๒ เมษายน พุทธศํกราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นพุธที่ ๒ เมษายน 
พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ 
คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ 
ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

การประพฤติการปฏิบัติ ความหมายของการประพฤติการปฏิบัติหมายถึงเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ธรรมนูญนี้หมายถึงธรรมะ

ธรรมะคือพระธรรมพระวินัย คือข้อวัตรข้อปฏิบัติ 
เราต้องมีข้อวัตรข้อปฏิบัติเพื่อให้เป็นธรรมเพื่อให้เป็นธรรมนูญ เอาธรรมนูญนำชีวิต

คำว่าบำบัด ความหมายอันนี้หมายถึงเรามีการติด
 
เมื่อเรามีการติดเราก็ต้องหาวิธีการเพื่อแก้ไข 
เหมือนกับรถติดหล่มเราก็หาวิธีแก้ไขถึงจะขึ้นจากหล่ม เราต้องมีหลักการเพื่อที่จะขึ้นจากหล่มให้ได้ 
ถึงมีคำว่าบำบัด เมื่อเราติดเราก็เข้าสู่ภาคบำบัด 
ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ชื่อว่ายังเป็นผู้ติดอยู่ เราต้องเข้าสู่ภาคบำบัด
ผู้ที่ติดอยู่ต้องเข้าสู่ภาคบำบัด เข้าสู่ภาคบังคับ เพื่อการบำบัดนั้นจะได้ติดต่อต่อเนื่อง ผู้ที่เข้าสู่ภาคบำบัดต้องรู้ต้องเข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ต้องมีความตั้งใจตั้งเจตนา เข้าสู่กระบวนการภาคบังคับ
 
เค้าติดยาเสพติดทุกชนิด ติดเหล้าติดเบียร์ติดการพนันก็ต้องเข้าสู่ภาคบังคับ ภาคบำบัด เพื่อให้การประพฤติการปฏิบัตินั้นมันติดต่อต่อเนื่องต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา เพื่อให้ปฏิปทามันติดต่อต่อเนื่อง
 
เราทั้งหลายยังไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต ยังไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต ชื่อว่ายังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการของธรรมนูญ ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการของพระธรรมพระวินัย กระบวนการชีวิตของเราน่ะมันเป็นกระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
 
เราก็ต้องเข้าสู่ภาคบำบัด พระศาสนาเป็นการเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ สำหรับผู้ที่ติดต้องเข้าสู่ภาคบำบัดภาคบังคับ ด้วยการอาศัยพระธรรมอาศัยพระวินัย ที่เป็นสมมติสัจจะทั้งหลายที่มีหลายล้านสมมติสัจจะ
 
สมมติสัจจะนั้นชี้ให้เห็นแง่มุมผิดถูกดีชั่ว ชี้ให้เห็นแง่มุมต่าง ๆ เป็นสัมมาทิฐิเป็นปัญญา
การปฏิบัติเข้าสู่ภาคบำบัดต้องให้ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง
 
อย่างเราจะตอนกิ่งไม้เพื่อขยายพันธ์ของต้นไม้เพื่อให้ได้สายพันธุ์ดี ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยการพัฒนาสายพันธุ์ของต้นไม้ เราก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป รากของต้นไม้นั้นถึงจะออกมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๓ อาทิตย์
 
อย่างเราจะฟักไข่จากไข่ไก่เพื่อออกมาเป็นลูกไก่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์เหมือนกัน เราจะฟักด้วยแม่ของไก่หรือฟักด้วยไฟฟ้าก็ ๓ อาทิตย์เช่นกัน
หลักการของธรรมนูญรัฐธรรมนูญก็เป็นหลักการประพฤติปฏิบัติอย่างเดียวกัน เป็นหลักการปฏิบัติเป็นหลักการบำบัด อย่างผู้ที่ทำไม่ถูกต้อง เอาตัวตนนำชีวิตก็ต้องมีความผิด ผู้ที่เอาตัวตนนำชีวิตคือผู้ที่ทำความผิด ผู้ที่ทำความผิดก็ต้องติดคุก ติดตารางหรือว่าถูกประหารชีวิต ส่วนทางร่างกายของผู้ที่ทำความผิดต้องติดคุกติดตารางจากความผิดนั้น ๆ ถ้ามากก็ต้องถูกประหารชีวิต
 
ความรู้ความเข้าใจเป็นปัญญา เป็นความรู้เป็นความเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เห็นภัยในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นผู้เหตุรู้ปัจจัย เรียกว่ารู้ธรรมรู้สภาวธรรม เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
 
จึงได้เห็นคุณเห็นประโยชน์ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้กรรมรู้เหตุแห่งกรรม รู้ผลของกรรม หยุดกรรมด้วยความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เรายังติดยังหลงก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
 
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าพวกเธอทั้งหลายต้องรู้กรรม รู้กฎของกรรม รู้ผลของกรรม ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด เพราะเราทุกคนน่ะจะหนีกฎแห่งกรรมไปไม่ได้ ทุกอย่างไปตามเหตุตามปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
การติดคุกติดตารางการถูกประหารชีวิตด้วยความผิดมันเป็นเรื่องของกาย
 
เรื่องของใจ เราทั้งหลายต้องมารู้เรื่องของใจ ใจนี้เป็นพลังงานของธรรมของสภาวธรรม
ใจของเราต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิ ใจของเราต้องรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติ ให้ถึงความดับทุกข์ เพราะกายนั้นเนื่องมาจากใจ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพเนื่องมาจากใจน่ะ
 
ใจของเราทั้งหลายต้องมีปัญญา ถ้าใจของเราไม่มีปัญญาจะทำให้กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนั้นเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์น่ะ
ใจของเราต้องรู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ปัญญาสัมมาทิฐิถึงเป็นมรรคเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย
 
เราทั้งหลายน่ะต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ทั้งกาย ทั้งวาจาทั้งใจทั้งกิริยามารยาท ทั้งอาชีพต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ที่เป็นสัมมาทิฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง
 
หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราทั้งหลายทั้งหลายจะเข้าสู่กรรมเข้าสู่กฎแห่งกรรม มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม
 
ปัจจุบันนี้ถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ตั้งใจตั้งเจตนา มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้ไปตามปัญญาบริสุทธิคุณ ตั้งใจตั้งเจตนาเป็นมรรคเป็นอริยมรรค
 
เราทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีหลักการมีศิลปะชีวิต มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ชีวิตของเราก็จะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
 
การประพฤติการปฏิบัติก็ให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ หยุดความฟุ้งซ่าน หยุดอคติ มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ
ผู้ที่เป็นพระอรหันตก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ผู้ที่เป็นเสขบุคคล บุคคลที่ยังติดอยู่หลงอยู่ก็เข้าสู่ภาคบำบัด
 
พระศาสนานี้เป็นธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญ เพื่อเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเพื่อเข้าสู่ภาคบำบัด เราทั้งหลายเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ เข้าสู่การบำบัด เพราะทุกคนน่ะตกอยู่ในสัญชาตญาณของการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ถือว่าเป็นผู้ที่ติดอยู่หลงอยู่ เป็นผู้ที่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตัวตน
ความเป็นนิติบุคคลตัวตนถือว่าติดถือว่าเสพติด เป็นผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นในตัวในตนที่จะแก้ได้ก็ต้องเอาพระศาสนามาประพฤติมาปฏิบัติมาบำบัด เพื่อจะให้การปฏิบัตินั้นติดต่อต่อเนื่อง
 
พระศาสนาน่ะเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ เพื่อมาหยุดสัญชาตญาณหยุดการเวียนว่ายตายเกิดของใจ ด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ภาคบำบัด
พระศาสนาก็อาศัยหลักของนักการเมืองที่ปกครองประเทศนั้น ๆ เพื่อควบคุมพระศาสนานั้น ๆ
 
พระศาสนานั้นเป็นเรื่องจิตเรื่องใจเป็นนามธรรม สมมติสัจจะทั้งหลายต้องอาศัยนักการเมือง
นักการเมืองทั้งหลายน่ะให้พากันเข้าใจนะ นักการเมืองทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิต นักการเมืองทั้งหลายชื่อว่าเป็นนักการเมือง เราจะเอาความไม่ถูกต้องหรือว่าเอาตัวตนมาปฏิบัตินั้นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกนักการเมืองนั้นก็ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญนะ
สมมติสัจจะทั้งหลายที่เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นอะไรให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจ
 
ตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งให้เราเพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต เมื่อเราเป็นนิติบุคคลตัวตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราทั้งหลายก็ไมใช่ธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ เราทั้งหลายก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตน ยังตกอยู่ในสัญชาติญาณในความเป็นนิติบุคคลตัวตน
เราทั้งหลายต้องเข้าสู่ธรรมเข้าสู่ธรรมนูญรัฐธรรมนูญ เพราะความถูกต้องก็คือความถูกต้อง ให้เข้าใจ ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองต้องพากันเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจมันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน
 
ถ้าเราเอาตัวตนมาทำการเมืองหรือมาทำปฏิบัติราชการนั้นน่ะไม่ถูกต้องมันไม่เป็นธรรมไม่เป็นธรรมนูญ
ตำแหน่งแต่งตั้งน่ะให้เข้าใจนะ จะต้องเอาตำแหน่งแต่งตั้งเอาไปใช้ให้เป็นคุณเป็นประโยชน์ ข้าราชการมันมีทั้งคุณทั้งโทษ ปัญญากับความถูกต้องถึงไปพร้อมกัน มนุษย์มีปัญญา
มนุษย์ที่ดีต้องอยู่ในสิ่งเดียวกัน เพื่อเป็นบริสุทธิคุณ ถ้าไม่อย่างนั้นนิวรณ์ทั้งห้า มันจะมาครอบงำเรา อคติทั้งสี่มันจะมาครอบงำเรา มันจะไม่ใช่ธรรม มันจะเป็นโลกธรรม มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน มันจะแก้ปัญหาไม่ได้ มันจะสร้างปัญหา มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน มันจะเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ให้กับตัวเอง ประกอบทุกข์ให้กับคนอื่น
สมมติที่เราได้รับการแต่งตั้งต้องให้เป็นคุณเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ทั้งเราเองเป็นประโยชน์ทั้งคนอื่น
เรามาคิดดูดี ๆ นะ ความหลงนี้ก็ชื่อว่าความหลงนะ ความหลงไม่ใช่ปัญญานะ ความหลงนั้นเป็นนิติบุคคลตัวตน ความหลงไม่ใช่ความสงบ ความหลงคือความวุ่นวาย ความหลงนั้นคือความแตกแยก
 
เรามาคิดดูดี ๆ สิแผ่นดินไหวน่ะ แผ่นดินแตกแยกน่ะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่สงบมันแตกแยก เหมือนแผ่นดินไหว
ตัวตนนั้นน่ะชื่อว่าไม่ถูกต้อง ตัวตนนั้นแหละคือคอร์รัปชัน คอร์รัปชันนั้นคือ ความแตกแยก ความแตกแยกคือแตกความสมัครสมานสามัคคีคือความไม่สงบคือแผ่นดินไหว น้ำไหว ลมไหว ไฟมันไหวน่ะ พังเป็นระเนระนาด มันไหวหวั่นหวั่นไหว
 
แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่ามันกระทบกระเทือนไปตั้งหลายประเทศ ศูนย์กลาง อยู่ที่มัณฑะเลย์ประเทศพม่า ห่างไกลจากประเทศไทยพันกว่ากิโล
สิ่งไหนมันทุจริตมันพังนะ...
 
ทำไมน่ะตึกในกรุงเทพมหานครหลายตึกสูงกว่าตึก สตง. ไม่เป็นไรน่ะ เพราะหลาย ๆ ตึกนั้นมีการทุจริตน้อยน่ะไม่ใช่ว่าไม่ทุจริตนะ ทุจริตน้อยน่ะ
เมื่อทุจริตมากมันก็พัง เพราะตัวตนมันคือพัง พังทลาย ล้มละลาย
 
เราต้องเข้าใจ เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่มีอะไรที่ประเสริฐยิ่งกว่าการเอาธรรมนำชีวิต เพื่อชีวิตของเราจะได้เป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ เราทั้งหลายถึงจะมีความสงบมีปัญญา
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งถึงจะมีปัญญามากมันก็ไม่สงบ เพราะตัวตนมันไม่สงบ
 
คนเรียนมากคนมีความรู้มากเอาความหลงนำชีวิตเราก็พากันใช้ยานอนหลับกันมากกว่าคนที่ไม่มีการเรียนการศึกษา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่า
 
ศีลกับปัญญาก็ต้องไปพร้อม ๆ กัน
สมาธิกับปัญญาก็ต้องไปพร้อม ๆ กัน
ความสงบกับปัญญาก็ต้องไปพร้อม ๆ กัน
 
เราอย่าไปแยก ถ้าแยกแล้วมันแตกแยกนะ มันเป็นแผ่นดินแตกแยก มันไม่สงบ ไม่มีปัญญา ไม่มีปัญญาไม่มีความสงบ
เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่รู้ความจริงเราอย่าไปตามสิ่งแวดล้อมเพราะสิ่งแวดล้อมมันก็มีอยู่อย่างนั้น พูดถึงรูปก็มีอยู่อย่างนั้น เสียงก็มีอยู่อย่างนั้น กลิ่นก็มีอยู่อย่างนั้น รสก็มีอยู่อย่างนั้น สิ่งที่สัมผัสก็มีอยู่อย่างนั้น เรายังมีลมปราณอยู่เราก็มีความตรึกนึกคิด เพราะเราต้องรู้ผิดรู้ถูก รู้สมมติสัจจะก็มีอาการของจิตของใจ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะต้องได้เข้าสู่ความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีปิติ มีความสุขมีเอกัคคตาในความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายถึงจะเป็นผู้ที่มีศีลมีสมาธิมีปัญญา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะมันจะมีความสงบเมื่อไหร่ เพราะตัวตนมันไม่สงบ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่มีปีญญา
 
เราต้องรู้ว่าเราเกิดมาทำไม...
 
เราเกิดมาเพื่อมามีปัญหามาสร้างปัญหาเหรอ
 
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้วุ่นวาย เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ
เราทั้งหลายเอาตัวตนเอาความหลงนำชีวิตมันไม่สงบ ตัวตนมันไม่สงบน่ะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า
 
ตัวตนน่ะคนไม่มีก็เป็นทุกข์เพราะไม่มี คนมีมากแล้วก็เป็นทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ สองคนนี้น่ะมันก็เป็นทุกข์พอ ๆ กันนี้แหละเพราะว่ามีตัวมีตน
เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่มารู้ทุกข์ มารู้เหตุเกิดทุกข์ มารู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้อง เอาความถูกต้องของเรากลับคืนมา เอาความสงบของเรากลับคืนมา เอาความเป็นประภัสสรกลับคืนมา เอาออกซิเจนกลับคืนมา เอาคาร์บอนไดออกไซด์เอาของเสียออกไป เอาความยึดมั่นถือมั่นเอาความหลงกลับไป เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์
 
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจพากันมามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ปฏิบัติให้มันติดต่อต่อเนื่องกัน
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
เราต้องเข้าใจในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
เราทั้งหลายต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
 
เราเข้าใจนะ คนเราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะเราต้องรู้ความจริงอย่างนี้ มีเท่าไหร่ก็เท่านั้นนะ อยากให้มากให้น้อยมันก็ไม่ได้ เราต้องเข้าใจ
เราเป็นคนแก่อยากให้เป็นคนหนุ่มก็ไม่ได้
เราเป็นคนป่วยอยากจะให้ไม่ป่วยก็ไม่ได้
เราเป็นคนตายจะให้ไม่ตายมันก็ไม่ได้
เราพลัดพรากจะไม่ให้พลัดพรากก็ไม่ได้
เพราะอันนี้เป็นธรรม เป็นสภาวธรรม เป็นความปราะภัสสร เราต้องเข้าใจ
 
เราเกิดมาเพื่อเข้าใจมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตากัน
เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจ เราทั้งหลายเข้าใจแล้วพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
เรามาประพฤติปฏิบัติเพื่อความสมบูรณ์ของความถูกต้องหรือว่าความสมบูรณ์ของพรหมจรรย์
 
พรหมจรรย์หมายถึงความบริสุทธิ บริสุทธิคุณ ไม่เอาความหลงเป็นที่ตั้ง เอาความบริสุทธิคุณนำชีวิต ทำงานก็เพื่องาน ให้มีความสุขน่ะ มีปิติมีความสุขให้สมบูรณ์ เราอย่าทำเพื่อตัวเพื่อตน เพราะเราต้องรู้อริยสัจสี่ อย่าไปทำอะไรเพื่อตัวเพื่อตน เราทำงานเราก็จะมีความสุขในการทำงานเราก็ได้พระนิพพาน
ปฏิบัติกายวาจาใจกิริยามารยาทก็เพื่อธรรม เป็นธรรมเป็นปัจจุบัน นิพพานก็จะอยู่ทุกหนทุกแห่งอยู่ที่เรารู้เข้าใจ
 
เราทั้งหลายอย่าไปเข้าใจเหมือนแต่ก่อนนะ เอาตัวตนเป็นพระนิพพาน
ผู้ที่อธิบายพระนิพพานมันเหนือที่จะไปสมมติ เหนือที่จะไปบัญญัติมันนอกเหตุเหนือผล มันเป็นบริสุทธิคุณ ทำความดีเพื่อความดี ทำปัญญาเพื่อปัญญา ทำสมาธิเพื่อสมาธิ ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติมันก็จะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
ถ้าเรามีตัวมีตนเราก็เป็นทุกข์ ทุก ๆ คนไม่มีใครไม่มีทุกข์ ถ้าเรามีตัวมีตนถ้าเรามีความรู้สึกว่ามีตัวมีตนมีความทุกข์ทั้งนั้น
เราทั้งหลายเราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดสัญชาตญาณด้วยการเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด
ถ้าเราติดสุขติดสะดวกสบายเราก็ไม่อยากประพฤติปฏิบัติ
 
การประพฤติการปฏิบัติมันถึงเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา
ถึงมีคำถามว่าการประพฤติปฏิบัตินั้นต้องปฏิบัติไปถึงไหนถึงจะได้หยุดน่ะ
ให้เข้าใจนะ... การประพฤติการปฏิบัติน่ะเราก็คิดดี ๆ ประกอบด้วยปัญญาจนหมดลมหายใจนั่นแหละ
พูดดี ๆ ประกอบด้วยปัญญาจนหมดลมหายใจนั่นแหละ
 
กิริยามารยาทดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญาจนหมดลมหายใจนั่นแหละ
ทำอาชีพดี ๆ ที่ยกเลิกตัวตนที่ประกอบด้วยปัญญาจนหมดลมหายใจนั่นแหละ
เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงการประพฤติการปฏิบัติถึงจะได้เป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง เมื่อเรารู้เข้าใจ เรายกเลิกตัวตนเราทุกคนจะไม่มีคำถามในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเรารู้เข้าใจ
 
พระพุทธเจ้าน่ะท่านยกเลิกตัวตนท่านถึงยกเลิกความคิดอย่างนี้แหละ ความคิดที่ว่าไปถึงไหนถึงจะได้หยุด
การปฏิบัติไม่ใช่หยุดไม่ใช่ไป ต้องรู้เข้าใจแล้วเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ
เมื่อเรายังติดยังหลงอยู่เราก็เข้าสู่ภาคบำบัด ให้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติการบำบัด
พระนิพพานมันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ไม่ต้องรอตายไปถึงจะไปพระนิพพานนะ
ปัจจุบันน่ะมันยังไม่ได้พระนิพาน
 
เรามาคิดดูดี ๆ ตายไปมันถึงจะได้พระนิพพานน่ะ ความคิดอย่างนี้มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ความคิดของคนไม่รู้จักพระนิพพาน
พระนิพพานต้องเป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นปิติเป็นความสุขเป็นเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้แหละ ทุกคนก็จะมีพระนิพพานเหมือนกันทุกคน ไม่มีใครยกเว้น ในโลกนี้ไม่มีใครยกเว้นที่จะไม่ได้พระนิพาน รู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
 
----------------------------
 
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพุธที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
Visitors: 91,914