๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานของเราทุก ๆ คน
การทำงานกับการปฏิบัติธรรมนี้สองอย่างต้องควบคู่กันไป ให้เอาการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมเอาการปฏิบัติธรรมเป็นการทำงาน เพื่อจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายได้เข้าถึงความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ เพราะทุกอย่างมันต้องเป็นความพอดี ความสงบกับปัญญาก็ต้องไปพร้อม ๆ กัน ศีลกับปัญญาต้องไปพร้อมกัน สมาธิกับปัญญาต้องไปพร้อม ๆ กัน
การปฏิบัติธรรมให้พวกเราเข้าใจ เหมือนแพทย์เค้าผ่าตัดสมองน่ะ สมองของเรามันมีเส้นประสาทเยอะ ก็ต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ การผ่าตัดสมองนั้นถึงจะไม่ผิดพลาดมันจะเป็นความพอดีเป็นความพอเพียงเพียงพอ
เหมือนกับเค้าผ่าตัดหัวใจ เพราะหัวใจเป็นศูนย์รวมแห่งการส่งเลือดสู่ร่างกายทุกชิ้นส่วน แพทย์ผ่าตัดหัวใจก็ต้องมีความสงบมีปัญญา การผ่าตัดนั้นถึงจะปลอดภัย
การปฏิบัติธรรมต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดีไม่มากไม่น้อยมันเป็นความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นทั้งศีลทั้งสมาธิทั้งปัญญารวมกันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ถึงจะเป็นมรรคเป็นอริยมรรค
การประพฤติปฏิบัติให้พวกเราเข้าใจ เน้นมาที่ตัวเราด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อจะได้เข้าถึงความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เราไปตามใจไม่ให้ไปตามอัธยาศัย ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เอาพระธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต
ศีลสมาธิปัญญานี้ถึงแยกกันไม่ได้ มันจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แยกกันไม่ได้ มันเป็นความเข้าใจ แยกกันไม่ได้ ถ้าแยกเมื่อไหร่เป็นอันว่าปฏิบัติผิดน่ะ ปฏิบัติไม่ถูกต้อง การปฏิบัติน่ะถึงเป็นอริยมรรคทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพถึงเป็นมรรคเป็นอริยมรรค
วันจันทร์ถึงวันศุกร์เป็นวันทำงานกับวันปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กัน
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดวันทำงานทางภายนอก ไปเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็ไปที่วัด ผู้ที่ถือศาสนาคริสต์ก็ไปที่โบสถ์ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด ผู้ที่ถือศาสนาอะไรก็ไปในที่นั้น ๆ เพื่อพัฒนาใจของเราเอง อยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา อยู่กับปัญญาอยู่กับความสงบ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นบริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกทุกอย่างเข้าสู่ความว่างจากนิติบุคคลที่เป็นตัวเป็นตน ยกเลิกให้เข้าถึงธรรมสภาวธรรม เข้าถึงสักแต่ว่า มีตาหูจมูกลิ้นกายใจที่สัมผัสให้มีความรู้สึกสักแต่ว่าเหตุสักแต่ว่าปัจจัย ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัยเพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ เพื่อให้อินทรีย์บารมีได้ติดต่อต่อเนื่องกัน เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
วันเสาร์วันอาทิตย์ถึงเป็นวันที่พัฒนาใจ ครั้งโบราณน่ะได้ทำติดต่อกันมาหลายร้อยหลายพันปี ที่มีวันพระ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ เรียกว่าวันพระน้อย แล้วก็มีวันพระ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เรียกว่าวันพระใหญ่ เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
ให้เข้าใจ คำว่าวัด วัดนี้คือข้อวัตรข้อปฏิบัติ ถ้าไม่สะดวกในการไปวัดไปโบสถ์ไปมัสยิดก็เอาที่บ้านของเรานั่นแหละเป็นการประพฤติการปฏิบัติ เพราะบ้านของเรามันก็มีอากาศที่มีอยู่อาศัยดีก็เหมือนกันนั่นแหละให้เข้าใจ แต่วัดนั้นเรายกเลิกเพื่อพัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
