๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ฅนตื่นธรรม)

­­วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน

พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ

คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์

 ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เดือนเมษา เวลาบ่าย วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของส่วนราชการ

 

ชีวิตของมนุษย์ต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นปัญญาสัมมาทิฐิด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นองค์มรรคเป็นอริยมรรค

 

พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู ศาสนาต่าง ๆ ก็ใช้หลักการเดียวกันเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ เพื่อเป็นหนทางที่ถูกต้อง เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

 

วันนี้น่ะท่านอาจารย์เบียร์ได้มากราบหลวงพ่อกัณหา ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม เป็นทีมใหญ่ทีมเวิร์ค เป็นมหาชน เพื่อไปหาบัณฑิตไปพบกับบัณฑิต

 

บัณฑิตก็ได้แก่ผู้ที่เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาธรรมนำชีวิต เป็นทั้งผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบประกอบด้วยปัญญา ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เป็นผู้มีความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ  เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา

ท่านอาจารย์เบียร์เป็นคนดี เป็นคนเสียสละ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของคนอื่น เพราะทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย ต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ  ด้วยเหตุด้วยปัจจัย เพราะเป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่าทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือเหตุคือปัจจัย

พวกเราทั้งหลายต้องเข้าสู่เหตุเข้าสู่ปัจจัยในการประพฤติการปฏิบัติ

ให้ตั้งอยู่ในความรู้ความเข้าใจ ในความไม่ประมาท เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต

เราทั้งหลายนั้นอย่าพากันอยู่กับความหลง อยู่กับความเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความประมาท เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท  

อย่าได้ประมาท เน้นการประพฤติการปฏิบัติมาที่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนั้นเป็นวาระแห่งชาติในการก้าวไปแต่ละขณะ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพเป็นวาระแห่งชาติ

การประพฤติการปฏิบัติ ปริยัติกับปฏิบัติต้องไปพร้อม ๆ กัน จะแยกกันไม่ได้   

ศีลกับปัญญาก็ต้องไปพร้อมกัน สมาธิกับปัญญาต้องไปพร้อมกัน ทั้งศีลทั้งสมาธิทั้งปัญญาต้องไปพร้อมกัน

ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ ให้มีปิติให้มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาท

เน้นปัจจุบันให้เต็มที่ เน้นมาที่ตัวเรา หยุดทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ที่มันเป็นความหลงน่ะต้องเอาธรรมนำชีวิต

เราทั้งหลายต้องหยุดความไม่ถูกต้อง หรือว่าหยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ที่มีความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราเป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเราของเรา

เราต้องเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะนี้คือเหตุคือปัจจัย ไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่นนี้คือเหตุคือปัจจัย เราต้องรู้เข้าใจเหมือนกับของสองอย่างนะ มันเป็นเหตุเป็นปัจจัย เมื่อมีเหตุมีปัจจัยสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

เราต้องรู้เข้าใจนะ เราจะได้รู้สิ่งเก่า ๆ และรู้สิ่งใหม่ ๆ ต้องรู้ต้องเข้าใจเราทั้งหลายต้องพากันมารู้เหตุรู้ปัจจัย เราจะได้มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรมเพื่อเอาธรรมนำชีวิต พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ            

ไม่มีอะไรที่จะมีความสุข ไม่มีอะไรที่จะดับทุกข์ได้ เท่ากับความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้อง ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งปริยัติ ทั้งความรู้ ทั้งการประพฤติการปฏิบัติต้องไปพร้อม ๆ กัน

 

เพื่อให้เราทั้งหลายเข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบันตั้งแต่ยังไม่ตาย

เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

เพื่อความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะในปัจจุบัน

 

ให้เราทุกคนก้าวไปด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ และความดีที่บริสุทธิคุณ

เป็นบารมี ๑๐ ทัศ เบื้องต้น บารมี ๒๐ ทัศ ท่ามกลาง เป็นบารมีสูงสุด ๓๐ ทัศ ของเราทุก ๆ คน

เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะอายุขัยของเรา ทุกคนน่ะมันอยู่ได้ร่วมหนึ่งศตวรรษนะ คืออยู่ได้ร่วม ๆ ร้อยปี

เราต้องพัฒนาใจของเราให้มีความสุขและพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันหรือมากกว่าร้อยปีอีก ขึ้นอยู่ที่เหตุขึ้นอยู่ที่ปัจจัย

เราทั้งหลายต้องเอาธรรมะนำชีวิต อย่าเอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต

ความไม่รู้ไม่เข้าใจนี้เรียกว่ามันเป็นโมหะ หรือว่าภาษาที่เค้ากำลังใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เค้าเรียกว่าสายมูสายมูน่ะ สายโมหะ ทำอะไรด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความไม่รู้ ไม่เข้าใจนำชีวิต มันเป็นอวิชชาเป็นความหลง

เอาความหลงเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เค้าเรียกว่าประพฤติปฏิบัติสายโมหะ สายมู สายหลง เป็นสายของไสยศาสตร์

พวกที่เอาตัวตนนำชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิตเค้าเรียกว่าสายมู สายหลง สายของไสยศาสตร์ นี้คืออันเดียวกัน ให้เข้าใจนะ

มนุษย์อย่าเอาความหลงนำชีวิตอย่าเอาไสยศาสตร์นำชีวิต ต้องเอาปัญญานำชีวิต เอาปัญญาบริสุทธิคุณนำชีวิต ไม่ใช่เอาความหลงนำชีวิต เอาไสยศาสตร์นำชีวิต เป็นสายนิติบุคคลตัวตน

เราต้องหยุดเพื่อเข้าสู่ความถูกต้อง เข้าสู่ธรรมเข้าสู่ปัจจุบันธรรม

ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจพากันประพฤติปฏิบัติทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ในปัจจุบัน สิ่งที่ถูกต้องคือเราต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอาธรรมนูญรัฐธรรมนูญนี้แหละมาใช้มาปฏิบัติ

เราทั้งหลายพากันมาเน้นมาประพฤติปฏิบัติในตัวของเราเอง เอาธรรมะมาบริหารตนเอง เอาธรรมะมาบริหารผู้อื่น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เน้นที่ตัวขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระอรหันต์พระขีณาสพได้ฟังโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทำหน้าที่ประพฤติปฏิบัติหน้าที่ของท่านเพื่อความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง เป็นพ่อค้าประชาชน เราเป็นนักบวช เราทั้งหลายก็ต้องทำหน้าที่ ของเราให้สมบูรณ์ เพื่อหยุดสัญชาตญาณ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด ที่มีความรู้สึกที่มีความยึดมั่นถือมั่น ที่เป็นนิติบุคคลตัวตน

มีความมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนมีสติมีปัญญา เป็นผู้เก่งกว่าเค้า เป็นผู้ดีกว่าเค้าหรือว่าเสมอเขา               หรือสู้เขาไม่ได้ เราต้องยกเลิกสิ่งเหล่านี้

ไม่มีอะไรที่จะหยุดสัญชาตญาณได้นอกจากความรู้ความเข้าใจ แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรม อยู่เหนือกฎแห่งกรรม อยู่เหนือเหตุอยู่เหนือผลเพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย ต้องรู้ต้องเข้าใจ ความรู้กับการปฏิบัตินั้นแยกกันไม่ได้ ถ้าแยกเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ปฏิบัติ ถ้าแยกเมื่อไหร่ก็วิบัติน่ะ

ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราต้องมีหลักการของเราด้วยความรู้ความเข้าใจ              

ความเคยชินในการเวียนว่ายตายเกิดของเราทั้งหลายนั้นมันเป็นความเคยชิน มันเป็นการเกิดติดต่อต่อเนื่อง มันเป็นกระบวนการ

การประพฤติปฏิบัติอะไรติดต่อต่อเนื่องมันเป็นสายพันธุ์ มันเป็นดีเอ็นเอที่ติดต่อต่อเนื่องกัน เป็นสายพันธุ์แห่งอวิชชาแห่งความหลง เป็นสายมูสายโมหะ เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ เราจะได้มาหยุดดีเอ็นเอแห่งสายมูสายหลงน่ะ

 เราต้องหยุดดีเอ็นเอด้วยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ

ให้เราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ เพราะว่าวาระจิตของเราน่ะ มันเป็นขณะขณะนะ กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพมันเป็นขณะขณะ เมื่อเราเอาความถูกต้องนำชีวิตความไม่ถูกต้องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ความถูกต้องมันก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันเป็นขณะเป็นวาระ ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเป็นวาระแห่งชาติ การประพฤติการปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

วาระทางหูจมูกลิ้นกายใจมันเป็นวาระ เมื่อเรามีตามันก็มีรูป มันเป็นวาระเมื่อเรามีหูมันก็มีเสียง เมื่อเรามีจมูกก็มีกลิ่น เมื่อเรามีลิ้นก็มีรส เมื่อเรามีกายก็มีสัมผัส เมื่อเรามีใจก็มีจิตมีวาระจิต เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่วาระ

เราต้องเข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ

ปัจจุบันน่ะถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันถึงว่าเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่าต้องรู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

เราจะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อมหยุดด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา อย่างนี้เค้าเรียกว่าคือการหยุดความไม่ถูกต้องคือการหยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

ใจของเรามันก็คิดได้ทีละอย่าง เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งธรรมะมันก็เกิดไม่ได้เราต้องรู้ต้องเข้าใจ

พระธรรมพระวินัยถึงจะมาหยุดดีเอ็นเอ หยุดโมหะ หยุดอวิชชาหยุดความหลง  เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดน่ะ

เราทั้งหลายถึงต้องพากันรู้พากันเข้าใจ พากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้สมบูรณ์

ปัจจุบันนี้คือความสำคัญ ปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นมรรคเป็นอริยมรรค ชีวิตของเราจะได้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

เราจะได้รู้เรื่องผัสสะ ที่มีการผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ รู้การหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่เราเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรามีผัสสะกระทบ ที่มันหมุนรอบตัวเรา มันหมุนรอบทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ

ดวงอาทิตย์มันหมุนรอบในตัวของดวงอาทิตย์เอง หมุนเป็นวงกลม กลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง เหตุปัจจัย ผัสสะภายนอกผัสสะภายในเราจะหยุดได้ก็เพราะความรู้ความเข้าใจ ความรู้ต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

ไม่มีอะไรที่จะหยุดเหตุหยุดปัจจัยได้นอกจากความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่ที่รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรคทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามายาททั้งอาชีพ ต้องรู้เข้าใจ

สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่๔ นั้นก็อยู่ในอริยมรรค อยู่ได้ทุกชาติทุกศาสนาอยู่ได้ทั้งข้าราชการนักการเมืองและนักบวช เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมะไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน อยู่ที่เหตุที่ปัจจัย

เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ ความเป็นพระน่ะต้องมีอยู่กับเราทุก ๆ คนไม่ใช่แต่งตั้งกันได้ แต่งตั้งได้นั้นอยู่ระดับสมมติ

พวกเราทั้งหลายเค้าแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองหรือเป็นนักบวชหรือเป็นใครก็แล้วแต่ นี้ระดับบุคคลให้บุคคลแต่งตั้ง

เราเข้าใจว่าการประพฤติการปฏิบัติให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะนี้เพื่อให้สมบูรณ์ทั้งการแต่งตั้งทั้งการปฏิบัติ ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

เน้นมาที่ปัจจุบัน...

เราทั้งหลายน่ะถึงมารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ ให้มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ให้ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

ตำแหน่งที่คนอื่นเค้าแต่งตั้งมันเป็นตำแหน่งของคนอื่นนะ

ตำแหน่งของเราคือการประพฤติการปฏิบัติของเราเป็นการทำหน้าที่ของเรา

เราทั้งหลายตั้งอกตั้งใจให้เต็มที่ เราทุกคนต้องรู้อยู่ด้วยใจของเราเอง ผิดถูกดีชั่วให้เน้นที่ตัวเรา ให้เข้าใจ

เราทานอาหารเราอย่าไปถามคนอื่นว่าอันนี้หวานมั๊ยเปรี้ยวมั๊ยเค็มมั๊ยหรือจืดมั๊ย อิ่มหรือไม่อิ่มไม่ต้องไปถามคนอื่น เพราะเราทุกคนรู้อยู่แล้ว อันไหนไม่ดีเราก็รู้เข้าใจ

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสบอกว่า อย่าไปตรึก อย่าไปนึก อย่าไปคิดในกามในพยาบาท

เราเน้นที่อยู่ที่ตัวเรานี้แหละ เน้นที่เจตนาด้วยความรู้ความตั้งใจ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป

เพราะตัวตนนี้แหละ มันจะไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป

เมื่อเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป มันจะไม่เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพราะมันเอาตัวตนนำชีวิต เอาโลกธรรมนำชีวิต เอาความหลงนำชีวิต ไม่ใช่ธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิตไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต

เราต้องเน้นมาที่ใจที่เจตนานี้แหละ

เราคิดดูดี ๆ นะ คิดดี ๆ ด้วยปัญญา ถ้าอย่างนั้นมันหยุดสัญชาตญาณไม่ได้ หยุดนิติบุคคลตัวตนไม่ได้

การเรียนหนังสือเราก็เรียนเพื่อตัวเพื่อตน การเรียนเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน การทำงานเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน การเป็นข้าราชการนักการเมืองเพื่อตัวเพื่อตนมันทุกข์แน่นอน เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามีแต่ความทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ เพราะมันเป็นสัจธรรมเป็นความจริง

เราจะเป็นผู้เก่งผู้วิเศษอยู่เหนือกรรมอยู่เหนือกฎแห่งกรรมนั้นไม่ได้

เราทุกคนต้องรู้เรื่องกรรมรู้กฎแห่งกรรมผลของกรรม

เราทั้งหลายต้องตั้งใจตั้งเจตนา มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งไหนมันผ่านไปแล้วก็ให้ปล่อยให้วาง อย่าไปติดอกติดใจ เสียอกเสียใจ ให้ปล่อยวางไป ให้ปล่อยวางมันไป เพราะมันผ่านมาแล้ว หรือว่าผ่านไปแล้ว มันเกษียณไปแล้ว ต้องรู้เข้าใจ เบื้องต้นเราไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ

มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อชีวิตของเราจะได้ มีแต่ปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ถ้าเราไม่มีความสุขไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเราทุกข์ก็จะมีความทุกข์ เราทุกคนก็จะเป็นโรคซึมเศร้า

เอาความถูกต้องนำชีวิต เอาความดีนำชีวิต เอาสติเอาปัญญานำชีวิต

เมื่อมันผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยวาง เพราะมันเป็นอดีตไปแล้วเราก็ต้องปล่อยวาง ถ้าเราไม่ปล่อยวางเราก็ไปไม่ได้ คือมันติด การติดกับติดหนี้ติดสินคืออันเดียวกันนี้แหละ

เราต้องเข้าใจเรื่องความยึดมั่นถือมั่นเรื่องความปล่อยวาง เราต้องเข้าใจ               

ความดีถึงประกอบด้วยปัญญา

ศีลถึงประกอบด้วยปัญญา

สมาธิถึงประกอบด้วยปัญญา

 สิ่งที่ผ่านไปแล้วเราก็ต้องปล่อยต้องวาง มันจะสุขหรือทุกข์ดีหรือชั่วเราก็ต้องปล่อยต้องวาง เพราะว่ามันเกษียณไปแล้ว เน้นที่ปัจจุบัน ให้รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

เราต้องมารู้แจ้งเรื่องอดีต รู้แจ้งเรื่องอนาคต รู้แจ้งในเรื่องปัจจุบัน เราทั้งหลายจะได้พากันมีความสุข ไม่มีความทุกข์ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้มีสติมีปัญญามีปัญญามีสติน่ะ

สิ่งที่มีอุปการะคุณมากก็ได้แก่สติสัมปชัญญะ สติกับสัมปชัญญะถึงเป็นคุณเป็นสิ่งที่อุปการคุณ

ความรู้ความเข้าใจมันไม่ใช่ความจำนะ อย่างเราไปเรียนหนังสือนี้หรือค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์หรือฟังการบรรยาย เน้นที่ความเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจแล้วมันจะไม่ลืม ความเข้าใจกับการปฏิบัติมันจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ถ้าเราเข้าใจแล้วก็คือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์

เราคิดดูดี ๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  เป็นเวลาผ่านไป ๒๐ ปี ๒๐ พรรษาน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยังไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัย ท่านพูดแต่เรื่องให้เกิดความรู้เกิดปัญญาเกิดความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

ตลอดเวลา ๒๐ พรรษาของการตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนแต่ความรู้ความเข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจแล้วมันจะไม่หลงไม่ลืมไม่เหมือนกับความจำ การเรียนการศึกษาก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ

เราจะมีสติมีปัญญากันได้อย่างไร เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนนั้นแหละ คือบุคคลที่ไม่มีสติไม่มีปัญญา ถ้าเรามีตัวมีตนคือบุคคลที่ไม่มีสติไม่มีปัญญานะ

เราต้องรู้เข้าใจถึงจะเรียนจบปริญญาเอก เป็นมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่มีปัญญานะ ต้องรู้เข้าใจ ปัญญามันต้องปัญญาบริสุทธิคุณ ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง เอาธรมนำชีวิต ชีวิตของเราถึงจะเป็นของสด ถึงจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ชีวิตของเราจะไม่หลงอยู่ในเรื่องอดีตไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องอนาคต ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

วันหนึ่งคืนหนึ่งน่ะมนุษย์เราทั้งหลายต้องพากันเข้าอกเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะว่าเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

ต้องรู้เข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้หยุดวัฏฏสงสารของตัวเอง ต้องรู้ต้องเข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็เป็นคนไม่รู้จักกาลไม่รู้เวลาไม่รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ

เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความเป็นประภัสสร ด้วยความรู้ ความเข้าใจ

เราต้องรู้ความเป็นประภัสสรของธรรมชาติ ความหวานก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความเค็มก็มีอยู่ กลาง ๆ ก็มีอยู่ ต้องรู้เข้าใจ

ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากล้วนแต่เป็นประภัสสรทั้งนั้น

เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปลิดรอนความเป็นประภัสสรน่ะ เพราะทุกอย่างก็เป็นธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ เป็นประภัสสรของสิ่งนั้น ๆ

เราต้องรู้เข้าใจเราอย่าไปลิดรอนความเป็นประภัสสรของบุคคลอื่น

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิ เราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้อง กลับมาหาความสงบ กลับมาหาปัญญา ถ้าอย่างนั้นเราไม่สงบนะ เราไม่มีปัญญานะ เพราะเราไม่รู้จักความเป็นประภัสสร

เราต้องรู้เข้าใจเราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้องกลับมาหาพระนิพพานบ้านของเรา พระนิพพานคือบ้านของเรา พระนิพพานคือบ้านที่แท้จริง

ศีลน่ะที่เป็นศีลบริสุทธิคุณคือบ้านแท้จริงนะ

สมาธิยกเลิกเรื่องนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔ มันเป็นความว่าง ว่างจากอดีตว่างจากอนาคตปัจจุบันก็สักแต่ว่า บริโภคทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติด้วยปัญญา ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ

สมาธิมันต้องเป็นสัมมาสมาธิ ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล ไม่ให้เป็นตัวเป็นตน มันต้องเป็นสัมมาสมาธิที่ประกอบด้วยปัญญา มันจะเป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา เป็นทั้งสมถะเป็นทั้งวิปัสสนา

ให้เข้าใจมรรคอริยมรรค

เราต้องรู้เข้าใจเหมือนกับต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้นได้อาหารเค้าต้องได้จากทุกทิศทุกทางนะ

ต้นไม้ต้นนั้นน่ะต้องได้อาหารมาจากทั้งทางรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑลอากาศแสงแดดออกซิเจน ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะได้วิตามินเกลือแร่แร่ธาตุที่สมบูรณ์

ให้เข้าใจ ธรรมะพระนิพพานน่ะ เราต้องได้มาจากความรู้ความเข้าใจ  ได้มาจากปริยัติพร้อมกับการประพฤติการปฏิบัติ มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายจะได้หยุดกาลหยุดเวลา

เราต้องรู้กาลรู้จักเวลา เดี๋ยวนี้ชีวิตของเราดูแล้วอยู่กับความมืดนะ กลางคืนน่ะ คือความมืด ความหลงคือความมืด ให้เราเข้าใจ เข้าใจให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

ผู้ที่อยู่ในความมืดต้องใช้ปัญญานำชีวิตนะ เหมือนผู้ที่อยู่ในความมืดต้องใช้นาฬิกาดิจิตอลเป็นตัวเลขในความมืด มันจะเป็นแสงสว่างว่ามันหมุนไปเวลาไหนน่ะ ถ้าเราใช้เข็มนาฬิกามันจะมองไม่ออก อย่างนี้เราต้องใช้นาฬิกาดิจิตอล อยู่ในความมืดต้องใช้นาฬิกาที่เป็นตัวเลขบอกเลขบอกเวลา

เราทั้งหลายต้องรู้ว่าการประพฤติการปฏิบัติต้องเอาปัญญานำชีวิต เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต อย่าเอาความมืดหรือเอาไสยศาสตร์นำชีวิต ต้องรู้เข้าใจพระธรรมพระวินัยถึงเป็นอริยมรรค เป็นกรรมเป็นกฎของกรรม

เราเรียกว่ากรรมเป็นของของตน กรรมเป็นที่อาศัย กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มันเป็นดีเอ็นเอที่ติดต่อต่อเนื่อง เราจะเปลี่ยนสายพันธุ์จากอวิชชาความหลง จากความมืดนะ

เราต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าให้มันเป็นอุดมที่เป็นตัวเป็นตน

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

ตึก สตง.ของประเทศไทย อยู่ที่กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมแห่งความเจริญทางวัตถุ แล้วก็ศูนย์รวมแห่งสติปัญญา แต่ด้วยไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาธรรมนูญเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอารัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง ความไม่รู้ไม่เข้าใจเอาความหลง เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

เราคิดดูดี ๆ น่ะ ตึกในกรุงเทพมหานครหรือในปริมณฑลหลายสิบตึก  ใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.เสียอีก ทำไมมันถึงไม่พัง เพราะตึก สตง.ที่แผ่นดินไหว ที่ประเทศพม่าเมืองมัณฑะเลย์ระยะห่างกันมันก็ไกลนะร่วม ๆ พันกิโลน่ะ

ด้วยเหตุด้วยปัจจัยเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เอาทุจริตนำชีวิตมันเลยพัง ตึกอื่นไม่ใช่ไม่ทุจริต ไม่ใช่ไม่โกงกินคอรัปชั่นนะ มันโกงกินน้อยกว่า

ความไม่ถูกต้องมันก็คือความไม่ถูกต้อง ถ้าไม่เข้าใจมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.

ถึงเราจะเรียนเราจะศึกษาจบปริญญาเอก จบ ปธ.๙ เราเรียนเราศึกษาเพื่อนิติบุคคลตัวตนชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือน ตึก สตง.นี้แหละ

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็จะไปแก้ไขที่คนอื่น

เราเห็นชัดมั๊ย รู้แจ้งมั๊ย

 

สตง.น่ะ ลืมมองดูตัวเอง มองดูตรวจดูตนเอง ไปแก้แต่คนอื่นไปแก้ไขภายนอก ตามหลักการอุดมการณ์มันก็เป็นบริสุทธิคุณ

เราต้องแก้ทั้งภายนอกทั้งภายในที่เป็นอริยมรรคทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องแก้อย่างนี้ ต้องทำชีวิตของเราให้สมบูรณ์

เราเอาหลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ

เราทั้งหลายน่ะให้เข้าใจ อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็แก้ที่พระพุทธเจ้า อย่างพระเยซูก็แก้ที่พระเยซู พระอัลเลาะห์ก็แก้ที่พระอัลเลาะห์

เราทุกคนต้องแก้ที่ตัวเอง

เราเป็นพระมหากษัตริย์ก็แก้ที่พระมหากษัตริย์ เราเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีก็แก้ที่ตัวของเราเอง เราเป็นข้าราชการนักการเมืองก็มาแก้ ที่การประพฤติการปฏิบัติของเรา ให้การประพฤติการปฏิบัติสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เราจะได้อุดมสมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ

ให้เข้าถึงบริสุทธิคุณด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะปริยัติกับการปฏิบัติมันจะใช้การไม่ได้ มีอุปกรณ์แต่ก็ไม่ได้เอาอุปกรณ์มาใช้มาปฏิบัติ มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ได้เอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องมาแก้ที่ตัวของเรานะ กลับมาหาความรู้ความเข้าใจเราจะได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์

อย่าไปทิ้งหลักการอย่าไปทิ้งอุดมการณ์อุดมธรรมน่ะ อย่าไปทิ้งความถูกต้อง  อย่าไปทิ้งพระนิพพานบ้านแท้จริงของเรานะ

เราคิดดูดี ๆ ทุกคนน่ะ เพราะทุกคนเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เป็นคนมีปัญญาเป็นคนดี ต้องพากันคิดดูดี ๆ แล้วเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ สมควรอย่างยิ่งในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราจะได้หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ

ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ มันจะจมอยู่ในอบายมุขอบายภูมิ

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อมาแก้ไขตัวเองนะ เพื่อมาทำหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ชีวิตนั้นถึงจะหยุดอบายมุขอบายภูมิได้

เราคิดดูดี ๆ สิ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนมันไม่ได้สร้างความดีที่ประกอบด้วยปัญญานะ เราเรียนหนังสือก็เพื่อเป็นตัวเป็นตนนะ เราทำงานก็เพื่อ เป็นตัวเป็นตน เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็เพื่อตัวเพื่อตนนะ

ตัวตนนั้นแหละมันคืออบายมุขอบายภูมิ ภูมิแห่งความตกต่ำตกไปในที่ชั่วตกไปในทางที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ชีวิตมันจะตกต่ำ มันจะเป็นชีวิตที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เรียกว่าชีวิตที่เอาความหลงนำชีวิต มันจะเป็นชีวิตไม่ได้ทำงานเพื่องาน ไม่ได้เรียนหนังสือเพื่อเรียนหนังสือ มันจะเป็นชีวิตที่เป็นนิติบุคคลตัวตน

เราทั้งหลายจะได้หยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่ามาหยุดบ่อนคาสิโน

เราคิดดูดี ๆ นะตัวตนน่ะคือบ่อนนะ  ตัวตนคือมันทำลายตัวของมันเองตัวตนมันกดดัน ตัวตนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี

ตัวตนเปรียบเสมือนทะเลเปรียบเสมือนมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิง

เราต้องรู้เข้าใจ ตัวตนนี้แหละคือบ่อนทำลายตัวในตัวของมันเอง มันระเบิดตัวเองระเบิดเวลา ตัวตนนี้แหละคือเจ้าเสือร้ายต้องรู้เข้าใจ ตัวตนนี้คือหนอนบ่อนทำลายหรือหนอนบ่อนไส้ที่มันชอบไชทำลายตัวของมันเอง

เราทั้งหลายต้องยกเลิกความไม่ถูกต้องนะ อย่าเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิตนะอย่าเอาความหลงนำชีวิตนะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมาเพื่อมายกเลิกพวกการพนันพวกบ่อนพวกอบายมุขอบายภูมิ พระเยซูพระอัลเลาะห็ก็เหมือนกัน

ศาสนาคือธรรมะ ธรรมคือศาสนา ยกเลิกอบายมุขอบายภูมิไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนะ

ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะเอาความหลงนำชีวิต เอาบ่อนมาทำร้ายตัวของเราเอง ด้วยความไม่รู้ความไม่เข้าใจ

อย่างประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กนิดเดียวเป็นเกาะอยู่กลางทะเล อย่างมาเก๊าประเทศจีนอยู่กลางเกาะกลางทะเล เค้าไม่มีสถานที่ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรม เค้าได้ถึงพากันตั้งบ่อน

 

เค้าคิดว่าในโลกนี้คนมีความโลภความหลงมีเยอะ คนมีปัญญามีน้อย เราหากินทางบ่อนคาสิโน เราหากินกับพวกที่มีความโลภความหลง เพื่อดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะ ถึงไม่ถูกต้องเราก็พากันรวยทางวัตถุน่ะ เค้าคิดอย่างนั้นเขาถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน

เราอย่าไปยินดีปรีดาเห็นดีเห็นด้วยในการตั้งบ่อนคาสิโนนะ

เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งน่ะ เดี๋ยวมันจะยินดีปรีดาปราโมทย์ในเรื่องบ่อนในการเอาความหลงเป็นที่ตั้งในการเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิตนะ

เราทั้งหลายน่ะเราคิดดูดี ๆ นะ ถ้าเรามีตัวมีตนคนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี คนรวยก็ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ

สองอย่างนี้ใครว่าอะไรดีกว่ากัน คิดดูด้วยสติด้วยปัญญามันก็พอ ๆ กันนั่นแหละ มีความทุกข์พอ ๆ กันน่ะ มีการเวียนว่ายตายเกิดพอ ๆ กัน

ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พากันมีความสุขมีปิติในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้อุดมสมบูรณ์ เราจะได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

วันหนึ่งคืนหนึ่งพวกเราพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทุกอย่างน่ะ มันก็จะไม่มีปัญหา มันก็จะหยุดปัญหา ด้วยความรู้ความเข้าใจต้องก้าวไปด้วยการประพฤติการปฏิบัติด้วยความรู้ความเข้าใจ

ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์เบียร์ พร้อมด้วยบริษัททั้ง ๔ ที่เป็นทั้งพุทธ คริสต์อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู ทุกศาสนาเรียกว่าบริษัททั้ง ๔ เพื่อประโยชน์ของตนและประโยชน์ของมหาชน เพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต

ท่านทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐ เป็นทั้งคนดีเป็นทั้งผู้มีปัญญา เป็นผู้รู้คุณรู้ประโยชน์เป็นผู้ให้ภัยในวัฏฏสงสาร ต้องเอาชีวิตที่ประเสริฐที่มีลมปราณนี้มานำชีวิตเพราะเราจะได้ไม่ตกต่ำสู่อบายมุขอบายภูมิ

เหมือนท่านพุทธทาสท่านเป็นพระดีของเมืองไทยของโลก ท่านพูดจากใจจากพระนิพพานว่า

เราทั้งหลายน่ะจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะเรารู้อริยสัจสี่นะ เราะจะได้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม เราศึกษาเล่าเรียนเพื่ออะไร เราทำงานเพื่ออะไร เราต้องเข้าสู่หลักการภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราทั้งหลายจะเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

เราทั้งหลายจะเป็นมนุษย์ได้เพราะความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติเพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ท่านประพันธ์ไว้ว่า

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง  เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป็นพระองค์สำคัญในพุทธศาสนาของเมืองไทย ได้เอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง เป็นความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้เข้าใจในหลักการอุดมการณ์ในการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายจะเป็นพระได้เหมือนกันทุก ๆ คนด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ หลวงปู่มั่น ท่านได้เมตตาตรัสบอกกับพวกเราไว้ว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ เป็นผู้ที่ประเสริฐต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายต้องเอาพระนิพพานนำชีวิต เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน พระนิพพานคือบ้านของเรา พระนิพพานคือบ้านที่แท้จริง

---------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตามอบไว้ให้แก่ คณะอาจารย์เบียร์ ฅนตื่นธรรม บ่ายวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 91,914