขี้เกียจขี้คร้านมันเป็นสัญชาตญาณเป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องเข้าใจ เรามีตัวมีตนเมื่อไหร่เราก็ขี้เกียจขี้คร้าน

 

เราต้องรู้จักธรรมรู้จักสภาวธรรม เราต้องผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยการประพฤติการปฏิบัติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่า ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความขี้เกียจขี้คร้าน นั้นไม่ใช่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นตัวเป็นตนเราอย่าไปสนใจ

 

เราต้องหยุดยานหยุดสัญชาตญาณที่ไม่ถูกต้องที่เป็นตัวเป็นตน

 

พระพุทธเจ้าท่านไม่มีความขี้เกียจขี้คร้าน พระอรหันต์ทั้งหลายไม่มีความขี้เกียจ ขี้คร้าน เพราะท่านรู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องสภาวธรรม รู้เรื่องความเป็นประภัสสรของทุกสิ่งทุกอย่าง

 

เราต้องผ่านไปด้วยความเข้าใจเราจะได้รู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราทุกคนน่ะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันขี้เกียจขี้คร้านกันทุกคนไม่มีใครยกเว้น ถ้าใครมีตัวมีตนมันก็ขี้เกียจขี้คร้าน

 

ให้รู้เข้าใจ เราต้องพากันความรู้ความเข้าใจ การปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันเพื่อให้เป็นกระบวนการ เพื่อเป็นกระแสแห่งมรรคแห่งอริยมรรค

 

ให้ปฏิบัติเหมือนไก่ฟักไข่ ไก่มันฟักไข่มันใช้เวลา ๓ อาทิตย์มันถึงออกมาเป็นลูกไก่ จะฟักด้วยไฟฟ้าหรือจะฟักด้วยแม่ไก่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์

 

ความรู้ความเข้าใจเราก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อให้พระธรรมพระวินัยมันติดต่อต่อเนื่อง เพื่อเราจะก้าวไปด้วยความเข้าใจด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

เราทั้งหลายน่ะเมื่อรู้เข้าใจแล้วเราทั้งหลายก็จะเป็นพระด้วยกันหมดทุกคนไม่มีใครยกเว้น

 

ผู้ที่มาบวชหรือว่าผู้ที่ไปบวชก็เป็นพระได้ ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นพ่อค้าประชาชนก็เป็นพระได้ทุกคน รู้เข้าใจแล้วพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นพระได้ทุกคน เป็นพระได้ทุกชาติทุกศาสนาเพราะธรรมะเป็นสากลน่ะ ไม่มีใครยกเว้น เพราะเหตุปัจจัยนั้นมันสากลให้รู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องความเป็นพระ ความเป็นพระอยู่ที่เรารู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเราทุกคนก็เป็นพระได้

 

เราคิดดูดี ๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานไปตั้งห้าร้อยปีถึงมีการหล่อพระพุทธรูป ถึงมีการหล่อพุทธปฏิมากรณ์ เพราะเค้าเข้าใจว่าความเป็นพระที่เรารู้เข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

เราคิดดี ๆ ที่ยกเลิกตัวตนเราพูดดี ๆ ยกเลิกตัวตนกิริยามารยาทดี ๆ ยกเลิกตัวตน อาชีพที่ถูกต้องยกเลิกตัวตน เรายกเลิกความขี้เกียจขี้คร้าน มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงความบริสุทธิคุณ ไม่เอาตัวตนนำชีวิตไม่เอาโลกธรรมนำชีวิต

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งให้เรา เป็นตำแหน่งของบุคคลอื่นนะ ที่แต่งตั้งให้เราที่เรามีความรู้ความสามารถที่สอบผ่านด้วยการที่เราเสียสละเรียนศึกษา เค้าแต่งตั้งเราน่ะ

 

แต่ตำแหน่งของเรา เราต้องรู้เข้าใจเราทั้งหลายต้องพากันมามีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ด้วยทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะให้เข้าใจอย่างนี้

 

เราทั้งหลายจะได้พากันทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์อยู่ที่ปัจจุบันเราจะไม่ได้เอาความฟุ้งซ่านนำชีวิตเอาตัวตนนำชีวิตมันไม่ได้ มันเสียหาย มันพังทะลายเหมือนตึก สตง.แห่งประเทศไทยนี้แหละ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันทุจริตมันเลยพังทะลายเพราะตัวตนนั้นมันทุจริต ใครเอาตัวตนเป็นที่ตั้งบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่ทุจริตทั้งนั้น  ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิตเราทุกคนก็จะมีอยู่มีมีกินมีใช้เหลือกินเหลือใช้ เราทุกคนก็จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีแต่ปัญญามีความสงบน่ะ

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ

ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่มีลมปราณเป็นผู้ประเสริฐเกิดมา

ให้รู้เข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่อพระนิพพาน ไม่ได้เกิดมาเพื่อความหลงในวัฏฏสงสาร มาเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

ชีวิตของเราก้าวไปด้วยปฏิบัติดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปฏิบัติปัญญาประกอบด้วยความดี

เพื่อจะได้มีทั้งศีลทั้งปัญญา ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติสมควรเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี

ชีวิตของเราทั้งหลายก็จะมีความสุขมีความดับทุกข์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ด้วยความดีที่ประกอบด้วยปัญญา  

 

-----------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 

Visitors: 91,926