๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพุธที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตเพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ให้เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เอาทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ เอาทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

ทุกคนน่ะพากันทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ อย่าให้ขาดตกบกพร่องด้วยตั้งใจ  ด้วยเจตนา โฟกัสมายังที่ปัจจุบัน ความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติให้ชัดเจน พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาให้เต็มที่ในการประพฤติการปฏิบัติ

 

พวกเราทั้งหลายพากันรู้นะ ถ้าไม่มีปิติไม่มีสุขไม่มีเอกัคคต าเราจะพากันเป็นโรคซึมเศร้า

 

ให้พากันรู้พากันเข้าใจในธรรมในสภาวธรรม ถ้าไม่มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติมันจะเป็นโรคซึมเศร้า

 

การประพฤติการปฏิบัตินั้นมันไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้นนะ ไม่มีข้อแก้ตัวนะ เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความพอดีความพอเพียงเพียงพอ มีความสงบมีปัญญา ความสงบกับปัญญานี้มันจะเป็นความพอเพียงเพียงพอ

 

 ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่เอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิต ไม่เอาความชังนำชีวิต  ผู้ที่เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาความชอบไม่ชอบนำชีวิตนั้นคือนิติบุคคลตัวตน มันเป็นวัฏฏสงสาร มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

นิติบุคคลที่มีความรู้สึกที่เป็นตัวเป็นตน มันเป็นสัญชาตญาณพาพวกเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร การที่เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร มันเป็นความเห็นไม่ถูกต้อง เป็นความเข้าใจไม่ถูกต้อง มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ยังเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจในธรรมในสภาวธรรม ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ได้บรรลุนิภาวะ ยังเอาความหลงนำชีวิตอยู่ ยังเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตอยู่

 

เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ จะได้พัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ พัฒนาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ไม่พัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อความหลงน่ะ

 

เราทั้งหลายต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้วยความรู้ความเข้าใจว่า มนุษย์เราทั้งหลายต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อจะได้เอาธรรมนำชีวิต เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องไปจากเหตุจากปัจจัย ถ้าเราไม่มีการพัฒนา เราก็อยู่ในระนาบเก่า

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ดี การพัฒนาวิทยาศาสตร์กับพัฒนาใจนั้นต้องไปพร้อม ๆ กัน ไปพร้อมกันเสมอกันระหว่างวัตถุกับเรื่องจิตเรื่องใจต้องเสมอกันไป ระหว่างความสงบกับปัญญา ปัญญากับความสงบต้องไปพร้อม ๆ กัน บุคคลเช่นนี้ถึงเรียกว่าเป็นผู้รู้เข้าใจ เป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะ

 

กายวาจากิริยามารยาทอาชีพถึงจะเป็นบริสุทธิคุณ เพราะกายวาจากิริยามารยาทอาชีพนั้น ให้เราคิดดูดี ๆ นะ มันเป็นเพียงอุปกรณ์หรือว่าเป็นกรรมกรในการประพฤติในการปฏิบัติ

 

ความรู้ความเข้าใจที่เป็นปัญญาสัมมาทิฐินี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ของชีวิต ถ้าเราไม่รู้เข้าใจไม่อย่างนี้ เราจะเอาการประพฤติการปฏิบัติที่เป็นกรรมเป็นกฎของกรรม ที่เป็นอุปกรณ์เป็นกรรมกรในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐนั้นได้อย่างไร

 

กรรมกรที่เป็นอุปกรณ์ต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิเพื่อจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ก้าวไปด้วยความถูกต้อง เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ปฏิบัติที่สมควร ก้าวด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะเข้าถึงความพอดี ความเพียงพอพอเพียง

 

 ก้าวไปด้วยความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพนี้มันเป็นความสงบเป็นปัญญาเป็นคุณค่าที่ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์

 

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐนะ ให้พากันรู้เข้าใจ เพื่อจะได้รู้คุณค่าที่ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์

 

อายุขัยของความเป็นมนุษย์ขณะนี้เวลานี้ ได้มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน อยู่ได้ ๑ ศตวรรษ ศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราดำเนินชีวิตมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ชีวิตของหมู่มวลมนุษย์จะอยูได้มากกว่าร้อยปีนะ

 

เราทั้งหลายพากันประพฤติปฏิบัติ ดำเนินชีวิตด้วยความรู้ความเข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติในการปฏิบัติ มีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตนี้มันจะเป็นศิลปะด้วยความรู้ความเข้าใจนั้น เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม จะไม่ให้ความรู้สึกนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต

 

หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ปัญญาสัมมาทิฐิที่รู้ที่เข้าใจ เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง มันจะเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม การประพฤติการปฏิบัติก็จะเข้าสู่ธรรมเข้าสู่อุดมการณ์อุดมธรรม

 

ความไม่ประมาท ความไม่หลง ความไม่เพลิดเพลินด้วยความรู้ความเข้าใจ เราเอาความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อหยุดสัญชาตญาณในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารของเราทุก ๆ คน เพื่อจะเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม ความไม่ประมาทเห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะหยุดสัญชาตญาณ การประพฤติการปฏิบัติของเราถึงจะเข้าถึงความสงบ เข้าถึงปัญญาไม่ขาดตกบกพร่องน่ะ

 

ที่เราสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย เป็นคนแก่คนเฒ่าคนชราคนเจ็บคนตายคนพลัดพราก สำคัญว่าเราดีกว่าเค้าเก่งกว่าเค้าเรารวยกว่าเค้า เรามีเพาเวอร์มากกว่าเค้าหรือว่าเสมอเค้าหรือสู้เค้าไม่ได้ มันจะจบไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ นี้มันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรมที่ให้พวกเรารู้เข้าใจ ที่มันเป็นกรรมเป็นกฎของกรรมเป็นกระบวนการของปฏิจจสมุปบาท ทุกอย่างมันเป็นกระบวนการของเหตุของปัจจัย ของปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายเวียนว่ายตายเกิด ทั้งฝ่ายหยุดเวียนว่ายตายเกิดนั้นมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย

 

 องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีมาตรัสรู้ มารู้แจ้งหลักเหตุผล รู้เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย มารู้กระบวนการของปฏิจจสมุปบาท ทั้งฝ่ายเวียนว่ายตายเกิด ทั้งฝ่ายหยุดเวียนว่ายตายเกิด

 

รู้แจ้งเรื่องวัตถุ มารู้แจ้งเรื่องจิตเรื่องใจ เราทั้งหลายพากันจับหลักให้ได้ จับประเด็นให้ได้ เราจะได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม จะได้ไม่พากันเสียเวลาในการประพฤติการปฏิบัติ ตั้งใจตั้งเจตนา

 

 มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เราทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ ให้สมบูรณ์ทั้งวิทยาศาสตร์ให้สมบูรณ์ทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต

 

เรามาพัฒนาทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันเพื่อความไม่มีทุกข์ มีแต่ปิติ มีแต่ความสุขมีแต่เอกัคคตา เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยวาง เพราะสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ถือว่าเกษียณแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้

 

เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจว่าความถูกต้องที่เป็นบริสุทธิคุณ ที่พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ ที่เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ไม่ได้ตัดออกไม่ได้เอามาเพิ่มมันคือความพอดี

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์ถึงจะมีแต่คุณ การพัฒนาใจถึงจะมีแต่คุณ เพราะทำ ความดีก็เพื่อความดีไม่หวังอะไรตอบแทน การรักษาศีลก็เพื่อบริสุทธิคุณไม่หวังอะไรตอบแทน การทำสมาธิก็เพื่อบริสุทธิคุณ ยกเลิกนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔  ไม่หวังอะไรตอบแทน

 

การเจริญปัญญาทั้งฝ่ายวิทยาศาสตร์ทั้งฝ่ายเรื่องจิตเรื่องใจก็เพื่อปัญญาบริสุทธิคุณไม่หวังอะไรตอบแทน

 

ความรู้ความเข้าใจ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันจะหยุดวัฏฏสงสาร ความบริสุทธิคุณที่ไม่หวังอะไรตอบแทน มันจะเป็นความสงบเป็นปัญญา มันจะเป็นความพอเพียงเพียงพอมันจะเป็นความพอดี

 

ให้เราทั้งหลายเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราทั้งหลายเป็นผู้ที่โชคดี

 

เราทั้งหลายมีความเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากที่เป็นข้อสอบที่เป็นโจทย์ในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีการเกิดแก่เจ็บตายพลัดพราก เราก็ไม่มีโจทย์ไม่มีข้อสอบ

 

เราทั้งหลายถึงถือว่าเราเป็นผู้ที่โชคดีที่มีโจทย์มีข้อสอบให้เราได้ประพฤติได้ปฏิบัติ

 

เราต้องรู้จักโจทย์ รู้จักข้อสอบนะ เราทั้งหลายต้องขอบใจความเกิดความแก่ ความเจ็บความตายความพลัดพราก ขอบใจสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เปิดโอกาสให้เวลาในการประพฤติการปฏิบัติของเรา

 

ความรู้ความเข้าใจในเรื่องโจทย์ในเรื่องข้อสอบ ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ บุคคลเช่นนี้เรียกว่าบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ

 

 ความเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากให้ถือว่าเป็นโจทย์เป็นข้อสอบ เราเป็นผู้โชคดีที่จะได้มีข้อสอบน่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้จักข้อสอบนะ ความแก่เจ็บตายพลัดพรากสุขทุกข์เป็นธรรม  เป็นสภาวธรรม เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ ว่าอันนี้มันคือธรรมคือสภาวธรรมว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นประภัสสร

 

ความเกิดมันก็เป็นประภัสสร ความแก่มันก็เป็นประภัสสร ความเจ็บไข้ไม่สบายก็เป็นประภัสสร ความพลัดพรากจากไปก็เป็นประภัสสร ทุกอย่างก็ได้ทำหน้าที่เป็นใหญ่ของแต่ละอย่าง

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องความเป็นประภัสสร ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็หมุนไปตามสิ่งแวดล้อม ความหมุนไปนั้นคือความไม่สงบ

 

เราทั้งหลายต้องไม่หมุนไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่หมุนไปตามผัสสะ

 

สมถะนั้นคือความสงบ ศีลถึงเป็นสมถะถึงเป็นความสงบ สมาธิถึงเป็นสมถะ เป็นความสงบ อริยมรรคที่มีองค์แปดที่เป็นปัญญาสัมมาทิฐิถึงมีอยู่ในอริยมรรค      ทุกมรรคน่ะที่มีความสงบเป็นพื้นฐาน ที่มีสมถะเป็นพื้นฐาน ศีลถึงเป็นพื้นฐาน สมาธิถึงเป็นพื้นฐาน เพื่อให้การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเป็นกระบวนการเป็นกระแส เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิคุณ

 

มนุษย์เราถึงพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน

 

การประพฤติการปฏิบัติให้เรารู้เข้าใจ เราปฏิบัติอย่างเดียวเราจะได้สองอย่าง ได้ทั้งสมถะทั้งวิปัสสนา ได้ทั้งความสงบได้ทั้งปัญญา ได้ทั้งวิทยาศาสตร์ได้ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน

 

ความรู้ความเข้าใจที่เป็นสัมมาทิฐินี้มันถึงไม่ใช่ความจำ มันเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ  ที่เราไปเรียนหนังสือ จุดมุ่งหมายของการเรียนหนังสือเพื่อรู้เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่ความจำนะ เพื่อความรู้ความเข้าใจ

 

การที่เราไปพัฒนาวิทยาศาสตร์ จะพัฒนาคนเดียวหรือเป็นทีมเวิร์คจุดมุ่งหมายก็เพื่อให้เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

 

การฟังบรรยายก็เพื่อความรู้ความเข้าใจเพื่อให้เกิดปัญญา เพื่อให้เรารู้เราเข้าใจ เพื่อจะได้เป็นมรรคเป็นอริยมรรคทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ เพื่อจะเป็น บริสุทธิคุณ

 

การประพฤติการปฏิบัติถึงเน้นที่เจตนาไม่เพลิดเพลินไม่ประมาท มีความสุขมีเอกัคคตานำชีวิต เพื่อทุกจิตทุกชีวิตทุกวิญญาณด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายจะไม่มีความทุกข์จะไม่มีความเครียด ชีวิตของเราก็จะได้มีแต่ปิติ มีแต่ความสุข จะได้ไม่มีความทุกข์ใจ จะไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ภาษาหมอในปัจจุบันนี้เค้าเรียกความทุกข์ว่าโรคซึมเศร้า

 

เราทุก ๆ คนน่ะพากันตั้งใจตั้งเจตนาปฏิบัติเน้นมาที่ตัวของเรานี้แหละ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เน้นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพผู้ฟังพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เน้นที่ตัวท่าน

 

เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจนะ การประพฤติการปฏิบัติต้องเน้นตัวของเราเอง ทุก ๆ คน ถึงจะเป็นการปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ ด้วยความรู้ ความเข้าใจนี้การปฏิบัติธรรมถึงเป็นการรู้อริยสัจสี่ มีความตั้งใจตั้งใจเจตนา ไม่มีการปฏิบัติต่อหน้าและลับหลัง

 

ให้พวกเราทั้งหลายรู้นะ ตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชราที่เป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง ที่มียศมีตำแหน่ง นี้มันเป็นตำแหน่งที่เค้าแต่งตั้งเค้ารับรองนะ เค้าแต่งตั้งเค้ารับรองเป็นลายลักษณ์อักษร ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

เราทั้งหลายถึงเน้นมาที่ใจที่เจตนา การที่เค้าลงโทษปรับไหมคุมขังหรือประหารชีวิต เค้าจะเน้นที่เจตนา เน้นที่ความตั้งใจ เช่น เราเดินไปเหยียบสัตว์ตัวน้อย ๆ ทำให้สัตว์นั้นตายไป ไปเหยียบมดเหยียบปลวกเหยียบแมลงต่าง ๆ อย่างนี้เป็นต้น

 

ให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายพากันรู้นะ ว่าเราไม่มีเจตนาที่จะทำให้สัตว์นั้นมันตายถือว่าไม่ได้ตั้งใจอย่างนี้ไม่บาปนะ

 

เราไม่ได้ตั้งใจตั้งเจตนา เราสำรวมระวังด้วยความตั้งใจตั้งเจตนาอยู่อย่างนี้ถือว่าไม่บาป เหมือนครั้งพุทธกาลพระจักขุบาลทำความเพียรไม่นอน ถืออิริยาบถในการไม่นอน

 

เรื่องกฎหมายบ้านเมือง เรื่องพระศาสนา เขาเน้นที่ใจเน้นที่เจตนา

 

การปฏิบัติธรรมนั้นให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจ ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

เราทั้งหลายต้องเน้นที่ใจที่เจตนา การปฏิบัติธรรมถ้าเรารู้เข้าใจมันก็ง่ายขึ้น  เพราะเราเน้นที่ใจที่เจตนา เค้าถึงไม่เอาเรื่องกับคนบ้า เพราะคนบ้าสมองมันเสีย การปฏิบัติธรรมเราต้องเน้นที่ใจของเรา ต้องตั้งใจตั้งเจตนา

 

การประพฤติการปฏิบัติมันก็จะเข้าใจง่ายขึ้น การปฏิบัติของเรามันติดต่อต่อเนื่อง มันก็จะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมเพราะเรามีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมเป็นธรรมนูญ

 

การปฏิบัติธรรมของเรามันถึงจะเป็นคนทันโลกทันสมัยทันกาลทันเวลา เพราะการปฏิบัติธรรมเน้นที่ใจที่เจตนา ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ ชีวิตของเรามันก็จะไปไม่ได้ มันไม่ใช่การแก้ปัญหา มันเป็นการสร้างปัญหา เพราะมันเป็นความไม่ถูกต้อง ชีวิตของเรามันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.

 

----------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันพุธที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 94,990