๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันพุธที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
ทุก ๆ ชาติ ทุก ๆ ศาสนา มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อเอาธรรมนำชีวิต ต้องเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานสากลในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่นิติบุคคลตัวตนเพื่อให้แต่ละคนเอาธรรมนำชีวิต เน้นไปยังผู้นั้นเอง เพราะไม่มีใครประพฤติปฏิบัติแทนกันได้ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพไม่มีใครทำแทนกันได้
มนุษย์เราต้องมีปัญญา มีปัญญาในการประพฤติการปฏิบัติ ปัญญากับการปฏิบัติถึงไปพร้อมกัน มนุษย์เราถึงจะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา ปัญญาที่เป็นปัญญาเข้าสู่ทางสายกลาง เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ได้เป็นปัญญาที่เป็นนิติบุคคลตัวตน
มนุษย์เราต้องมีปัญญาบริสุทธิคุณ การดำเนินชีวิตก็ต้องมีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต ถ้าไม่มีปิติไม่มีสุขไม่มีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต มนุษย์ก็จะมีความทุกข์ ความทุกข์กับโรคซึมเศร้าคืออันเดียวกัน
เราทั้งหลายน่ะถึงต้องเข้าสู่หลักการเข้าสู่อุดมการณ์อุดมธรรม การประพฤติการปฏิบัติก็ต้องมีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะการประพฤติการปฏิบัติมันอยู่ที่ปัจจุบัน อดีตมันผ่านมาแล้วมันเกษียณแล้ว ไม่ใช่การประพฤติการปฏิบัติ อนาคตที่ยังมาไม่ถึงมันก็ไม่ใช่การประพฤติการปฏิบัติ อนาคตมันก็พื้นฐานมาจากปัจจุบันนี้ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมีได้ ถ้าปัจจุบันไม่มี อนาคตมันก็ไม่มีน่ะ
ให้เรารู้เราเข้าใจเรื่องกระบวนการทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งเรื่องจิตเรื่องใจเราต้องรู้จักกระบวนการ
มนุษย์เราถึงต้องเอาธรรมนำชีวิต เพื่อยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เพื่อจะเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต มนุษย์เราการปกครองตัวเองต้องปกครองด้วยธรรมนูญ ปกครองคนอื่นถึงเป็นรัฐธรรมนูญ ทุก ๆ ศาสนา ทุก ๆ ชาติต้องใช้หลักการอันเดียวกันนี้ เพราะสิ่งถูกต้องมันก็เป็นสากล สิ่งไม่ถูกต้องมันก็เป็นสากล
เราต้องรู้เข้าใจ มนุษย์เราถึงต้องรู้ต้องเข้าใจจะได้เอาธรรมนำชีวิต เข้าสู่ความเพียงพอพอเพียง เข้าสู่ความพอดีในปัจจุบัน
เป็นผู้ปฏิบัติดีคือเป็นผู้ที่ใจดี มีความสุข มีปิติ
เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย
เป็นผู้ปฏิบัติตรง ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิตเพราะความถูกต้องมันก็เป็นความถูกต้อง ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
ความถูกต้องถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ความถูกต้องนั้นเป็นความพอดี เหมือนสายพิณ สายกีต้าร์ที่จะไปเล่นเพลงเล่นคอนเสิร์ตนี้ต้องพอดี ไม่หย่อนเกินไปไม่ตึงเกินไปมันเป็นความพอดี ให้เข้าใจ
เหมือนแพทย์เค้าผ่าตัดสมอง สมองมีเส้นประสาทเยอะ ผู้ผ่าตัดต้องมีปัญญามีความสงบ มีความสงบมีปัญญา
เหมือนแพทย์ผ่าตัดหัวใจ หัวใจเป็นศูนย์รวมของร่างกายส่งเลือดเส้นใหญ่เส้นกลางเส้นเล็กไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ผู้ผ่าตัดหัวใจก็ต้องมีปัญญามีความสงบมีความสงบมีปัญญา ผู้ผ่าตัดนั้นถึงจะปลอดภัย
ความรู้ความเข้าใจถึงเป็นปัญญากับการปฏิบัติ ปริยัติความรู้กับการปฏิบัติมันต้องไปพร้อม ๆ กันมันแยกกันไม่ได้ ถ้าแยกกันแล้วมันทำงานไม่ได้ มันจะเป็นมรรคเป็นความสมัครสมานสามัคคี ถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ถ้าเราแยกกันเมื่อไหร่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเราจะได้ก้าวไปด้วยปฏิปทาทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายทุกคนน่ะ ทุกชาติทุกศาสนาต้องพากันเข้าใจอย่างนี้จะได้พากันประพฤติปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัติถึงมียกเลิกชาติชั้นวรรณะ ยกเลิกตระกูล ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ภาพรวมเอารัฐธรรมนูญนำชีวิต พากันลงรายละเอียดโฟกัสที่ปัจจุบัน โฟกัสที่กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพต้องให้ถูกต้อง จะเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตไม่ได้ ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต
ให้พวกเราเข้าใจ เราจะไม่พากันเสียเวลา เสียเวลาไปกับสิ่งไม่รู้ไม่เข้าใจ ต้องเอาศีลสมาธิปัญญามาใช้มาทำงานมาประพฤติมาปฏิบัติ ชีวิตของเรามันถึงจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันจะไม่ได้ไปสิ่งแวดล้อม ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม
ความรู้มันต้องเป็นคู่การประพฤติการปฏิบัติไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มันจะรู้สิ่งแวดล้อม ว่าสิ่งแวดล้อมนั้นคือข้อสอบเป็นโจทย์ เราต้องตอบด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยศีลสมาธิปัญญา เราจะได้ยกทุกอย่างนั้นเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างนั้นมันคือผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราจะไปตามสิ่งแวดล้อมไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะปฏิบัติไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจเหมือนพระสารีบุตรท่านไปเจอกับพระอัสสชิเมื่อสมัยพระสารีบุตรยังไม่ได้บวชในพระศาสนา ยังไม่ได้บวชเป็นพระ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งพระอัสสชิที่เป็นพระอรหันต์ใหม่ออกไปเผยแผ่ให้หมู่มวลมนุษย์เข้าใจว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นไม่ได้แก้ปัญหาไม่ได้ ต้องเอาธรรมนำชีวิตมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เอาตัวตนนั้นมันไม่ถูกต้อง
พระสารีบุตรไปเจอกับพระอัสสชิ มีศรัทธาเลื่อมใสได้ตรัสถามพระอัสสชิว่า ท่านน่ะมีความสง่างามทั้งกายวาจากิริยามารยาท สง่างามเหลือเกิน ท่านปฏิบัติธรรมที่ไหน ท่านเป็นลูกศิษย์ของใคร
พระอัสสชิก็ตรัสว่าเรานี้เพิ่งบวชใหม่ เป็นลูกศิษย์ของพุทธะ
พระสารีบุตรก็ถามต่อว่า พุทธะสอนอะไรล่ะ
พระอัสสชิตรัสตอบว่า เราบวชใหม่ยังไม่แตกฉาน พูดพอเข้าใจว่าทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย เราต้องรู้เหตุรู้ปัจจัยทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพมันคือเหตุปัจจัย เรารู้เข้าใจว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุเน้นที่ปัจจุบันนี้แหละมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเราก็จะก้าวไปด้วยเหตุด้วยปัจจัย ความหมายของธรรมะ
พระสารีบุตรผู้บำเพ็ญสาวกบารมีเพื่อเป็นพระสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฟังพระธรรมคำสอนเท่านี้ก็เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจนี้มันถึงไม่ใช่ความจำ มันเข้าใจ อย่างเราไปเรียนหนังสือนี้ ถึงหนังสือนั้นจะกองใหญ่เท่าภูเขา หรือมากกว่าภูเขามันสำคัญอยู่ที่รู้เข้าใจ เราไปค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ มันก็สำคัญ อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ อย่างที่เราฟังการบรรยายนี้มันสำคัญอยู่ที่รู้เข้าใจ เราจะไปจำมันไม่ได้ มันต้องเข้าใจ
พวกฟังเทศน์ฟังธรรมนี้ต้องเข้าใจนะ ผู้ไปเรียนไปศึกษาไปพัฒนาวิทยาศาสตร์ต้องเข้าใจ เพราะเราจะเอาความจำไม่ได้ เพราะความจำมันเป็นอดีต มันจะไม่เป็นของสดไม่เป็นธรรมไม่เป็นปัจจุบันธรรม เพราะทุกอย่างความเข้าใจมันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันจะแก้ปัญหาได้
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ขีณาสพออกไปเผยแผ่ให้ไปทางละรูป เพราะทรัพยากรของพระอรหันต์มีน้อย ส่งไปที่ละรูป เพราะเมื่อเข้าใจแล้วไปที่ไหนก็ไม่มีปัญหา เพราะปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้เข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้วทุกอย่างมันก็แก้ปัญหาได้ เพราะทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ปัญหานั้นอยู่ที่ผู้นั้นเอง อยู่ที่กายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ
เรารู้เข้าใจอย่างนี้ ความรู้ความเข้าใจถึงไม่ใช่ความจำนะ เพราะความจำนั้นเป็นธาตุเป็นขันธ์เป็นอายตนะ มันเป็นธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหก มันไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจนะ
เราทั้งหลายน่ะการประพฤติการปฏิบัติ ถึงพากันเน้นที่ตัวเรานี้แหละ
อย่างที่เรามีแบรนด์เนมเป็นนักบวชอย่างนี้ เราก็รู้ว่านักบวชก็มีแบรนด์เนมของนักบวช มีมาตรฐานของนักบวช อย่างนักบวชศาสนาพุทธมีพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เพื่อเข้าสู่แบรนด์เนมเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานเข้าสู่แบรนด์เนมในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะอันนี้คือความถูกต้อง พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ตั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้มายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เราจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ การประพฤติพรหมจรรย์การประพฤติตามพระวินัยมีความหมายอย่างนี้ เรามีการประพฤติการปฏิบัติด้วยมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานของทุก ๆ คน เพื่อเป็นข้อวัตรเป็นกิจวัตรอะไรอย่างนี้ เพื่อจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพราะว่าพระธรรมพระวินัยมันจะยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง แล้วก็มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติให้ถูกต้อง นี้มันดีมากเพอร์เฟคมาก
สมมติสัจจะทั้งหลายที่เป็นพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ถึงเป็นสิ่งที่มีอุปการมากกับผู้ที่มาบวชทั้งหลาย
พุทธบริษัททั้งสี่ต้องรู้เข้าใจ พรหมจรรย์ของผู้ไม่ได้บวช พรหมจรรย์ของผู้ที่บวช ต้องรู้เข้าใจ มันเป็นความพอดีความพอเพียง มันเป็นความสงบเป็นปัญญา เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายพากันเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ ทุกคนจะเหนือกรรมเหนือกฎของกรรม เหนือผลแห่งกรรมไม่ได้ เขาถึงเรียกว่ามีกรรมเป็นพื้นฐาน
พวกพระทั้งหลายถึงเรียกว่าพระกรรมฐาน กรรมฐานก็คือกรรมนะ ฐานมันอยู่ที่เหตุที่ปัจจัย ฐานเราต้องแข็งแรง แข็งแรงทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพต้องแข็งแรง ถ้าไม่แข็งแรงมันไม่ได้ ถ้าไม่แข็งแรงมันก็พังทะลายเหมือนตึก สตง. ที่กรุงเทพมหานครที่เมืองไทยประเทศไทย แผ่นดินไหวที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลร่วมพันกิโลเมตร ตึก สตง.พังทลายเลยทั้งที่ตึกในกรุงเทพฯปริมณฑลมีหลายสิบตึกใหญ่กว่าสูงกว่า มันไปพังทลายตั้งแต่ตึก สตง. สาเหตุก็เพราะเอาตัวตนนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันโกงกินคอร์รัปชั่นมากเกินมันเลยพังทลาย ด้วยความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องเค้าเรียกทุจริต ทุจริตก็คือความไม่ถูกต้อง ตึกทั้งหลายทั้งปวง มองดูแล้วไม่ใช่ไม่โกงกินไม่คอร์รัปชั่น แต่พอมันพอต้านทานไหว มันโกงกินน้อยกว่า
การประพฤติการปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่าทุกคนเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เน้นที่ตัวเรานี้แหละ คนอื่นไม่เกี่ยว เราต้องเน้นที่เรา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพต้องเป็นบริสุทธิคุณ ยกเลิกตัวตน อย่าให้ตัวตนหลงเหลืออยู่ อย่าไปตามใจตามอัธยาศัย ตามใจตามอัธยาศัยน่ะมันต้องพังทลายนะ พังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าไปแก้ที่ปลายเหตุไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ มันไปเอาความสุขจากความหลง ไม่ได้เอาความสุขจากความถูกต้อง มันไปเอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่น เราต้องเอาความสุขจากการประพฤติการปฏิบัติ ถึงละจากการเบียดเบียนละจากการเอาของคนอื่น มีความเมตตายังไม่พอ ก็ต้องเป็นผู้ให้คนอื่น ไม่ไปเอาของคนอื่น
อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเป็นไม่ความสงบทั้งตัวเองทั้งคนอื่นนะ คนอื่นเค้าเดือดร้อนตัวเองก็หลงไปเรื่อย มันเอาความหลงนำชีวิตไม่ได้ ต้องเอาความสงบนำชีวิต เราอย่าไปเอาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ทำกันทั้งบ้านทั้งเมืองด้วยการเบียดเบียนเอาของคนอื่นมันไม่ถูกต้อง มองไปทางซ้ายทางขวาก็ทำกันไปหมด เราต้องรู้เข้าใจ เราเอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่นมันไม่ถูกต้อง เราไปเอาของเขามันไม่ถูกต้องนะ เราต้องเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ
เหมือนพระพุทธเจ้าเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ เหมือนพระเยซูเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ พระอัลเลาะห์เป็นผู้ให้ผู้เสียสละ เราต้องเข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจแล้วเราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะเราต้องรู้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจมันจะมีความสุขเพราะเรายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เราคิดดูดี ๆ นะ มันเป็นประภัสสรอยู่อย่างนี้แหละ เราอยากให้มันมาก มันก็ไม่มากมันเป็นประภัสสร ความเกิดมันก็เป็นประภัสสรน่ะ ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากมันเป็นประภัสสร เราอยากให้เป็นไปตามสิ่งที่เราคิด มันไม่เป็นหรอกมันก็เป็นตามประภัสสร ตาก็เป็นใหญ่ทางตา หูก็เป็นใหญ่ทางหู จมูกก็เป็นใหญ่ทางจมูก ทุกอย่างก็เป็นใหญ่ด้วยความเป็นประภัสสร
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของคนอื่น เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ก้าวก่ายกัน เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา มีปัญญา มีความสงบ ถ้าอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ถูกต้อง
เราทั้งหลายถึงต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ เราทั้งหลายต้องเข้าสู่ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ โฟกัสมายังที่ปัจจุบัน เพื่อปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันด้วยความรู้ความเข้าใจ เมื่อเรารู้เราเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติมันถึงจะติดต่อต่อเนื่อง มันจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายจะได้บริโภคด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยสติด้วยปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าเราทั้งหลายว่าเราเกิดมาเพื่อมารู้มาเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยสติด้วยปัญญา เราจะได้มีข้อสอบ แล้วตอบด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติต้องทำอย่างนี้
การประพฤติการปฏิบัติน่ะ ทุกคนต้องรู้การประพฤติการปฏิบัติ เราไปเรียนไปศึกษามันเป็นการวัดระดับความรู้ เค้าให้ใบประกาศเรา เราจบอนุบาล จบประถม จบมัธยม จบอุดมศึกษาจบอะไรต่าง ๆ มันเป็นการวัดความรู้พื้นฐาน แล้วเป็นตำแหน่งที่เค้ารับรองเรา
เรารู้เข้าใจ ความรู้ที่วัดระดับให้เราก็ต้องเอามาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่ใช่เอาความรู้นั้นมาเป็นนิติบุคคลตัวตน เรารู้เข้าใจเราจะได้รู้พระธรรมพระวินัย รู้ความหมายของเราว่า เราเกิดมาทำไม ทำไมเราต้องเกิดมา ทำไมเราต้องไปเรียนหนังสือ ไม่เรียนหนังสือไม่ได้เหรอ ทำไมเราต้องทำงาน ไม่ทำงานไม่ได้เหรอ ทำไมเราต้องปฏิบัติธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมไม่ได้เหรอ เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายน่ะสมมติที่เค้าแต่งตั้งในระดับความรู้ความเข้าใจในการเรียนการศึกษาที่เค้าให้เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาตำแหน่งหน้าที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องเป็นบริสุทธิคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ของเราเองเป็นประโยชน์ของคนอื่นเป็นประโยชน์ของมหาชน
เราต้องรู้เข้าใจการประพฤติการปฏิบัติว่าเราเกิดมาทำไมเราเรียนหนังสือทำไม เราไปทำงานทำไม แล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในกาประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเรามันจะได้มีแต่มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ให้เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจ จะได้เข้าสู่มาตรฐาน เข้าสู่ มอก. อักษรย่อน่ะเข้าสู่ มอก. ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้หลงงมงาย ความหลงงมงายนี้เค้าเรียกว่าไสยศาสตร์นะ ถ้าเราไม่เข้าใจมันก็จะไปตามสิ่งแวดล้อม เค้าเรียกว่าไปตามความหลง
เห็นรูปสวย ๆ ก็ร้องโอย ๆ ไป เสียงเพราะก็ร้องโอย ๆ ไม่สวยก็ร้องโอยสวยก็ร้องโอย ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่านี้คือข้อสอบนี้คือข้อตอบเราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันแก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน ยิ่งเราเรียนเราศึกษามากก็ยิ่งสร้างปัญหามากถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ เรียกว่าผู้ที่เรียนมากนั่นแหละจะเป็นโจรใหญ่กว่าผู้ที่เรียนน้อยนะ
เราคิดดูดี ๆ สิ พวกที่เรียนมากพวกที่มีความรู้มาก ได้บริโภคทุกอย่างสะดวกสบาย เพอร์เฟคมีบ้านหรู มีรถหรู มีอะไรหรูทั้งนั้น มียศมีตำแหน่งหรู แต่ความไม่รู้เข้าใจมันเป็นนิติบุคคลตัวตน คนพวกนี้กับไม่มีความสงบ เป็นคนไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ คนพวกนี้กับเป็นโรคจิตโรคประสาทมากกว่าคนที่ไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษา มันเป็นการเรียนการศึกษาการทำมาหากินเพื่อเป็นตัวเป็นตน อย่างนี้ถือว่ามันไปแต่ทางวิทยาศาสตร์ มันไปทางตัวตนนะ มันคือความไม่ถูกต้องนะ
ผู้มีปัญญามากทั้งหลายผู้ที่มีการเรียนทั้งหลายต้องเข้าใจนะ มันต้องเอาความถูกต้อง เอาความเพียงพอพอดีน่ะ เหมือนแพทย์ผ่าตัดสมอง แพทย์ผ่าตัดหัวใจต้องมีความสงบแล้วก็มีปัญญา มีปัญญามีความสงบมันต้องกลับมาหาความพอเพียงเพียงพอกลับมาหาความพอดีนี้แหละ ปัจจุบันนี้ต้องโฟกัสเข้าสู่ธรรมะ เข้าสู่ธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ต้องอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับเนื้อกับตัว มันจะไม่ได้ลืมเนื้อลืมตัว มันจะไม่ได้ไปแก้แต่สิ่งภายนอก มันจะแก้ทั้งตัวเรา แก้ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ จะได้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันเป็นพระได้ทั้งในเมืองหลวงในที่เจริญ ในภูธร ในป่าในเขาก็มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีปัญญามีความสงบ รู้เข้าใจอย่างนี้ ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องไปพึ่งเคมี พึ่งยานอนหลับ
ความรู้ความเข้าใจเราต้องรู้เข้าใจในการดำเนินชีวิต เพราะการเรียนการศึกษาเพื่อความรู้ความเข้าใจเพื่อมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราเรียนมาก็เพื่อรู้เข้าใจ มามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้อยู่กับความสงบกับปัญญา ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็จะเป็นคนไม่สงบเป็นคนพลัดถิ่น คนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่อยู่กับธรรมไม่อยู่ปัจจุบันอยู่กับตัวตนถือว่าไม่อยู่กับธรรม ปัจจุบันธรรม ต้องรู้เข้าใจ ถ้ารู้เข้าใจเราจะได้ปฏิบัติในอริมรรคของเราสมบูรณ์กายวาจากิริยามมารยาทอาชีพสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เราจะได้รู้เข้าใจ เราจะได้สมบูรณ์ในปัจจุบัน
คิดดูดี ๆ นะ ต้นไม้ต้นหนึ่งที่เรามองเห็นตานี้ ต้นไม้ต้นนั้นเค้าต้องได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ ไม่ใช่มาจากรากอย่างเดียว ต้องได้มาจากทั้งทางรากทางใบทางกิ่งสาขาทางยอดตลอดปริมณฑลอากาศแสงแดดออกซิเจน ถึงจะสมบูรณ์ด้วยวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุ
ความรู้ความเข้าใจถึงเป็นอริยมรรคทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ไม่ใช่คิดเหมือนแต่ก่อน ที่ไม่รู้เข้าใจว่าต้นไม้มันได้อาหารมาทางรากอย่างเดียว องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เราต้องได้มาจากทุกทิศทุกทาง มันถึงจะถูกต้อง
การประพฤติการปฏิบัติอริยมรรคมันต้องสมบูรณ์ด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่ความจำต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะความถูกต้อง เป็นอย่างนี้ ความจริงเป็นอย่างนี้ เรียกว่ารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ รู้ความจริง รู้อริยสัจสี่ รู้เหตุรู้ปัจจัย
ชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ความเป็นมาตรฐาน เราทั้งหลายเป็นมนุษย์ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ถ้าไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต เราทั้งหลายก็เป็นได้แต่เพียงคน
คำว่าคนนี้มันมีหลายภพภูมินะ ภพภูมิของคำว่าคนมี ๓๑ ภพภูมินะ ให้เรารู้เข้าใจ มีภพภูมิอะไรบ้างล่ะ พอพูดให้ฟังพอสังเขปให้เป็นหลักการว่า ในส่วนที่เราเอาความหลงนำชีวิตนี้ เรานี้ถ้าไม่รู้เข้าใจเราจะตกอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ร่างกายของเราเป็นมนุษย์แต่ว่าหัวใจของเราไม่ได้เป็นมนุษย์มันอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้เข้าใจเป็นได้แต่เพียงคนนะ คำว่าคนคือความหลงนำชีวิต มันย่ำต๊อกในความไม่รู้ไม่เข้าใจ ย่ำต๊อกในความหลง มันจะวกวนอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบำเพ็ญพุทธบารมีเพื่อมายกเลิกตัวเอง ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ถึงเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาประกอบด้วยความดี
ให้เราทั้งหลายรู้เข้าใจ ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติความทุกข์ของเราก็ไม่มีอยู่แล้วเพราะเรารู้เราเข้าใจ ให้เราทุกคนพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญนะถือว่าเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติทั้งกายวาจาทั้งมารยาทอาชีพ ต้องมีความตั้งใจมีเจตนา
ถ้าไม่เข้าใจเราก็ย่ำต๊อกในนิติบุคคลตัวตนเราทั้งหลายน่ะ เราจะตกอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่ได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ หัวใจของเรา ก็จัดอยู่ในภพภูมิ ๓๑ นี้แหละ ย่ำต๊อกใน ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
ถ้าเราไม่เข้าใจมันก็จะเป็นอบายมุขอบายภูมิ ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจเอาความหลงนำชีวิต หัวใจของเราก็จะเป็นหัวใจทำร้ายตัวเองที่ไม่รู้ไม่เข้า ความไม่รู้จะระเบิดตัวเองไปในตัวโดยธรรมชาติ เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจนี้มันเป็นระเบิดเวลา ระเบิดตัวเองทำให้เสียเวลาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ หัวใจเค้าเรียกว่าเป็นหัวใจที่บ่อนทำลายความถูกต้อง เป็นผู้ไม่รู้ความจริงไม่รู้อริยสัจสี่
ถ้าเรามองดูดี ๆ ภาพรวมเค้าเรียกว่าหัวใจมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอก มันจะไม่สมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพที่เป็นบริสุทธิคุณ หัวใจมันจะเป็นบ่อนความหลงหรือว่าบ่อนคาสิโน ที่ผู้บริหารประเทศไม่เข้าใจเรื่องบริสุทธิคุณ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งอาชีพ จะเอาความหลงนำชีวิต เรียกว่าอบายมุขอบายภูมินำชีวิตเค้าเรียกว่าหัวใจบ่อนทำลายความถูกต้องเป็นหัวใจบ่อนคาสิโน
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระเยซู พระอัลเลาะห์ หรือศาสนาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ เค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน แต่ความไม่รู้ไม่เข้าใจ รัฐบาลไหนก็จะมาคิดแต่จะตั้งบ่อนคาสิโน มีความเข้าใจผิดมีความเห็นผิด เรียกว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
คิดในใจว่าประเทศสิงคโปร์ประเทศเล็กนิดเดียวเค้าร่ำรวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเล็ก ๆ เค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้าร่ำรวยน่ะ ให้เข้าใจนะ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ เท่ากับอำเภอหนึ่งของเมืองไทยไม่ได้ พื้นที่ในมาเก๊าก็เหมือนกัน ไม่มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรมก็คิดว่าการตั้งบ่อนคาสิโนทำให้รวยได้ เพราะคนมีความโลภความหลงมีเยอะ เราตั้งบ่อนคาสิโน เราก็รวยได้เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน
ให้เรารู้เข้าใจนะ ประเทศไทยเราน่ะกลับมายกเลิกความถูกต้อง เค้าให้มายกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง ยกเลิกสิ่งที่ผิด ไม่เอาความหลงนำชีวิต เราอย่ามอมเมาตัวเอง อย่ามอมเมาคนอื่นด้วยเอาความหลงนำชีวิต
เราทั้งหลายต้องมามีปิติมีความสุขในการเรียนการศึกษาการทำงาน ที่มาเป็นข้าราชนักการเมืองมา เป็นนักบวช ทุกชาติทุกศาสนาต้องพากันรู้เข้าใจ เราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มามีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเรียนหนังสือ มีความสุขในการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เราทั้งหลายจะได้เอาความถูกต้องนำชีวิตเอาความบริสุทธิคุณ ยกเลิกสิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายไม่เข้าใจพากันเข้าใจใหม่นะ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้ทีมีลมปราณ มีบุญมีวาสนามีโอกาส เราต้องเอาโอกาสที่ประเสริฐพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะชีวิตของเราอายุขัยของเรามันอยู่ได้ร่วม ๆ ร้อยปี ร้อยปีคือหนึ่งศตวรรษ ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเอาธรรมนำชีวิต จะอยู่ได้ร่วม ๆ ร้อยปีหรือมากกว่าร้อยปีให้เรารู้เข้าใจ
เราทั้งหลายต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่าเราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ อย่าไปหลงอย่าไปเพลิดเพลินอย่าไปประมาท เพราะทุกอย่างมันไม่จบหรอก
เราต้องรู้เข้าใจสิ่งเหล่านั้นมันมีอยู่ประจำโลก เราต้องรู้เข้าใจ
ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด เพราะปัจจุบันเป็นวาระสำคัญเป็นวาระแห่งการประพฤติการปฏิบัติ
ที่หลวงปู่มั่นท่านตรัสว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสนาที่เป็นบริสุทธิคุณ เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพเป็นบริสุทธิคุณของเช้าวันที่ ๓๐ เดือนเมษายน ก็สมควรแก่เวลา ขอหยุดการบรรยายพระธรรมเทศนาไว้เพียงเท่านี้
เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
---------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๓๐ เมษายน และ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา