๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

ศาสนานี้เป็นชื่อเป็นแบรนด์เนม ความหมายของพระศาสนานี้คือธรรมะคือพระธรรมคือพระวินัย ที่เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ ให้ศาสนิกชนของศาสนานั้น ๆ นำไปประพฤตินำไปปฏิบัติ เพื่อเป็นหลักการเพื่อเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม  

                

สมมติบัญญัติทั้งหลายมีหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านสมมติเพื่อสมมติ ให้เข้าใจจะได้ประพฤติจะได้ปฏิบัติเพื่อโฟกัสเพื่อปฏิบัติต่อสมมตินั้นให้ถูกต้องเพื่อให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เพื่อเข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน อักษรย่อเรียกว่า มอก. เข้าสู่มาตรฐาน เพื่อให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

สมมติสัจจะทั้งหลายน่ะ ถึงมีการเรียนการศึกษาทั้งทางวัตถุทั้งทางกายทั้งทางวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ สมมติสัจจะถึงมีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ทางฝ่ายทางธรรมในเรื่องจิตเรื่องใจถึงได้มีการเรียนการศึกษาทุก ๆ ศาสนา

 

ศาสนาพุทธเรียนตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค เพื่อศาสนิกชนผู้ที่นับถือศาสนานั้น ๆ จะได้เอาความรู้ความเข้าใจไปประพฤติไปปฏิบัติเพราะทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย เมื่อมันมีเหตุมันก็มีผล เมื่อมันมีกรรมก็มีกฎของกรรมแล้วก็ผลของกรรม ทุกอย่างนั้นมันเป็นกระบวนการของเหตุ ของปัจจัย นี้เป็นหลักการของมนุษย์ของเรา

 

มนุษย์เราน่ะอายุขัยของมนุษย์ในปัจจุบันนี้อยู่ได้ร่วม ๆ ศตวรรษน่ะ อยู่ได้ร่วมร้อยปี ถ้าพัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน อยู่ได้มากกว่าร้อยปี เราทั้งหลายนะพากันเข้าใจ พากันเข้าใจความจริง ความเป็นจริงน่ะ แล้วพากันเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ

 

การประพฤติการปฏิบัติน่ะไม่มีใครปฏิบัติให้เราได้ เราต้องประพฤติปฏิบัติด้วยตัวของเราเอง ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ  

 

หลักการนี้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา หลักการ ๓ ถึงได้แก่การปฏิบัติทางกายทางวาจาทางใจ ด้วยการไม่ทำบาปทั้งปวงด้วยปัญญา ด้วยปิติด้วยสุขด้วยเอกัคคตา                  

 

เมื่อมันผ่านไปแล้ว เมื่อมันเป็นอดีตไปแล้วก็ปล่อยก็วาง ไม่ให้ติดอกติดใจ ไม่ให้เสียอกเสียใจ เพื่อทำจิตใจให้บริสุทธิ์และผ่องใสด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อจิตใจจะได้เข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม เพื่อมีปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาที่เป็นนิติบุคคลตัวตน มันจะเป็นการทำความดีเพื่อความดี รักษาศีลเพื่อศีล ทำสมาธิเพื่อสมาธิ เจริญปัญญาเพื่อปัญญา นี้เป็นหลักการ ทุกศาสนาต้องทำเหมือนกันหมด เพราะชีวิตของเราน่ะมันคือความรู้ความเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

 

ความเป็นพระน่ะ เป็นได้กับทุก ๆ คนที่รู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นได้เฉพาะบุคคลใดบุคคลใด ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง อยู่ที่รู้เข้าใ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัติน่ะ ถึงเป็นสัมมาทิฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ที่มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

เข้าถึงความถูกต้อง เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย เข้าถึงพระนิพพานทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย

 

สัมมาทิฐิให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจอย่างนี้ พวกเราทั้งหลายต้องเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย เราต้องเอาเหตุเอาปัจจัย ที่มีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้องเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ เมื่อเรารู้เราเข้าใจ เรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติความทุกข์ของเรามันก็ไม่มีอยู่แล้ว เพราะความรู้ของเราน่ะ มันรู้ความจริง รู้ความเป็นจริง รู้ความเป็นประภัสสรของธรรมชาติ เพราะทุกอย่างนั้นมันมีอย่างนี้แหละ จะให้มันไม่มีไม่ได้ เรามีตามันก็ต้องมีรูป มีหูมันก็ต้องมีเสียง มีจมูกต้องมีกลิ่น มีลิ้นก็ต้องมีรส มีกายก็ต้องมีสัมผัส มีใจก็ต้องมีจิต มีวาระจิต   

            

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ว่าอันนี้มันมีเพราะอะไร เพราะเหตุเพราะปัจจัยเพราะอายุขัย เมื่อเรามีอายุขัยเราก็ต้องมีอายตนะ อายตนะทั้ง ๖ น่ะ คือตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มี พระนิพพานถึงเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่

 

มันเป็นความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ความจำ มันเป็นความรู้ความเข้าใจ

 

อย่างเราไปเรียนหนังสืออย่างนี้แหละก็ต้องให้รู้ให้เข้าใจ อย่างเราไปฟังการบรรยายก็เพื่อให้รู้เพื่อความเข้าใจ เราไปค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อความรู้ ความเข้าใจ  ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ มันไม่ใช่ความจริงมันเป็นความเข้าใจความเข้าใจนี้มันจะไม่หลงไม่ลืมเพราะมันเข้าใจ เหมือนแต่ก่อนมันมีความมืดเมื่อมันมีแสงสว่างความมืดมันก็ไม่มี เมื่อเรามีความรู้ความไม่เข้าใจมันก็หายไป

 

เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ เราจะได้รู้สิ่งภายนอกแล้วก็รู้สิ่งภายในรู้ของเก่าของใหม่ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ที่เป็นพระศาสนาที่เป็นธรรมะ เป็นบริสุทธิคุณ เพื่อทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ไม่มีทุกข์กับเราทุกคน ด้วยความรู้ความเข้าใจ ทุกชาติทุกศาสนาต้องพากันทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้แหละ ทุกคนจะไปทำอะไรตามอัธยาศัยไม่ได้ ต้องทำตามความถูกต้อง เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันคือเหตุคือปัจจัย

 

พวกเราน่ะถึงมารู้สมมติ สมมติทั้งหลายทั้งปวงน่ะมันเป็นคุณเป็นอุปการะคุณ  ให้เราปฏิบัติต่อสมมติให้สมบูรณ์ด้วยการประพฤติปฏิบัติ เน้นที่เราโฟกัสมาที่เรา เราต้องเอาธรรมนำชีวิต อย่าเอาตัวตนนำชีวิต อย่าไปตรึกในกามอย่าไปตรึกในพยาบาท กามก็คือตัวตนน่ะ พยาบาทก็คือตัวตน ใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นก็มีกามมีพยาบาท ตัวตนนั้นมันคือวัฏฏสงสาร

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ว่ากามและพยาบาทคือตัวตน ต้องปฏิบัติให้ชัดเจน ให้ความเป็นมาตรฐานชัดเจนเข้าสู่รูปแบบ เข้าสู่แบรนด์เนม ถึงมีระบบนักบวช ข้าราชการนักการเมือง เพื่อเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก. มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม ให้ทำเหมือนกันเป็นทีมเวิร์ค มีระเบียบมีวินัยมีธรรมมีธรรมนูญในการประพฤติการปฏิบัติ

 

มีเครื่องแบบมีสถานที่ในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ผู้ที่เป็นผู้หญิงก็ต้องทำอย่างนี้ มีเครื่องแบบของผู้หญิง ผู้หญิงก็ต้องไว้ผมยาวอย่างนี้แหละ พวกผู้หญิงไว้ผมยาว มีเครื่องประดับเครื่องประดา

 

ผู้ชายก็ผมสั้น ไม่ต้องมีเครื่องประดับเครื่องประดา เป็นตำรวจก็ต้องเข้าสู่แบรนด์เนมตำรวจน่ะ ทั้งทรงผมทั้งการแต่งตั้ง เป็นทหารเป็นข้าราชการทุกข้าราชการก็ต้องเข้าสู่แบรนด์เนม เข้าสู่มาตรฐานของส่วนราชการ เข้าสู่หลักการ เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ

 

เป็นศาสนาพุทธก็ต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ตามหลักการพุทธ

 

เป็นศาสนาคริสต์ก็ต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ตามหลักการของคริสต์

 

เป็นศาสนาอิสลามก็ต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ตามหลักการของอิสลาม

 

เป็นศาสนาพราหมณ์ ทุกศาสนาก็ต้องทำตามหลักการ เข้าสู่แบบเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม จุดมุ่งหมายก็คืออันเดียวกันนี้แหละ คือมุ่งไปที่พระนิพพานน่ะ

 

เป้าหมายของทุก ๆ คนคือมรรคผลพระนิพพาน เราต้องเข้าใจ

 

ข้าราชการนักการเมือง นักบวช จุดมุ่งหมายของเราคือพระนิพพาน มันเป็นการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นความรู้ความเข้าใจ ตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งให้เป็นอะไรนั้นมันเป็นตำแหน่งของบุคคลอื่นของผู้อื่นนะให้เข้าใจอย่างนี้

 

ตำแหน่งของเรารู้เข้าใจเราก็มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ มันจะได้สมบูรณ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ สมบูรณ์ทั้งอรรถะ ทั้งพยัญชนะจะได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะชีวิตของเรามันต้องเป็นอย่างนี้แหละ มันไม่เป็นอย่างอื่น

 

ต้องรู้ต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าได้ประมาท เพราะความประมาทนั้นคือความด่างพร้อยของศีลของสมาธิของปัญญา ทุกคนน่ะต้องเน้นที่บุคคลนั้นน่ะ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

ที่ว่านานาจิตตังน่ะ ไม่เป็นไร จุดมุ่งหมายของเราทุกคนก็คือพระนิพพาน พระนิพพานถึงเป็นหลักการของความเป็นมนุษย์ เราทั้งหลายจะได้รู้เข้าใจว่าเราเกิดมาทำไม เราเรียนหนังสือทำไม เราทำงานทำไม เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชทำไม

 

เราต้องรู้เข้าใจว่า เราเกิดมาเพื่อมาสร้างความดี มาสร้างบารมี ๑๐ ทัศ เบื้องต้น ๒๐ ทัศ ท่ามกลาง ละเอียดสูงสุด ๓๐ ทัศ

 

ทัศก็หมายถึงมาตรฐาน มอก. ความเป็นมาตรฐาน บรรทัดฐาน เค้าจะทำอะไรเค้ามีเครื่องวัด มีตลับเมตรวัดหรือว่ามีชั่งน้ำหนักอย่างนี้แหละ มันเป็นเครื่องวัดความยาวความสั้นวัดน้ำหนักน่ะ

 

ด้วยเน้นโฟกัสมาที่กายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ เข้าสู่ความเป็นมาตรฐานเพื่อไม่ให้ผิดพลาดทั้งทางกายกิริยามารยาททั้งอาชีพ ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ

 

เราทุกคนเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก. ต้องเข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน พระธรรมพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่ของทางศาสนา เราต้องเข้าสู่มาตรฐานในการประพฤติการปฏิบัติ ธรรมนูญ รัฐธรรมของแต่ละประเทศเราต้องเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก. ในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ทุกคนจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ เพราะความถูกต้องมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ ความเป็นมาตรฐานมันเป็นสิ่งที่มีอยู่

 

เราทั้งหลายน่ะต้องรู้เข้าใจ จะได้ไม่ทำอะไรตามใจ จะได้เข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน เป็นผู้ที่ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป อย่าไปคิดว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกนึกคิดว่าไม่เป็นไร นี้แหละคือความเป็นนิติบุคคลตัวตน นี้แหละคือความประมาท    

                    

ถึงมีบารมีทั้งเบื้องต้น บารมีท่ามกลาง บารมีที่สุดเป็นตาชั่งเป็นเครื่องวัด

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องไม่ตั้งอยู่ในความอร่อย ความอร่อยทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ถึงมันจะอร่อยเราก็ต้องรู้จัก เราต้องก้าวไปด้วยการประพฤติการปฏิบัติ ต้องปรับเข้าหาพระธรรมเข้าหาพระวินัย ปรับเข้าหาเวลา ข้อวัตรกิจวัตร

 

ทำไมเค้ามีข้อวัตรกิจวัตร ทำไมเค้ามีระเบียบมีวินัย ทำไมเค้ามีธรรมนูญรัฐธรรมนูญให้รู้เข้าใจเพื่อจะได้ยกเลิกให้เราทุกคนไม่ได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยเพราะความถูกต้องมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ พระธรรมพระวินัยมันเป็นเครื่องวัดมันเป็นตาชั่งมันเป็นปริมณฑล เพื่อให้เป็นความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ

 

ทำอะไรต้องเข้าใจอย่าไปประมาท ผู้ที่มีสติสมบูรณ์คือพระอรหันต์ผู้ที่มีสติสมบูรณ์คือพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ ที่ตั้งใจตั้งเจตนา อันไหนไม่ถูกต้อง ไม่คิดไม่พูดไม่ทำ ไม่ประมาทในเรื่องใหญ่เรื่องกลางเรื่องเล็กไม่ประมาท

 

ไม่สำคัญมั่นหมายว่าตัวเองเก่งตัวเองฉลาดคิดว่าไม่เป็นไร ที่เราว่าไม่เป็นนี้แหละความประมาท ให้เข้าใจ

 

พระในศาสนาถึงมีพระธรรมมีพระวินัยมากมาย มีตั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เพื่อจะมายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เพื่อให้มองเห็นในแง่มุมในความไม่ถูกต้อง เพื่อเป็นหลักการที่วางหลักการไว้ให้เป็นหลักการประพฤติหลักการปฏิบัติ เพื่อความเป็นมาตรฐาน

 

ผู้ที่มาบวชเป็นพระน่ะ พระนี้หมายถึงพระธรรมพระวินัยนะ ต้องเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยทั้งกายทั้งใจทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกเลิกความรู้สึกนึกคิด การกระทำกิริยามารยาทยกเลิกตัวตนหมดน่ะ เพื่อให้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย  เค้าถึงเรียกผู้ที่มาบวชเป็นพระน่ะ ศาสนาพุทธก็เป็นพระ ศาสนาคริสต์ก็เป็นพระ ศาสนาอิสลามก็เป็นพระ ศาสนาพราหมณ์ก็เป็นพระ

 

ให้รู้ให้เข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย อย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ถ้าทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยมันเป็นพระไม่ได้ ก็เพราะว่าพระคือพระธรรมพระวินัยไม่ใช่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย

 

เรายกเลิกตัวตนทั้งหมดไม่มีตัวไม่มีตนเป็นพระธรรมพระวินัย มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อความเป็นพระ ที่เราพากันเป็นพระน่ะ

 

ศาสนาพุทธพากันเป็นพระ ศานาคริสต์พากันเป็นพระ ศาสนาอิสลามพากันเป็นพระน่ะ

 

ให้เข้าใจนะอันนี้เป็นพระที่เค้าแต่งตั้งเรา เราต้องเข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน เข้าสู่ มอก.ในการประพฤติการปฏิบัติทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ เราต้องเข้าสู่ความเป็นพระธรรมพระวินัย ต้องเข้าสู่หน้าที่ของเราด้วยปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายจะได้พากันเป็นพระทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราจะได้เข้าถึงพระศาสนา

 

พูดถึงความเป็นพระ ทุกคนก็เป็นพระได้เหมือนกันหมดทุกคน ผู้ที่เป็นนักบวชก็เป็นพระได้ ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชน พระราชาพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีก็เป็นพระได้ เพราะพระนั้นคือผู้รู้เข้าใจ พากันมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชัยนะทั้งกายวาจากิริยามารยาทยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติทุกคนก็เป็นพระได้ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ทุกคนก็เป็นพระได้

 

แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้บวช มันมีภาระเยอะ ต้องดูแลตัวเองบริหารตัวเอง บริหารครอบครัว ข้าราชการหรือบริหารการเมืองมันมีภาระเยอะ ต้องบำรุงพระศาสนาต้องเสียภาษีอากร อย่างนี้เป็นพระได้ถึงระดับพระอนาคามีน่ะ คือเป็นผู้ละกามได้ เป็นผู้ไม่ตรึกในกาม เป็นผู้ไม่ตรึกในพยาบาท เพราะมีภาระมีหน้าที่การงานเยอะ                

 

ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นอะไรต่าง ๆ นี้ต้องรู้เข้าใจ ทุกคนเป็นพระได้ทั้งหมดให้รู้ให้เข้าใจ

 

ทุก ๆ ศาสนาก็เป็นพระได้ ให้รู้ให้เข้าใจมันจะต่างกันตั้งแต่รูปแบบต่างกันตั้งแต่แบรนด์เนมให้เข้าใจ

 

สิ่งที่เรามองเห็นด้วยตามันเป็นรูปแบบเป็นแบรนด์เนมให้เราเข้าใจตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งให้มันเป็นรูปแบบเป็นแบรนด์เนม แต่ความเป็นพระอริยเจ้ามันเป็นได้กับทุก ๆ คนน่ะไม่มีใครเป็นไม่ได้ เราต้องเป็นพระกันทุก ๆ คนให้เข้าใจอย่างนี้

 

ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เน้นมาที่เราโฟกัสมาที่เรา

 

มนุษย์เราถึงมีหลักการ อาทิตย์หนึ่งมี ๗ วัน วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงาน วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานถึงมีหลักการ

 

การทำงานก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ การทำงานก็เอาธรรมนำชีวิตเพื่อจะได้ทั้งทางวัตถุได้ทั้งทางจิตใจไปพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นทางสายกลาง ไม่ใช่เอาแต่เรื่องวัตถุทางวิทยาศาสตร์ ต้องเอาใจไปพร้อม ๆ กัน ต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าเราไม่มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเราก็มีความทุกข์น่ะ ความทุกข์ก็คือความซึมเศร้าเป็นโรคซึมเศร้าน่ะ

 

ถ้าเรามีตัวมีตนเมื่อไหร่เราทุกคนก็มีความทุกข์เป็นโรคซึมเศร้า

 

มนุษย์เราต้องมีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ ไม่มีความทุกข์ ไม่เป็นโรคซึมเศร้า ให้เราเข้าใจ

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็เป็นโรคซึมเศร้าน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตไม่มีใครยกเว้นบุคคลนั้นต้องเป็นทุกข์แน่นอนเป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน ถ้าใครเอาตัวตนมากก็เป็นโรคซึมเศร้ามาก ใครเอาตัวตนน้อยก็เป็นโรคซึมเศร้าน้อย ใครเอาตัวตนปานกลางก็เป็นโรคซึมเศร้าปานกลาง

 

รู้เข้าใจว่าตัวตนคือความทุกข์ตัวตนเป็นโรคซึมเศร้าเราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีความทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีมันจะเป็นโรคซึคมเศร้าอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา

 

ตัวตนให้รู้เข้าใจ ตัวตนมันเป็นความทุกข์เป็นเหมือนทะเลที่ไม่อิ่มด้วยน้ำ มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เป็นไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อมันบกพร่องอยู่เป็นนิจ มันมีความทุกข์อยู่ตลอดกาลตลอดเวลา มันเป็นทุกข์อยู่ติดต่อต่อเนื่อง

 

เราต้องรู้ต้องเข้าใจว่าเราทุกคนจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติให้เข้าใจอย่างนี้ เราทั้งหลายจะได้ไม่มีความทุกข์จะไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า

 

วันเสาร์วันอาทิตย์ของหมู่มวลมนุษย์หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เค้าให้ยกเลิกงานภายนอกหมด มาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจเน้นเรื่องความสงบเรื่องปัญญา มารู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรม เพราะทุกอย่างเราเอาความหลงนำชีวิตมันไม่จบ

 

พูดถึงรูปมันไม่จบหรอก เพราะเรามีตามันก็มีรูป พูดถึงเสียง เสียงก็ไม่จบ เพราะเรามีหูก็มีเสียง พูดถึงกลิ่นก็ไม่จบ เพราะเรามีจมูกมันก็มีกลิ่น พูดถึงเรื่องเวทนาไม่จบ เมื่อเรามีผัสสะมันก็ต้องมีเวทนา พูดถึงใจมันก็ไม่จบเมื่อเรามีใจก็มีจิต เราต้องรู้เข้าใจมันไม่จบ เราทั้งต้องมารู้เราจะได้จบด้วยความรู้ความเข้าใจ มีความรู้แล้วเข้าสู่ความสงบ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่ความว่างจากสิ่งที่มีอยู่นี้แหละ

 

รูปก็มีอยู่ เสียงก็มีอยู่ กลิ่นก็มีอยู่ รสก็มีอยู่ โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ก็มีอยู่ ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีความสุขมีปัญญา รู้พระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างนั้น มันหาใช่นิติบุคคลตัวตนมันคือเหตุคือปัจจัยเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

 

ชีวิตในประจำวันนของเราเราจะได้รู้ผัสสะ รู้สิ่งภายนอกภายในด้วยความรู้ ความเข้าใจ ชีวิตของเราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

เค้าถึงมีหลักการให้มีวันหยุดเพื่อพัฒนาจิตใจ

 

สมัยโบราณต้องมีวันพระ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำเค้าเรียกวันพระน้อย วันพระใหญ่ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำเค้าถึงมีวันพระใหญ่ เพื่อเป็นหลักการให้ศาสนาทุกศาสนาเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

ใครคือศาสนาพุทธก็พากันไปที่วัด ใครคือศาสนาคริสต์ก็ไปโบสถ์ ใครคือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด ใครถือศาสนาพราหมณ์ก็ไปปฏิบัติของศาสนานั้น ๆ  เพราะศาสนาเป็นศูนย์รวมแห่งความดี มันเป็นทีมเวิร์คมันเป็นรูปแบบ

 

เป็นทั้งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ปฏิบัติสมควรปฏิบัติเข้าสู่ความพอเพียงเพียงพอด้วยความรู้ความเข้าใจ เมื่อเรารู้เข้าใจเราจะได้เข้าถึง  ความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี

 

เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ของเมืองไทย ท่านตรัสกับพสกนิกรของชาวไทยชาวโลกว่า เราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี มันเท่านั้นแหละ มันจะมากมันก็ไม่มาก มันจะน้อยก็ไม่น้อย

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้เป็นทุกข์อะไร เราทั้งหลายจะได้รู้อริยสัจสี่ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์  รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

 

เราทั้งหลายจะได้พัฒนาทั้งกายทั้งใจพัฒนากิริยามารยาทออาชีพที่มันถูกต้อง ด้วยสัมมาทิฐิด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายถึงมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เราทุกคนก็รู้จักว่าเราเกิดมาทำไม เราทำการทำงานทำไม ทำไมถึงต้องมีพระศาสนา  ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าพูดเรื่องวัดข้อวัตรปฏิบัตินี้แหละให้เราเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ ตัวเราต้องมีวัตรมีข้อวัตรปฏิบัติ ระบบความคิดคำพูดการกระทำกิริยามารยาทอาชีพ มันเป็นข้อวัตร ข้อปฏิบัติของพวกเราทุกคน เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปหาวัดภายนอก จะไม่ได้ไปหาพระภายนอก จะไม่ได้ไปหาพระศาสนาภายนอก

 

พระศาสนาต้องอยู่ที่เราอยู่ที่กายวาจาใจกิริยามารยาทออาชีพเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ไม่ต้องไปหาพระภายนอก ไปหาพระศาสนาภายนอก

 

พระก็ต้องมาหาพระที่ตัวเรา คือพระธรรมคือพระวินัยคือกายวาจาใจกิริยามารยาทออาชีพ เรารู้เข้าใจ พากันเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่ มอก.ในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่ตัวเรานี้แหละ มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะชีวิตของเรานั้นเป็นชีวิตที่ประเสริฐให้พวกเราเข้าอกเข้าใจ

 

เราทั้งหลายได้ทรัพยากรที่ประเสริฐ ที่พวกเราเกิดมาเป็นมนุษย์

 

อายุขัยส่วนร่างกายของเรามันอยู่ได้ร่วม ๆ ๑ ศตวรรษคือร่วม ๆ ร้อยปี เราต้องเข้าสู่ความเป็นพระ เรามีโอกาสมีเวลาเราต้องเน้นเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัต ถ้าเราปฏิบัติเข้าสู่ มอก. เข้าสู่ความเป็นมาตรฐานเราก็โอเคคนอื่นก็โอเค

 

ให้รู้ให้เข้าใจ เราจะได้มีความสุขในการเรียนหนังสือ จะได้มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในกาย วาจา กิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพที่ต้องเอาธรรมนำชีวิต เราจะได้มีความสุขกัน เราไม่ต้องหาใครน่ะ อาศัยความรู้ความเข้าใจของเรา แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เราให้เอาสิ่งภายนอกที่เป็นรูปเป็นเสียงเป็นกลิ่นเป็นรสโผฏฐัพพะเป็นโจทย์เป็นข้อสอบ ที่เราอายตนะภายในเป็นความรู้ความเข้าใจเป็นข้อตอบน่ะ มีทั้งโจทย์มีทั้งข้อตอบไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมอย่างนี้ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มี

 

เราไม่ต้องไปคิดเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนมันโง่ไปไม่ฉลาดน่ะ มันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกจะให้มันว่างจากสิ่งที่ไม่มี มันสงบเพราะถูกใจแต่มันไม่ใช่ความถูกต้องมันว่างจากสิ่งที่ไม่มี มันไม่ถูกต้อง เราต้องรู้จักโจทย์รู้จักข้อตอบด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องหยุดสัญชาตญาณของตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ข้อวัตรข้อปฏิบัติให้มันติดต่อต่อเนื่องกัน เพื่อชีวิตของเรามันจะติดต่อต่อเนื่อง ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามความไม่รู้ไม่เข้าใจ จะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม เอาสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้อสอบเป็นโจทย์ แล้วตอบด้วยการประพฤติการปฏิบัติ ที่เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

 

ถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติเราทุกคนก็เป็นพระไม่ได้ เป็นข้าราชการ เป็นนักการเมืองเป็นมนุษย์ไม่ได้ เราต้องรู้หลักการอย่างนี้ มันมีหลักการอย่างนี้แหละ

 

ชีวิตของเรามันถึงจะไม่ไปตามผัสสะ ไม่ได้ตามอารมณ์ตามความหลงน่ะ มันถึงจะหยุดตรึกในกามหยุดตรึกในพยาบาท เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่อง

 

มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ถึงเราจะมีชีวิตอยู่ เป็นร้อยปีพันปีหมื่นปีแสนปีมันจะมีประโยชน์อะไร เพราะเอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็คือความหลง ความไม่ถูกต้องก็คือความไม่ถูกต้อง

 

เราต้องรู้เข้าใจ เรื่องพระธรรมพระวินัยเรื่องข้อวัตรข้อปฏิบัติให้เราโฟกัสมาที่ตัวเรา ใครเค้าจะทำอย่างไรปฏิบัติอย่างไรก็ช่างเค้าเราไม่เกี่ยว เราต้องโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติของเราน่ะ

 

พระพุทธเจ้าท่านมีความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราทั้งหลายอย่าไปประมาท อย่าไปคิดว่าไม่เป็นไรไม่เป็นไร ความคิดอย่างนี้ มันก็ปล่อยวางความถูกต้อง ปล่อยวางพระธรรมพระวินัย มันเป็นพระไม่ได้เป็นพระได้แต่พระแต่งตั้ง มันไม่ได้เป็นพระธรรมไม่ได้เป็นพระวินัย หัวใจมันยังเป็นนิติบุคคลตัวตนให้รู้เข้าใจ เค้าเรียกว่าหัวใจมันยังไม่ใช่พระธรรมพระวินัย

 

หัวใจมันต้องเป็นพระธรรมพระวินัย เค้าเรียกว่าหัวใจมันเป็นหัวใจที่ต้องรับประเคน หัวใจต้องรับประเคนนะ ไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ ต้องทำตามพระธรรมพระวินัย

 

หัวใจที่รับประเคนนี้หมายถึงว่าอันนี้ไม่คิดนะไม่ตรึกนะเพราะอันนี้มันเป็นพยาบาท หัวใจต้องรับประเคน หัวใจต้องเป็นพระธรรมพระวินัยหัวใจต้องรับประเคน

 

อย่างผู้ที่เป็นนักบวชทั้งหลายนี้ไม่ให้เก็บอะไรไว้ เพราะเรายกเลิกตัวตน ทุกคนก็โอเคอยู่แล้วไม่ต้องกลัวอดตาย ทุกคนเลื่อมใสไม่ต้องไปเก็บอะไร                            

 

ต้องเอาพระธรรมพระวินัยอย่างนี้แหละ หัวใจมันจได้ยกขึ้นยกระดับสูงขึ้น หัวใจจะไม่ได้พังทะลายที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจมันพังทะลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ ตึกสตง. นี้มันพังทะลายเพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะตัวตนมันทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ธรรมนูญ เมื่อทุจริตมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

เมื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้งหัวใจมันก็ตกลงในที่ต่ำในที่ชั่ว หัวใจก็ตกลงในอบายมุขอบายภูมิด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญ พุทธบารมีเพื่อมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ยกเลิกความตกต่ำเป็นได้แต่เพียงคน เป็นเพียงความหลงย่ำต๊อกในความหลง ท่านถึงมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ อบายมุขอบายภูมิมันคือหัวใจตกต่ำนะ เป็นหัวใจบ่อนคาสิโนนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าหัวใจอบายมุขอบายภูมิหัวใจบ่อนคาสิโน

 

เราต้องเข้าใจ เราเป็นมนุษย์เราต้องมาเสียสละ ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่เอาอบายมุขเป็นที่ตั้ง เพื่อจะหยุดอบายมุขอบายภูมิ ยกเลิกบ่อนคาสิโน

 

พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมาเพื่อหยุดอบายมุขอบายภูมิ พระเยซูบำเพ็ญบารมีมาเพื่อหยุดอบายมุขอบายภูมิ พระนบีมูฮัมหมัดบำเพ็ญบารมีมาเพื่อหยุดอบายมุขอบายภูมิ บำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ เพื่อมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิมายกเลิกบ่อนสิโน

 

ผู้ที่เป็นผู้บริหารประเทศทั้งหลายเป็นข้าราชการนักการเมืองทั้งหลายต้องเข้าใจนะ อย่าเอาบายมุขอบายภูมิอเป็นที่ตั้ง ต้องมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ อย่าไปคิดแต่จะตั้งบ่อนคาสิโน

 

เราคิดดูดี ๆ นะ เราอย่าไปคิดแบบคนไม่รอบคอบไม่ทั่วถึง เราคิดว่าประเทศสิงคโปร์เค้าเล็กน้อยนิดเดียวเท่ากับอำเภอหนึ่งของเมืองไทย เค้ารวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน ที่มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวย เราเป็นประเทศไทยเราทำไมโง่มาตั้งนาน เราตั้งบ่อนคาสิโนเราจะได้รวยเหมือนเขา

 

เราต้องมายกเลิกอบายมุข ทุก ๆ ศาสนาท่านมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิมายกเลิกบ่อนคาสิโน

 

ประเทศสิงคโปร์เมาเก๊าเค้าเล็กนิดเดียวเค้าไม่มีที่ทำการเกษตรไม่มีที่ทำอุตสาหกรรมเค้าคิดว่าในโลกนี้มีคนหลงอยู่มาก ไม่มีปัญญาอยู่มาก เราตั้งบ่อนคาสิโนก็พอที่จะหากินหาวัตถุได้ง่าย เค้าเลยพากันตั้งบ่อนคาสิโน

 

ให้เรารู้เราเข้าใจ เราต้องพากันมีสติมีปัญญา ถ้าไม่มีสติไม่มีปัญญาเราจะเป็นผู้หลงนะ เอาความหลงนำชีวิตไม่ได้ ต้องเอาปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณนำชีวิต    

 

ชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐนะ เป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อพระนิพพาน ไม่ใช่เกิดมาเพื่อความหลง

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เดินตามรอยของปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยธรรมนูญด้วยรัฐธรรมนูญเพื่อกลับมาหาความถูกต้อง เพื่อกลับมาหาพระนิพพานคือบ้านของเรา ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณคือพระนิพพานบ้านของเรา คือบ้านที่แท้จริง ทุก ๆ ชาติทุก ๆ ศาสนาต้องกลับมาหาความถูกต้อง กลับมาหาพระนิพพานบ้านของเรานะ

 

หลวงปู่มั่น ภูริทัติโต ท่านมีเมตตาตรัสไว้ว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

 

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะท่านทั้งหลายเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เป็นคนมีปัญญาเป็นคนดีต้องเอาธรรมนำชีวิตธรรมนูญนำชีวิตพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทุกคนก็จะเป็นพระได้ทุกคนทุกชาติทุกศาสนาด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

การบรรยายพระธรรมเทศนาที่เป็นบริสุทธิคุณเพื่อเราทุกคนจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติทั้งกายวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพในเช้าของวันอาทิตย์วันนี้ก็เห็นสมควรแก่เวลาขอสมมุติยุติพระธรรมเทศนาไว้ณ โอกาสนี้

 

เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้

 

------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 91,926