๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
การประพฤติการปฏิบัติธรรมของพวกเราทุก ๆ คน ให้ทุกคนพากันเข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องเข้าใจในเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาท ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ ทั้งเรื่องอาชีพ
เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อความสมบูรณ์ทุก ๆ แง่ ทุก ๆ มุมในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้ผิดพลาดขาดตกบกพร่อง
เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องวัตถุ ทางวัตถุเราก็รู้ ทางธรรมเราก็รู้
ทางโลกเราเข้าใจ ทางธรรมเราเข้าใจ ให้เราทั้งหลายพากันรู้พากันเข้าใจว่าทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เพราะทุกอย่างมันคือกรรม คือกฎแห่งกรรม คือผลของกรรม
เข้าสู่ภาคการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เน้นการประพฤติการปฏิบัติมาในตัวของเราเอง มีความตั้งใจมีเจตนา พากันมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ถ้าเราไม่มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเราทั้งหลายก็จะมีความทุกข์ ความทุกข์กับโรคซึมเศร้ามันคืออันเดียวกันนะ เราถึงมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ มีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เพราะทุกอย่างนั้นมันคือกรรมคือผลของกรรมคือกฎแห่งกรรม สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย เราต้องรู้เข้าใจ มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นดีเอ็นเอ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ มันก็ไม่ได้ประพฤติไม่ได้ปฏิบัติ
เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายก็จะได้ประพฤติได้ปฏิบัติ ไม่ได้ทำอะไรตามความไม่รู้ไม่เข้าใจ มันเสียหาย ไม่รู้เรื่องของกรรม ไม่รู้กฎแห่งกรรม
ไม่พากันเราต้องรู้เข้าใจ จะไม่ได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เราทั้งหลายจะได้พากันมีปัญญา เอาปัญญานำชีวิต ไม่ใช่เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต
ตั้งอยู่ในปัญญา ในสัมมาทิฐิ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ยกเลิกเรื่องตัวสิ่งที่จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยในการเวียนว่ายตายเกิด เพราะทุกอย่างเมื่อเราไม่รู้ไม่เข้าใจ มันก็เป็นสังสารวัฏ มันเป็นการเวียนว่ายตายเกิด
ต้องยกเลิกด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เข้าใจในวัฏฏสงสารว่ารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เราต้องรู้เข้าใจ สิ่งเหล่านี้แหละมันเป็นวัฏฏสงสาร
เราทั้งหลายต้องแก้ที่ต้นเหตุ
รู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ รู้จักปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ตัดที่ต้นเหตุด้วยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ตนหมด อย่าให้มีตัวมีตนเหลืออยู่ อย่าให้ของเราหลงเหลืออยู่ ยกเลิกเรายกเลิกเขา ไม่ต้องมีความสำคัญมั่นหมายของตัวเองเหลืออยู่ อย่ามีความสำคัญมั่นหมายว่าเรามั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นของเรา ว่าเราเป็นนิติบุคคลตัวตน เป็นของคนอื่นต้องรู้เข้าใจ
ไม่ต้องโง่หลงงมงายเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนโง่หลงงมงาย
สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย เป็นคนหนุ่มเป็นคนสาวเป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนแก่คนเจ็บคนตายคนพลัดพราก
สำคัญมั่นหมายว่าเราตัวเองดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า รวยกว่าเค้า มีเพาเวอร์สูงมากกว่าเค้า เป็นผู้ร่ำรวยเป็นผู้มีอำนาจ มีอำนาจวาสนาน่ะ คนอื่นสู้เราไม่ได้ หรือว่าสู้เขาไม่ได้ เราเสมอกับเค้า หรือว่าสู้เขาไม่ได้
ความรู้สึกอย่างนี้เราต้องยกเลิก เราต้องหยุด หยุดก่อนลาก่อน ยกเลิกแคนเซิล
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับตัวของท่านเองว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะบ้านทำเรือนทำวัฏฏสงสารให้เราไม่ได้อีกต่อไป เรารู้เข้าใจ ด้วยอาศัยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เราอย่าให้มีความรู้สึกอย่างนี้ต้องรู้เข้าใจนั้น ให้รู้จักธรรม รู้จักสภาวธรรม ให้รู้จักความเป็นประภัสสรของทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่
ต้องรู้เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เขาไม่ใช่เรา สิ่งที่ว่าเขาว่าเรานั้น ต้องยกเลิกความรู้สึกอย่างนี้ ให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันคือธรรมะคือธรรมชาติ คือความเป็นประภัสสรของธรรมชาติเราน่ะไม่ใช่หรอก
มันเป็นเพียงเหตุเพียงปัจจัย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
เราต้องรู้ต้องเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องผล เรื่องเหตุเรื่องเหตุปัจจัย เรื่องปัจจัย เรื่องอิทัปปจยของอิทัปปัจยตา เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เรามีอายตนะภายในทั้ง ๖ อายตนะภายนอก ๖ ที่มันมีเหตุมีปัจจัย เราต้องรู้เข้าใจ เราท้งหลาย๖ มันสัมผัสกัน มันเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไปให้มันไม่มีไม่ได้ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ว่างจะต้องให้มันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เราต้องรู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนั้นถึงเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ
เราทั้งหลายจะได้พากันทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะและพยัญชนะ ด้วยปิติ ด้วยความสุข ด้วยเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ถ้าเราปล่อยวางก็ต้องปล่อยวางให้มันถูกต้องน่ะ อย่าไปปล่อยวางไม่ความถูกต้อง ต้องปล่อยวางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราอย่าไปปล่อยวางพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร ข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ได้
ต้องทำหน้าที่ ประพฤติปฏิบัติตนตัวของเราให้สมบูรณ์ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ อย่าปล่อยวางไม่ความถูกต้องน่ะ
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องยาน ยานก็ได้แก่สิ่งที่จะนำเราไป พาเราไป
เราจะเดินทางไกลเราต้องรู้เข้าใจ อาศัยปลีแข้งสองข้างก้าวไป ด้วยความรู้ความเข้าใจ อาศัยกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพที่ถูกต้อง ก้าวไปด้วยธรรม ด้วยธรรมนูญ ด้วยรัฐธรรมนูญ
เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เหมือนเราจะเดินทางไกลสมัยใหม่นี้ การเดินทางไกลสมัยใหม่เค้าต้องอาศัยเทคโนโลยี เค้าต้องอาศัยรถอาศัยเครื่องบินที่เราเดินทางทางบกทางอากาศ ถ้าเราเดินทางทางน้ำไม่อาบอย่างนี้ สกปรกรกรุงรังอย่างนี้ทางทะเลทางมหาสมุทร เราก็ต้องอาศัยเรือนำทางเราไป
พระธรรมพระวินัย ธรรมนูญรัฐธรรมนูญมันเป็นยานที่จะนำพวกเราทั้งหลายเดินทางไกลนะ
ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจ ให้มีปัญญา เราจะไปทิ้งสิ่งที่ถูกต้อง ไปทิ้งยานที่นำเราไปไม่ได้
พระธรรมพระวินัยที่เป็นธรรม เป็นธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญ ที่มันเป็นสิ่งที่มีคุณมีอุปการมาก เราทั้งหลายอย่าไปทิ้งความดี อย่าไปทิ้งความถูกต้อง ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายน่ะต้องมีหลักการมีอุดมการณ์มีอุดมธรรม ต้องพากันเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราอย่าไปปล่อยวางความถูกต้องน่ะ เราต้องปล่อยวางให้มันถูกต้องด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เค้าเรียกว่าคนไม่รู้เรื่อง เค้าเรียกว่าคนปล่อยปะละเลย เป็นบุคคลที่ไม่รับผิดชอบน่ะ เป็นบุคคลที่เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต ปล่อยวางสิ่งที่ถูกต้องน่ะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
ตัวตนมันก็คือตัวคือตน ตัวตนน่ะเป็นบุคคลที่ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ตัวตนคือบุคคลที่ไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ตัวตนนั้นคือบุคคลที่ปล่อยวางความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปล่อยวางปัญญาที่ประกอบด้วยความดี
เราไม่เข้าใจเราเลยไปปล่อยปะละเลยนะ ไม่เข้าใจ ไม่เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง ไม่เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นุบคคลที่ไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่มีความสุข ไม่มีปิติ ไม่มีเอกัคคตาในการเอาธรรมนำชีวิต ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในความขยันรับผิดชอบ ไม่มีความสุขในความอดทนน่ะ เป็นบุคคลที่ปล่อยปะละเลย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง
เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัตินี้ คือเหตุคือปัจจัยที่จะให้เราสร้างความดีประกอบด้วยปัญญา ปัญญาประกอบด้วยความดี เป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ ทั้งอย่างต้น อย่างกลาง อย่างละเอียด ให้เรารู้เราข้าใจ
ตัวตนหรือความไม่ถูกต้องคือความสกปรกนะ
ตัวตนนี้คือความสกปรกคือความรกรุงรัง ตัวตนคือกายสกปรก วาจาสกปรก กิริยามารยาทสกปรก อาชีพสกปรก ตัวตนคือความสกปรกนะ มันเป็นความสกปรกทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกิริยามารยาท ทั้งอาชีพ
เราคิดดูดี ๆ สิ ใครมีตัวมีตน บุคคลนั้นน่ะคือบุคคลสกปรก บุคคลสกปรกก็คือบุคคลทุจริต ตัวตนนั้นแหละคือความไม่ถูกต้อง ตัวตนนั้นแหละคือทุจริต
เราทั้งหลายถึงไปเอาความไม่ถูกต้อง เอาตัวเอาตนนำชีวิตนั้นไม่ได้ มันจะสกปรก
ตัวตนนั้นน่ะท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านถึงตรัสกับพุทธบริษัททั้งหลายว่าตัวตนมันเหม็นนะ มันสกปรก มันเหม็นหลายแดนโลกธาตุ มันเหม็นสามแดนโลกธาตุเลยนะ
เราปล่อยวางไม่ถูกต้อง ไม่อาบน้ำแปรงฟัน มันเหม็นมันสกปรก บ้านเราที่อยู่ที่อาศัยของเรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้ง บ้านเราก็สกปรกรกรุงรัง
อย่างนี้เค้าเรียกว่าปล่อยวางไม่ถูกต้องนะ กายมันก็เหม็น วาจามันก็เหม็น กิริยามารยาทอาชีพมันก็เหม็นน่ะ
ปล่อยวางไม่ถูกต้องน่ะ กลิ่นตัวเหม็น เสื้อผ้าอาภรณ์เหม็นอย่างนี้แหละ ที่อยู่ที่อาศัยสกปรกรกรุงรัง รุงรัง ถ้วยโถโอจานสกปรกอย่างนี้แหละ อย่างนี้เค้าเรียกว่าปล่อยวางไม่ถูกต้อง เค้าเรียกว่าปล่อยวางอย่างวัวอย่างควาย อย่างนี้เรียกว่าปล่อยวางไม่ถูกต้อง ต้องปล่อยวางให้ถูกต้อง
เราทั้งหลายต้องเข้าสู่หลักการสู่อุดมการณ์อุดมธรรม พากันมีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน อักษรย่อ มอก. เข้าสู่มาตรฐาน ต้องปล่อยวางให้ถูกต้อง ต้องเข้าสู่รูปแบบทั้งภายนอกภายในทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ เข้าถึงความถูกต้อง ความถูกต้องมันได้แก่พระนิพพานบ้านของเรานะ ตัวตนไม่ใช่บ้านของเรานะ
พระนิพพานนั้นคือบ้านของเราคือบ้านที่แท้จริง ความถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ
ความถูกต้องนั้นคือความถูกต้องนะ ไม่ได้เอามาเพิ่ม ไม่ได้เอามาตัดนะ มันเป็นความพอดี มันเป็นความพอเพียงเพียงพอ ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป มันเป็นความพอดีน่ะ
อย่างผู้ที่มีปัญญาก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต ผู้ที่ไม่มีการเรียนการศึกษาหรือว่ามีความรู้น้อยน่ะ ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต ต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงเศรษฐกิจเพียงพอเหมือนกันทุกคนน่ะ
ความถูกต้องมันจะเป็นความพอดี มันจะโฟกัสมาที่ความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดีน่ะ มันจะพอดี ไม่น้อยไม่มาก
เหมือนที่กล่าวเมื่อวานนี้แหละ ที่แพทย์เค้าผ่าตัดสมอง เพราะสมองมันมีเส้นประสาทเล็กน้อยใหญ่ แพทย์จะผ่าตัดเค้าต้องเข้าถึงความพอดี ต้องเอาใจใส่ ต้องโฟกัสในการผ่าตัด ใจของแพทย์ผู้ผ่าตัดก็ต้องสงบต้องมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ การผ่าตัดสมองนั้นถึงจะไม่ได้ผิดพลาด ต้องอาศัยความสงบ ต้องอาศัยปัญญาในการผ่าตัด
การผ่าตัดหัวใจก็เช่นเดียวกัน เราก็ต้องอาศัยความสงบอาศัยปัญญา อาศัยปัญญาอาศัยความสงบ ต้องอาศัยใจดีใจสบาย ใจสงบใจมีปัญญา ใจมีศีลใจมีสมาธิใจมีปัญญา
เข้าถึงความพอดิบพอดี ไม่มากไม่น้อย เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มีความสงบมีปัญญา โฟกัสในการผ่าตัด ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติ ในการประพฤติการปฏิบัติ
เพราะอดีตมันผ่านมาแล้ว มันเกษียณแล้ว มันผ่านมาแล้วมันปฏิบัติไม่ได้ เพราะมันผ่านมาแล้ว อนาคตมันก็อยู่โน่น อยู่ไกลโน่น อยู่ไกลมากเลย มันยังมาไม่ถึง ปัจจุบันนี้ถึงเป็นวาระสำคัญ เพราะปัจจุบันมันเป็นพื้นเป็นฐานของอนาคต
ปัจจุบันนี้จึงเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราต้องรู้เข้าใจในประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้การประพฤติการปฏิบัติ
เราคิดดูดี ๆ นะ ความดับทุกข์ของเรามันอยู่ที่เรารู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราทุกคนจะพากันมีความทุกข์นะ
คนรวยก็มีความทุกข์เพราะความไม่รู้จักพอ คนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี สองคนนี้ไม่มีใครเหนือใครนะ มันก็เป็นทุกข์พอ ๆ กันนั่นแหละ เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายจะได้ขอบใจในสิ่งต่าง ๆ ที่มันมาสัมผัสกับเราทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เราต้องรู้เราต้องเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทั้งสิ่งภายนอกสิ่งภายใน ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายเป็นผู้ที่โชคดีที่มีลมปราณ มีอายุขัย
ต้องพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้ชีวิตของเราน่ะมันเป็นธรรม ก้าวไปด้วยธรรมด้วยธรรมนูญ เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ความทุกข์มันจะมีมาจากไหน เพราะความทุกข์นั้น มันมาจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจไม่มีความสุข ไม่มีปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนถึงพากันเป็นโรคซึมเศร้าน่ะ โรคซึมเศร้ามันเป็นนิติบุคคลตัวตนนะ ให้เราทุกคนรู้เข้าใจ เรามีความทุกข์เราพากันเป็นโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้ากับความทุกข์มันก็คืออันเดียวกันนี้แหละ
ให้เข้าใจ มันคือความทุกข์นะ ตัวตนนี้คือความทุกข์ทั้งนั้น มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี เปรียบอุปไมยอุปมา เหมือนทะเลไม่อิ่มไม่พอด้วยน้ำ เปรียบเหมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ มันมีความบกพร่องอยู่เป็นนิจ
มันเป็นอย่างนั้น มันเผาทั้งตัวเองเผาทั้งคนอื่น ต้องรู้ต้องเข้าใจ มันระเบิดตัวของมันเอง เค้าเรียกว่ามันระเบิดตัวเองอยู่ตลอดเวลา ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันระเบิดตัวเองอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา
เราทั้งหลายให้คิดในใจว่า เราเป็นผู้ที่โชคดีนะ ที่มีโอกาสมีเวลาที่มีลมปราณ เราทั้งหลายจะได้ถือโอกาสในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตอ เราทั้งหลายจะได้พากันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มี เราทั้งหลายต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่น่ะ
ว่างจากสิ่งที่ไม่มี มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่มี เราไปว่างจากสิ่งที่มันไม่มีมันจะมีประโยชน์อะไร เราทั้งหลายต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ พระนิพพานบ้านของเราน่ะถึงอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เอาความรู้ความเข้าใจมาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติ
ถ้าเราว่างจากสิ่งไม่มี มันก็เหมือนคนตายน่ะ คนตายนั้นน่ะมันจะดีมั๊ย คนตายแล้วมันไม่ดี อดีตมันผ่านไปแล้ว มันเกษียณแล้ว มันตายไปแล้ว
คนเกษียณไปแล้ว เกษียณนั้นไม่ใช่ปัจจุบันนะ ความว่างต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เราทั้งหลายต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ให้มันว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่
เรามีตาก็ต้องมีรูป มีหูก็มีเสียง มีจมูกก็มีกลิ่น มีลิ้นก็มีรส มีกายก็ต้องมีใจ เรามีจิตก็ต้องมีเรื่องจิตเรื่องใจ เรารู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบัน
พวกเราทั้งหลายถึงพากันรู้ว่าปัจจุบันนี้คือการประพฤติการปฏิบัติ
พระนิพพานมันเป็นเรื่องของปัจจุบัน ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
สิ่งมันผ่านไปแล้วเกษียณไปแล้วเราก็ปล่อยวาง ถ้าเราไม่ปล่อยไม่วางมันก็เป็นทุกข์ ถ้าเราไม่ปล่อยไม่วางมันก็ไปไม่ได้ เพราะมันเป็นนิติบุคคลตัวตน มันไม่เป็นธรรม ไม่เป็นปัจจุบันธรรม
บ้านของเราไม่ใช่ความหลงนะ บ้านของเราต้องเป็นความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกิริยามารยาท ทั้งอาชีพ
เราเกิดมา เราต้องพากันมารู้พากันมาเข้าใจ ว่าเราเกิดมาทำไม เราพากันมาเรียนหนังสือทำไม พากันมาทำงานทำไม มาเป็นข้าราชการนักการเมือง มาเป็นนักบวชทำไม ต้องพากันเข้าใจ
เราทั้งหลายจะได้พากันเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราอยู่ที่ไหนเราก็พากันประพฤติปฏิบัติได้ ไม่มีใครปฏิบัติไม่ได้ คนที่ปฏิบัติไม่ได้คือคนที่เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ พวกคนบ้า พวกสมองเสียปฏิบัติไม่ได้ เค้าถึงไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้าคนสมองเสียน่ะ
ทุกคนพากันทำได้ปฏิบัติได้หมด ไม่มีใครยกเว้น เราทั้งหลายต้องเข้าสู่หลักการ เข้าสู่อุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายจะได้มีทั้งความสงบทั้งปัญญา มีทั้งสมถะทั้งวิปัสสนาไปพร้อม ๆ กันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เรามองเห็นแง่มุมในที่ประเสริฐ เหมือนเราดูต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นหนึ่งน่ะที่เค้าเจริญเติบโตเค้าต้องได้อาหาร มาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ ไม่ใช่มาจากทางรากอย่างเดียว ต้องได้มาจากทางรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑล ได้ทั้งอากาศแสงแดดออกซิเจนอะไรต่าง ๆ ต้องได้มากทุกทิศทุกทุกทาง ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะอุดมสมบูรณ์ทั้งวิตามินเกลือแร่แร่ธาตุ
ด้วยความรู้ความเข้าใจ มันจะเป็นธรรมเป็นธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ให้รู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้เข้าใจมันจะทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้
การประพฤติการปฏิบัติก็ให้รู้เข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเรา จะได้ติดต่อต่อเนื่อง มันจะได้เป็นหลักการอุดมการณ์ มันจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อมที่มันมาสัมผัสกับเรา มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมให้รู้เข้าใจ
ชีวิตของเรามันจะเป็นพระนิพพาน กายวาจาใจกิริยามารยาท มันจะเป็นพระนิพพาน ให้รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นความดับทุกข์ มันเป็นสากลของผู้ที่รู้เข้าใจ สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่รู้เข้าใจ เข้าถึงการประพฤติการปฏิบัติ
เราอย่าไปเข้าใจเหมือนแต่ก่อน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งจะให้มันว่างจากสิ่งไม่มีอยู่มันไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เดี๋ยวมันจะพังทลายด้วยความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องเค้าเรียกว่าทุจริต ตัวตนคือทุจริต
ให้รู้เข้าใจเรื่องทุจริตนะ ใครเอาตัวตนเป็นที่ตั้งทุจริตทั้งนั้นน่ะ
เราไม่เข้าใจเรื่องทุจริต ตัวตนนั้นแหละคือทุจริต ทุจริตคือความไม่ถูกต้องทุจริตมันคือการพังทลายเหมือนตึก สตง.
ทำไมตึกในกรุงเทพมหานครมีตั้งหลายสิบตึก ทำไมตึกอื่นไม่พัง ไม่ถล่มเพราะตึก สตง. มันทุจริตมาก มันโกงกินมาก เมื่อมีเหตุมีปัจจัยแผ่นดินไหวอยู่ตั้งไกล อยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ห่างไกลตั้งเป็นพันกิโล ตึก สตง.เลยพังทลาย มันไม่ใช่ตึกต่าง ๆ นั้นในกรุงเทพฯปริมณฑลเค้าไม่ทุจริต ไม่โกงกินคอรัปชั่นนะ โกงกินคอร์รัปชั่นอยู่ แต่ว่ามันยังน้อยอยู่
เรื่องทุจริตให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจ เราจะเป็นผู้ไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป มันเป็นอบายมุขมันเป็นอบายภูมิ เราต้องรู้เข้าใจ
ความไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ชีวิตมันจะก้าวไปในสายมูสายหลงสายอบายมุขอบายภูมิ มันจะพากันเอาตัวตนนำชีวิต มันจะไปเอาความสุขจากวัตถุจากตัวจากตน ไม่พัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ ต้องเข้าถึงบริสุทธิคุณ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ทั้งภายนอกภายในไปพร้อม ๆ กัน
ถ้าไม่รู้เข้าใจ มันก็จะพากันไปแก้ไขแต่ภายนอก ไม่แก้ไขกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพที่เป็นบริสุทธิคุณไปพร้อม ๆ กัน
ความสงบกับปัญญา ศีลสมาธิปัญญามันจะได้ไปพร้อม ๆ กัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ศีลสมาธิปัญญาจะได้เป็นมรรคเป็นอริยมรรค เป็นความสมัครสมานสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เข้าถึงพระนิพพานบ้านแท้จริงในปัจจุบัน
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เป็นคนมีปัญญาเป็นคนดี ต้องพากันพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะโอกาสเป็นของเรา ไม่มีใครมาประพฤติมาปฏิบัติให้เราได้ เรารู้เข้าใจ
พระพุทธเจ้าท่านก็ปฏิบัติของท่าน ท่านก็ทำพุทธกิจของท่าน
พระอรหันต์ได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็เน้นที่พระอรหันต์
เราเป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นพ่อค้าประชาชน เป็นนักบวชทุก ๆ ศาสนา ก็ต้องเน้นมาที่ตัวเราเองนี้แหละ ต้องรู้เข้าใจ
ถ้าเรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทุกอย่างมันก็สบายอยู่แล้ว ให้เรารู้เข้าใจ ไม่ต้องไปหาความสุขความดับทุกข์ที่ไหน ความสุขความดับทุกข์อยู่ที่เรารู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานบ้านของเรา คือความไม่มีทุกข์ในปัจจุบัน
การบรรยายพระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บริสุทธิคุณเพื่อเอาธรรมนำชีวิต ก็เห็นสมควรแก่เวลาในการบรรยาย จึงได้หยุดไว้เพียงแค่นี้
เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
-------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันศุกร์ที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา