๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๖ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของพระพุทธศาสนา คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของพระศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของพระศาสนาอิสลาม

คำว่าพระหมายถึงพระธรรม พระธรรมนั้นได้แก่ธรรมนูญ มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต โลกนี้เป็นวงกลมหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์ เป็นกลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง

ในโลกนี้มีหมู่มวลมนุษย์อยู่ปัจจุบันมีแปดพันกว่าล้านคน มีประเทศน้อยใหญ่ปัจจุบันนี้ มีอยู่ทั้งหมด ๑๙๕ ประเทศ การประพฤติการปฏิบัติของมนุษย์เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ประเทศต่าง ๆ ถึงปกครองด้วยธรรมนูญ โฟกัสไปยังประเทศนั้น ๆ เรียกว่าการปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ

มนุษย์เราทั้งหลายน่ะก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ ทุก ๆ ประเทศใช้หลักการเดียวกันนี้คือธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ มนุษย์เราถึงมีปัญญาสัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ต้องพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

ถ้าเราไม่มีความสุขไม่มีปิติไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายก็จะพากันมีความทุกข์ ความทุกข์นี้เค้าเรียกว่าเป็นโรคซึมเศร้าทางจิตใจ มนุษย์เราถึงต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

การดำเนินชีวิตของเราน่ะถึงต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ

มนุษย์เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

ให้หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายเข้าใจนะ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะทุกอย่างนั้นให้พวกเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี สิ่งที่เป็นอดีตมันก็คือปัจจุบันนี้แหละ สิ่งที่เป็นอนาคตพื้นฐานก็มาจากปัจจุบันนี้แหละ

เราถึงมีปัญญาสัมมาทิฐิ มีความรู้มีความเข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยต้องวาง

เพราะสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว หรือว่าผ่านมาแล้วนี้มันเอากลับคืนมาไม่ได้ เพราะว่ามันเกษียณแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ สิ่งที่เป็นอนาคตเราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเหตุมันดีผลมันก็ต้องดี

มนุษย์เราทั้งหลายต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพราะทุกอย่างมันคือกรรมคือผลของกรรม ทุกอย่างมันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า เพราะสิ่งที่มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

เราต้องรู้เหตุรู้ปัจจัย เราทั้งหลายน่ะจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ทุกคนก็จะได้เป็นพระศาสนาเหมือน ๆ กัน

ให้พวกเราเข้าใจพระศาสนานะ พระศาสนาไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่น พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือพระศาสนา เราทั้งหลายถึงต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม ต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจแล้วมันปฏิบัติไม่ได้ เพราะมันไม่รู้ไม่เข้าใจ

ความรู้ความเข้าใจนี้มันถึงไม่ใช่ความจำ มันเป็นความรู้ความเข้าใจ

อย่างเราเรียนหนังสือนี้ ถึงหนังสือจะมากมายก่ายกอง กองใหญ่ยิ่งกว่าภูเขา มันสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจนะ อย่างที่เราเรียนหรือค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ มันอยู่ที่รู้เข้าใจ อย่างที่เราฟังบรรยายอยู่ มันอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ

ความรู้ความเข้าใจถึงเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ

มนุษย์เราถึงมีการเรียนการศึกษาตั้งแต่เกิดมาน่ะ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความรู้ความเข้าใจ

เมื่ออายุขวบสองขวบพอเข้าอนุบาลเพื่อความรู้ความเข้าใจ ต้องมีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ปริญญาเอกก็ยังไม่เพียงพอ มันต้องเข้าสู่ความรู้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งวัตถุทั้งวาจาทางกิริยามารยาทก็ต้องเรียนต้องศึกษา

การเรียนการศึกษามันถึงมีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว มีมาตั้งหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นปีมาแล้ว ทั้งทางส่วนทางธรรมะก็ต้องเรียนรู้ ทุก ๆ ศาสนาก็ต้องเรียนรู้ ทางธรรมะ เพราะเราจะได้เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะไม่ได้เอาความหลงนำชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต

อย่างพระพุทธศาสนาต้องมีการเรียน เรียนตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึง ปธ.๙

เราต้องรู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจถึงไม่ใช่ความจำ พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจ ความรู้น่ะต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพื่อจะได้เป็นศีลที่เป็นธรรมชาติด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ จะได้มีสมาธิที่เป็นธรรมชาติด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ปัญญาเป็นบริสุทธิคุณ ปัญญาเป็นธรรมชาติทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญา มันจะเป็นมรรคเป็นหนทางเดินไปพร้อม ๆ กัน

เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

ถ้าเราไม่มีความสุขเพียงพออาหารของเรามันก็จะย่อยไม่ดี ธาตุขันธ์อายตนะของเรามันจะไม่ดี เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราจะไม่ได้ไปตามความหลงน่ะ ไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม

เราต้องรู้เข้าใจว่า เรามีตาก็ต้องมีรูป มีหูก็มีเสียง มีจมูกก็มีกลิ่น มีลิ้นก็มีรส มีกายก็ต้องมีใจ มีใจก็ต้องมีจิต

เราต้องรู้ เพราะทุกอย่างคือเหตุคือปัจจัยมันไม่มีอะไรหรอก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่า มันไม่มีอะไร มีแต่เหตุมีแต่ปัจจัย

เราต้องรู้เข้าใจแล้วเราพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

วันหนึ่งคืนหนึ่งมันมี ๒๔ ชั่วโมง แสงสว่างมันมี ๑๒ ชั่วโมง ความมืดมันมี ๑๒ ชั่วโมง เราต้องเข้าใจ

ชีวิตนี้ก็ต้องมีความสงบและปัญญา มีปัญญาและความสงบมันต้องคู่กันไปอย่างนี้ มันต้องเดินไปด้วยทั้งความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

มนุษย์เราน่ะไม่มีใครเหนือกรรม เหนือกฎแห่งกรรม เหนือผลของกรรม เราต้องรู้เข้าใจ ทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัยคือกรรม คือผลของกรรม กรรมนั้นคือความเป็นประภัสสรของเหตุของปัจจัยน่ะ ให้เข้าใจอย่างนี้

ความเกิดมันก็คือกรรมน่ะ จะไปเกิดที่ดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่กรรม กรรมทั้งกาย ทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งใจต้องรู้เรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม รู้เรื่องผลของกรรม

เราทั้งหลายน่ะพากันปฏิบัติได้หมด ให้รู้ให้เข้าใจ รู้เข้าใจแล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยฉันทะ ความพอใจ มีปิติ มีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ รู้ธรรมรู้สภาวธรรม

มนุษย์เราน่ะ พากันนอนพากันพักผ่อน

อย่างนักบวชทั้งหลายพากันนอน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ผู้ที่ไม่ได้บวชนอน ๖-๘ ชั่วโมง มันมีหลักการมีอุดมการณ์มีอุดมธรรมอย่างนี้

ทำไมนักบวชนอนน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้บวช เพราะนักบวชน่ะยกเลิกสิ่งภายนอกหมด ยกเลิกงานภายนอกหมด ไม่ได้ทำธุรกิจหน้าที่การงานอย่างอื่น ทำแต่ข้อวัตรกิจวัตร ข้อวัตรข้อปฏิบัติของนักบวชไม่ต้องไปซื้อไปขาย ไม่ต้องทำไร่ทำนาทำสวนทำเกษตรกรรม ไม่ได้เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวชยกเลิกสิ่งภายนอกหมด นอนพักผ่อนวันละ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ให้เข้าใจอย่างนี้

สำหรับผู้ที่ไม่ได้บวช มีการงานเยอะ มีการงานมากก็พากันนอนพากันพักผ่อน  ๖-๘ ชั่วโมง เพื่อซ่อมแซมสรีระร่างกายทุกสัดส่วน ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างอยู่ในกรุงเทพมหานครก็ต้องนอนพักผ่อนมากกว่าต่างจังหวัดหรือชนบทเพราะที่นั่นค่าพีเอ็มของอากาศมันไม่ค่อยดี ออกซิเจนมันไม่ค่อยดี ที่นั่นคนไปรวมกันเยอะ เพราะเป็นศูนย์รวมแห่งความรู้ความเข้าใจ เป็นศูนย์รวมแห่งการบริการ ใครก็ไปรวมกันที่นั่น รถเรือเครื่องบินอะไรมันก็เยอะ

พวกที่อยู่ที่นั่นก็ต้องนอนพักผ่อนอย่างน้อยก็ต้อง ๖ ชั่วโมง อย่างมากก็สัก ๘ ชั่วโมงอย่างนี้แหละ นอกจากพวกเด็ก ๆ  พวกเด็กเล็กแดงนอนวันละ ๘-๑๒ ชั่วโมง เพราะค่าพีเอ็มที่นั่นมันไม่ค่อยดี

อย่างผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดอยู่ที่อากาศดีนอนพักผ่อน ๖ ชั่วโมง ๘ ชั่วโมงก็เพียงพอ

หมู่มวลมนุษย์ต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม

มนุษย์เรานี้ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้รู้ให้เข้าใจ

พวกผู้ใหญ่พวกพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างเป็นแบบอย่าง เค้าถึงบอกว่าพ่อแม่ คือแบบคือพิมพ์ของลูกของหลาน พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่าง

ถ้าเราไม่เป็นตัวอย่างแบบอย่างน่ะ ลูกหลานมันก็ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่เป็นตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่ถึงเป็นคนสำคัญของกุลบุตรลูกหลาน

พ่อแม่ต้องเป็นแบบเป็นพิมพ์ เค้ามีคำพูดว่า พ่อแม่เป็นพระของลูกของหลานนะ

คำว่าพระก็แปลว่าแบบพิมพ์เป็นแม่แบบแม่พิมพ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพต้องเป็นแบบเป็นพิมพ์ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ปรับตัวเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลา ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องหมด

หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายถึงต้องเอาศีลเอาธรรมนำชีวิต ที่เรียกว่าศีลสมาธิปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณ ต้องเอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญานำชีวิต พากันมีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์

เราทุกคน พ่อแม่ก็จะได้สร้างประโยชน์ตัวเองสร้างประโยชน์ของลูกของหลานเค้าเรียกว่าประโยชน์ตนเองและประโยชน์ผู้อื่นด้วยปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายผู้เป็นพ่อเป็นแม่ถึงอย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเอาธรรมนำชีวิต ปรับตัวเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่เป็นไรน่ะ ถ้าเรายกเลิกตัวตน เราทุกคนก็ไม่มีทุกข์อยู่แล้ว เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ เรายกเลิกตัวตนเมื่อไหร่เราก็ไม่มีความทุกข์

เพราะตัวตนนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่าตัวตนนั้นน่ะมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี

ตัวตนมันเปรียบเสมือนทะเลที่ไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนมหาสมทุรไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟมันไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิงของไฟน่ะ มันบกพร่องอยู่เป็นนิจ มันไม่เข้าถึงความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ ไม่เข้าถึงความสงบไม่เข้าถึงปัญญา มันจะไม่มีความสงบไม่มีปัญญา ให้รู้เข้าใจ

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ความรู้เข้าใจนี้เรียกว่ารู้ความจริงรู้สิ่งที่เป็นจริง ที่ตรัสเป็นภาษาบาลีว่ารู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ แล้วพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ สร้างประโยชน์ตนประโยชน์ของผู้อื่นถึงพร้อมด้วยความรู้ความเข้าใจถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท

เราทั้งหลายจะเป็นทั้งคนมีปัญญาเป็นคนดี ผู้มีปัญญาเป็นคนดี เราทั้งหลายจะได้เป็นมีศีลมีสมาธิมีปัญญา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นแบบเป็นพิมพ์ในการประพฤติการปฏิบัติเราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายน่ะ ต้องเข้าใจหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้แหละ เราทุกคนจะได้เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต

พระศาสนาน่ะมันเป็นชื่อของสมมติเท่านั้นเอง เราต้องรู้เข้าใจพระศาสนานะ พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือพระศาสนา เราเป็นมนุษย์ทั้งหลาย เราต้องมีปัญญาอย่าไปเถียงกัน อย่าไปทะเลาะกันเรื่องพระศาสนาว่าอันนี้ผิดอันนี้ถูก

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ต้องผิดต้องถูก เพราะตัวตนมันคือความผิดความถูก เรายกเลิกตัวตนเมื่อไหร่มันก็ไม่มีผิดไม่มีถูก เราต้องเข้าใจ เมื่อเรายกเลิกตัวตนเมื่อไหร่เราก็มีศีลมีสมาธิมีปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ

เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราจะไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องพระศาสนา

เรายกเลิกตัวตนเมื่อไหร่เราก็จะเข้าถึงธรรมเข้าถึงความยุติธรรม ไม่เอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่น ชีวิตของเราถึงเป็นชีวิตที่มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ชีวิตของเราเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ท่านตรัสกับพสกนิกรชาวไทยและชาวโลกว่า รู้จักอริยสัจสี่รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ในการประพฤติการปฏิบัติ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะสิ่งเหล่านั้น มันเป็นประภัสสรน่ะ เราอยากให้มันได้มากมันก็ไม่ได้มากเพราะมันคือสิ่งนั้น เราอยากให้ได้น้อยมันก็ไม่น้อยก็เพราะมันเป็นสิ่งเหล่านั้น เพราะความแก่มันก็เป็นอย่างนั้น ความเจ็บมันก็เป็นอย่างนั้น ความตายมันก็เป็นอย่างนั้น ความพลัดพราก มันก็เป็นอย่างนั้น

เราต้องเข้าใจ เราจะได้รู้ความเป็นประภัสสรของทุกสิ่งทุกอย่าง

เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราทั้งหลายจะได้มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในชีวิตที่ประเสริฐ เราต้องรู้เข้าใจ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

การปฏิบัติของเราน่ะต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันด้วยความรู้ความเข้าใจ มันจะเป็นศีลธรรมชาติ เป็นสมาธิธรรมชาติ เป็นปัญญาธรรมชาติ เป็นประภัสสรของความเป็นจริง  

เราทั้งหลาย เราต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ ที่ว่ามนุษย์เราน่ะต้องพักผ่อนกัน ๕,๖ ชั่วโมงสำหรับนักบวช สำหรับผู้ไม่ได้บวชก็พักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง ผู้ที่ไม่ได้บวชก็นับเอาตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่าง ๆ พ่อค้าประชาชนผู้ที่ไม่ได้บวชทั้งหลายนี้ ต้องพากันนอนพากันพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง เพราะพวกนี้มีภาระมีธุรกิจหน้าที่การงานเยอะ ต้องเลี้ยงดูตัวเองเลี้ยงดูคนอื่น ต้องเสียภาษีอากรต่อส่วนรวม ต้องบำรุงส่วนรวมบำรุงพระศาสนา ให้รู้ให้เข้าใจ ว่าเราไม่ได้บวช เราก็ต้องพักผ่อน เพื่อให้สิ่งที่ถูกต้องมันกลับมา ให้กายวาจาใจกิริยามารยาทเป็นบริสุทธิคุณกลับมาน่ะ ต้องเอาความถูกต้องกลับมา เรียกว่าต้องเอาความบริสุทธิคุณกลับมา

รู้มั๊ยว่าความบริสุทธิคุณคือความถูกต้อง บ้านของเราคือความถูกต้องเป็นบริสุทธิคุณ พระนิพพานถึงเป็นบ้านของเรานะ ความสงบที่ประกอบด้วยปัญญา มันเป็นพระนิพพานบ้านแท้จริงน่ะ คือบ้านของใจ

บ้านของกายก็ต้องมี บ้านของใจก็ต้องมี บ้านของวาจากิริยามารยาท บ้านของอาชีพก็ต้องมี เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เข้าใจเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ เรามองดูต้นไม้ต้นหนึ่งนะ ต้นไม้ต้นนั้นน่ะเค้าต้องได้อาหารมาจากทุกทิศของต้นไม้ไม่ใช่มาจากทางรากอย่างเดียว ต้นไม้ต้องได้อาหารมาจากทางกิ่งทางใบทางก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑลทุกชิ้นส่วน ทั้งอากาศทั้งแสงแดดที่ได้ออกซิเจน ต้นไม้นั้นถึงจะสมบูรณ์ด้วยวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุ

ธรรมะหรือว่าธรรมชาติที่บริสุทธิเป็นประภัสสรน่ะถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นทั้งสงบเป็นทั้งปัญญา เป็นทั้งสมถะเป็นทั้งวิปัสสนา

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้ไม่ประมาทพลาดพลั้ง เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง สมบูรณ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เน้นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ เราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้แหละ เราปฏิบัติอย่างนี้มันเป็นแบบเป็นพิมพ์ให้กับตัวเองเป็นแบบให้กับบุคคลอื่น ลูกหลานเค้าจะได้รับเอาดีเอ็นเอจากเราทั้งส่วนร่างกาย ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพที่เป็นดีเอ็นเอที่เป็นพระนิพพานที่มันเป็นธรรมะที่มันเป็นประภัสสร ลูกหลานเค้าก็จะไม่ได้เถียงเรา

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งลูกหลานก็ไม่โอเค ลูกหลานก็ไม่ลงใจ ลูกหลานก็เถียงเรา เราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวชทั้งหลาย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งใครเค้าก็ไม่โอเค เค้าถึงพากันมาโต้แย้งโต้เถียง เค้าถึงออกมาเดินขบวน ใครเค้าจะอยากเดินขบวนน่ะ เพราะการเดินขบวนมันไม่มีงบประมาณในการเดินขบวน ไม่มีความสะดวกในทุกอย่างทุกประการทั้งหลายทั้งปวง

เพราะด้วยความเห็นไม่ถูกต้อง เข้าใจไม่ถูกต้อง ปฏิบัติไม่ถูกต้อง เค้าถึงพากันเดินขบวน เพราะเราน่ะไม่เอาความถูกต้องนำชีวิตไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต พากันไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยน่ะ ไม่เข้าสู่หลักการไม่เข้าสู่อุดมการณ์ไม่เข้าสู่อุดมธรรม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี้ไม่ได้เพราะว่าไม่ถูกต้อง ตัวตนน่ะคือทุจริต ตัวตนนั้นไม่ใช่สุจริต ตัวตนนั้นไม่ถูกต้อง ตัวตนมันเป็นนิติบุคคลตัวตน ตัวตนนั้นแหละมันพังทลายนะ

เราคิดดูดี ๆ นะ ทำไมตึก สตง.ของเมืองไทยประเทศไทยมันถึงพังทลายน่ะ ทั้ง ๆ ที่ตึกในกรุงเทพมหานครมีหลายสิบตึก ตลอดปริมณฑลมีหลายสิบตึก สูงกว่าก็มี ใหญ่กว่าก็มี แต่ทำไมตึก สตง.มันพังทลาย

เพราะตึก สตง.เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง มันโกงกินคอร์รัปชั่นมาก มากเกินกว่าที่จะรับความถูกต้องได้ มันเลยพังทลาย แผ่นดินไหวอยู่ตั้งไกลอยู่ที่เมืองมัณฑะเลร่วมพันกิโลเมตรเลยนะ ตึก สตง.พังทลายด้วยความไม่ถูกต้องด้วยความทุจริต

ตึกอื่น ๆ หลายสิบตึกไม่ใช่เค้าไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ ถ้าใครมีตัวมีตนมันโกงกินคอรัปชั่นทั้งนั้นน่ะ ไม่มากก็ต้องน้อย ให้เข้าใจอย่างนี้แหละ เค้าโกงกินน้อยกว่ามันเลยไม่พังทลาย

เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้กลับมาหาความถูกต้องกลับมาหาบริสุทธิคุณ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เอาธรรมนำชีวิตเราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเรายกเลิกตัวตนทุกคนก็มีความสุข มันไม่มีความทุกข์ เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ เราไม่เข้าใจ แต่ก่อนเรามีความทุกข์ก็เพราะมันไม่มี เรามีแล้วก็มีทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ เราคิดดูดี ๆ นะ สองคนนี้มันก็มีความทุกข์พอ ๆ กันเพราะมันหลงเหมือนกัน                  

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้เอาชีวิตที่ประเสริฐมาประพฤติมาปฏิบัติทำหน้าที่ของตัวเองให้มีความสุข

สมมติสัจจะทั้งหลายในโลกนี้มันมีทั้งดีทั้งชั่วทั้งผิดทั้งถูก ไม่ดีไม่ชั่วไม่ผิดไม่ถูก  ให้เรารู้เข้าใจ เราเอาสมมติสัจทั้งหลายมาประพฤติมาปฏิบัติให้มันสมบูรณ์ด้วยความถูกต้อง ทำหน้าที่ของตัวเองแห่งความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เข้าถึงบริสุทธิคุณแห่งการประพฤติการปฏิบัติ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายเราก็เป็นมนุษย์ไม่ได้ เราก็เป็นได้แต่เพียงคน  

คำว่าคนรู้มั๊ย มันวกวนมันไปไหนไม่ได้มันย่ำต๊อกอยู่ที่เก่าเค้าถึงเรียกว่าคน ภพภูมิของมนุษย์เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันวกวน มันมีอยู่ ๓๑ ภพภูมินะ ที่มันเป็นภพภูมิที่มันหลงอยู่ มันย่ำต๊อกอยู่ที่เก่าที่มีการเวียนว่ายตายเกิด เราไม่ได้เป็มนนุษย์นะ เราเป็นได้แต่เพียงคน เราต้องรู้เข้าใจมันเป็นอบายมุขอบายภูมิมันตกต่ำให้รู้เข้าใจ

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมี หรือว่าพระเยซูบำเพ็ญบารมี พระอัลเลาะห์บำเพ็ญบารมี ทุกคนบำเพ็ญบารมี เพื่อเอาความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ให้ติดต่อต่อเนื่อง เพื่อมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ เรียกว่ามายกเลิกบ่อนคาสิโนเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าอยู่ในภพภูมิบ่อนคาสิโน บ่อนตัวบ่อนตน

ศาสนาทุกศาสนาน่ะ รู้มั๊ยเค้ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ยกเลิกภูมิที่จะตกต่ำเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้น่ะ ท่านถึงมายกเลิกชาติชั้นวรรณะ ชาติวงศ์ตระกูล เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตเข้าสู่ธรรม เข้าสู่ปัจจุบันธรรม มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา

ยกเลิกความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวเป็นคนแก่คนเฒ่าคนชราเป็นคนแก่เจ็บตายพลัดพราก

ไม่สำคัญมั่นหมายว่าตัวเองดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า มีเพาเวอร์สูงกว่าเค้า รวยกว่าเค้ามีอำนาจมาก หรือว่าเสมอเขา หรือสู้เขาไม่ได้ ต้องยกเลิกเรายกเลิกเขา

ให้รู้เข้าใจอย่างนี้ เราถึงจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ ถ้ามีเขามีเรามันก็ไม่มีบริสุทธิคุณ  มันก็เป็นตัวเป็นตน ต้องรู้เข้าใจเรื่องธรรม เรื่องปัจจุบันธรรม เข้าใจเรื่องพระศาสนาเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็ไม่มีพระศาสนาไม่มีธรรม ไม่มีธรรมนูญไม่มีรัฐธรรมนูญ

เราคิดดูดี ๆ นะ เราอย่าพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาความหลงเป็นที่ตั้งเอาอบายมุขอบายภูมิเป็นที่ตั้ง เอาบ่อนคาสิโนเป็นที่ตั้ง

เราคิดดูดี ๆ ด้วยปัญญานะ ปัญญาที่บริสุทธิคุณ

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์ ประเทศเล็กนิดเดียวเท่ากับอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าก็รวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน ที่มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเล็ก ๆ อยู่ในกลางทะเล เพราะเค้ามีความคิดมีความเข้าใจว่า ประเทศแห่งนั้นดินแดนแห่งนั้นมันอยู่กลางน้ำกลางทะเลไม่มีที่ทำเกษตรกรรมเกษตรกร ไม่มีที่ทำไร่ทำนาทำสวน โลกนี้น่ะมันมีคนมีปัญญาน้อย มีความโลภความหลงเยอะ ถ้าหากินทางบ่อนคาสิโน หากินในอบายมุขมันรวยได้มีวัตถุร่ำรวยได้ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน

เราทั้งหลายต้องเข้าใจนะ เราทั้งหลายต้องพากันฉลาดพากันมีปัญญา ต้องพากันเสียสละยกเลิกตัวยกเลิกตัวนี้แหละ มันถึงจะฉลาดมีปัญญา ถ้าเอาตัวตนน่ะ มันไม่ฉลาดไม่มีปัญญา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเมืองไทยนับเป็นเวลามาเป็นหลายร้อยเป็นพัน ๆ ปีท่านไม่สร้างบ่อนคาสิโน ท่านมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต ให้เรารู้เข้าใจด้วยสติด้วยปัญญา

วันธรรมดาวันทำการทำงาน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์มันเป็นวันทำงานพร้อมกับการปฏิบัติธรรมนะ มีธุรกิจหน้าที่การงานที่ทำต้องเสียสละ การทำงานน่ะต้องมีความสุขในการทำงาน ถือว่าการทำงานก็เป็นการปฏิบัติธรรม ให้ได้ทั้งใจได้ทั้งการทำงานไปพร้อม ๆ กัน

มนุษย์เราก็มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำการทำงานเพื่อเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็พากันไปวัด ผู้นับถือศาสนาคริสต์ก็พากันไปโบสถ์ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามก็ไปมัสยิด นี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

ไปทำไมล่ะ ที่นั่นเป็นศูนย์รวมแห่งการทำความดีที่ประกอบด้วปัญญา ทำปัญญาประกอบด้วยความดี เพื่อยกเลิกการงานภายนอก เน้นการประพฤติการปฏิบัติทั้งกายวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เอาธรรมนำชีวิตพากันไปทำวัตรสวดมนต์ เน้นที่เรื่องจิตเรื่องใจ ยกเลิกสิ่งภายนอกหมดน่ะ เอาธรรมนำชีวิต

พากันเจริญสติสัมปชัญญะยกเลิกสิ่งภายนอกหมด ตัดภายนอก อยู่กับความสงบกับปัญญา ยกเลิกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ อยู่กับความสงบกับปัญญา

รู้เข้าใจว่าทุกอย่างไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน อยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา เพื่อพัฒนาใจพัฒนาปัญญา เพื่อพัฒนาปัญญาพัฒนาใจ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเอาปัญญานำชีวิต เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ทุกอย่างคือเหตุคือปัจจัย เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์เพื่อติดต่อต่อเนื่องกัน พากันไปถือศีลปฏิบัติธรรมกัน

ให้เข้าใจในหลักการในอุดมการณ์อุดมธรรม

มนุษย์เราเป็นผู้ที่ประเสริฐต้องเอาธรรมนำชีวิต เค้าทำกันมาอย่างนี้ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว มีความเห็นตรงกันว่า วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุดเพื่อพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ เพื่อพัฒนาธรรมคุณธรรมเพื่อเอาธรรมนำชีวิต

ให้เข้าใจเรื่องพระศาสนาเรื่องธรรมะมันเป็นเรื่องอย่างนี้แหละ ทุกคนจะได้เข้าถึงพระศาสนา ทุกคนจะได้พากันเป็นพระ

คำว่าพระก็คือพระธรรมพระวินัย ยกเลิการทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายว่า

มนุษย์น่ะเราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เอาธรรมนำชีวิต ทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจทั้งกิริยามารยาทนำชีวิต ทุกคนก็จะเป็นพระได้เหมือนกันทุก ๆ คนเพราะมันเป็นสากล เหมือนความร้อนก็เป็นสากล ความเย็นก็เป็นสากล ทุกอย่างมันเป็นสากล มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ให้รู้เข้าใจ

เราทั้งหลายจะได้พากันเข้าถึงความเป็นพระ เข้าถึงพระศาสนาที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ บริสุทธิคุณด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะได้กลับเข้าถึงบ้านของเรา หรือว่าพระนิพพานบ้านแท้จริงอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพที่เป็นบริสุทธิคุณ ที่เป็นทั้งสมถะ เป็นทั้งวิปัสสนา

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะท่านทั้งหลายที่มีลมปราณเป็นผู้ประเสริฐมีอายุขัยอยู่ได้ด้วยร่วมศตวรรษหนึ่ง ร่วมร้อยปีนะ พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ปฏิบัติเข้าถึงพระนิพพานเข้าถึงความเพียงพอพอเพียง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติด้วยความรู้ความเข้าใจ

การบรรยายพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณในเช้าของวันเสาร์วันนี้ก็เห็นสมควรแก่กาลเวลา ขอสมมุติยุติไว้แต่เพียงแค่นี้ เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้

 

-------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 91,914