๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๙ เดือนเมษา เป็นวันหยุดทำงานราชการ
ชีวิตของเราก้าวไปด้วยสัมมาทิฐิ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือเหตุคือปัจจัย ให้พวกเราทั้งหลายนั้นตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต
เราทั้งหลายนั้นอย่าพากันประมาท เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ อย่าได้ประมาท
เน้นมาที่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ปริยัติปฏิบัติต้องไปพร้อมกัน ศีลกับปัญญาก็ต้องไปพร้อมกัน สมาธิกับปัญญาต้องไปพร้อมกัน ทั้งศีลทั้งสมาธิทั้งปัญญาต้องไปพร้อมกัน
ให้พวกเราทั้งหลายพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาท เน้นปัจจุบันให้เต็มที่ เน้นมาที่ตัวเรา หยุดทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเอาธรรมนำชีวิต
เราทั้งหลายต้องหยุดความไม่ถูกต้อง หรือว่าหยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน สัญชาตญาณก็ได้แก่ความรู้สึกที่เป็นเราเป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเราของเรา
เราต้องเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะนี้คือเหตุคือปัจจัย ไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่น นี้คือเหตุคือปัจจัยเราต้องรู้เข้าใจเหมือนกับของสองอย่างนะ มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยเมื่อมีเหตุมีปัจจัยสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้สิ่งเก่าและสิ่งใหม่ ต้องรู้เข้าใจ
เราทั้งหลายต้องพากันมารู้เหตุรู้ปัจจัย เราจะได้มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไม่มีอะไรที่จะดับทุกข์ได้เท่ากับความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
ทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติต้องไปพร้อม ๆ กัน
ให้เราทั้งหลายเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งให้สมบูรณ์ในปัจจุบัน
ทุกคนต้องก้าวไปด้วยปัญญาและความดีที่มันเป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศของเราทุกคน
เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เพราะอายุขัยของเราทุกคนน่ะมันอยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่งนะ คืออยู่ได้ร่วม ๆ ร้อยปี
เราต้องพัฒนาใจของเราให้มีความสุขและพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันหรือมากกว่าร้อยปีอีก ขึ้นอยู่ที่เหตุขึ้นอยู่ที่ปัจจัย
เราทั้งหลายต้องเอาธรรมะนำชีวิต อย่าเอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต
ความไม่รู้ไม่เข้าใจเรียกว่ามันเป็นโมหะ หรือว่าภาษาปัจจุบันนี้เค้าเรียกว่าสายมู สายโมหะ
ทำอะไรด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงเป็นที่ตั้งเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าสายโมหะ สายหลง สายไสยศาสตร์คืออันเดียวกันให้รู้เข้าใจ
มนุษย์อย่าเอาความหลงนำชีวิตอย่าเอาไสยศาสตร์นำชีวิต ต้องเอาปัญญา ปัญญาต้องปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาที่เป็นสายมูสายหลง สายนิติบุคคลตัวตน
เราต้องเข้าสู่ความถูกต้อง เข้าสู่ธรรมเข้าสู่ปัจจุบันธรรม ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ พากันทำปัจจุบันให้สมบูรณ์
สิ่งที่ถูกต้องคือเราต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอาธรรมนูญรัฐธรรมนูญนี้แหละ
เราทั้งหลายพากันมาเน้นมาปฏิบัติที่ตัวเรา เรียกว่าเอาธรรมะมาบริหารตนเอง เอาธรรมะไปบริหารผู้อื่น
พระพุทธเจ้าก็เน้นที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ผู้ฟังโอวาทพระธรรมคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าก็ทำหน้าที่ของพระอรหันต์
เราทั้งหลายเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นพ่อค้าประชาชนเป็นนักบวช เราทั้งหลายก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เพื่อหยุดสัญชาตญาณ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด ที่มีความรู้สึกมีความมั่นหมายที่เป็นนิติบุคคลตัวตน
มีความมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนมีสติมีปัญญา เป็นผู้เก่งกว่าเค้าเป็นผู้ดีกว่าเค้าหรือว่าเสมอเขาหรือสู้เขาไม่ได้ เราต้องยกเลิกสิ่งเหล่านี้
ไม่มีอะไรที่จะหยุดสัญชาตญาณได้นอกจากความรู้ความเข้าใจ แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรม เหนือเหตุเหนือปัจจัย เพราะทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย ต้องรู้ต้องเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เราต้องมีหลักการของเราด้วยความรู้ความเข้าใจ ความเคยชินที่เราทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดมันก็จะไปในความเคยชิน
การปฏิบัติอะไรติดต่อต่อเนื่องมันเป็นสายพันธุ์ มันเป็นดีเอ็นเอที่ติดต่อต่อเนื่องกัน
เราต้องหยุดดีเอ็นเอด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติเพราะว่าวาระจิตของเราน่ะมันก็คิดได้ทีละอย่าง
เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง ธรรมะมันก็เกิดไม่ได้ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ
พระธรรมพระวินัยถึงจะมาหยุดดีเอ็นเอ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดน่ะ
เราทั้งหลายถึงต้องพากันตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อทำหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้สมบูรณ์
ปัจจุบันนี้คือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นมรรคที่สำคัญ ชีวิตของเราจะได้เป็นปัจจุบัน เรารู้เรื่องสิ่งที่หมุนเวียนที่มันเป็นผัสสะทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ หรือว่ารู้การหมุนเวียนของโลก ที่มันหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์ต้องรู้เหตุรู้ปัจจัย
ไม่มีอะไรที่จะหยุดเหตุหยุดปัจจัยได้นอกจากความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่ที่รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรคทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามายาททั้งอาชีพ ต้องรู้เข้าใจ
สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นก็อยู่ในอริยมรรค อยู่ได้ทุกชาติทุกศาสนา อยู่ได้ทั้งข้าราชการนักการเมืองและนักบวช เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมะไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน อยู่ที่เหตุที่ปัจจัย
เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ ความเป็นพระน่ะต้องมีอยู่กับเราทุก ๆ คน ไม่ใช่แต่งตั้งกันได้ แต่งตั้งได้นั้นอยู่ระดับสมมติ
พวกเราทั้งหลายเค้าแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองหรือเป็นนักบวชหรือเป็นใครก็แล้วแต่ นี้ระดับบุคคล ให้บุคคลแต่งตั้ง
เราเข้าใจว่าการประพฤติการปฏิบัติให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะนี้ เพื่อให้สมบูรณ์ทั้งการแต่งตั้งทั้งการปฏิบัติ ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เน้นมาที่ปัจจุบัน
เราทั้งหลายน่ะถึงมารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ ให้มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ให้ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ตำแหน่งที่คนอื่นเค้าแต่งตั้งมันเป็นตำแหน่งของคนอื่นนะ ตำแหน่งของเราคือการประพฤติการปฏิบัติของเรา เป็นการทำหน้าที่ของเรา
เราทั้งหลายตั้งอกตั้งใจให้เต็มที่ เราทุกคนต้องรู้อยู่ด้วยใจของเราเอง ผิดถูกดีชั่วให้เน้นที่ตัวเรา ให้เข้าใจ
ฃเราทานอาหารเราอย่าไปถามคนอื่นว่าอันนี้หวานมั๊ย เปรี้ยวมั๊ย เค็มมั๊ย หรือจืดมั๊ย อิ่มหรือไม่อิ่มไม่ต้องไปถามคนอื่น เพราะเราทุกคนรู้อยู่แล้ว อันไหนไม่ดี เราก็รู้เข้าใจ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสบอกว่า อย่าไปตรึก อย่าไปนึก อย่าไปคิดในกามในพยาบาท
เราเน้นที่อยู่ที่ตัวเรานี้แหละ เน้นที่เจตนา เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เพราะตัวตนนี้แหละมันจะไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป เพราะมันเอาตัวตนนำชีวิต เอาโลกธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรม นำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต
เราต้องเน้นมาที่ใจที่เจตนานี้แหละ
เราคิดดูดี ๆ นะ คิดด้วยปัญญาถ้าอย่างนั้นมันหยุดสัญชาตญาณไม่ได้ หยุดนิติบุคคลตัวตนไม่ได้
เราเรียนหนังสือเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน
เราทำงานเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน
เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน
เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันต้องเป็นทุกข์ เพราะมันเป็นสัจธรรมเป็นความจริง
เราจะเป็นผู้เก่งผู้วิเศษเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมไม่ได้
เราทุกคนต้องรู้เรื่องกรรมรู้กฎแห่งกรรมผลของกรรม
เราทั้งหลายต้องตั้งใจตั้งเจตนามีความสุขมีปิติในการประพฤติการปฏิบัติ
สิ่งไหนมันผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยวาง อย่าไปติดอกติดใจ เพราะมันผ่านมาแล้วหรือว่าผ่านไปแล้วมันเกษียณไปแล้ว
ต้องรู้ว่าเบื้องต้นเราไม่ยึดมั่นถือมั่นมีปิติมีความสุข เอาความถูกต้องนำชีวิต เอาความดีนำชีวิต ด้วยสติด้วยปัญญา
บั้นปลายเราอย่าไปติดอกติดใจปล่อยวางเรื่องอดีต เพราะมันเกษียณไปแล้ว
เราต้องมารู้แจ้งเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเรื่องปัจจุบัน เราทั้งหลายจะได้พากันมีความสุข นี้เราไม่มีสติไม่มีปัญญา จะมีสติมีปัญญาได้อย่างไรเพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนไม่ใช่ปัญญานะตัวตนคือบุคคลที่ไม่มีปัญญานะ
เราต้องรู้เข้าใจ ถึงจะเรียนจบปริญญาเอก เป็นมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่มีปัญญานะ ต้องรู้เข้าใจ
ปัญญามันต้องปัญญาบริสุทธิคุณ ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง เอาธรมนำชีวิต ชีวิตของเราถึงจะเป็นของสด ถึงจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
ชีวิตของเราจะไม่หลงอยู่ในเรื่องอดีต ไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องอนาคต
ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ
วันหนึ่งคืนหนึ่งน่ะมนุษย์เราทั้งหลายต้องพากันเข้าอกเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะว่าเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ต้องรู้เข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายจะได้หยุดวัฏฏสงสารของตัวเอง ต้องรู้ต้องเข้าใจ
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็เป็นคนไม่รู้จักกาลไม่รู้เวลา ไม่รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ
เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความเป็นประภัสสร ด้วยความรู้ ความเข้าใจ
เราต้องรู้ความเป็นประภัสสรของธรรมชาติ ความหวานก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความเค็มก็มีอยู่ กลาง ๆ ก็มีอยู่ ต้องรู้เข้าใจ
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ล้วนแต่เป็นประภัสสรทั้งนั้น
เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปลิดรอนความเป็นประภัสสรน่ะ เพราะทุกอย่างก็เป็นธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ เป็นประภัสสรของสิ่งนั้น ๆ
เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปลิดรอนความเป็นประภัสสรของบุคคลอื่น
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิ
เราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้อง กลับมาหาความสงบ กลับมาหาปัญญา ถ้าอย่างนั้นเราไม่สงบนะ เราไม่มีปัญญานะ เพราะเราไม่รู้จักความเป็นประภัสสร
เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้อง กลับมาหาพระนิพพานบ้านของเรา
พระนิพพานคือบ้านของเรา พระนิพพานคือบ้านที่แท้จริง
ศีลน่ะที่เป็นศีลบริสุทธิคุณคือบ้านแท้จริงนะ
สมาธิยกเลิกเรื่องนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔ มันเป็นความว่าง ว่างจากอดีตว่างจากอนาคต ปัจจุบันก็สักแต่ว่า
บริโภคทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติด้วยปัญญา ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ สมาธิมันต้องเป็นสัมมาสมาธิ ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล ไม่ให้เป็นตัวเป็นตน มันต้องเป็นสัมมาสมาธิที่ประกอบด้วยปัญญา มันจะเป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา เป็นทั้งสมถะเป็นทั้งวิปัสสนา ให้เข้าใจมรรคอริยมรรค
เราต้องรู้เข้าใจเหมือนกับต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้นได้อาหาร เค้าต้องได้จากทุกทิศทุกทางนะ ต้นไม้ต้นนั้นน่ะต้องได้อาหารมาจากทางราก ทางใบ ทางกิ่งก้านสาขา ทางยอด ตลอดปริมณฑล อากาศแสงแดดออกซิเจน ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะได้วิตามินเกลือแร่แร่ธาตุที่สมบูรณ์
ให้เข้าใจ ธรรมะพระนิพพานน่ะ เราต้องได้มาจากความรู้ความเข้าใจ ได้มาจากปริยัติพร้อมกับการประพฤติการปฏิบัติ มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้หยุดกาลหยุดเวลา
เราต้องรู้กาลรู้จักเวลา เดี๋ยวนี้ชีวิตของเราดูแล้วอยู่กับความมืดนะ กลางคืนน่ะ คือความมืดความหลงให้เราเข้าใจ เข้าใจให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
ผู้ที่อยู่ในความมืดต้องใช้ปัญญานำชีวิตนะ เหมือนผู้ที่อยู่ในความมืดต้องใช้นาฬิกาดิจิตอลเป็นตัวเลขในความมืด มันจะเป็นแสงสว่างว่ามันหมุนไปเวลาไหนน่ะ
ถ้าเราใช้เข็มนาฬิกามันจะมองไม่ออกอย่างนี้ เราต้องใช้นาฬิกาดิจิตอล อยู่ในความมืดต้องใช้นาฬิกาที่เป็นตัวเลขบอกเลขบอกเวลา
เราทั้งหลายต้องรู้ว่า การประพฤติการปฏิบัติต้องเอาปัญญานำชีวิต เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต อย่าเอาความมืดหรือเอาไสยศาสตร์นำชีวิต
ต้องรู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยถึงเป็นอริยมรรค เป็นกรรมเป็นกฎของกรรม
เราเรียกว่ากรรมเป็นของของตน กรรมเป็นที่อาศัย กรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มันเป็นดีเอ็นเอที่ติดต่อต่อเนื่อง เราจะเปลี่ยนสายพันธุ์จากอวิชชาความหลง จากความมืดนะ
เราต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าให้มันเป็นอุดมที่เป็นตัวเป็นตน
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ของประเทศไทย อยู่ที่กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมแห่งความเจริญทางวัตถุ แล้วก็ศูนย์รวมแห่งสติปัญญา
แต่ด้วยไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้เอาธรรมนูญเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอารัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง ความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลง เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
เราคิดดูดี ๆ น่ะ ตึกในกรุงเทพมหานครหรือในปริมณฑลหลายสิบตึก ใหญ่กว่า สูงกว่าตึก สตง.เสียอีก ทำไมมันถึงไม่พัง เพราะตึกสตง.ที่แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าเมืองมัณฑะเลย์ระยะห่างกันมันก็ไกลนะร่วม ๆ พันกิโลน่ะ
ด้วยเหตุด้วยปัจจัยเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิตมันเลยพัง
ตึกอื่นไม่ใช่ไม่ทุจริต ไม่ใช่ไม่โกงกินคอรัปชั่นนะมันโกงกินน้อยกว่า
ความไม่ถูกต้องมันก็คือความไม่ถูกต้อง ถ้าไม่เข้าใจมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถึงเราจะเรียนเราจะศึกษาจบปริญญาเอก จบ ปธ.๙ เราเรียนเราศึกษา เพื่อนิติบุคคลตัวตน ชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือน ตึก สตง.นี้แหละ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็จะไปแก้ไขที่คนอื่น
เราเห็นชัดมั๊ย รู้แจ้งมั๊ย สตง.น่ะ ลืมมองดูตัวเอง มองดูตรวจดูตนเอง ไปแก้แต่ คนอื่นไปแก้ไขภายนอก
ตามหลักการอุดมการณ์มันก็เป็นบริสุทธิคุณ
เราต้องแก้ทั้งภายนอกทั้งภายในที่เป็นอริยมรรค ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกิริยามายาททั้งอาชีพ ต้องแก้อย่างนี้ ต้องทำชีวิตของเราให้สมบูรณ์
เราเอาหลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
เราทั้งหลายน่ะ อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็แก้ที่พระพุทธเจ้า อย่างพระเยซูก็แก้ที่พระเยซู พระอัลเลาะห์ก็แก้ที่พระอัลเลาะห์
เราทุกคนต้องแก้ที่ตัวเอง
เราเป็นพระมหากษัตริย์ก็แก้ที่พระมหากษัตริย์
เราเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีก็แก้ที่ตัวของเราเอง
เราเป็นข้าราชการนักการเมืองมาที่การประพฤติการปฏิบัติของเรา
ให้การประพฤติการปฏิบัติสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เราจะได้อุดมสมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ให้เข้าถึงบริสุทธิคุณด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ
ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะปริยัติกับการปฏิบัติมันจะใช้การไม่ได้ มีอุปกรณ์แต่ก็ไม่ได้เอาอุปกรณ์มาใช้มาปฏิบัติ มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ได้เอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องมาแก้ที่ตัวของเรานะ กลับมาหาความรู้ความเข้าใจ เราจะได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ อย่าไปทิ้งหลักการอย่าไปทิ้งอุดมการณ์อุดมธรรมน่ะ อย่าไปทิ้งความถูกต้อง อย่าไปทิ้งพระนิพพานบ้านแท้จริงนะ
เราคิดดูดี ๆ ทุกคนน่ะ เพราะทุกคนเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เป็นคนมีปัญญาเป็นคนดี
ต้องพากันคิดดูดี ๆ แล้วเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ สมควรอย่างยิ่งในการประพฤติการปฏิบัติ
ชีวิตของเราจะได้หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ มันจะจมอยู่ในอบายมุขอบายภูมิ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อมาแก้ไขตัวเองนะ เพื่อมาทำหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ชีวิตนั้นถึงจะหยุดอบายมุขอบายภูมิได้
เราคิดดูดี ๆ สิ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนมันไม่ได้สร้างความดีที่ประกอบด้วยปัญญานะ
เราเรียนหนังสือก็เพื่อเป็นตัวเป็นตนนะ
เราทำงานก็เพื่อเป็นตัวเป็นตน
เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็เพื่อตัวเพื่อตนนะ
ตัวตนนั้นแหละมันคืออบายมุขอบายภูมิ ภูมิแห่งความตกต่ำ ตกไปในที่ชั่ว ตกไปในทางที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ชีวิตมันจะตกต่ำ มันจะเป็นชีวิตที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เรียกว่าชีวิตที่เอาความหลงนำชีวิต มันจะเป็นชีวิตไม่ได้ทำงานเพื่องาน ไม่ได้เรียนหนังสือเพื่อเรียนหนังสือ มันจะเป็นชีวิตที่เป็นนิติบุคคลตัวตน
เราทั้งหลายจะได้หยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่ามาหยุดบ่อนคาสิโน เราคิดดูดี ๆ นะตัวตนน่ะคือบ่อนนะ ตัวตนคือมันทำลายตัวของมันเองตัวตนมันกดดัน
ตัวตนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี
ตัวตนเปรียบเสมือนทะเลเปรียบเสมือนมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิง
เราต้องรู้เข้าใจ ตัวตนนี้แหละคือบ่อนทำลายตัวในตัวของมันเอง มันระเบิดตัวเองระเบิดเวลา ตัวตนนี้แหละคือเจ้าเสือร้าย ต้องรู้เข้าใจ ตัวตนนี้คือหนอนบ่อนทำลายหรือหนอนบ่อนไส้ ที่มันชอบไชทำลายตัวของมันเอง
เราทั้งหลายต้องยกเลิกความไม่ถูกต้องนะ อย่าเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิตนะ อย่าเอาความหลงนำชีวิตนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมาเพื่อมายกเลิกพวกการพนันพวกบ่อนพวกอบายมุขอบายภูมิ พระเยซูพระอัลเลาะห์ก็เหมือนกัน
ศาสนาคือธรรมะ ธรรมคือศาสนา ยกเลิกอบายมุขอบายภูมิไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนะ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะเอาความหลงนำชีวิต เอาบ่อนมาทำร้ายตัวของเราเอง ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยปัญญา
อย่างประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กนิดเดียวเป็นเกาะอยู่กลางทะเล อย่างมาเก๊าประเทศจีน อยู่กลางเกาะกลางทะเล เค้าไม่มีสถานที่ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรม เค้าได้ถึงพากันตั้งบ่อน
เค้าคิดว่าในโลกนี้คนมีความโลภความหลงมีเยอะ คนมีปัญญามีน้อย เราหากินทางบ่อนคาสิโน เราหากินกับพวกที่มีความโลภความหลง เพราะดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะ ถึงไม่ถูกต้องเราก็พากันรวยทางวัตถุน่ะ เค้าคิดอย่างนั้นเขาถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน
เราอย่าไปยินดีปรีดาเห็นดีเห็นด้วยในการตั้งบ่อนคาสิโนนะ
เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งน่ะ เดี๋ยวมันจะยินดีปรีดาปราโมทย์ในเรื่องบ่อน ในการเอาความหลงเป็นที่ตั้ง ในการเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิตนะ
เราทั้งหลายน่ะเราคิดดูดี ๆ นะ
ถ้าเรามีตัวมีตนคนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี คนรวยก็ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ สองอย่างนี้ใครว่าอะไรดีกว่ากัน คิดดูด้วยสติด้วยปัญญามันก็พอ ๆ กันนั่นแหละ มีความทุกข์พอ ๆ กันน่ะ มีการเวียนว่ายตายเกิดพอ ๆ กัน
ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พากันมีความสุขมีปิติในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้อุดมสมบูรณ์ เราจะได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
วันหนึ่งคืนหนึ่ง พวกเราพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทุกอย่างน่ะมันก็จะไม่มีปัญหา มันก็จะหยุดปัญหาด้วยความรู้ความเข้าใจต้องก้าวไปด้วยการประพฤติการปฏิบัติด้วยความรู้ความเข้าใจ
เหมือนท่านพุทธทาสเป็นทั้งคนดีเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญาเป็นพระดีพระมีปัญญา ท่านตรัสจากใจจากปัญญาบริสุทธิคุณว่า เราทั้งหลายน่ะจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะเรารู้อริยสัจสี่นะ เราะจะได้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม เราศึกษาเล่าเรียนเพื่ออะไร เราทำงานเพื่อะไร เราต้องเข้าสู่หลักการภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราทั้งหลายจะเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายจะเป็นมนุษย์ได้เพราะความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติเพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัยเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ท่านประพันธ์ไว้ว่า
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา เปรมปรีดา คืนวัน ศุขสันติ์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐ เป็นคนดีเป็นคนมีปัญญา เป็นผู้มีปัญญาเป็นคนดี
ต้องเอาชีวิตที่ประเสริฐที่มีลมปราณนี้มานำชีวิต เพราะเราจะได้ไม่ตกต่ำสู่อบายมุขอบายภูมิ
-----------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา