๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่ อริยสัจสี่ก็ได้แก่รู้เหตุรู้ปัจจัย พระอรหันต์ทุกรูปคือผู้ที่รู้อริยสัจสี่ รู้เหตุรู้ปัจจัย พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน ไม่ไปตามผัสสะ ตามตาหูจมูกลิ้นกายใจ เป็นผู้ที่เอาปัญญาสัมมาทิฐินำชีวิต เพื่อดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เอาธรรมนูญนำชีวิต ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติพรหมจรรย์เถิด

 

พรหมจรรย์นั้นหมายถึงธรรมนูญ พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กันทำอย่างเดียวให้เกิดประโยชน์สองอย่าง ให้เกิดประโยชน์ทางวัตถุและเกิดประโยชน์ทางจิตใจอย่างนี้เรียกว่าธรรมนูญ ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่เอาความชอบไม่ชอบนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อชีวิตของเราเป็นพรหมจรรย์ เป็นบริสุทธิคุณ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามอารมณ์ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์แล้วอุดมธรรม ปฏิบัติตัวเองบริหารตัวเองเรียกว่าธรรมนูญ ทั้งปฏิบัติตนเองแล้วก็สอนคนอื่นบอกคนอื่นเรียกว่ารัฐธรรมนูญ

 

มรรคผลนิพพานมีอยู่ในปัจจุบัน ที่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ผู้ที่บรรลุธรรมคือผู้ที่เอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาความรู้สึกนำชีวิต เรียกว่าผู้บรรลุธรรม เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เรียกว่าบรรลุธรรม

 

สิ่งต่าง ๆ นั้นมีอยู่ ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นไม่มี

ถ้าเราคิดดูดี ๆ น่ะ เราจะไปเอานิพพานเมื่อตายแล้วมันไม่ถูกต้อง

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ความดีกับปัญญาสมบูรณ์ สติคือความสงบเป็นสมถะ สัมปชัญญะคือตัวปัญญา สองอย่างนี้ไปพร้อม ๆ กัน เป็นบริสุทธิคุณ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เป็นเซทเดียวกัน แยกกันไม่ได้

 

ชีวิตนี้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต ไม่มีความทุกข์ ไม่เป็นโรคซึมเศร้า ไม่เป็นทุกข์ ความทุกข์นี้ภาษาแพทย์ภาษาหมอเรียกว่าโรคซึมเศร้า คืออันเดียวกัน เป็นผู้รู้ธาตุรู้ขันธ์ รู้อายตนะ รู้เรื่องอดีต

 

พระพุทธเจ้ารู้เรื่องอดีต รู้เรื่องปัจจุบัน รู้เรื่องอนาคตอย่างหาที่สุด หาประมาณมิได้ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยการบำเพ็ญพุทธบารมีเป็นความดีกับปัญญาติดต่อต่อเนื่องกันหลายล้านชาติหลายล้านปี พระพุทธเจ้าน่ะถึงละกิเลส ละอาสวะ ละวาสนา เป็นผู้ที่มีความสงบมีปัญญา เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน

 

คติธรรมเรามองเห็นแง่มุมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครบถ้วนบริบูรณ์

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตรครั้งแรกก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสให้ชาวโลกรู้ว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าพระตถาคตเจ้าจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราคิดดูดี ๆ นะนี้เป็นความเต็ม เป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา เป็นทั้งปัญญาเป็นทั้งความสงบ มันเป็นความพอดีความเพียงพอ มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นทั้งธรรมนูญดำเนินชีวิตของตัวเอง เป็นทั้งรัฐธรรมนูญปกครองผู้อื่น

 

เราทั้งหลายน่ะต้องเข้าใจความเป็นพระนะ ความเป็นพระนั้นมันอยู่ที่เรารู้เข้าใจ แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะพระนี้มันต้องสมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ สมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจต้องสมบูรณ์ มันต้องเต็ม ๆ ๆ ๆ ไม่มีความบกพร่อง ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจความเป็นพระมันเป็นอย่างนี้

 

พระนี้แหละมันมีอยู่ ๒ อย่าง ๒ ประเภท พระแต่งตั้งกับพระที่รู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

ให้พวกเราเข้าใจในความเป็นพระ พระนั้นคือพระธรรมคือพระวินัย

 

เราไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เราทำตามธรรมนูญ ปกครองตนเองด้วยธรรมนูญ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องเป็นธรรมนูญ ถ้าไม่เป็นธรรมนูญมันหยุดสัญชาตญาณไม่ได้ หยุดนิติบุคคลตัวตนไม่ได้

 

สัญชาตญาณคืออะไร..?

สัญชาตญาณคือเอาความรู้สึกเป็นเราเป็นเค้า มีความรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา คนเป็นคนตายคนพลัดพราก เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นสมณะชีพราหมณ์เป็นอะไรต่อเป็นอะไร อย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณ

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจ ทำให้สัตว์โลกทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจได้เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต ไม่ได้เอาความรู้ความเข้าใจนำชีวิต มันเลยเป็นวัฏฏสงสารเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ภพภูมิต่าง ๆ มีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราทั้งหลายน่ะพากันเข้าใจนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่เรารู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อเป็น   บริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ โดยที่รู้เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ

 

ผู้ที่รู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเรียกบุคคลเช่นนั้นว่า สมณะที่ ๑ ที่ ๒  ที่ ๓ ที่ ๔ สมณะก็คือผู้ที่สงบระดับ ๑ ระดับ ๒ ระดับ ๓ ระดับ ๔

 

ความสงบกับปัญญานี้ไปพร้อมกัน สองอย่างนี้แยกกันไม่ได้ สมถะกับวิปัสสนาแยกกันไม่ได้

 

ความรู้ความเข้าใจนี้เหมือนเรามองดูต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นนั้นเค้าต้องได้อาหารจากรากจากใบจากกิ่งสาขาจากยอดตลอดปริมณฑล แสงแดดอากาศ ออกซิเจน ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะได้รับวิตามินโปรตีนเกลือแร่ต่าง ๆ ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

ความรู้ความเข้าใจนี้เรียกว่า อริยมรรค กายวาจากิริยามารยาทอาชีพน่ะ ต้องเอามาใช้เอามาปฏิบัติในปัจจุบันด้วยความไม่เพลิดเพลินไม่ประมาท

 

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เธอทั้งหลายจงอย่าประมาท อย่าไปเพลิดเพลิน ต้องรู้เข้าใจ เพราะการประพฤติการปฏิบัติมันเป็นวาระแห่งชาติ มันเป็นวาระแห่งชาติทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ

 

ต้องเข้าใจ เธอทั้งหลายอย่าพากันประมาท

ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะใครก็ปฏิบัติให้กันไม่ได้ เธอผู้นั้นต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติของเธอเอง

 

ความหมายอย่างนี้ อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็เน้นที่พระพุทธเจ้า อย่างพระอรหันต์ขีณาสพได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งผิดทั้งถูก ทั้งไม่ดีไม่ชั่วไม่ผิดไม่ถูก ท่านก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราเป็นใครที่ไหนก็ปฏิบัติของเราเอง

 

ความรู้ความเข้าใจนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราไปเรียนหนังสือนี้ ความมุ่งหมายของการเรียนหนังสือนี้ถึงหนังสือจะมากมายก่ายกองกองใหญ่เท่าภูเขาหรือใหญ่มากกว่าภูเขานี้ความมุ่งหมายอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การพัฒนาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้วิทยาศาสตร์ก้าวไปด้วยดียิ่งๆ  ขึ้นไปมันอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การฟังธรรมทั้งหลายหรือการฟังการบรรยายมันอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจนี้ มันเป็นแสงสว่างทางปัญญา

 

มนุษย์เราเค้ามีตาเนื้อตาหนังตามังสจักษุและต้องมีตาปัญญาไปพร้อม ๆ เพื่อพัฒนาวัตถุพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ

 

เราทั้งหลายพากันเข้าใจนะเราจะได้รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรู้ ได้ส่งพระอรหันต์ขีณาสพออกไปเผยแผ่บอกว่าให้ไปทางละรูปเดียวกัน อย่าพากันไปหลายรูปน่ะ เพราะว่าทรัพยากรของพระอรหันต์มีน้อย

 

เพราะพระอรหันต์น่ะคือผู้ที่หยุดวัฏฏสงสารเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะไม่ทำอะไรไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีแต่ความสงบ มีแต่ปัญญา หัวใจของท่านเย็นยิ่งกว่าติดแอร์คอนดิชั่น จิตใจของท่านสงบอบอุ่น เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี

 

เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านตรัสแก่พสกนิกรชาวไทยและชาวโลกว่า เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิตเราทั้งหลายต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราอย่าไปลิดรอนสิทธิต่าง ๆ ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราต้องรู้เข้าใจเราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พัฒนาใจพัฒนากายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพบริสุทธิคุณน่ะ ไม่เอาความสุขจากความหลง ไม่เอาความสุขจากความทุกข์ของผู้อื่น เป็นผู้ที่ไม่ประมาท ไม่เพลิดเพลิน เป็นผู้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ให้เรารู้เข้าใจ ปัญญากับความสงบมันต้องควบคู่กันไป

 

เหมือนแพทย์ผู้มีปัญญาที่ผ่าตัดสมองน่ะ สมองของมนุษย์นี้หรือว่าสัตว์ทั้งหลายมันมีเส้นประสาทเล็กน้อยใหญ่ แพทย์ผู้ผ่าตัดต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสรีระและต้องมีความสงบ

 

ความสงบกับปัญญามันถึงไปพร้อม ๆ กันอย่างนี้ เราทั้งหลายถึงจะเข้าถึงธรรม  ถึงฆราวาสธรรม ไม่ประมาทในกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ

 

พระอรหันต์น่ะถึงไปที่ไหนแบบไม่มีปัญหา เพราะกายวาจากิริยามารยาทอาชีพยกเลิกความไม่ถูกต้อง มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ไปที่ไหนหัวใจเย็นกว่าแอร์คอนดิชั่น มีความสงบมีความอบอุ่นน่ะ เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงส่งพระอรหันต์ไปเผยแผ่ธรรมะ ไม่ได้ไปเผยแผ่ความหลง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ใช่เผยแผ่ธรรมนะ มันไปเผยแผ่ความหลง มันไปเพื่อไปเอา ไปมี ไปเป็น เพื่อไปเอาของคนอื่น มันไม่ได้ไปเผยแผ่ธรรมะนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเผยแผ่ธรรมะ พระอรหันต์ขีณาสพผู้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเผยแผ่ธรรมะ ท่านไม่เอาอะไร ท่านเป็นผู้เสียสละเป็นผู้ให้

 

วันหนึ่งคืนหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบรรทมท่านพักผ่อนวันละ ๔ ชั่วโมง นอกจากนั้นทำพุทธกิจแก่โลกน่ะ วันละ ๒๐ ชั่วโมง

 

ความรู้ความเข้าใจนี้มันเป็นปิติเป็นสุขเป็นเอกัคคตา มันเป็นการปล่อยวาง เป็นผู้ที่ไม่แบกความหลงพาไป

 

เราต้องรู้เข้าใจในความเป็นพระนะ เราจะเป็นฆราวาสก็เป็นพระได้ เป็นนักบวชก็เป็นพระได้ เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองก็เป็นพระได้ เป็นพระราชามหากษัตริย์เป็นประธานาธิบดีก็เป็นพระได้

 

ต้องรู้เข้าใจ พระคือพระธรรม พระคือพระวินัย คือธรรมนูญไม่ใช่นิติบุคคลตัวตนให้เข้าใจอย่างนี้ เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจในความเป็นพระ ถ้าเรายังทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยเอาความรู้สึกนำชีวิตถึงจะบวชเป็นพระถูกต้องตามกฎหมายมีลายเซ็นต์อย่างนี้ก็เป็นพระได้แก่กาย แต่วาจากิริยามารยาทอาชีพใจนั้นไม่ได้เป็นพระนะ

 

การประพฤติการปฏิบัติมันถึงเป็นความสมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพสมบูรณ์ทั้งใจ มันถึงเริ่มมาจากใจ การประพฤติการปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีลับหลังและต่อหน้า เป็นผู้ที่ยกเลิกต่อหน้าและลับหลัง

 

ให้พวกเรารู้เข้าใจนะ ถ้าเรามีอะไรที่เป็นนิติบุคคลตัวตนมีต่อหน้าและลับหลังนั้นอย่างนี้ถือว่ายังไม่ใช่นะ มันเป็นการจัดฉากน่ะ ไม่ใช่ศีลไม่ใช่สมาธิไม่ใช่ปัญญาไม่ใช่ธรรมนูญ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

ให้พวกเราทั้งหลายรู้กรรมรู้กฎของกรรมรู้ผลของกรรม กายวาจากิริยามารยาทอาชีพมันคือกรรมคือกรรมกร

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องกฎของกรรมเรื่องผลของกรรม ต้องรู้เข้าใจเราจะได้หยุดกรรมที่ทำให้เราเวียนว่ายตายเกิด

 

ศีลทั้งหลายน่ะ ประชาชนทั้งหลายต้องมีศีลมีศิลปะแห่งชีวิต

 

ศีลของพระย่อยละเอียดลงไปอีก มีสิกขาบทน้อยใหญ่

 

ให้เรารู้เข้าใจ อันนี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์เป็นอุดมธรรมเพื่อจะให้เรามายกเลิกด้วยความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ศีลสมาธิปัญญาถึงเป็นกรรมกร กรรมกับกรรมกรก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ

 

เราไปเห็นแต่กรรมกรที่ทำงานหนักก่อสร้าง กรรมกรนี้มีอยู่กับเรานะ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนี้มันเป็นกรรมกร มันเป็นอุปกรณ์

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้ว่ากรรมกรนี้ไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ที่เรานี้เอง ก่อนที่เราไม่ได้ทำน่ะเราเป็นนาย เมื่อเราทำไปแล้วเราเป็นลูกน้องนะ หรือว่าเราเป็นบ่าว

 

ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดสัญชาตญาณ ด้วยความรู้ความเข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยนี้เป็นพระศาสนาที่ให้เรามาหยุดกรรม หยุดการกระทำเพื่อหยุดผลของกรรม มามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ความทุกข์ของเรามันก็ไม่มีอยู่แล้ว

 

เราจะเดินทางไกลเราก็ต้องใช้ปลีแข้งสองข้างก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้สมัยใหม่ก็เพิ่มขึ้นไปอีก เค้าก็ต้องอาศัยเรืออาศัยเครื่องบินอาศัยรถ อยู่บนบกบนอากาศก็ต้องอาศัยรถอาศัยเครื่องบิน ถ้าทางน้ำทางทะเลมหาสมุทร ก็อาศัยเรือยนต์เรือขนานยนต์ขนาดใหญ่เพื่อความปลอดภัยน่ะ

 

ความรู้ความเข้าใจนี้มันเป็นยาน การประพฤติการปฏิบัติกับความรู้นี้มันเป็นเซทเดียวกันแยกกันไม่ได้ ต้องไปพร้อม ๆ กัน

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจว่าธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ส่วนตนเรียกว่าธรรมนูญ คนอื่นเรียกว่ารัฐธรรมนูญถึงเป็นสิ่งที่มีอุปการคุณมากมีคุณมีประโยชน์มาก เราอย่าไปมองข้ามสิ่งที่ถูกต้อง

 

ถามว่าจะเรียนอะไรดี ศึกษาอะไรดี ทำงานอะไรดี เราเรียนอะไรศึกษาอะไร ทำอะไรต้องรู้เข้าใจ เรียนอะไรศึกษาอะไรทำอะไรมันคือความดับทุกข์ทั้งหมด คือมรรคคืออริยมรรคมันเป็นหนทางที่ประเสริฐ เอาธรรมนูญนำชีวิตคือหนทางที่ประเสริฐ ต้องรู้เข้าใจ

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันเห็นแก่ตัว ไม่ได้ข้ามธรรม ไม่ได้ข้ามธรรมนูญ ไม่ปรับเข้าหาธรรม เข้าหาธรรมนูญ เราทั้งหลายถึงรู้เข้าใจ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพของเราต้องสมบูรณ์ด้วยธรรมด้วยธรรนูญเราทำอะไรก็ไม่มีทุกข์เพราะเรารู้เข้าใจ

 

พระธรรมพระวินัยที่เรารู้เข้าใจนี้มันจะเป็นพระนิพพานทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพมันเป็นความสมดุล มันเป็นการบำเพ็ญบารมีที่เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นการบำเพ็ญปัญญาที่ประกอบด้วยความดี

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้นะ เรารู้เข้าใจอ่านออกเขียนได้ เมื่อรู้เข้าใจอ่านออกเขียนได้ เราก็ปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง เหมือนพระอรหันต์น่ะ ท่านรู้เข้าใจอ่านออกเขียนได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาจะไปที่ไหนทำอะไรก็ไม่มีปัญหา

 

ความดีที่ประกอบด้วยปัญญายกเลิกสิ่งที่เป็นนิติบุคคลตัวตนมันจะไม่มีปัญหา

 

เราทั้งหลายต้องพากันพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันให้สมบูรณ์  ให้สมบูรณ์ให้บริบูรณ์ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละ มันถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาตัวเราเองก็มีประโยชน์ มหาชนทั้งหลายก็มีประโยชน์เป็นประโยชน์ตนและของคนอื่นด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจนะ จะได้หยุดสัญชาตญาณจะไม่ได้ไปตามสัญชาตญาณ สัญชาตญาณแห่งความหลง มันเป็นยานแห่งความหลง

 

เราทั้งหลายจะพากันเป็นพระได้ทุก ๆ คน

 

ศาสนาพุทธก็เป็นพระได้ ศาสนาคริสต์ก็เป็นพระได้ ศาสนาอิสลามก็เป็นพระได้ ศาสนาพราหมณ์ฮินดูซิกส์ก็เป็นพระได้ คนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็เป็นพระได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เน้นมาที่ตัวของเราเองนี้แหละ

 

หนึ่งคืนหนึ่งเอาความสงบกับปัญญาไปพร้อมๆกัน เพราะธรรมชาตินี้สมบูรณ์ดีนะ กลางวันแสงพระอาทิตย์ ๑๒ ชั่วโมง กลางคืนมันไม่มีแสงอาทิตย์มันมืด มันเป็นความสงบเป็นปัญญา มันจะสมดุลกันพอดี มันเป็นการพักผ่อนและการทำงาน ธรรมชาติมันลงตัวพอดี

 

เราทั้งหลายน่ะต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ อย่าไปลิดรอนสิทธิสิ่งต่าง ๆ น่ะ

 

ให้เข้าใจเรื่องลิดรอนสิทธินะ อย่างเราไม่อยากให้แก่ให้เจ็บให้ตายให้พลัดพรากอย่างนี้เรียกว่าลิดรอนสิทธินะ อย่างนี้ไม่ถูกต้องเพราะความเกิดแก่เจ็บตายมันพลัดพราก มันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

 

เราจะไปลิดรอนสิทธิของธรรมของสภาวธรรมไม่ได้

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาทั้งภายนอกภายในมาเป็นข้อสอบข้อตอบด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

เราต้องขอบใจต่างหากนะ ขอบใจสิ่งแวดล้อมทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่มันเป็นข้อสอบที่ให้เราตอบด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้เรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราต้องเข้าใจ การตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมาตรัสรู้ที่ภพภูมิของมนุษย์นี้

 

มนุษย์นี้มีอายุขัยร่วมหนึ่งศตวรรษหรือร้อยปีมันเป็นความพอดีเป็นความพอเพียง ถ้ามากกว่าแสนปีมันก็ไม่รู้จักพระไตรลักษณ์ ถ้าน้อยเกินมันก็ยังตั้งหลักไม่ได้

 

ภพภูมิมนุษย์นี้เป็นภพภูมิที่พอดี พอเพียงเพียงพอ เป็นภพภูมิที่มาสร้างบารมี ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้นะ

 

ประเทศไทยเมืองไทยพระมหากษัตริย์ไทยให้มีการบวชเป็นสามเณรให้มีการบวชก่อนที่จะรับราชการ เพื่อเป็นหลักการเพื่อเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิตเพื่อทรัพยากรของประเทศ

 

ให้พวกเรารู้เข้าใจ เพราะความเป็นพระมันจะเป็นพระได้ทั้งนักบวชและประชาชนน่ะ ด้วยความรู้ความเข้าใจ การมาบวชได้มาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญามาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง

 

การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องนี้ด้วยการรู้อริยสัจสี่ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

การประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่องตามหลักเหตุหลักผลตามสรีระศาสตร์ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ ๓ อาทิตย์มันจะเปลี่ยนแปลงไป เป็นปฏิปทาเป็นความดี มันจะฝังอยู่ในธาตุในขันธ์ในอายตนะ เรียกว่าเป็นชิฟเป็นเมมโมรี่ที่ฝังอยู่ในสัญญาขันธ์

 

ให้เรารู้เข้าใจ เรามาบวชถึงต้องบวชทั้งกายบวชทั้งวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ อาชีพนักบวชยกเลิกตัวตนถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ยกเลิกการทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เอาข้อวัตรกิจวัตรนำชีวิตมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เรามาทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องเพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เมื่อเราลาสิกขาไปแล้วก็เอาข้อวัตรข้อปฏิบัตินี้ไปประพฤติไปปฏิบัติ เพื่อความเป็นพระ เป็นธรรม เป็นธรรมนูญ เพื่อเป็นตัวอย่างแบบอย่างให้กุลบุตรลูกหลานเพื่อส่งดีเอ็นเอแห่งความดี ดีเอ็นเอแห่งปัญญา เพื่อทรัพยากรของหมู่มวลมนุษย์ที่ต่อยอดทางวิทยาศาสตร์และทางใจไปพร้อม ๆ กัน

 

ความเป็นมนุษย์มันต้องมีวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์นะ มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต ธรรมนูญนำชีวิตอันนี้เป็นวีซ่าของความเป็นมนุษย์นะ เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิตเราทั้งหลายจะพากันหมดวีซ่านะ

 

เราคิดดูดี ๆ เราจะไปเมืองโน้นเมืองนี้ต้องมีวีซ่า เค้ามาเมืองไทยก็ต้องมีวีซ่า

 

อ้อๆๆ เราก็ต้องรู้ว่าถึงบางอ้อน่ะ ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาที่ประกอบด้วยความดีมันต้องติดต่อต่อเนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

มนุษย์เราถึงต้องต่อวีซ่า ไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยบุคคลนั้นหมดวีซ่านะ

 

นางวิสาขามหาอุบาสิกาได้อุปัฏฐากพ่อสามี เทคแคร์บริการพ่อสามี ให้อาหารพ่อสามีอยู่น่ะ เวลาเช้าเป็นเวลาที่สงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาภิกขาจารบิณฑบาต มาถึงบ้านพ่อสามีพร้อมกับนางวิสาขา นางวิสาขารู้ว่าพ่อสามีนั้นเค้าไม่ศรัทาธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา นางวิสาขาถึงได้กล่าวกับพระว่านิมนต์ไปภิกขาจารในที่อื่นเถิด เพราะว่าพ่อสามีกำลังบริโภคของเก่าอยู่ เค้าไม่ถวายภิกขาจารบิณฑบาต

พ่อสามีได้ยินได้ฟังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เอาเรื่องเอาราวใหญ่เลย ขับไล่นางวิสาขาให้ออกจากบ้าน นางวิสาขาได้พูดว่าก่อนจะเอานางมาเป็นลูกสะใภ้ได้มีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ เมื่อนางจะจากไปก็ต้องเช่นเดียวกัน เพื่อจะให้ได้เคลียร์

นางวิสาขาได้กล่าวในที่สมาคมที่มาพร้อมเพรียงกันว่า คำว่าบริโภคของเก่านั้นหมายถึงเอาความหลงนำชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิตไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิตที่เราจะเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะมีความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาประกอบด้วยความดี เมื่อเรามีความดีแล้วตั้งอยู่ในความประมาท ผู้ที่ประมาทตั้งอยู่ในนิติบุคคลตัวตนเรียกว่าเป็นผู้ที่บริโภคความหลงเป็นผู้ที่บริโภคของเก่า

นางวิสาขาได้พูดอย่างนี้หลักการอย่างนี้แหละ พ่อสามีรู้เข้าใจเรื่องของเก่าของใหม่ เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องสภาวธรรม จึงได้ขอโทษขออภัยขออโหสิกรรมลูกสะใภ้

แต่นางวิสาขาบอกว่าให้ไปขอโทษขออภัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโน่น

จึงได้อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยสงฆ์สาวกมารับบิณฑบาต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็แสดงธรรมน่ะ นางวิสาขาก็ใช้ม่านกั้นไม่ให้มองเห็น

 

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบริสุทธิคุณไม่มีอะไรที่จะกั้นได้

 

ความรู้ความเข้าใจมันจะโล่งมันกับคนหายหวัดมันจะโล่งหมด โล่งโปร่งเบาสบายเหมือนคนหายจากหวัดหายจากปวดหัวปวดท้อง มันจะโล่งอย่างนี้ ความรู้ความเข้าใจเอาธรรมนำชีวิตมันจะโปร่งโล่งเบาสบาย เหมือนแต่ก่อนเราเป็นไข้ไม่สบาย เดี๋ยวนี้เราหายไข้หายไม่สบายแล้ว ธรรมะ ธรรมนูญ ถึงเป็นของมีคุณของมีประโยชน์

 

ให้พวกเราทั้งหลายให้เข้าใจนะ เพื่อจะได้หยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน การประพฤติการปฏิบัติของเราถึงจะติดต่อต่อเนื่อง เราทั้งหลายจะได้เห็นคุณเห็นประโยชน์ จะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม หลักการอย่างนี้แหละ

 

ความรู้ความเข้าใจสำหรับผู้ที่มาบวช ก็ต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติเพื่อติดต่อต่อเนื่อง เพื่อเราจะได้บวชทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพบวชทั้งใจ

 

เราอยู่ที่บ้านเราดูหนังฟังเพลงเราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย

 

เรามาบวชน่ะ วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยพระธรรมพระวินัยเพื่อหยุดยานหยุดสัญชาตญาณ ให้เรารู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้ไม่เสียเวลาบวช เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็เสียเวลาบวชนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า กาลเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า อย่าให้เวลามันกลืนกินเรา เราไม่รู้ไม่เข้าใจเวลาก็จะกลืนกินเรา

 

ถ้าเรารู้เข้าใจแล้วมันจะหยุดเวลาด้วยความรู้ความเข้าใจ ความหยุดก็คือความสงบนี้แหละ สงบด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เพื่อติดต่อต่อเนื่องด้วยข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เสียกาลเสียเวลา เพื่อเราเป็นมนุษย์ได้รับวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐ

 

เราต้องเอาความรู้ความเข้าใจมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เวลาเราลาสิกขาไป มันลาสิกขาตั้งแต่ภายนอก กายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ

 

เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เราอย่าเอาความหลงนำชีวิต ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะได้เข้าสู่ทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์

 

ให้เข้าใจนะ ผู้ที่ลาสิกขาบทไปต้องรู้เข้าใจเรื่องพระศาสนา พระศาสนาคือธรรมนูญคือธรรมะ อย่างข้าราชการนักการเมืองเอาไปปกครองคนอื่นเรียกว่ารัฐธรรมนูญ ปกครองทั้งตัวเองทั้งคนอื่น ประชากรของโลก ประชาธิปไตยก็ต้องปรับเข้าหาธรรมนูญรัฐธรรมนูญ สังคมนิยมชมชอบน่ะก็ต้องปรับตัวเข้าหาธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยความตั้งใจเจตนา เต็ม ๆ ๆ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ สมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะ ถ้าไม่เข้าใจแล้วก็จะวกวนย่ำต๊อกอยู่ในความหลงความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายก็จะหมดวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์ ย่ำต๊อกในความหลง

 

คำว่าคนนี้แปลว่าความหลงนะยังไม่ใช่ธรรมนูญรัฐธรรมนูญ คำว่าคนนี้ระคนด้วยอบายมุขอบายภูมิ บุคคลที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นบุคคลที่ไม่มีปัญญาสัมมาทิฐิ เป็นบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ถึงจะเรียนศึกษาจบปริญญาเอก จบ ปธ.๙ เป็นศาสตราจารย์ ก็เรียกว่าเป็นบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะนะ เพราะยังเอาความหลงนำชีวิตอยู่ เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตอยู่ มันยังมีการเวียนว่ายตายเกิดด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ มันยังวกวนอยู่กับความหลง เป็นบุคคลที่ยังบริโภคความหลงบริโภคตัวบริโภคตนเรียกว่าบริโภคของเก่า มันวกวนอยู่ที่เก่า มันเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง

 

ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นทั้งพระดีทั้งพระมีปัญญา ท่านได้ถึงพูดออกจากใจจากพระนิพพาน เพื่อให้มนุษย์พัฒนาทั้งใจพัฒนาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน

 

ท่านถึงกล่าวออกจากใจพระนิพพานว่า มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราจะเต็ม ๆ ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เป็นมนุษย์ได้ด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะเป็นมนุษย์ได้ด้วยปัญญาไม่ใช่ความหลงนะ เราทั้งหลายจะสูงส่งไม่ตกสู่อบายมุขอบายภูมิเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่ความหลงเพราะรู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะเป็นมนุษย์ได้ไม่หมดวีซ่าแห่งความหลงเพราะเอาธรรมนำชีวิตนะ

 

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ชีวิตของเรามันจะเดินทางไม่ถูกต้องนะ มันเป็นชีวิตที่ทุจริต มันไม่ใช่ชีวิตที่สุจริต เดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่า อย่าได้เพลิดเพลินอย่าได้ประมาท ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะปัจจุบันเป็นวาระสำคัญ มันเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ท่านหลวงปู่มั่นที่ท่านตรัสไว้ว่า ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย เป็นผู้ที่ประเสริฐเป็นผู้ที่มีลมปราณ มีโอกาสมีเวลา มีวาสนา จงใช้ชีวิตที่ประเสริฐพากันประพฤติพากันปฏิบัติเพื่อเป็นผู้ปฏิบัติดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้มีปัญญาด้วยความดี เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติสมบูรณ์เป็นแบบเป็นพิมพ์เพื่อส่งดีเอ็นเอที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นประโยชน์ทั้งส่วนตนและมหาชน

 

----------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันจันทร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

รายการล่าสุดที่คุณดู
Visitors: 98,212