วันนั้นเราก็หยุดเล่นโทรศัพท์ ไลน์โทรศัพท์ หยุดดูหนังฟังเพลง
เพื่อเจริญสติสัมปชัญญะ พากันทำสมาธิ สมาธิคือความว่างจากนิติบุคคลตัวตน เพื่อใจอยู่กับธรรมชาติ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ มาอยู่กับลมหายใจเข้าลมหายใจออก มาอยู่กับการยืนเดินนั่งนอน ให้อยู่กับเนื้อกับตัว ให้มามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ เพื่อเราทุกคนจะได้อบรมบ่มอินทรีย์ จะได้เข้าถึงความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ
วันธรรมดาเราอยู่กับการงาน อยู่กับหน้าที่การงาน อยู่กับเทคโนโลยีต่าง ๆ แต่วันหยุดนี้เรามาอยู่กับการประพฤติการปฏิบัติของตัวเราเอง
ที่เราพออยู่ได้ ที่เราเป็นโรคจิตโรคประสาทน้อยน่ะ เราอยู่กับการกับงาน อยู่กับกายวาจากิริยามารยาท อยู่กับโทรศัพท์มือถือ อยู่กับคอมพิวเตอร์ อยู่กับการดูหนังฟังเพลง หรือดูละครน่ะ ดูข่าวต่าง ๆ เรื่องของคนอื่น
เราอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเราถึงพากันเป็นโรคจิตโรคประสาทน้อยน่ะ แต่เราอยู่กับสิ่งเหล่านั้นก็ถือว่าเราอยู่กับความหลงความเพลิดเพลินนะ
วันเสาร์วันอาทิตย์วันหยุดเราต้องพัฒนาใจของเรา ยกเลิกสิ่งเหล่านั้นเพื่อฝึกใจของเรา เพื่อใจของเราจะได้สงบ ใจของเราจะได้มีปัญญา เพื่อพัฒนาใจของเราให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐเราจะมาหลงมาเพลิดเพลินในสิ่งภายนอก สิ่งต่าง ๆ นั้นคงไม่ได้
เราต้องฝึกใจต้องพัฒนาใจของเรา เราต้องประพฤติปฏิบัติด้วยปลีแข้ง ด้วยตัวของเราเอง เพราะเรื่องอย่างนี้แหละไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้เราได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ปฏิบัติของท่านเอง พระอรหันต์ก็ปฏิบัติของท่านเองทุกคนก็ประพฤติปฏิบัติเอง
ถ้าเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เราเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ไม่เอาความหลงนำชีวิตมันก็ดีน่ะ มาเน้นเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องธรรมเรื่องคุณธรรม
เราทั้งหลายน่ะต้องเอาธรรมนำชีวิต ต้องเข้าใจอย่างนี้ เราเอาความหลงนำชีวิตมันไม่ถูกต้อง ทุกคนน่ะมีความหลงเป็นเครื่องอยู่นะ
เราคิดดูดี ๆ ทุกคนมีความหลงเป็นเครื่องอยู่นะ ไม่ใช่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ เพราะสิ่งต่าง ๆ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจเราจะเอาความหลงเป็นเครื่องอยู่ เราต้องเอาธรรมเป็นเครื่องอยู่ เพื่อยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพูดถึงสิ่งต่าง ๆ มันไม่จบ รูปก็ไม่จบ เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณไม่จบ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ไม่จบนะ เราจะเอาความหลงเป็นเครื่องอยู่นั้นไม่ได้
ความหลงมันคือความหลง ความหลงไม่ใช่ความถูกต้อง
เราทุกคนพากันรู้ตัวเองนะ ว่าเราจะเอาความหลงนำชีวิตนั้นไม่ได้ ถ้าเรามีโอกาสมีเวลาก็พาไปวัดที่ดี ๆ โบสถ์ที่ดี ๆ มัสยิดที่ดี ๆ ที่เราเอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาโลกธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต ถ้าวัดไหนไม่ดีก็อย่าไปมัน ถ้าโบสถ์ที่ไหนไม่ดีก็อย่าไปมัน ถ้ามัสยิดที่ไหนไม่ดีก็อย่าไปมัน
เรามีตาก็ต้องฉลาด เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจเราต้องฉลาด ต้องรู้ว่าที่ไหนดีไม่ดีน่ะ เพราะการคบค้าสมาคมมันทำให้เราเกิดสติเกิดปัญญา หรือว่าการเกิดความสงบเกิดปัญญา เพราะสิ่งภายนอกมันช่วยได้ระดับหนึ่งน่ะ ส่วนภายนอกมันเป็นออกซิเจนมันวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุ มันเป็นสิ่งที่ดีแต่มันก็ของคนอื่นบุคคลอื่น เมื่ออินทรีย์บารมีของเรายังไม่แก่กล้า เราก็ต้องอาศัยผู้มีอินทรีย์บารมีแก่กล้าทั้งหลาย
การคบค้าสมาคมหรือว่าการไปสถานที่ดี ๆ ประกอบด้วยปัญญาถึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราจะไปในสถานที่ไม่ดี เราต้องรู้จักดีรู้จักชั่ว รู้จักผิดรู้จักถูก เราทั้งหลายต้องมีปัญญานะ ทุกวันนี้สิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบายก็ดีน่ะ รถก็สะดวก เครื่องบินก็สะดวก เรือก็สะดวก
ไม่เหมือนหลายสิบปีก่อนหลายร้อยปีก่อนทุกวันนี้สะดวก
เรารู้เข้าใจ สมัยใหม่สมัยคอมพิวเตอร์สมัยไอทีแล้ว เราต้องเข้าใจ ที่ไหนควรไป ไม่ควรไป เราต้องรู้ต้องเข้าใจ การคบค้าสมาคมนี้เราต้องดูนะ การคบค้าสมาคมก็เหมือนกับห้องผ่าตัดนี้แหละ ห้องผ่าตัดนั้นต้องเป็นห้องที่ปลอดเชื้อ ไม่มีเชื้อโรคมันถึงผ่าตัดได้
การที่เราจะพัฒนาความดีที่ประกอบด้วยปัญญาเราก็ต้องไปหาสถานที่ปลอดเชื้อ ไม่ใช่ไปเพิ่มเชื้อ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราอยู่ที่ไหนเราก็ปฏิบัติได้
เหมือนแต่ก่อน เราไม่เข้าใจเราไปเรียนหนังสืออนุบาล ประถม มัธยม อุดมศึกษา เมื่อเรารู้เราเข้าใจแล้วก็ไปอ่านออกเขียนได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง
ให้พากันรู้เข้าใจอย่างนี้ การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้มันถึงไม่ใช่ความจำ การที่เราไปเรียนหนังสือ หนังสือมากมายกองใหญ่มากกว่าภูเขามันสำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การที่เราศึกษาค้นคว้าหลักวิทยาศาสตร์มันอยู่ที่เรารู้เราเข้าใจ การที่ฟังการบรรยายมันอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ความจำนะ ให้เรารู้เข้าใจ มันจะได้เป็นสัมมาทิฐิ เราจะได้มีข้อวัตรข้อปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เพราะว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ท่านบอกให้เรารู้เข้าใจ แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเราจะได้ปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่เลือกกาลสถานที่ ไม่มีวันหยุดวันเสาร์อาทิตย์วันนักขัตฤกษ์ การประพฤติการปฏิบัติ มันอยู่ทุกหนทุกแห่ง เพราะความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นทั้งสมถะ เป็นทั้งวิปัสสนา เป็นทั้งเป็นทั้งสมาธิเป็นทั้งปัญญา มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันเป็นการรู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรม มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมแล้วมีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติให้เราทั้งหลายเข้าใจอย่างนี้
เราจะได้รู้ทั้งวัดภายนอกที่ควรจะไป เราจะได้รู้ทั้งวัดภายในเรื่องจิตเรื่องใจ เราจะได้รู้มรรครู้อริยมรรครู้เรื่องกายของใจเรื่องกิริยามารยาททั้งอาชีพ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าสำรวมในพระปาฏิโมกข์สิกขาบทน้อยใหญ่ สำรวมในอินทรีย์ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราจะได้รู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่เป็นไร อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้ ให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้โฟกัสมาอยู่ที่ความสงบที่ปัญญา มีศีลสมาธิปัญญาโฟกัสอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ
ให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอดี เหมือนแหย่รูเข็ม รูเข็มมันเล็กนิดเดียว ถ้าเราไม่มีความสงบไม่มีความนิ่ง เราแหย่รู้เข็มเล็ก ๆ ด้วยเส้นด้ายไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ ถึงเราจะมีความรู้มากความรู้น้อย มันก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละให้รู้เข้าใจ มีผู้ปัญญามากก็ต้องมีความสงบ มีปัญญาน้อยก็ต้องมีความสงบ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี ความพอดีมันมีอยู่ มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม อยากให้มันมากมันก็ไม่มาก อยากให้มันน้อยมันก็ไม่น้อย เพราะมันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรมมันเป็นประภัสสรให้รู้เข้าใจ
ความแก่มันก็มีอยู่อย่างนั้นแหละอยากให้มันหนุ่มมันก็ไม่ใช่ความพอดี
ความเจ็บมันก็มีอยู่อย่างนั้นแหละเพราะมันเป็นอย่างนั้น
ความตายมันก็เป็นสิ่งนั้น ๆ เพราะทุกอย่างก็ต้องผ่านไปเป็นอดีตมันต้องเกษียณมันคงที่อยู่ไม่ได้ เพราะทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ตรัสบอกว่านี้คือเหตุคือปัจจัย มันต้องผ่านไปด้วยเหตุด้วยปัจจัย ทุกอย่างมันต้องเกษียณ มันจะอยู่คงที่ไปไม่ได้
ปัจจุบันนี้ถึงเป็นวาระสำคัญ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้ปล่อยวางความชอบ ความไม่ชอบในอดีต เราจะไม่ได้พะวงในเรื่องอนาคต เพราะอนาคตมันก็คือฐานอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ
เราต้องรู้เข้าใจอยู่ที่ความพอเพียงเพียงพออยู่ที่ความพอดี เหมือนเราแหย่รูเข็มด้วยด้าย รูเข็มเล็ก ๆ ด้ายก็เส้นเล็ก ๆ
อันนี้น่ะ เราอุปมาภายนอกเพื่อให้โฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ
ธรรมะนั้นถึงเป็นสิ่งที่สงบเป็นสิ่งที่มีปัญญา ปัญญากับความสงบ ความสงบกับปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๒๐ ปี ท่านพูดแต่เรื่องความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย ให้รู้การประพฤติการปฏิบัติ ท่านยังไม่ได้วางหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมน่ะ
เมื่อ ๒๐ ผ่านไปแล้วท่านจึงวางหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาอุดมการณ์อุดมธรรมนำชีวิต เพราะทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัยจะได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าคือความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติที่เป็นพระธรรมพระวินัย
ต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ สมัยก่อน สมัยพระพุทธเจ้าทรงมีชีวิตอยู่ มีธาตุมีขันธ์มีอายตนะ พระอานนท์ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละขันธ์นิพพานทางร่างกายไปน่ะ จะเอาอะไรเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็ตรัสกับพระอานนท์ว่า พระธรรมพระวินัยจากความรู้ความเข้าใจเอาไปใช้ไปปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ นั่นแหละเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรามาคิดดูดี ๆ น่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วประมาณ ๕๐๐ ปีนะ จึงมีการส้างพระพุทธรูปพุทธปฏิมากรณ์ เพราะเรารู้เข้าใจว่าคิดดี ๆ ยกเลิกตัวตนประกอบด้วยปัญญาอย่างนี้แหละคือพระพุทธเจ้า พูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ อาชีพยกเลิกตัวตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง เป็นผู้ให้ผู้เสียสละหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยกเลิกตัวตน ท่านเสียสละเป็นแต่ผู้ให้ไม่เอาอะไร
วันหนึ่งคืนหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงพักผ่อนหรือว่าบรรทมวันละ ๔ ชั่วโมง ท่านเป็นผู้ให้ผู้เสียสละวันละ ๒๐ ชั่วโมงนะ
เราต้องรู้เข้าใจ การทำอะไรนี้ไม่ได้ทำเพื่อจะเอา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อย่างเราเรียนหนังสือเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเรียนหนังสืออย่างนี้แหละสุขถาพใจเราก็ดีความรู้เราก็ได้อย่างนี้ เราเข้าใจ อย่างการทำงานเรารู้ว่าการทำงานคือการเสียละ เราก็มีความสุขในการทำงานการเสียสละมันก็ได้ทั้งการทำงานทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ สองอย่างไปพร้อม ๆ กัน มันสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ชีวิตของเรามันจะได้เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราทุกคนก็จะพากันเป็นพระได้
คำว่าพระคือผู้รู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขในการเสียสละเพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิตเอาธรรมนำชีวิตอย่างนี้ถึงเรียกว่าพระ
พระนี้อยู่ที่รู้เข้าใจมีควมสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ที่เค้าแต่งตั้งให้เค้าเป็นตำแหน่งโน่นตำแหน่งนี้ อันนี้เป็นเค้าแต่งตั้งให้นะ
ที่เค้าแต่งตั้งให้เป็นพระราชามหากษัตริย์ อันนี้ตำแหน่งที่เค้าแต่ง แต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดี เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการนักการเมืองหรือว่าเป็นตำแหน่งทางนักบวช ตำแหน่งพระสันตปาปา ตำแหน่งพระสังฆราช พระสมเด็จเจ้าคุณต่าง ๆ นี้ตำแหน่งเค้าแต่งตั้ง ไม่ใช่ตำแหน่งของเรานะ
ตำแหน่งของเราต้องรู้เข้าใจว่าตำแหน่งของเราคือต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้
ตำแหน่งอันนั้นมันเป็นตำแหน่งภายนอก ให้รู้เข้าใจ เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นทางการ เป็นลายลักษณ์มันดีแล้ว มันถูกต้องแล้ว อันนั้นให้เข้าใจนะ มันตำแหน่งของคนอื่น
ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะไปหลงนะ หลงงมงายตัวตนมันหลงงมงายนะ มันจะสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นโน่นเป็นนี่ เป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นคนหนุ่มสาว คนแก่คนเฒ่าคนชราหรือว่าคนตาย
สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นคนดีกว่าเค้า เป็นคนเก่งกว่าเค้า เป็นคนฉลาดกว่าเค้า เป็นคนรวยกว่าเค้า มีตำแหน่งมากมีเพาเวอร์สูงหรือว่าพอ ๆ กันเสมอกันหรือสู้เขาไม่ได้ มันเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจในเรื่องสมมติที่เค้าแต่งตั้งให้ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะหลงงมงาย ถ้าหลงงงมงายมันจะเป็นนิติบุคคลตัวตนเดี๋ยวมันจะพังทลาย ตัวตนมันคือไม่ถูกต้อง ตัวตนคือทุจริต ตัวตนคือหลงงมงาย ตัวตนคือไสยศาตร์ ที่เค้าพูดกันสายมูสายมู สายหลง สายไสยศาสตร์ เอาตัวเป็นที่ตั้งเป็นสายมูสายไสยศาสตร์ ใครเอาตัวตนเป็นที่ตั้งทุจริตทั้งนั้น ตัวตนมันไม่ถูกต้อง
ตัวตนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า ตัวตนนั้นนะมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี
ตัวตนเปรียบเสมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ มันบกพร่องอยู่เป็นนิจ เรียกว่ามีความทุกข์อยู่ตลอดกาลตลอดเวลา เรียกว่าเป็นตัวเป็นตนอย่างอมตะ หรือว่าเป็นทุกข์อย่างอมตะ
ตัวตนมันจะพังทลายนะ มันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.ของอยู่ที่ประเทศไทย อยู่ที่กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครมีตึกใหญ่ตึกสูงกว่า สตง.ตั้งหลายตึกนะ แต่ตึกเหล่านั้นเขาไม่พังทะลายเพราะความแข็งแรงเพียงพอ
ดู ๆ แล้วไม่ใช่เค้าไม่ทุจริตนะ แต่เค้าทุจริตน้อยกว่า ตึก สตง. ตึกผู้ตรวจสอบคนอื่นเรื่องทุจริตแต่ไม่ได้ตรวจสอบตัวเอง มันไปแก้ไขตั้งภายนอก ไม่ได้แก้ไขตัวเอง ไปพร้อม ๆ กัน มันพังททลายน่ะ ตึกต่าง ๆ นั้นก็โกงกินอยู่แต่น้อยกว่าน่ะ ตึก สตง.โกงกินมากหรือว่ามีตัวตนมาก ความถูกต้องมันน้อยกว่า แผ่นดินไหวตั้งไกล อยู่มัณฑะเลย์อยู่ที่พม่า ห่างกันร่วมกันพันกิโลมันก็ยังพังทลาย
ให้เข้าใจ ความมีตัวมีตนมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายต้องเน้นมาที่ตัวเราปฏิบัติที่เรา ถ้าเราเน้นมาที่ตัวเราที่เรา เราก็จะไปแก้แต่ที่คนอื่น เดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.
เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ ต้องเอาธรรมนำชีวิตมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าเอาความหลงนำชีวิต เดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง. ให้รู้เข้าใจ
ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต
ความไม่ถูกต้องรู้มั๊ยมันเป็นอบายมุขอบายภูมิ มันจะไปเอาแต่ความสุขจากคนอื่น จะไปเอาข้าวของเงินทองจากคนอื่น จะไปแก้ที่ปลายเหตุ หัวใจเป็นอบายมุขอบายภูมินะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือประมุขทางศาสนาทุกศาสนา ท่านมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิมายกเลิกบ่อนคาสิโนนะ
เราคิดดูดี ๆ สิ ผู้นำศาสนาทุกศาสนาในโลกนี้เค้าพากันมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ มายกเลิกบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งรัฐบาลไหนก็อยากมาเป็นผู้บริหาร เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็จะพากันมาตั้งแต่บ่อนคาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
มีความเข้าใจว่าประเทศสิงคโปร์น่ะ ประเทศเล็กนิดเดียว เท่ากับอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ แต่เค้ารวยน่ะ
ที่มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าเล็กนิดเดียวเค้ารวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน
เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ เราต้องมีปัญญานะว่าสิงคโปร์เค้าไม่มีที่ทำมาหากินไม่มีที่ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรม เค้าอยู่เกาะเล็ก ๆ
มาเก๊าก็เหมือนกันเค้าคิดว่าคนในโลกนี้มันมีปัญญาน้อยเป็นส่วนมาก มันมีความโลภความหลงนำชีวิต ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนอย่างนี้รวยได้ สามารถพัฒนาให้รวยทางวัตถุได้ อย่างนี้เค้าเลยพากันตคั้งบ่อนคาสิโน
เราต้องรู้เข้าใจ เพราะทุกอย่างนั้นมันจะเอาความถูกต้องนำชีวิตเอาความหลงนำ
ชีวิตเราต้องรู้เข้าใจเพราะทุกอย่างแก้ปัญหาได้ ฝนไม่ตกก็พัฒนาให้ฝนมันตกได้ น้ำมันท่วมก็พัฒนาให้น้ำไม่ท่วมได้ ที่นี่มันแห้งแล้วก็ทำให้เขียวขจีได้ น้ำเค็มก็พัฒนาให้เป็นน้ำจืดได้ ที่เป็นทะเลลายก็ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรมได้
เรารู้เข้าใจเราต้องมีปัญญานะ อย่าเอาความหลงนำชีวิตอย่าเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิต ต้องรู้เข้าใจ
มันหมดทางไปแล้วเหรอ... เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็หมดทางไป
เพราะตัวตนมันเข้าถึงทางตัน ที่เค้าว่าตัณหาคือทางตัน มันหาเรื่องหาราวให้กับตนเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่นเค้าเรียกตัณหา
เราต้องรู้ศัพท์นี้ลึกซึ้งมาก พวกหาเรื่องหาราวให้ตนเองหาเรื่องหาราวให้กับคนอื่นมันพร่องอยู่เป็นนิจ ตลอดกาลตลอดเวลา
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจนะ เราจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะรู้เข้าใจ เอาความถูกต้องนำชีวิต เอาปัญญานำชีวิต เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต ไม่ใช่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต
ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นคนดีของประเทศไทย เป็นพระดีของประเทศไทยหรือว่าระดับโลกก็ได้ ท่านพูดจากใจจากพระนิพพานว่า
เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐนะ เราต้องพัฒนาใจวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เป็นทางสายกลางเข้าสู่มาตรฐานเข้าสู่อริยมรรคทั้งกายทั้งวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ
เราจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะเราไม่เอาอบายมุขอบายภูมินำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญ รัฐธรรมนำชีวิต เราจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะปัญญาบริสุทธิคุณ เราจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะใจสูงส่งไม่ใช่ตัวตนเป็นตน ใจเป็นตัวเป็นตนเค้าเรียกว่าใจตกต่ำ
เราทั้งหลายจะเป็นผู้มนุษย์ได้เพราะใจสูงด้วยการปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ รู้เข้าใจสำรวมในปาฏิโมกข์ สำรวมอินทรีย์
รู้เข้าใจมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ท่านพูดจากใจพระนิพพานว่า
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา เปรมปรีดา คืนวัน ศุขสันติ์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ
พวกเราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญชีวิต ชีวิตของเรานี้ดีมาก ประเสริฐมาก เพอร์เพคมาก
มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะการประพฤติการปฏิบัติมันสำคัญมาก
เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ที่เราทุกคนเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ ต้องเอาธรรมนำชีวิต
เหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นคนดีมีปัญญเป็นผู้มีปัญญาเป็นคนดี
ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ
ที่ตั้งอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่
ท่านได้ให้โอวาทครั้งสุดท้ายไว้ก่อนที่ท่านละธาตุวางขันธ์ เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน
ท่านตรัสว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นต้องรู้เข้าใจ ท่านทั้งหลายต้องทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
นี้เป็นพระวาจาในครั้งสุดท้ายในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบริสุทธิคุณทั้
งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพในวันนี้ก็พอเห็นสมควรแก่กาลเวลา ขอหยุดเวลาในการบรรยายไว้แต่เพียงเท่านี้
เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้...
-----------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันจันทร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา