๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
ตามหลักการ อุดมการณ์ อุดมธรรม วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของราชการ รัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นหลักการของมนุษย์ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงาน วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุด เพื่อเป็นหลักการดำเนินชีวิต พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
ครั้งโบราณกาลก็มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้
ครั้งโบราณกาลวันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงาน การทำงานกับการปฏิบัติธรรมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำอย่างเดียวได้ประโยชน์ทั้งทางใจ ได้ประโยชน์ทั้งทางวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงาน เน้นเรื่องใจอย่างเดียว ผู้ถือศาสนาพุทธก็พากันไปที่วัด ให้ทานรักษาศีล ประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด ผู้ที่ถือศาสนาคริสต์ก็พากันไปที่โบสถ์ เพื่อไปประพฤติปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกัน ผู้ถือศาสนาอิสลามก็ไปมัสยิด เพื่อไปถือศีลประพฤติปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกัน ผู้ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูซิกส์ก็ไปเทวาลัย เทวถสานเพื่อประพฤติปฏิบัติเช่นเดียวกัน ต่างกันเพียงกาลเวลา
มนุษย์เราใครจะอยู่ที่ไหนก็ใช้หลักการอันเดียวกัน ไม่มีใครยกเว้น ไม่ให้เอาความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบนำชีวิต ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อให้มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
ถ้าเรามีความชอบไม่ชอบนี้ไม่ใช่ธรรมะนะ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน
ให้พวกเราพากันเข้าใจนะ ความชอบหรือไม่ชอบนี้ต้องรู้ไว้ว่าไม่ใช่ธรรมมันเป็นนิติบุคคลตัวตน มันจะทำให้เรามีปัญหานะ มันหาเรื่องหาราวให้กับเรา หาเรื่องหาราวให้คนอื่นนะ
การประพฤติการปฏิบัติของเรา เราต้องเข้าใจ เราทุกคนนั้นถึงจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนั้นไม่ได้ ต้องเอาธรรมนำชีวิต พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่มีปิติไม่มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนก็จะเป็นโรคซึมเศร้า
ในการดำเนินชีวิตของเราน่ะ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต มีความสงบกับมีปัญญา มีปัญญามีความสงบไปพร้อม ๆ กัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อเป็นความเพียงพอพอเพียงเป็นความพอดีเป็นความสมดุล
อันหนึ่งเป็นการพักผ่อน อันหนึ่งเป็นการก้าวไป เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี เพื่อให้เป็นความสมดุล เหมือนวันหนึ่ง ๆ น่ะ กลางวันก็ ๑๒ ชั่วโมง กลางคืนก็ ๑๒ ชั่วโมง มันเป็นความสมดุลมันเป็นความพอดี ธรรมชาตินั้นมันเป็นความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่ได้น้อย เพราะทุกอย่างนั้นเป็นตัวของธรรมชาติเอง
ทุกอย่างนั้นให้เรารู้ให้เข้าใจ ทุกอย่างนั้นมันเป็นเพียงเหตุเพียงปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้เป็นความรู้ธรรมรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง รู้ว่าทุกอย่างน่ะไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่น เป็นธรรมเป็นสภาวธรรม ความรู้ความเข้าใจ ใจของเราจะไม่ได้ไปตามผัสสะ จะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อมที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ ใจของเราถึงไปตามผัสสะ ไปตามสิ่งแวดล้อม ใจอย่างนี้เรียกว่า ใจไม่รู้จัก ใจไม่เข้าใจ ใจไม่รู้เรื่องถึงไปตามผัสสะ ไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นใจที่ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา
เมื่อเรารู้เข้าใจแล้วเราจะรู้การประพฤติการปฏิบัติ รู้ข้อวัตรรู้ข้อปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้เอาปัญญาสัมมาทิฐินำชีวิต ไม่เอาความหลงนำชีวิต
เวลา ๒๔ ชั่วโมง การนอนการพักผ่อนของพวกเราเป็นมนุษย์ ต้องพากันนอน ๖-๘ ชั่วโมง ผู้อยู่เมืองกรุงเมืองหลวง ค่าพีเอ็มของอากาศไม่ดี ต้องพากันนอน พากันพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด อยู่ในที่ไม่แออัด นอน ๕-๖ ชั่วโมงก็เพียงพอ
มนุษย์เราเค้าต้องพัฒนาใจพร้อมกับพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน วิทยาศาสตร์หมายถึงเรื่องวัตถุ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนี้จัดว่าเป็นเรื่องวัตถุ เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ใจตัวผู้รู้เป็นนามธรรม ต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กับทางวิทยาศาสตร์ ทั้งสองอย่างนี้ต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อใจจะได้มีสัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เพื่อเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ในเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ไม่เอาความรู้สึก ไม่เอาความชอบไม่ชอบ
ให้มีปิติให้มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเรามีปัญญาสัมมาทิฐิ ใจของเราจะไม่ถูกกาลเวลามันกลืนกินเรา เราทั้งหลายจะได้หยุดกาลหยุดเวลา ไม่ให้เวลามันกลืนกินเรา
ความรู้สึกที่มันเป็นทางสัญญาที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตนมันกลืนกินเรา ที่เรามีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นนิติบุคคลตัวตน หรือว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นเขาเป็นเรา เป็นคนดีกว่าเค้าเก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า มีปัญญามากกว่าเค้า ความรู้สึกอย่างนี้เค้าเรียกว่าเวลานั้นแหละกลืนกินเรา ให้เราเสียกาลเสียเวลาด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ นี้มันเป็นการเอาความหลงนำชีวิต ไม่ใช่เอาปัญญานำชีวิต กาลเวลามันเลยกลืนกินเรา
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้หยุดกาลหยุดเวลา ด้วยความรู้ความเข้าใจ หยุดด้วยความรู้เข้าใจ ที่มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อหยุดกาลหยุดเวลา
ถ้าเรารู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจนั้นจะเป็นพระนิพพาน จะมาหยุดกาลหยุดเวลา ด้วยความรู้ความเข้าใจ
ศีลนี้ที่เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ สมาธิที่เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ปัญญาที่เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ จะมาหยุดกาลหยุดเวลาด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายน่ะถึงพากันมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สติก็คือความสงบ สัมปชัญญะคือตัวปัญญา มีความสงบพร้อมทั้งมีปัญญาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเราทั้งหลายจะได้หยุดกาลหยุดเวลา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
การประพฤติการปฏิบัติถึงเป็นความเพียงพอพอเพียงเป็นความพอดี มันเป็นรายรับเท่าไหร่ก็จ่ายกลับคืนเท่านั้น
ชีวิตของเรานี้รายรับรายจ่ายมันต้องสมดุลกัน มันถึงจะเป็นความพอเพียงเพียงพอ ถึงจะเป็นความพอดี เป็นชีวิตที่รู้วัตถุรู้ใจไปพร้อม ๆ กัน เป็นชีวิตที่หยุดกาลหยุดเวลา รู้จักว่าความว่างเปล่าจากตัวตนนั้นเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติที่เป็นประภัสสร สิ่งที่จรไปจรมามันชั่วคราวเป็นอาคันตุกะจรไปจรมาชั่วคราว มันจรไปจรมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันจรไปจรมาชั่วคราว
ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ด้วยความรู้ความเข้าใจ มันจะว่างจากสิ่งที่มีอยู่
เราต้องรู้เข้าใจว่า เรามีตามันถึงมีรูป เรามีหูถึงมีเสียง เรามีจมูกถึงมีกลิ่น มีลิ้นถึงมีรส มีกายถึงมีสัมผัส มีใจถึงมีเรื่องจิตเรื่องใจต้องรู้เข้าใจ
ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะหยุดทั้งภายในหยุดทั้งภายนอก มันจะหยุดกาลหยุดเวลาด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะเข้าถึงพระนิพพานด้วยความรู้ความเข้าใจ การเข้าถึงพระนิพพานต้องเข้าถึงด้วยความรู้ความเข้าใจคู่กับการประพฤติคู่กับการปฏิบัติ
การปฏิบัติธรรมนั้นถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มันเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ถ้ามีต่อหน้าและลับหลังนั้นมันเป็นความไม่ถูกต้อง มันเป็นบุคคลที่ไม่รู้เรื่องพระนิพพานน่ะ
พระนิพพานต้องไม่มีต่อหน้าและลับหลัง พระนิพพานถึงเป็นสิ่งที่หยุดความรู้สึก หยุดสัญชาตญาณ หยุดความรู้สึกที่เป็นนิติบุคคลตัวตน
ความหยุดความเข้าใจนี้มันจะไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มันจะเป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ด้วยความรู้ความเข้าใจ รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ รู้จักข้อสอบข้อตอบ เป็นผู้บริโภคธรรม เป็นผู้เอาธรรมนำชีวิต หยุดกาลหยุดเวลาหยุดความหลง
สิ่งภายนอกก็ให้เป็นภายนอกไป สิ่งภายในก็เป็นสิ่งภายในไป
สิ่งภายนอกก็เป็นประภัสสรของสิ่งภายนอก สิ่งภายในก็เป็นประภัสสรของสิ่งภายในด้วยความรู้ความเข้าใจ
พระนิพพานถึงหยุดความชอบหยุดความไม่ชอบ หยุดดีใจเสียใจ มีแต่ความสงบ มีแต่ปัญญา มีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ
จะเป็นมนุษย์ที่ไม่กลัวอะไร ไม่กลัวร้อนไม่กลัวหนาว ไม่กลัวความสุข ไม่กลัวความทุกข์ เพราะรู้จักธรรมรู้จักสภาวธรรม
ด้วยความรู้ความเข้าใจมนุษย์ทั้งหลายจะไม่กลัวอะไร ไม่กลัวความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก เพราะรู้เข้าใจ เพราะทุกอย่างมันคือธรรมคือสภาวธรรม มันเป็นความสงบเพื่อจะหยุดกาลหยุดเวลา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่า การมาระงับสังขารด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญานี้เป็นความสุขอย่างยิ่งด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นธรรมะหยุดกาลหยุดเวลา เป็นความสงบกับปัญญา เป็นบริสุทธิคุณ
การบรรลุธรรมต้องเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ อริยมรรคมีองค์แปดนี้ที่ครบวงจรของชีวิตทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจ ถึงมีปัญญาสัมมาทิฐิ
มนุษย์ทุกท่านน่ะจะบริสุทธิได้ เข้าถึงพระนิพพานได้ด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ ถึงจะหยุดกาลหยุดเวลา ความสงบมันก็ต้องสงบด้วยปัญญา มันเป็นการพัฒนาระหว่างใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน ท่านแสดงในการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยความสมบูรณ์ทั้งความสงบและปัญญา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานระหว่างความสงบกับปัญญา เพื่อความสมบูรณ์ไม่หลงเหลืออยู่ เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติมันเป็นความเต็ม เต็ม เต็ม เป็นความพอเพียงเพียงพอเป็นความพอดี
เราคิดดูดี ๆ นะ ธรรมะเป็นสิ่งที่พอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดีมันเป็นการหยุดปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราคิดดูดี ๆ สิ พระพุทธเจ้าประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธัมมจักรกัปปวัตนสูตรก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ บอกมหาชนทั้งว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ละธาตุละขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราคิดดูดี ๆ มันเป็นความพอดีเป็นความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นความสมดุลระหว่างวัตถุกับใจ
ประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญเดือน ๖ ถ้าจะมองให้เห็นด้วยปัญญา เดือน ๖ ก็หมายถึงอายตนะภายใน ๖ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ๖ อายตะภายนอก รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ก็ ๖ น่ะ
รู้เข้าใจ นี้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เราคิดดูดี ๆ นี้ก็คือความพอดีความพอเพียงเพียงพอ
มนุษย์ทั้งหลายน่ะต้องพากันรู้เข้าใจว่าเราทุกคนจะเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรมนั้นไปไม่ได้ เราต้องรู้กรรมรู้กฎแห่งกรรมรู้ผลของกรรม ไม่มีใครเก่งเหนือกรรมไปได้
เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เรารู้เราเข้าใจ แน่ใจมั่นใจว่าเราต้องเอาธรรมนำชีวิต ถึงจะหยุดปัญญา ถึงจะแก้ปัญหา ถึงจะหยุดกาลหยุดเวลาได้ หยุดภพหยุดชาติได้ ด้วยความรู้ความเข้าใจ
มนุษย์เราน่ะอายุขัยของมนุษย์อยู่ได้ร่วม ๆ ศตวรรษหนึ่งนะ มนุษย์เราที่เอาธรรมนำชีวิต พัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ที่เป็นความดีเป็นบารมีที่ประกอบด้วยปัญญาอยู่ได้ศตวรรษ ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอยู่ได้มากกว่าศตวรรษหนึ่งมากกว่าร้อยปี
มนุษย์เรายิ่งพัฒนาวิทยาศาสตร์ด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้มีปิติมีความสุขในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งอายุยืนนะ
ในชีวิตประจำวันของเราน่ะ เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ เรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเราจะได้หยุดกาลหยุดเวลา มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ต้องก้าวไปอย่างนี้ จะไม่ได้เสียกาลเสียเวลา
ถ้าเรามีสติพร้อมกับมีสัมปชัญญะมันจะหยุดโลกได้ หยุดโลกธรรมได้ โลกธรรม ไม่มาทำเรา เดี๋ยวนี้โลกธรรมมันทำเรา ทำให้เรามีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไปนอกจากทุกข์ไม่มี
โลกธรรมมันทำเราน่ะ เราต้องหยุดให้โลกมันทำเรา ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดกาลหยุดเวลา หยุดด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
การปฏิบัติธรรมต้องรู้เข้าใจ การปฏิบัติธรรมนั้นถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้าเรามีต่อหน้าและลับหลังนี้คือถูกโลกธรรมมันทำเรานะ
เรารู้เราเข้าใจ เพื่อให้ชีวิตของเราไม่ให้โลกธรรมมันทำเราน่ะ ให้เรารู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้มีแต่คุณ ไม่มีโทษ ไม่ประมาท ไม่เพลิดเพลินด้วยความรู้ความเข้าใจ เรามีปัญญามากเราก็ต้องมีความสงบมากควบคู่กันไป เพราะเรามีการเรียนการศึกษา มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์เราก็เป็นคนฉลาด แต่คนฉลาดนั้นก็ต้องมีความสงบ
ถ้าเราเป็นคนเก่งคนฉลาดไม่มีความสงบมันก็แก้ปัญหาไม่ได้ ความสงบถึงเป็นคู่ความฉลาด ถึงเป็นความพอดี เป็นความพอเพียงเพียงพอ
ชีวิตของเราน่ะถึงจะเป็นชีวิตที่ใหม่สด ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตของเรามันจะใหม่สด มันจะบริโภคธรรมะ บริโภคของใหม่ของสดน่ะ
ตัวตนนี้ไม่ใช่ของใหม่ของสดนะ ความชอบไม่ชอบนี้ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ของสดนะ
จะพูดให้เห็นแง่มุมในเรื่องของใหม่ของเก่าให้เข้าใจในเรื่องแง่มุมให้เกิดปัญญา เมื่อครั้งนางวิสาขากำลังเทคแคร์ดูแลอุปถัมภ์อุปัฏฐาก อำนวยความสะดวกสบายให้อาหารพ่อผัวที่ปรุงมาแล้วใหม่ ๆ ให้บริโภคอยู่ขณะนั้น มีพระภิกษุมาภิกขาจารอาหารบิณฑบาต (ให้ผู้บรรยายเล่าเรื่องของนางวิสาขาที่บอกกับมิคารเศรษฐีว่าบริโภคของเก่า)
คำว่าของเก่านี้ก็เราบริโภคความหลง เราเอาความหลงนำชีวิต
ให้เราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ ว่าเราเอาธรรมนำชีวิต หรือว่าเอาตัวตนนำชีวิตน่ะ ถ้าเราเอาตัวตนนำชีวิตเรียกว่าบุคคลที่บริโภคของเก่า ชีวิตของเรามันจะย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า มันจะไปไหนไม่ได้ มันจะย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า มันจะเป็นได้แต่เพียงความหลง
การประพฤติการปฏิบัติของเรามันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมด้วยการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติถือว่ามันเป็นไฟต์ มันเป็นการชิงแชมป์ระหว่างโลกุตตระธรรมระหว่างกับโลกียธรรม มันเป็นการชิงแชมป์นะ
ให้เรารู้เข้าใจว่าชีวิตของเราคือการชิงแชมป์นะ ระหว่างโลกธรรมกับโลกุตตระธรรมน่ะ
กายวาจากิริยามารยาทอาชีพและใจนี้มันคือการชิงแชมป์นะ มันคือหนึ่งเดียวนะ
เราต้องรู้เข้าใจน่ะ เพื่อเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันจะได้เป็นของใหม่ของสดน่ะ
ความเข้าใจกับการปฏิบัติธรรมมันถึงไปพร้อม ๆ กัน เพราะว่ามันเป็นการชิงแชมป์ เอาชีวิตเป็นเดิมพันนะ ชีวิตของเราในการเดินทางมันคือการชิงแชมป์
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกพวกเราทั้งหลายว่าอย่าได้ประมาท
เรามาคิดดูดี ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมถึงพูดอย่างนั้น เพราะชีวิตของเราคือการชิงแชมป์นะ เพราะเรามาคิดดูดี ๆ น่ะใจของเรามันก็คิดได้ทีละอย่าง คำพูดเราก็พูดได้ทีละอย่าง กิริยามารยาทมันก็ได้ทีละอย่าง อาชีพของเราก็ได้ทีละอย่าง ทุกอย่างมันเป็นวาระมันเป็นการชิงแชมป์น่ะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกพวกเราทั้งหลายว่าเราอย่าได้ประมาท ชีวิตของเรามันต้องสดมันต้องฟอร์มสดมันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบัน ชีวิตของเราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ มันถึงจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมถึงจะเป็นธรรมนูญ ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะย่ำต๊อกอยู่ในความหลง มันไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน มันจะชิงแชมป์ไม่ได้นะ
การปฏิบัติธรรมมันถึงไม่ใช่เป็นคนเซ่อ ๆ ไม่ได้เป็นมนุษย์เซ่อ ๆ เบลอ ๆ นะ มันเป็นการชิงแชมป์นะ มันเป็นการหยุดสัญชาตญาณ มันเป็นการหยุดภพชาติด้วยการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง
การปฏิบัติของเราต้องติดต่อต่อเนื่อง เหมือนลมหายใจ เราไปอยู่ที่ไหนทำอะไรเราก็ต้องหายใจติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย ความรู้ความเข้าใจของเราน่ะถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง เพราะชีวิตของเราคือการชิงแชมป์นะ
ให้เรารู้เข้าใจ ชีวิตของเรารู้ตื่นเบิกบานด้วยปิติด้วยความสุขเอกัคคตา ก้าวไปด้วยปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัตินี้เป็นความดีเป็นความถูกต้อง
เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา เมื่อมันผ่านไปแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ให้เราปล่อยเราวาง เพราะมันผ่านไปแล้วมันเกษียณแล้ว ถ้าเราไม่ปล่อยไม่วางมันก็มีหนี้มีสิน
ต้องปล่อยวาง อย่าให้อดีตที่ผ่านมามันปรุงแต่งเราได้ ถ้าให้อดีตมันย้อนมาปรุงแต่งเราได้แสดงว่าเรามีหนี้มีสินนะ ใจของเราก็จะไม่อยู่กับความสด ไม่อยู่กับธรรมไม่ได้อยู่กับปัจจุบันธรรม เรายังมีความยึดมั่นถือมั่น ไม่อยู่กับธรรมกับปัจจุบันธรรม
ให้เรารู้เข้าใจการปฏิบัติธรรมคือการชิงแชมป์นะ คือความสง่างามนะ สง่างามทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ นี้เป็นพระนิพพาน เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราอาศัยหลักการอาศัยอุดมการณ์อุดมธรรมเพื่อเข้าสู่หลักในการประพฤติการปฏิบัติ
เราจะมีประโยชน์อะไรล่ะ มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพื่อเอาความหลงนำชีวิต เอาโลกธรรมนำชีวิต มันไม่มีประโยชน์อะไร
เราต้องรู้เข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่อรู้เข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารของเราด้วยความรู้ความเข้าใจ เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็หาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่นความไม่รู้ไม่เข้าใจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่ามันหาเรื่องน่ะ ศัพท์นี้กินใจมากลึกซึ้งมาก มันหาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่นเรียกว่าตัณหา หาเรื่องหาราว
ถ้าจะพูดสมัยใหม่ให้เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจก็เปรียบเสมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ
เราต้องรู้เข้าใจเราจะได้ชิงแชมป์คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
เรามีลมปราณมีอายุขัยที่ประเสริฐน่ะ เราต้องเอาความรู้ความเข้าใจนี้มาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง
การประพฤติการปฏิบัติมันต้องติดต่อต่อเนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา
ไก่มันฟักไข่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกลูกมาเป็นไก่เล็กไก่ตัวน้อยน่ะ จะฟักด้วยแม่ของไข่หรือฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลาเดียวกันนั่นแหละคือ ๓ อาทิตย์
การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องทั้งทางวิทยาศาสตร์ทั้งทางจิตใจมันจะเป็นชิฟเป็นเมมโมรี่ที่ฝังอยู่ในธาตุในขันธ์ในสัญญาขันธ์ในอายตนะ
ให้รู้เข้าใจ ทุกคนไม่อยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรมนะ
ให้รู้ให้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตของเรามันจะเสียหายนะ จะเสียแชมป์นะ เดี๋ยวมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง. ของเมืองไทย อยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตของเราทั้งหลายมันก็ต้องพังทลาย เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต หัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชีย เพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่าเราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโนมายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นไฟต์นะ มันเป็นการชิงแชมป์ระหว่างโลกธรรมกับโลกุตตระธรรมนะ
ให้มนุษย์ทั้งหลายรู้เข้าใจว่า ความถูกต้องนั้นคือความเป็นประภัสสร ความเป็นประภัสสรคือพระนิพพาน พระนิพพานคือบ้านของเรานะ
สิ่งที่สัญจรไปมา ผ่านไปมาไม่ใช่บ้านของเรานะ
---------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้นำมาบรรยายในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา