๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันพุธที่ ๑๑ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
การประพฤติการปฏิบัติธรรมของเราทุก ๆ คน หมายถึงเราทุก ๆ คน ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เราทั้งหลายต้องปรับตัวเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ เข้าหาข้อวัตรกิจวัตร ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่เอาความชอบความชังนำชีวิต เราเอาธรรมนำชีวิต นี้เป็นสัมมาทิฐิความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง นี้คือการหยุดสัญชาตญาณที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร เราเอาความรู้สึกนำชีวิต เอาความชอบความชังนำชีวิต เค้าเรียกสัญชาตญาณ
เราทั้งหลายพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ความดีกับปัญญาต้องควบคู่กันไป ความดีจะปราศจากปัญญานั้นไม่ได้ ปัญญาจะปราศจากความดีไปไม่ได้ ปัญญากับความดีมันเป็นความพอเพียงเพียงพอ ทุก ๆ คนต้องพากันประพฤติปฏิบัติตัวเอง ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติแทนกันได้ เพราะเป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา
การปฏิบัติถึงไม่มีคำว่าชอบไม่ชอบ การปฏิบัติธรรมถึงเป็นการตั้งใจตั้งเจตนา ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้ามีต่อหน้าและลับหลังนี้ไม่ใช่ ถ้ามีต่อหน้าและลับหลัง ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ปัจจุบันธรรมมันเป็นตัวเป็นตน
การประพฤติการปฏิบัติธรรมต้องตั้งอยู่ในความไม่เพลิดเพลินในความไม่ประมาท เราทุกคนต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
เราทั้งหลายจึงต้องไม่ประมาท ให้ทำให้ประพฤติปฏิบัติเหมือนแพทย์ผ่าตัดสมอง สมองของมนุษย์มันมีเส้นประสาทเยอะ มันเป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมคอนโทรลสรีระร่างกายทั้งหมด ถ้าแพทย์ผู้ผ่าตัดไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องสรีระในเรื่องประสาท เรื่องเส้นประมาท เดี๋ยวมันจะพลาด มันจะตัดเส้นประสาทในการผ่าตัดสมองแพทย์ผู้ที่ผ่าตัดสมองถึงต้องมีปัญญามีความสงบ มีความนิ่ง มีความพอเพียงเพียงพอ ศีลสมาธิปัญญามันต้องไปพร้อมกัน ความสงบกับปัญญามันถึงไปพร้อม ๆ กัน มันจะเป็นความพอเพียงเพียงพอเป็นความพอดี
เราทั้งหลายน่ะมีโอกาสมีเวลาของความเป็นมนุษย์ อายุขัยของความเป็นมนุษย์ของเราหรือว่าวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์ของเรามันจะอยู่ได้ร่วม ๆ หนึ่งศตวรรษคือร้อยปี ถ้าเราทำดี ๆ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต มันอยู่ได้มากกว่าร้อยปีนะ การพัฒนาใจกับพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตามันอยู่ได้มากกว่าร้อยปี
เราต้องรู้ต้องเข้าใจ เราทั้งหลายมีโอกาสมีเวลาพิเศษ ให้พากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ นี้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา นี้เป็นบารมีเป็นความพอเพียงเพียงพอนะ เราทุกคนต้องมีความสงบให้เพียงพอ มีปัญญาให้เพียงพอ
วันหนึ่งคืนหนึ่งพวกเราต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เรานอนพักผ่อน ๕,๖ ชั่วโมงให้เพียงพอ สำหรับผู้ที่อยู่ในเสนาสนะวัตรเป็นวัดป่า นอน ๕,๖ ชั่วโมงให้เพียงพอ ตามหลักเราอยู่เสนาสนะวัดบ้านต้องนอน ๖ ชั่วโมง ๗ ชั่วโมง สำหรับประชาชนคนที่อยู่ที่บ้านที่ไม่ได้บวช เราอยู่ในสถานที่ไม่แออัดสถานที่อากาศถ่ายเทก็ต้องนอน ๖,๗ ชั่วโมง สำหรับผู้ที่กรุงเทพฯ อยู่เมืองหลวง อยู่ปริมณฑล ที่นั่นผู้คนไปแออัด เราต้องนอนพากันพักผ่อน วันละ ๖-๘ ชั่วโมง เพราะที่นั่นออกซิเจนโอโซนมันไม่ดีน่ะ การนอนการพักผ่อนนี้คือการประพฤติการปฏิบัติธรรม
เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ การนอนการพักผ่อนคือการประพฤติธรรม เพราะทุกคนก็คือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรมทุกคนจะเหนือกรรมไปไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจ เราอยู่ที่ไหนทำอะไรก็ต้องรู้ต้องเข้าใจนะ เพื่อเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องยกเลิกเรื่องส่วนตัวเรื่องโลกส่วนตัวต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัยเอาข้อวัตรกิจวัตร มีความสุขมีปิติในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นปัจจุบันเหมือนแพทย์ผ่าตัดในปัจจุบันนี้ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาที่ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิเป็นปัญญา
ชีวิตของเรามันจะได้ผ่านนิมิตทั้งหลาย นิมิตทั้งหลายที่มันมีนิมิตทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราต้องผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เรียกว่าบรรลุนิภาวะด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติเป็นคู่กับการปฏิบัติ เราปฏิบัติไปอย่างนี้แหละ มันก็จะก้าวไปเรื่อย ๆ มันจะไม่ได้ถอยกลับไปกลับมา ย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า คำว่าเก่านี้หมายถึงมันไปไหนไม่ได้นะ มันย่ำต๊อกอยู่ที่เก่าที่มันเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะนำชีวิต เอาความชอบความชังนำชีวิต นี้มันไปไหนไม่ได้ มันย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า ย่ำต๊อกอยู่ในความหลง
เราต้องรู้เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติสติปัฏฐานทั้ง ๔ เรื่องโฟกัสในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญ ยืนเดินนั่งนอนให้เรามีความสงบมีปัญญาไปพร้อม ๆ กันด้วยสติปัฏฐาน
เราทั้งหลายต้องก้าวไปด้วยความสงบด้วยปัญญาในสติปัฏฐาน
ถ้าเรานอนเราพักผ่อนไม่พอ เราจะเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ได้อย่างไร
ให้เรารู้เข้าใจเรื่องการนอนการพักผ่อนคือการประพฤติการปฏิบัติ ตัดเรื่องอดีตไป อยู่กับปัจจุบันที่เอาธรรมนูญนำชีวิตมีความสุขอย่างยิ่งในปัจจุบันมันถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นไฟต์ของเราทุกคนนะ มันเป็นไฟต์เป็นการชิงแชมป์ระหว่างโลกกับธรรมนะ ระหว่างรายรับกับรายจ่าย เพื่อจะให้เป็นความสมดุลเป็นความพอเพียงเพียงพอ รับมาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้น เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เรามองเห็น ที่เราสัมผัส
เราคิดดูดี ๆ นะ มันเป็นเพียงอาคันตุกะที่จรไปจรมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันเป็นเพียงการจรไปจรมาของธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะภายนอกภายใน ๑๒
เราต้องรู้เข้าใจ ความเป็นประภัสสรของเดิมแท้นั้นคือความว่างเปล่า
วัฏฏสงสารนี้มันเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันเลยหมุนไปเป็นวัฏฏสงสาร ให้เรารู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัย ธรรมะธรรมนูญรัฐธรรมนูญ เป็นสภาวธรรมที่มาหยุดภัยในวัฏฏสงสาร หยุดสัญชาตญาณ หยุดความรู้สึก
ให้พวกเรารู้เข้าใจ เราเป็นใครก็ต้องทำหน้าที่ของใคร ให้มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าเป็นคนว่างจากความดีที่ประกอบด้วยปัญญา อย่าเป็นคนมีปัญญาว่างจากความดี ต้องรู้ต้องเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะปฏิบัติได้อย่างไร
เราต้องรู้เข้าใจนะ ว่าการประพฤติการปฏิบัติธรรม เอาความรู้สึกนำชีวิตไม่ได้ เอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิตไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต ถ้านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายไม่เอาธรรมนำชีวิต มันไปไม่ได้นะ มันจะไปได้อย่างไรล่ะ
คนรวยมันก็มีความทุกข์เพราะความรวยมันเป็นตัวเป็นตน ความรวยมันมีตัวมีตนเมื่อไหร่มันก็มีความทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ ความไม่รู้จักพอนี้คือความไม่สงบ
นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย หรือผู้มีปัญญาทั้งหลาย ผู้แก่เรียนทั้งหลายก็ต้องมีทั้งความสงบมีทั้งปัญญาไปพร้อมกันในการพัฒนาวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องปรับเข้าหาเวลา หาข้อวัตร หากิจวัตร ทุกคนต้องตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อชีวิตของเรามันจะสดชื่นเบิกบานเพื่อจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
ประเทศที่เค้าเจริญที่เค้าพัฒนาน่ะ เค้าเอากฎหมายนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เอาเหตุเอาผลเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต ประเทศที่ยังไม่พัฒนาเอาความรู้สึกนำชีวิต เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต ทั้งประเทศที่พัฒนาวิทยาศาสตร์ ประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ต้องรู้เข้าใจ เราจะได้มองเห็นจุดดีจุดเด่นจุดบกพร่อง เพื่อเป็นกระจกเงาส่อง เพื่อเราจะได้พัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์พัฒนาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน
การปฏิบัติธรรมนี้หมายถึงธรรมะ มนุษย์เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ใครเกิดมาในโลกนี้ ก็ต้องพากันมาปฏิบัติธรรม ไม่มีใครยกเว้นเพราะธรรมนั้นคือความดับทุกข์ธรรมนั้นคือความสงบ ธรรมนั้นคือปัญญา ธรรมนั้นคือปัญญาคือความสงบ ธรรมนี้คืออริยมรรค ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตินี้เรียกว่าอริยมรรค มองเห็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เหมือนผู้ฉลาดผู้มีปัญญามองดูต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้นที่อุดมสมบูรณ์สง่างาม ต้นไม้ต้นนั้นได้อาหารมาจากทุก ๆ ทางของต้นไม้นะ ต้นไม้ต้นนั้นได้อาหารมาจากทั้งทางรากทางใบทางกิ่งทางสาขาทางยอดตลอดปริมณฑล แสงแดดอากาศออกซิเจน ต้นไม้ต้นนั้นถึงจะได้รับวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุต่าง ๆ ถึงจะสมบูรณ์ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้มันจะเป็นมรรคเป็นอริยมรรค ความรู้ความเข้าใจเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ
เราไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน เรียนอ่านออกเขียนได้บวกลบคูณหารอะไรต่าง ๆ สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ความจำ การพัฒนาวิทยาศาสตร์เราพัฒนาคนเดียวและเป็นทีมเวิร์ค สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายในเรื่องต่าง ๆ สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ
ความรู้ความเข้าใจมันเป็นแสงสว่าง มันเป็นความพอเพียงเพียงพอมันเป็นความดีเหมือนกลางวันมันเป็นแสงสว่าง ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันเป็นความมืดมันเป็นอย่างนั้น
เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ในธรรมในสภาวธรรม เราทั้งหลายจะได้รู้จักว่า อาคันตุกะทั้งหลายเค้าเพียงจรไปจรมานะ มันเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
เราคิดดูดี ๆ น่ะ มนุษย์เราปัจจุบันอายุขัยก็อยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่ง มันเกิดขึ้นอย่างนี้แหละ ตั้งอยู่อย่างนี้แหละ มันก็ดับไปตามเหตุตามปัจจัย ตามธรรมชาติ ธรรมชาติที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
เราทั้งหลายให้พากันรู้เข้าใจ มาอาศัยสรีระนี้ มาอาศัยธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะภายนอกภายในรวมกันเป็น ๑๒ มาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อเป็นกรรมกรในการประพฤติการปฏิบัติ
ให้พากันรู้เข้าใจ ให้พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านทรงตรัสรู้น่ะมันเป็นความสงบคู่กับปัญญา เป็นปัญญาคู่กับความสงบไปพร้อม ๆ กัน มันเป็นการตัดวัฏฏสงสาร ด้วยความรู้ความเข้าใจ เหมือนแพทย์ผ่าตัด การตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า การตรัสรู้ของพระอรหันต์ มันเป็นความรู้ความเข้าใจมันเป็นความสงบคู่กับปัญญา ศีลสมาธิปัญญาที่จะต้องเป็นปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องกัน ไม่ขาดสาย เปรียบเสมือนสายน้ำที่ติดต่อต่อเนื่องเพื่อก้าวไปสู่มหาสมุทร
เรื่องปฏิปทานี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องติดต่อต่อเนื่อง เพราะหลาย ๆ วาระจิต กายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจของเรานี้มันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราเพลิดเพลินประมาทเราก็จะผิดพลาดทันที ธรรมะนี้ถึงไม่มีคำว่าประมาทน่ะ
การปฏิบัติของเรานี้มันเป็นวิทยาศาสตร์ มันมีเหตุมีปัจจัย มันติดต่อต่อเนื่อง เปรียบเสมือนไก่มันฟักไข่ มันถึงจะออกเป็นลูกมาเป็นตัว ไก่ฟักไข่มันใช้เวลา ๓ อาทิตย์ จะฟักด้วยแม่ของไก่จะฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ การจะทำอะไรด้วยความรู้ความเข้าใจ ทั้งกายวากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจมันต้องไปพร้อม ๆ กันติดต่อต่อเนื่องอย่างนี้ ศีลสมาธิปัญญามันถึงจะไม่ขัดข้อง มันจะถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ จะเป็นสุคะโตโลกะวิทู มันจะติดต่อต่อเนื่องกันด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยความไม่เพลิดเพลินไม่ประมาทด้วยความรู้ความเข้าใจ
การทำอะไรติดต่อต่อเนื่อง ๓ อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะได้ผลเห็นผล การเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ถึงจะได้ผลเห็นผล อิริยาบถทั้ง ๔ ยืนเดินนั่งนอนกิริยามารยาทอาชีพใจมันต้องติดต่อต่อเนื่องกัน เพื่อศีลสมาธิปัญญาจะไม่ขาดจะไม่ตกจะไม่ด่างไม่พร้อย มันจะเป็นชิฟที่ฝังอยู่ในธาตุในขันธ์ในสัญญาขันธ์มันจะเป็นเมมโมรี่เป็นสัญชาตญาณ
เราทั้งหลายถึงจะประมาทไม่ได้เพลิดเพลินไม่ได้ เราประมาทเราก็ผิดพลาด ความประมาทความผิดพลาดคือศีลด่างศีลพร้อยข้อวัตรกิจวัตรด่างผิดพลาดนะ
เราทั้งหลายถึงพากันมาเน้นที่ตัวเราทุกคน ทำหน้าที่ของเราให้ดี ๆ
เรารู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ ไม่มีใครปฏิบัติให้เราได้ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ไม่มีใครดีกว่าใครเก่งกว่าใคร เราต้องรู้เข้าใจ ให้รู้ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ นั้นคือความถูกต้อง เพื่อจะเปลี่ยนแปลงจากความไม่เป็นธรรม จากความไม่ยุติธรรมให้เป็นธรรมเป็นความยุติธรรม เพื่อให้เป็นปัจจุบัน เพื่อติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย ด้วยความรู้ความเข้าใจ นี้จะเป็นความดีเป็นบารมี
เราทั้งหลายจะได้รู้เรื่องความเป็นพระ ว่าทำไมเราต้องเป็นพระ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจความเป็นพระ พระนั้นมันไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระนั้นคือพระธรรมพระวินัยยกเลิกการทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยตามความรู้สึกยกเลิกหมด ถ้าเราไม่ยกเลิกเราก็เป็นพระธรรมพระวินัยไม่ได้ เราจะเป็นพระได้อย่างไร
เราคิดดูดี ๆ นะ คิดจนหัวระเบิดมันก็เป็นไปไม่ได้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมาตรัสรู้ ท่านมายกเลิกทาส ยกเลิกชาติชั้นวรรณะ ยกเลิกตัวตน ยกเลิกความสำคัญมั่นหมาย ว่าเราเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นคนแก่เฒ่าชรา หรือเป็นคนตาย เป็นคนเก่งกว่าเค้าฉลาดกว่าเค้า มีเพาเวอร์มากกว่าเค้า หรือเสมอเค้า หรือสู้เขาไม่ได้ ท่านมายกเลิกอย่างนี้ ยกเลิกเขา ยกเลิกเรา ไม่มีเขาไม่มีเรา ถึงจะเป็นผู้มีปัญญามีความสงบ เป็นผู้มีความสงบเป็นผู้มีปัญญา ถึงจะเข้าถึงพระนิพพานที่เป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เราไม่รู้ไม่เข้าใจจะไปพัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อให้เอาความว่างจากสิ่งที่มันมีอยู่น่ะ
เราจะประพฤติปฏิบัติเอาตัวตนนำชีวิต การประพฤติการปฏิบัติเอาตัวตนนำชีวิตนั้นคือเราจะเอาความว่างจากสิ่งที่ไม่มีนะ เราคิดดูดี ๆ นะ เพื่อให้เกิดปัญญาเพื่อให้เกิดความสงบ เราจะให้มันว่างจากสิ่งที่ไม่มีมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ อันนั้นมันเป็นความว่างจากความขาดสูญ มันเป็นความว่างจากสิ่งที่ไม่มี
เราคิดดูดี ๆ อดีตมันผ่านไปแล้วนี้คือความตายน่ะมันจะมีประโยชน์อะไร มันเป็นอดีตไปแล้ว เกษียณไปแล้ว มันตายแล้ว คนไม่มีตามันดีมั๊ย คนไม่มีหูมันดีมั๊ย คนไม่มีจมูก ไม่มีลิ้น ไม่มีกาย คนอัมพฤกษ์อัมพาตมันดีมั๊ย มันไม่ดีน่ะ เพราะมันเป็นความว่างจากสิ่งที่ไม่มี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่าความรู้ความเข้าใจ ให้เราทั้งหลายว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เรารู้เข้าใจเรื่องสิ่งต่าง ๆ สิ่งต่าง ๆ นั้นก็มีอยู่อย่างนี้แหละ
เรารู้เข้าใจเราก็หยุดด้วยความรู้ความเข้าใจ หยุดด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นี้อยู่ที่เรารู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปตามผัสสะ ไม่ได้ไปตามอารมณ์ เรารู้เข้าใจ เราอาศัยศีลอาศัยสมาธิอาศัยปัญญาเป็นกรรมเป็นกรรมกร เป็นฐานเป็นสติปัฏฐานด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้จักว่าพระนิพพานเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่
เราจะเอาความชอบนำชีวิตได้อย่างไร ความชอบมันก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ ความไม่ชอบมันก็เป็นทุกข์ เพราะเราเอาตัวเอาตนนำชีวิต เราไม่รู้จักความเป็นประภัสสร เราไม่อยากแก่ไม่อยากเจ็บไม่อยากตายไม่อยากพลัดพราก มันจะเป็นไปได้อย่างไร ความชอบมันก็เป็นทุกข์ ความไม่ชอบมันก็เป็นทุกข์พอ ๆ กันนั่นแหละ
เราทั้งหลายต้องพากันมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ
ในชีวิตของเราเราทุกคนต้องเราถึงต้องเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรมด้วยเอาศีล เอาสมาธิ เอาปัญญานำชีวิต ด้วยความรู้ความเข้าใจ
ความรู้ความเข้าใจด้วยเรามาอาศัยธาตุอาศัยขันธ์อาศัยอายตนะ เราต้องรู้ต้องเข้าใจอย่างนี้
เราทั้งหลายพากันรู้นะ เรามาเดินไปด้วยกันพร้อม ๆ กัน ทุก ๆ คนมาเดินไปด้วยกันไปพร้อม ๆ กัน ด้วยธรรมด้วยธรรมนูญด้วยรัฐธรรมนูญ มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน
เป้าหมายของเราคือบริสุทธิคุณด้วยกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ บริสุทธิคุณน่ะ ที่เป็นพรหมจรรย์สำหรับมนุษย์ มนุษย์มีธรรมของมนุษย์ มีธรรมนูญของมนุษย์น่ะ เพื่อต่อวีซ่าในความเป็นมนุษย์
มนุษย์เราทั้งหลายต้องพากันมีวีซ่า มนุษย์เราก็ต้องมีวีซ่าของความเป็นมนุษย์ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจของเราต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ให้มีความสงบมีปัญญา ให้มีปัญญาในการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กันนั่นแหละคือการต่อวีซ่าของความเป็นมนุษย์
บ้านของเราถึงเป็นศีล บ้านของเราถึงเป็นสมาธิ บ้านของเราถึงเป็นปัญญา นี้เป็นเมืองหลวงนะ เมืองหลวงของเรา พระนิพพานเป็นความว่างจากวัฏฏสงสาร เป็นความว่างจากตัวตน ความว่างจากตัวตนถึงเป็นเมืองหลวง เป็นบ้านของพุทธะ เป็นธรรมนูญ
เป็นสุคโต คือผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ส่งดีเอ็นเอ ส่งความดี ส่งบารมี เป็นตัวอย่างแบบอย่างให้กับคนอื่นด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องความเป็นพระ ทุกคนเป็นพระได้เหมือนกันหมด ไม่มีใครเป็นพระไม่ได้ ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติทุกคนก็เป็นพระได้ ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็เป็นพระได้ ผู้ที่ถือคริสตร์ก็เป็นพระได้ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็เป็นพระได้ ผู้ที่ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูซิกศาสนาอะไรต่าง ๆ ก็เป็นพระได้ ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็เป็นพระได้ ให้เข้าใจเพราะพระอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ทุกคนไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยทุกคนก็จะมีพระนิพพาน พระนิพพานเป็นสถานที่อยู่ของเรา เป็นเมืองหลวงอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วยความรู้ความเข้าใจ
ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ไม่เห็นคุณเห็นประโยชน์ในความถูกต้อง ไม่เห็นคุณเห็นประโยชน์ในเรื่องพระนิพพาน เหมือนแมลงวันมันเห็นคุณเห็นประโยชน์ในดอกไม้
บุคคลที่เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐไม่เห็นคุณเห็นประโยชน์ในทรัพยากรแห่งความเป็นมนุษย์ ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินในความประมาท เอาความรู้สึกนำชีวิตเอาสัญชาตญาณนำชีวิต เป็นบุคคลไม่เห็นคุณไม่เห็นประโยชน์ในทรัพยากรของความเป็นมนุษย์ ชีวิตของเราทั้งหลายที่ผ่านมามันเป็นชีวิตที่ล้มละลายพังทลายที่เราทั้งหลายเอามาเปรียบเทียบดูน่ะ มันพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวนอย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการ รู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้ มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เราทั้งหลายน่ะเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐเราต้องรู้เราต้องเข้าใจนะ ให้เราทั้งหลายพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่สุคโตในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดีประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติตรงที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อหยุดวัฏฏสงสารหยุดสังสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดด้วยปัญญา หยุดก่อนลาก่อนวัฏฏสงสารที่ท่องเที่ยวมานานต้องรู้เข้าใจ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีประโยชน์ทั้งส่วนตัวทั้งส่วนรวมของมหาชน
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ นี้ก็พอเห็นสมควรแก่เวลา
--------------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา