๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

เราทุกคนต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ธรรมนี้คือความบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพคือบริสุทธิคุณ

มนุษย์เราต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่เอาความชอบใจไม่ชอบใจนำชีวิต ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เน้นที่ตัวเราทุก ๆ คน พากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อจะได้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ สมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องมีความสมบูรณ์

การที่พวกเราทั้งหลายนี้เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาความชอบนำชีวิต เอาความไม่ชอบนำชีวิต นี้คือวงจรของความไม่รู้ไม่เข้าใจ เป็นความไม่รู้เป็นความไม่เข้าใจ ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เอาความรู้สึกนำชีวิต

พวกเราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้หยุดสิ่งที่จะเป็นวัฏฏสงสารเพื่อจะได้หยุดวงจรในการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อหยุดสัญชาตญาณ

เราทุกคนต้องพากันประพฤติปฏิบัติเอาเอง ไม่มีใครปฏิบัติให้กันได้แทนกันได้ทุกคนต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติเอาเอง เข้าสู่กระบวนการของเหตุของปัจจัย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย

ให้พวกเราเข้าใจนะ เรามีใจแต่ใจของเราเอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต เอาความ ไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่าความหลงนำชีวิต เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ แพทย์จะผ่าตัดสมองเค้าต้องรู้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราอาศัยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ความสงบปัญญามันถึงไปพร้อม ๆ กัน ความรู้ถึงกับคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

เราทั้งหลายต้องพากันรู้ พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะไม่มีความทุกข์เพราะวาระของใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง เมื่อเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาทุกข์มันก็เกิดไม่ได้ เพราะวาระจิตวาระใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง เมื่อเรามีปัญญา ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็หมดไป เมื่อเรามีความสงบความวุ่นวายก็ไม่มี

เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ เราจะไม่ได้เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่เอาความชอบ ไม่ชอบนำชีวิต

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกเราทั้งหลายว่า เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต อย่าไปตรึกในกาม กามก็ได้แก่ตัวตนนี้แหละ อย่าไปตรึกในพยาบาท พยาบาทก็ได้แก่ตัวตนนี้แหละ

ให้พากันรู้ให้เข้าใจ ให้รู้วัฏฏสงสาร แล้วให้รู้จักหยุดวัฏฏสงสาร

เราทั้งหลายน่ะจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ตามอายุขัยของเราอายุขัยของเราความเป็นมนุษย์นี้หนึ่งศตวรรษคือร่วมร้อย  ๆ ปี

เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เพราะอันนี้เป็นกรรม เป็นกฎแห่งกรรม เป็นผลของกรรม ความรู้ความเข้าใจนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

เราเรียนหนังสือ ถึงหนังสือนั้นจะมากมายก่ายกอง กองใหญ่เท่ากับภูเขายิ่งกว่าภูเขา มันสำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ความจำ มันอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจนะ การที่เราค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ จะค้นคว้าคนเดียวหรือเป็นทีมเวิร์คเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ ข้อสำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายก็สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ

ความรู้ความเข้าใจนี้ถึงสำคัญนะ ไม่ใช่ความจำสำคัญนะ ความรู้ความเข้าใจนี้สำคัญ เราทั้งหลายจะได้เข้าใจว่า เราทั้งหลายน่ะเกิดมาทำไม เรื่องความเกิดนั้น มันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย ด้วยความรู้ความเข้าใจแล้วปฏิบัติตามความรู้ความเข้าใจ ความเข้าใจที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่เอาธรรมนำชีวิตไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต มันถึงเป็นวัฏฏสงสาร

ถ้าเรารู้เราเข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่อมาหยุดกงกรรมกงเกวียน หยุดความไม่ถูกต้อง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเราต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

ทำเหมือนไก่ฟักไข่นี้แหละ ไกฟักไข่น่ะใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงจะออกมาเป็นลูกไก่น้อย จะฟักด้วยแม่ของไก่หรือจะฟักด้วยไฟฟ้าอุณหภูมิพอดีก็ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์

ให้รู้เข้าใจ สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ มันถึงอยู่ที่ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ความไม่รู้ไม่เข้าใจเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ

หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายมีภพภูมิ ๓๑ ภพภูมิ ๓๑ ภพภูมิเป็นภพภูมิที่พวกเราพากันเวียนว่ายตายเกิด เราจะได้มีปัญญาสัมมาทิฐิ ว่าเราเกิดมาเพื่อมาสร้างบารมี เพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิต เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อเข้าสู่หลักการอุดมการณ์ เพราะทุกอย่างนั้นอยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเพราะบำเพ็ญพุทธบารมีเป็นเวลาช้านานหลายล้านปีหลายอสงไขยได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ตรัสรู้วันเพ็ญ  ๑๕ ค่ำ วันพระจันทร์เต็มดวง พระพุทธเจ้าประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์สู่มหาปรินพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เป็นวันเดียวตรงกันหมด

ท่านตรัสรู้ใหม่ ๆ ได้ส่งสาวกผู้ที่ได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ท่านส่งออกไปเผยแผ่เพื่อให้ประชากรของโลกรู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะมนุษย์เราไม่รู้เหตุไม่รู้ปัจจัย พากันเอาความหลงนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต ใครก็ทุกข์กันทั้งนั้นแหละ

เด็กก็มีความทุกข์ หนุ่มสาวก็มีความทุกข์ คนกลางคนก็เป็นทุกข์ คนแก่คนเฒ่าคนชราก็เป็นทุกข์ คนจนคนรวยก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะตัวตนนั้นน่ะคือความทุกข์ ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากความทุกข์ไม่มี หาเรื่องหาราวให้กับตัวเองหาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงส่งพระอรหันต์สาวกออกไปบอกกล่าวประชาชน ให้ประชาชนพากันเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต

เราจะเอาความหลงนำชีวิตไม่ได้ เราจะเอาสายมูสายหลงนำชีวิตไม่ได้ ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันคือเหตุคือปัจจัยต้องพากันรู้เข้าใจ ทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติได้ ถ้าใครสมองยังดีอยู่สมองไม่เสีย ไม่วิกลจริต พากันทำได้ปฏิบัติได้ คนที่ทำไม่ได้ก็คือคนวิกลจริต คนสมองเสียสมองพิการทางส่วนราชการเค้าถึงไม่เอาเรื่องกับคนบ้า คนเสียจริต ทางฝ่ายพระศาสนาก็ไม่เอาเรื่องเอาราว

ทุก ๆ คนพากันประพฤติพากันปฏิบัติได้หมดน่ะ ไม่มีใครปฏิบัติไม่ได้ ให้พากันรู้ให้พากันเข้าใจ พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เน้นที่ตัวของบุคคลนั้นเอง

อย่างพระพุทธเจ้าก็เน้นที่พระพุทธเจ้า อย่างพระเยซูก็เน้นที่พระเยซู อย่างพระนบีมูฮัมหมัดก็เน้นที่พระนบีมูฮัมหมัด ทุกคนต้องเน้นที่ตัวของเราเอง  เพราะทุกคนน่ะต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความรู้สึกนำชีวิตไม่ได้ ต้องเอาธรรมนำชีวิต สิ่งเหล่านี้ถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่ใช่ศีล ไม่ใช่สมาธิ ไม่ใช่ปัญญา มันจะเป็นความรู้สึก มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน

ชีวิตของเราน่ะมันจะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยความรู้ความเข้าใจ เราต้องเข้าใจด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ มันก็เป็นปกติธรรมดา เรามีตามันถึงมีรูป มีหูมันถึงมีเสียง มีจมูกถึงมีกลิ่น มีลิ้นถึงมีรส เรามีกายถึงมีสัมผัส เรามีใจมันถึงมีเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องอารมณ์

เราต้องรู้เข้าใจ เพราะสิ่งเหล่านี้เค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าเป็นประภัสสรน่ะ เป็นใหญ่เฉพาะตัวเฉพาะตนน่ะ ทำหน้าที่ของเค้า เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้เหตุรู้ปัจจัย เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม จะไม่ได้ไปตามความรู้สึก จะไม่ได้ไปตามความหลง เราถึงจะเป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา มีธรรมมีธรรมนูญหมุนไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านส่งสาวกออกไปเผยแผ่บอกประชาชน ประชาชนทุกคนต้องรู้ต้องเข้าใจ จะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตที่ท่านส่งสาวออกไปเผยแผ่เมื่อตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรัพยากรแห่งความเป็นพระอรหันต์ขีณาสพมีน้อย ท่านให้ไปทางละรูปอย่าไปหลายรูป เพื่อไปบอกไปสอนความจริง ให้ประชาชนรู้เข้าใจ เพื่อประชาชนจะได้เข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญ ประชาชนทั้งหลายมหาชนทั้งหลายเค้าจะได้ไม่มีความทุกข์ ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอไม่เข้าถึงความพอดี

เราทั้งหลายน่ะเป็นพระได้เหมือนกันทุก ๆ คนให้รู้ให้เข้าใจ เราทั้งหลายไม่ต้องไปหาพระที่ไหนนะ เราต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ เพื่อความสมบูรณ์ในการประพฤติการปฏิบัติ เข้าถึงปัจจุบัน เข้าถึงปัจจุบันธรรม ปัจจุบันต้องเป็นธรรมต้องยุติธรรม เรียกว่าบรรลุธรรม ยกเลิกตัวตนเค้าเรียกว่าบุคคลบรรลุธรรม คือเอาธรรมนำชีวิต คือบุคคลบรรลุธรรม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าบรรลุตัวตน

ให้ทุกคนเข้าใจ เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาความชอบไม่ชอบนำชีวิตเค้าเรียกว่าบรรลุตัวตน บรรลุธรรมเค้าเรียกว่าเอาธรรมนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เห็นคุณเห็นประโยชน์ในเรื่องของศีลของสมาธิของปัญญา เอาธรรมนำชีวิต เข้าถึงพระนิพพานด้วยความรู้ความเข้าใจในปัจจุบันเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราก็คิดว่าการบำเพ็ญบารมีเพื่อมรรคผลพระนิพพานในอนาคตกาลข้างหน้าโน้นเทอญ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่าอย่างนั้นท่านให้เอาที่ปัจจุบัน เราจะได้รู้ว่าปัจจุบันเราต้องรู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราต้องเข้าถึงพระนิพพาน เข้าถึงศีลเข้าถึงสมาธิเข้าถึงปัญญา ยกเลิกความไม่ถูกต้องด้วยเจตนาด้วยความตั้งใจ

เดือนนี้เป็นเดือนวิสาขะ เดือนพฤษภาเป็นเดือนวิสาขะ เป็นเดือนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน เมื่อเรายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาต่าง ๆ นั้นจะหมดไปทันที ปัญหาเรื่องกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพมันจะหมดไปทันที

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านส่งพระอรหันต์ขีณาสพไปเผยแผ่ ให้ไปทางละรูป ไม่ให้ไปพร้อมกันหลายรูป เพราะการยกเลิกตัวตนนี้ทุกอย่าง มันจะไม่มีปัญหา เพราะเราไม่มีปัญหาน่ะ ที่เรามีปัญหาที่กล่าวมา เพราะเราเอาความรู้สึกนำชีวิต เอาสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตนนำชีวิตเราถึงมีปัญหา  

           

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับสาวกที่ไปเผยแผ่ว่าไปบ้านโน้นเมืองนี้ประชากรของโลกเค้าดุนะ

เวลาเค้าว่าให้เรา เราจะทำอย่างไร ด้วยความรู้ความเข้าใจ สาวกอรหันต์ก็ตอบว่าก็ดีกว่าเค้าตี

เวลาเค้าตีจะทำอย่างไร ก็ดีกว่าเค้าใช้ศัตรา

เวลาเค้าใช้ศัตราจะทำอย่างไร ก็ดีกว่าเค้าฆ่า

เวลาเค้าฆ่าจะทำอย่างไร ก็ดีกว่าเราฆ่าเค้า

ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้แหละมันจะไม่มีปัญหา ให้เข้าใจนะปัญหานี้เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้จักปัญหา ถ้าเรายกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง ทุกอย่างนั้นไม่มีปัญหาเลย  ธรรม ธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่มันยกเลิกปัญหา มายกเลิกนิติบุคคลตัวตน มายกเลิกสิ่งที่มีปัญหา คำว่าพระต้องเข้าใจ ก็คือพระธรรมคือพระวินัยคือธรรมนูญ  คำว่าพระมีความหมายอย่างนั้น ทุกคนก็ทำหน้าที่บริสุทธิคุณของหน้าที่ของตัวเองทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ยกเลิกความรู้สึกที่มันไม่ถูกต้อง เพื่อก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจทุกอย่างนั้นก็จะไม่มีปัญหา

การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นความรู้ความเข้าใจ เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่เรามองดูต้นไม้ต้นหนึ่งที่เรามองเห็นด้วยตา ต้นไม้ต้นนั้นต้องได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ ไม่ใช่ได้อาหารมาจากรากอย่างเดียว ต้นไม้ต้นนั้นต้องได้อาหารมาจากทางกิ่งทางก้านทางใบตลอดยอดของต้นไม้รอบปริมณฑล ได้อากาศได้แสงแดดได้ออกซิเจน ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะสมบูรณ์ด้วยวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุต่าง ๆ

ธรรมะเป็นธรรมชาติเป็นประภัสสร ความรู้ความเข้าใจเอาธรรมนำชีวิต กายวาจากิริยามารยาทอาชีพมันจะเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ทุกอย่างนั้นจะไม่มีปัญหา มันจะตั้งอยู่ในความถูกต้องตั้งอยู่ในความพอดี มันจะเป็นปัญญาเป็นความสงบ

เหมือนแพทย์ผ่าตัดสมองต้องมีปัญญาต้องมีความสงบ เหมือนแพทย์ผ่าหัวใจมีปัญญามีความสงบ เหมือนเค้าแหย่รูเข็มเล็ก ๆ มันก็มีความสงบมีความนิ่งเพราะรู้เข็มมันเล็กนิดเดียวมันจะเป็นความสงบเป็นความพอดี เรารู้เข้าใจ เราอยากได้มากมันก็ไม่มากมันก็เท่าเก่า เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อยมันก็เท่าเก่า ต้องรู้เข้าใจเราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ

พระพุทธเจ้าส่งสงฆ์สาวกออกไปเผยแผ่ ส่งพระอัสสชิออกไปเผยแผ่ พระอัสสชิ ผู้ที่เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตก็มีความสวยสดงดงามทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ยกเลิกตัวตน มองดูแล้วก็สง่างาม พระสารีบุตรมองเห็นพระอัสสชิด้วยตาด้วยความสง่างาม จึงได้ตรัสถามพระอัสสชิว่า ท่านทำไมสง่างาม ใครเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน ท่านเลื่อมใสในพระธรรมคำสั่งสอนของใคร พระอัสสชิตรัสว่าเราเพิ่งเป็นผู้บรรพชาอุปสมบทใหม่ มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะอธิบายธรรมให้ลึกซึ้งได้ เพิ่งเป็นผู้บวชใหม่ พระสารีบุตรผู้บำเพ็ญสาวกบารมีมา ได้ตรัสว่าไม่ต้องเอาลึกซึ้ง เอาพอเข้าใจน่ะ พระอัสสชิก็บอกว่าทุกอย่างคือเหตุคือปัจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุ กายวาจากิริยามายาทอาชีพมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้รู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี นี้เป็นหลักการ  เป็นอุดมการณ์อุดมธรรมของสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตรรู้เข้าใจได้บรรลุธรรม เป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้นคือเป็นพระโสดาบัน

เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจว่าเราเกิดมาทำไม เราเกิดมาเพื่อหยุดความทุกข์ หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ เราเรียนหนังสือก็เพื่อรู้เข้าใจ เราต้องมีความสุขในการเรียนหนังสือ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เสียสละ เพราะว่าการเสียสละนี้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาประกอบด้วยความดี

มนุษย์เราคือผู้ประเสริฐต้องเสียสละ ถ้าไม่เสียสละมันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน ให้รู้เข้าใจ คนไม่เสียสละนั้นถึงเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญาไม่มีศาสนา

ศาสนานี้คือสัมมาทิฐิความเห็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะเป็นมรรคเป็นอริยมรรค ศาสนาทุกศาสนาก็ใช้หลักการอย่างนี้อันเดียวกันนี้แหละ ศาสนาทุกศาสนา คือความเข้าใจเรื่องอริยสัจสี่คือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาใจการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องถึงจะเป็นพระศาสนา ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งบุคคลนั้นคือบุคคลที่ไม่มีพระศาสนานะ ถึงเราจะถือศาสนาต่าง ๆ นั้นก็คือบุคคลที่ไม่มีศาสนา คือบุคคลที่ไม่มีธรรมนูญ จะเป็นบุคคลที่เป็นนิติบุคคลตัวตน พระศาสนานี้เป็นสิ่งที่มายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน พระศาสนานี้เป็นบริสุทธิคุณมายกเลิกตัวตน

พวกเราทั้งหลายต้องพากันมารู้จักพระศาสนา ศาสนาก็คือรู้เรื่องอริยสัจสี่คือรู้เรื่องทุกข์ เรื่องเหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ แล้วก็พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต

พวกเราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจเรื่องพระศาสนา พระศาสนาคือเป็นหลักการเพื่อมายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อทุกศาสนาจะได้มีพระนิพพาน ศาสนาทุกศาสนา มีพระนิพพานหมดนั่นแหละ ไม่ใช่มีเฉพาะศาสนาใดศาสนาหนึ่งนะ

ศาสนาเป็นชื่อของศาสนานั้น ๆ แต่ความหมายของพระศาสนาคือพระนิพพานนะ ถึงมีศัพท์ว่าพระนิพพานเป็นบริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ พระนิพพานคือบ้านของเรานะ ไม่ใช่ความหลงคือบ้านของเรานะ ความหลงมันจะเป็นบ้านได้อย่างไรเพราะมันเป็นความหลง

ให้รู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัย คำว่าพระนี้ หมายถึงพระศาสนานั่นแหละ พระวินัยเข้าสู่รายละเอียด ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพเพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรค มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่ความเป็นพระเข้าสู่พระศาสนา

เราทั้งหลายน่ะอย่าไปคิดเหมือนแต่ก่อนนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเอาธรรมนูญนำชีวิต

พระศาสนานี้เป็นความรู้ความเข้าใจเป็นอริยมรรคเพื่อมายกเลิกความไม่ถูกต้อง เราทั้งหลายน่ะ จะได้เข้าใจสิ่งที่มีคุณมีอุปการะคุณ เราทั้งหลายจะไม่ได้แบกภาระแบกอวิชชาแบกความหลงพาไป เราทุกคนน้ำหนักแต่ละคนมันก็หนักอยู่แล้ว เรายังจะแบกความหลงแบกตัวแบกตนอีกไม่ได้

ต้องรู้เข้าใจ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อย่าเป็นผู้แบกของหนักพาไปแบกความหลงพาไป

เราทั้งหลายอยู่ด้วยการแบกอวิชชา แบกความหลงพาไปนะ

เราต้องรู้เข้าใจเราจะได้ปล่อยเราจะได้วาง เราจะได้เข้าถึงธรรมถึงปัจจุบันธรรม เราอย่าให้ความหลงครองชีวิต อย่าให้โลกมันครองชีวิต

คำว่าโลกก็คือไวรัสนะ คำว่าโลกคือตัวตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันหนักมากมันทุกข์มาก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าอยู่ที่มัณฑะเลย์ห่างไกลจากกรุงเทพมหานครร่วมพันกิโล อยู่ไกลมาก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

ให้เราทั้งหลายรู้เข้าใจว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี้มันหนักมาก ตึกใหญ่ ๆ มีหลายตึกหลายสิบตึกน่ะ ล้อมรอบตึกสตง. ใหญ่กว่าสูงกว่าเค้าไม่พังทลาย เพราะความแข็งแรง ความเป็นมาตรฐาน Strength (ค่ากำลังอัดคอนกรีต) เค้าสูงกว่า ได้มาตรฐานกว่า เค้ารับน้ำหนักแผ่นดินไหวที่มัณฑะเลย์ประเทศพม่าได้เค้าไม่พัง ไม่ใช่ตึกต่าง ๆ เค้าไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ เค้าโกงกินอยู่ แต่ว่ามันน้อยกว่า

บุคคลที่ไปแก้ที่ปลายเหตุไม่ได้แก้ที่ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน ไม่เป็นมรรคไม่เป็นอริยมรรค ทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กันไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอก ชีวิตมันก็พังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

ให้รู้เข้าใจ เพราะตัวตนมันคือทุจริต ใครมีตัวมีตนคือบุคคลที่ทุจริตให้เข้าใจนะ ตัวตนคือทุจริต ไม่ยกเว้นใครเลย ข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชน ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือบุคคลที่ทุจริต คือบุคคลที่พัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ไม่พัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพที่เป็นธรรม เป็นธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญ

ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายถึงจะได้เน้นมาที่ตัวของเราเอง ให้พากันรู้เข้าใจ เมื่อไม่รู้เข้าใจแล้วมันก็ปัญหาไม่ได้ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะไปแก้แต่ภายนอก มันก็เป็นอบายมุขอบายภูมิ มันก็อยู่ในภพภูมิ ๓๑ ภพภูมิ มันไม่รู้อริยสัจสี่ หัวใจก็จะตกต่ำด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เพราะมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ

ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะระเบิดความถูกต้อง ทำลายความถูกต้อง หัวใจมันจะเป็นอบายมุขอบายภูมิ มันจะเป็นหัวใจแห่งความหลง เป็นหัวใจบ่อนคาสิโน ตัวตนเค้าเรียกว่าเค้าเรียกว่าหัวใจบ่อนคาสิโนนะ

เรามีความเห็นผิดเข้าใจผิด เอาความหลงนำชีวิต ไปแก้แต่สิ่งภายนอก พัฒนาแต่วิทยาศาสตร์ไม่พัฒนาตัวเอง ไปความสุขจากความหลง เอาความสุข จากความไม่ถูกต้อง มันเป็นหัวใจแห่งความหลง หัวใจบ่อนคาสิโน

เราเข้าใจแบบคนสุดโต่ง เรามองเห็นประเทศสิงคโปร์เค้าร่ำรวย มองเห็นมาเก๊าเค้าร่ำรวยเพราะเค้าสร้างบ่อนคาสิโน เราทำไมปล่อยให้ตัวเองโง่มาตั้งหลายปี เมืองไทยทำไมปล่อยให้ตัวเองโง่มาตั้งหลายปี เราน่าจะเอาบ่อนคาสิโนมาให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เราคิดเรื่องวิทยาศาสตร์คิดแต่เรื่องทางวัตถุ เราไม่เอาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อม ๆ กัน ชีวิตของเราก็พังทลายเหมือนตึก สตง. ให้รู้เข้าใจ

เราคิดดูดี ๆ นะประเทศสิงคโปร์ประเทศเล็กนิดเดียวสู้อำเภอหนึ่งของเมืองไทย มาเก๊าประเทศจีนสู้อำเภอหนึ่งของประเทศไทยก็ไม่ได้ พื้นที่ประเทศเค้าน้อย ไม่มีที่ทำเกษตรกรรมอุตหสากรรม เค้าคิดในใจว่าคนในโลกนี้มีความหลงงมงาย เอาความหลงนำชีวิต ถึงประเทศเราน้อยไม่เป็นไรเพราะคนมีความโลภเยอะ เราทำบ่อนคาสิโนเราก็รวยได้ เค้าถึงตั้งบ่อนคาสิโน

ให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นแหละมันไม่ถูกต้อง เรามอมเมาตัวเองด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ มอมเมาคนอื่นด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ศาสนาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ มายกเลิกบ่อนคาสิโนให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ไม่เอาความหลงนำชีวิต จะได้ไม่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจนะ อย่าเห็นดีเห็นหลงไปด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ

เดือนนี้ก็เป็นเดือนวิสาขะ เป็นเดือนแห่งพุทธะ ให้พวกเรารู้เข้าใจเราจะได้เอาความถูกต้องกลับคืนมา เอาพระนิพพานบ้านของเรากลับคืนอมา เอาศีลเอาสมาธิ เอาปัญญากลับคืนมา พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐเป็นผู้ที่มีลมปราณให้รู้เข้าใจ มันจะมีประโยชน์อะไรเอาความหลงนำชีวิตที่จะมีชีวิตอยู่เป็นร้อย ๆ ปีพันปีหมื่นปีแสนปีมันจะมีประโยชน์อะไร

เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า เราทั้งเป็นผู้มีลมปราณเป็นผู้ประเสริฐ เราทั้งหลายต้องรู้ความจริงรู้อริยสัจสี่เอาธรรมนำชีวิต

ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญแห่งการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ให้เข้าใจ ท่านทั้งหลายอย่าพากันหลง อย่าพากันเพลิดเพลินอย่าไปประมาท

ปัจจุบันเป็นวาระสำคัญแห่งการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตนี้มันตั้งอยู่บนรากฐานของเหตุปัจจัย เราต้องประพฤติปฏิบัติเข้าสู่มาตรฐาน เข้าสู่ มอก. เข้าสู่มรรคเข้าสู่อริยมรรรคด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความดับทุกข์ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ มีความสงบมีความเย็นเป็นพระนิพพานในปัจจุบัน พระนิพพานถึงเป็นบ้านของเรานะ

 

-----------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

 เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

 ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 94,980