๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

ให้พากันรู้พากันเข้าใจว่าพระนิพพานคือบ้านของเรา บ้านของเราน่ะ คือพระนิพพาน คือความดับไม่เหลือของความรู้สึกที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราดำเนินชีวิตด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ เราทั้งหลายเป็นผู้ที่ประเสริฐ ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์

 

ชีวิตของเรา อายุขัยของความเป็นมนุษย์ของเรา ๑ ศตวรรษหรือร้อยปี ถ้าทำดี ๆ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเอาธรรมนูญนำชีวิตในการประพฤติการปฏิบัติอยู่ได้มากกว่าร้อยปี

 

มนุษย์เราคือผู้ที่รู้เข้าใจ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่ไปตามผัสสะ มีความสงบ มีปัญญา มีปัญญามีความสงบ เป็นผู้บรรลุนิติภาวนะ ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามอารมณ์ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีความสงบเป็นอย่างยิ่ง มีปัญญาเป็นอย่างยิ่ง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเป็นอย่างยิ่ง ในความรู้ความเข้าใจ ในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ใจดีใจสบาย เป็นผู้ปฏิบัติชอบประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาประกอบด้วยการปฏิบัติชอบ เป็นผู้ปฏิบัติตรง ตรงไปตรงมา เป็นธรรม เป็นความยุติธรรม ไม่มีนิวรณ์ทั้งห้า ไม่มีความชอบความชัง เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเป็นไบโพล่า ยกเลิกอคติทั้ง ๔ ยกเลิกความลำเอียง ลำเอียงเพราะชอบเพราะชังลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะความไม่รู้ หยุดพวกนี้นะ

 

มนุษย์เป็นผู้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ต่อวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์ ยกเลิกวีซ่า ของการเวียนว่ายตายเกิด เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแก่กาลเวลา เป็นผู้หยุดกาลหยุดเวลา หยุดวัฏฏสงสารให้กับตนเอง

 

แต่ก่อนไม่รู้ไม่เข้าใจ ทำให้เวลามันกลืนกินเรา ความไม่รู้ไม่เข้าใจเอาความหลงนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต ทำให้เราเสียเวลาไปเปล่า ๆ แก่ไปเปล่า ๆ แก่ไปเพราะเกิดมานาน

 

การเรียนการศึกษาก็เรียนศึกษาก็เพื่อความเห็นแก่ตัว การทำงานก็เพื่อความเห็นแก่ตัวอย่างนี้ เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ เอาอายตนะภายนอกภายในรวมกันเป็น ๑๒ มาประพฤติมาปฏิบัติ มามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะจะได้รู้ว่าความถูกต้องบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ เป็นบริสุทธิคุณ มันเป็นพระนิพพานเป็นบ้านของเรา เป็นบ้านเป็นเมืองหลวง มันว่างจากตัวว่างจากตน มันกว้างใหญ่ไพศาล มันเป็นเมืองหลวง ว่างทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจ ยกเลิกแคนเซิล หยุดก่อนลาก่อนสังสาระสิ่งที่ท่องเที่ยวมานานด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เห็นเวลานี้สำคัญเป็นไฟต์สำคัญ ไม่เพลิดเพลินไม่ประมาท ควบคุมคอนโทรลตัวเองให้ได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปัญญามากก็ต้องสงบ มีปัญญาน้อยก็ต้องสงบมีปัญญามีความสงบไปพร้อม ๆ กัน เข้าถึงความพอดี เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นมนุษย์สมัยใหม่ เป็นมนุษย์ผู้ทันโลกทันสมัย รู้จักทั้งทางโลกทางธรรม เรียกว่าเป็นมนุษย์สมัยใหม่ทันโลกทันสมัย ทันกาลทันเวลาหยุดกาลหยุดเวลาด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ให้ชีวิตมันกลืนไป แก่เจ็บตายไปด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้จึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัตินี้เป็นสิ่งสำคัญเป็นวาระสำคัญ เป็นไฟต์ในการชิงแชมป์ในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องพามากันมีสติสัมปชัญญะให้สมบูรณ์ สติคือความสงบ ต้องสงบ อาศัยธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มาเป็นอุปกรณ์ ใจไม่สงบก็ให้กายวาจากิริยามารยาทมันสงบก่อน สงบด้วยธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ความรู้ความเข้าใจเอามาใช้มาปฏิบัติ เป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรมนะ ให้เรารู้เข้าใจ

 

ชีวิตของเราเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ พักผ่อนนอนให้เพียงพอ ให้มีความสุขในการพักผ่อน มีความสุขในการนอนการพักผ่อน เพื่อเราจะได้มีทั้งความสงบ มีทั้งปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องรู้ว่าการทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ มันเป็นการปฏิบัติธรรมเพราะร่างกายของเรามันเป็นธรรมะ ธรรมะของส่วนกาย ธรรมะของส่วนวาจา ธรรมะของส่วนกิริยามารยาท ธรรมะของส่วนอาชีพ ธรรมะของส่วนใจ

 

ใจเราต้องรู้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจแล้วให้พากันมีปิตติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราทุกคนได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐแล้ว ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องของเราเอง ยกเลิกโครงการยกเลิกกิจการที่เวียนว่ายตายเกิด ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้วโครงการกิจการกิจกรรมในการเวียนว่ายตายเกิด เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าอย่างนั้น เจ้าจะทำบ้านทำเรือนทำกิจกรรมให้เราไม่ได้อีกต่อไป

 

เราจะหยุด เราจะยกเลิก เราจะแคนเซิลด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ หยุดก่อน สต๊อปไว้ก่อน ลาก่อนวัฏฏสงสารที่มันแซบมันลำมันนัวมันหรอย นี้เรารู้เจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำบ้าน ทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป

 

เราทั้งหลายพากันมาเน้นที่ตัวเรานี้แหละเราไม่ต้องไปเน้นที่ใคร เน้นที่ตัวเรานี้แหละมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะอันนี้มันถูกต้อง ถูกต้องด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยหลักเหตุหลักผล หลักกรรม หลักกฎแห่งกรรม หลักผลของกรรม

 

 องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่ากรรมนี้มันอยู่ที่รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดกรรม หยุดกฎแห่งกรรม  หยุดผลของกรรมด้วยความรู้ความเข้าใจ เหมือนพระอัสสชิบอกกับพระสารีบุตรว่า ทุกอย่างน่ะคือเหตุคือปัจจัย ที่พระอัสสชิบอกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงคือเหตุปัจจัย พระสารีบุตรต้องรู้นะ เราจะได้หยุดเหตุปัจจัย

 

เราเข้าใจอย่างนี้ เราก็มีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อันนี้มันจะเป็นความดีประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาประกอบด้วยความดีในชีวิตของเรามันก็จะมีแต่พระนิพพาน มีแต่ศีลสมาธิปัญญา ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจอย่างนี้อย่าพากันเข้าใจอย่างอื่น

 

เราทั้งหลายอย่ามาอาศัยธาตุ อาศัยขันธ์ อาศัยอายตะน หาอยู่หาหลงอยู่ที่นี่มันหลงมาหลายล้านชาติ หลายอสงไขย ให้เรารู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ   

           

ให้ท่านทุกท่านทุกคนรู้เข้าใจ จะได้โบกมือบ๊ายบาย หมายความว่าลาก่อนแล้วนะหยุดก่อนแล้วนะ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายน่ะมาเข้าถึงความเป็นมนุษย์หยุดการเป็นได้แต่เพียงคน เพราะคนมันย่ำต๊อกอยู่ในความหลง เอาความหลงนำชีวิต เค้าเรียกว่าคน มันไปไหนไม่ได้ มันย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า เดี๋ยวมันจะหมดวีซ่าแห่งความเป็นมนุษย์นะ มนุษย์เราต้องมีวีซ่า

 

ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นทั้งพระดีพระมีปัญญา รู้ทั้งทางวัตถุรู้ทั้งทางใจ ท่านถึงพูดจากใจจากพระนิพพานว่า เราทั้งหลายเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ ต้องมีธรรมเป็นธรรมของมนุษย์ ท่านพูดจากใจจากพระนิพพานว่า

 

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

เราทั้งหลายต้องพากันทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ธรรมคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรม  มีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าไปคิดเหมือนแต่ก่อนนะ เข้าใจในแง่มุมว่าเรียนหนังสือทำงานทำอะไรเพราะความจำเป็น ความรู้ระดับนี้มันเป็นระดับวิทยาศาสตร์ มันยังเป็นตัวเป็นตน มันยังสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเค้าเป็นเรา มันยังไม่ใช่ธรรมนูญ มันยังไม่ใช่รัฐธรรมนูญ มันยังเป็นตัวเป็นตน

 

เราต้องเข้าใจว่ามนุย์เราทั้งหลายต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิ ว่ามนุษย์เราต้องพัฒนา ทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันอย่างมีความสุข

 

มีความสุขในการเรียนหนังสือ มีความสุขในการทำงาน กายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจต้องมีความสุขไม่ต้องมีทุกข์อะไร เราไม่ต้องมี ไม่ต้องเป็นอะไร เพราะมีอะไรเป็นอะไรมันก็มีความทุกข์ทั้งนั้น ชื่อว่า “เป็น” “ไม่เป็น” ทุกข์ทั้งนั้น เราต้องรู้เข้าใจอย่าไปเป็นอะไรเลย เหมือนครั้งที่ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท ไปที่ประเทศอังกฤษ

 

ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ท่านมีลูกศิษย์เป็นพระฝรั่งชื่อพระอาจารย์สุเมโธเป็นคนอเมริกา คนอเมริกาพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปไกลมากกว่าประเทศไทยไปหลายสิบปีเลยทีเดียว พัฒนาวิทยาศาสตร์ พัฒนความรู้ความเข้าใจ สุดยอดเพอร์เฟคเลย แต่ดับทุกข์ไม่ได้แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเป็นคนรวยก็มีทุกข์ เพราะมีตัวมีตน

 

ท่านอาจารย์สุเมโธก็ไปที่เทศอินเดียเนปาลศรีลังกาพม่าแล้วก็กลับมาบวชที่เมืองไทย ท่านมาอยู่กับท่านอาจารย์ชาที่วัดหนองป่าพง นักวิทยาศาสตร์มีปัญญามากก็ทุกข์มาก นั่งก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ เพราะตัวตนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ทุกข์ไปทุกข์มาอย่างนั้นแหละ

 

ท่านอาจารย์ชาถึงให้สติท่านอาจารย์สุเมว่า พระสุเมโธ พระสุเมโธเป็นทุกข์หรือวัดหนองป่าพงเป็นทุกข์ พระอาจารย์สุเมโธได้สติได้ปัญญา เออจริง...นี่วัดหนองป่าพงไม่เป็นทุกข์เลย เราต่างหากเอาธาตุ เอาขันธ์ เอาอายตนะ เอาผัสสะ เอาอารมณ์ เอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ มาเป็นเรา เราเป็นทุกข์ด้วยความรู้ความเข้าใจนักวิทยาศาสตร์เอาปัญญามาพัฒนาเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นความสงบ เป็นปัญญา ใช้เวลานานติดต่อต่อเนื่องกันร่วมสิบปีนะ ชีวิตของท่านอาจารย์สุเมโธถึงเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่นเคลื่อนที่เลย

 

ท่านอาจารย์ชาจึงตรัสว่า พระสุเมโธถึงกาลถึงเวลาแล้วนะ ต้องกลับไปเผยแผ่ทางยุโรป เพราะทางยุโรปพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ทางวัตถุไปไกลแต่ก็ไปไม่ได้นะ ต้องไปบอกเรื่องอริยสัจสี่จะได้พัฒนาทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ถึงจะแก้ปัญหาได้ เพราะธรรมะมันต้องอย่างนี้ไม่ใช่อย่างอื่นมันเป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป

 

ท่านถึงให้ท่านพระอาจาย์สุเมโธไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ คนที่ประเทศอังกฤษเค้าก็โอเค พากันเลื่อมใส เพราะเป็นการพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน เป็นมนุษย์สมัยใหม่ทันโลกทันสมัย พัฒนาใจพัฒนาวัตถุ เค้าโอเคด้วยเห็นด้วย

 

ชาวอังกฤษถึงถามพระอาจารย์ชาว่า การที่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพมันดีนะ เพราะมันดับทุกข์ แต่มันดับทุกข์ได้เฉพาะตน แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์เป็นพระพุทธเจ้ามันได้ประโยชน์มากนะ ทั้งประโยชน์ของเราประโยชน์ทั้งผู้อื่น พระอาจาย์เห็นว่าอันไหนดีกว่ากัน ถ้าเอาพระอรหันต์ดับทุกข์ได้เร็ว เป็นพระโพธิสัตว์ใช้เวลานาน

 

ท่านอาจารย์ชาตรัสว่า ต้องรู้เข้าใจนะการประพฤติการปฏิบัติอย่าไปเป็นอะไรเลย เป็นอะไรเป็นทุกข์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าก็อย่าพากันไปเป็น พระอรหันต์ก็อย่าพากันไปเป็นไป ชื่อว่าความมีความเป็นมันเป็นทุกข์ทั้งนั้น เราจะได้รู้เรื่องอริยสัจสี่

 

การประพฤติการปฏิบัติมันอยู่นอกเหตุเหนือผลนะ อยู่เหนือความปรุงแต่งเราจะไปเป็นอะไร มีอะไร ชีวิตของเราถึงจะสงบมีปัญญา เราจะได้ทำความดีเพื่อ บริสุทธิคุณ เราจะไม่ได้ทำความดีเพื่อตัวเพื่อตน มันจะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์และพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายการประพฤติการปฏิบัติ มันถึงจะครบวงจรทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจที่เป็นอาชีพของเรา อาชีพของเราจุดมุ่งหมายปลายทาง คือพระนิพพานให้รู้เข้าใจ เราต้องรู้จักความดีที่ประกอบด้วยปัญญา นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายถึงจะไม่มีโทษนะ คนรวยทั้งหลายถึงจะไม่มีโทษ ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายถึงต้องรู้เข้าใจ ความเป็นจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันว่างเปล่า สิ่งที่จรไปจรมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมันชั่วคราวเป็นของชั่วคราวนะ

 

เราต้องรู้จักไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน เราทั้งหลายถึงจะเป็นผู้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามผัสสะตามอามรมณ์ ตามสิ่งแวดล้อมด้วยความรู้ความเข้าใจ สิ่งที่มันผ่านไปแล้วมันเกษียณแล้ว มันเอากลับคืนมาไม่ได้ เราก็อย่าเอามาคิด อย่าให้หัวใจของเรามีหนี้มีสินต้องปล่อยต้องวาง

 

การประพฤติการปฏิบัติถึงเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ มันเป็นความยึดมั่นถือมั่นที่มีปิติ มีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งที่ผ่านไปแล้วมันคือการปล่อยวางด้วยปัญญามันถึงมีความสงบ มีความสงบมีปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าพระธรรมพระวินัยมันดี มันเพอร์เฟค เดี๋ยวนี้มันเป็นพระนิพพานทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ ให้รู้เรื่องพระนิพพพานนะ

 

เราทั้งหลายน่ะได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติอย่าไปประมาทอย่าไปเพลิดเพลิน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกเราว่าความประมาทเป็นความเสียหาย เป็นสิ่งที่พังทลายก็จริง เหมือนพระพุทธเจ้าว่านะ ความรู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต มันพังทลายเหมือนตึก สตง. แน่นอนนอนแน่ร้อย

เปอร์เซนต์ มันพังทลายมันจะไปตามผัสสะไปตามสิ่งแวดล้อม มันจะเป็นคนไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ไม่รู้อริยสัจสี่ ไปตามความหลงทำให้เราเวียนว่ายตายเกิด ไปไหนไม่ได้ ย่ำต๊อกอยู่ในความหลงในที่เก่านั่นแหละ

 

เราทั้งหลายพากันตั้งใจ สบายอกสบายใจ ดีอกดีใจ ปฏิบัติตัวเอง

 

ความเป็นพระธรรมพระวินัยสำคัญกว่าทุกอย่าง เพราะความเป็นพระนั้นคือความรู้ความเข้าใจเป็นพระธรรมพระวินัย คือความเป็นพระ ความเป็นพระต้องเป็นพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติไม่เพลิดเพลินไม่หลงไม่ประมาท มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้

 

เราถือว่าเราทำไมถึงเป็นผู้ที่โชคดีอย่างนี้ เป็นผู้โชคดีแน่นอนเพราะเราได้ทรัพยากรอันประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราต้องพากันเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ทุกคนเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ ถึงเราจะอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นหมู่เป็นคณะเป็นครอบครัว ทุกคนต้องเน้นมาที่ตัวเรา ไม่ต้องคิดเหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ต้องพึ่งพ่อพึ่งแม่พึ่งรัฐบาลนักการเมืองไม่ต้องพึ่งใคร ตนแลเป็นที่พึ่งของตนไม่ต้องพึ่งใคร เรามาพึ่งตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยปัญญาสัมมาทิฐิแล้วเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ ไม่เอาอะไรกับใคร

 

เราคิดดูดี ๆ พระพุทธเจ้าก็คือผู้ที่เสียสละ พระเยซูก็คือผู้ที่เสียสละ พระอัลเลาะห์ก็คือผู้ที่เสียสละ เสียสละหมดเลยไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ ท่านเกิดมาเพื่อเป็นพุทธะเกิดมาเพื่อเสียสละ เราก็ต้องเอาโมเดลเอาตัวอย่างแบบอย่าง ถ้าเราไม่เสียสละ ความสงบมันจะมีได้อย่างไร เพระความสงบอยู่ที่เราเสียสละ อยู่ที่เราหยุดวัฏฏสงสาร ถ้าเราไม่หยุดมันก็ไปของมันเรื่อย

 

การยกเลิกโครงการยกเลิกวัฏฏสงสารเราต้องเสียสละ หย่าศึกสงบศึกด้วยศีล ด้วยสมาธิด้วยปัญญา ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิต ตัวเราก็มีความสุขคนอื่นก็มีความสุข เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเราทั้งคนอื่น เป็นประโยชน์ต่อมหาชน

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราไม่เอาของใคร เรายังต้องเป็นผู้เสียสละ

 

เราคิดดูสิ ผู้ที่ทำความเพียรที่ยังเป็นเสขบุคคลก็คือผู้ที่เอาธรรมนูญนำชีวิต มีความสุขในการบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ เป็นศีลเป็นสมาธิ เสียสละนะ คนไม่เสียสละคือคนไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญานะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจการเสียสละสิ่งของนั้นเป็นของยาก อย่างพราหมณ์สองคนยากจน ไปฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

ให้ผู้แสดงธรรมเล่าเรื่อง สองสามีภรรยามีผ้าห่มเพียงผืนเดียว...ภรรยาห่มไปฟังธรรมตอนกลางวัน สามีห่มไปฟังธรรมตอนกลางคืน... (จูเฬกสาฎก)

 

การเสียสละนี้ เสียสละข้าวของเงินทองเป็นผู้ให้ผู้เสียสละก็มีความสุขระดับนี้น่ะ ถ้าเสียสละในการรักษาศีล ศีลนั้นเป็นการเสียสละสูงขึ้นไป ศีลนี้ถึงเป็นหลักการ เป็นอุดมการณ์อุดมธรรม พื้นฐานของกรรมของกฎแห่งกรรมของผลของกรรม มันถึงเป็นศิลปะแห่งชีวิต ถึงเป็นพื้นฐานให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อเอาศีลเป็นฐานเป็นกรรมเป็นกรรมฐานนำชีวิต

 

มนุษย์เราเค้าจะปลูกบ้านปลูกเรือนทำอะไรอย่างนี้ต้องมีบ้านมีสถานที่มีที่อยู่ที่อาศัยมีที่ทำมาหาเลี้ยงชีพ ศีลนี้ถึงเป็นสถานที่ที่อยู่ที่อาศัยที่ไปที่มานะ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าศีลนี้ถึงเป็นเยี่ยมที่สุดในโลก ไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าศีล ศีลนี้ทำให้รวย ศีลนี้ทำให้มีความสุข ศีลนี้ทำให้สงบ ศีลนี้ทำให้เข้าถึงพระนิพพาน โอ้...ศีลนี้สุดยอดเลยให้เรารู้เข้าใจเรื่องศีลนะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่เห็นคุณค่าของศีลนะ ไม่เห็นคุณค่าทรัพยากรของศีลนะ พระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ทุกแง่มุมของชีวิตที่ประเสริฐ มันเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมมันจะสมบูรณ์ด้วยวิชาและจรณะต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เห็นคุณค่าของศีลนะ มันเป็นศิลปะแห่งชีวิต ศีลนี้เป็นความงดงามเป็นความสง่างามมันเป็นความงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง งามในที่สุด ศีลนี้สำคัญ

 

การประพฤติการปฏิบัติที่มีปิติมีความสุข มีความตั้งใจเจตนาไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ศีลนี้จึงเป็นพระนิพพานทำอะไรไม่หวังอะไรตอบแทน

 

เหมือนท่านพระอาจารย์ชาตรัสกับฝรั่งที่ประเทศอังกฤษ อย่าไปเป็นอะไรเลย เป็นอะไรก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น เรารู้เข้าใจ อย่าไปเป็นอะไร ศีลนี้หยุดความมีความเป็น  หยุดความได้ความเสีย เป็นปัญญาสัมมาทิฐินะ ความตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ตามสิ่งแวดล้อม ใครจะไปจะมาจะอยู่ เราไม่หวั่นไหวสมาธิคือความตั้งมั่น

 

เราจะสร้างบ้านสร้างอาคารอะไรใหญ่ ๆ มันต้องมีเสาเข็มปักลงสู่พื้นดิน เสาเข็มลึกหลายโยดน่ะ มันถึงไม่หวั่นไหวไม่ไปตามสิ่งแวดล้อมไม่ไปตามผัสสะ

 

การปฏิบัติศีลที่ติดต่อต่อเนื่องด้วยความตั้งใจตั้งเจตนามันจะไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามอารมณ์มันจะเป็นสัมมาทิฐิ ด้วยธรรมชาติเพราะมันประกอบด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้เหมือนเราเรียนหนังสือ คาวมหมายของการเรียนหนังสือ เราไปเพื่อรู้เข้าใจเรื่องบวกคูณหาร เรื่องได้เรื่องมีเรื่องเสีย อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ เราพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกัน เพื่อความรู้ความเข้าใจ จะพัฒนาคนเดียวหรือ เป็นทีมใหญ่กลางเล็กก็สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายก็สำคัญ อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ รู้เข้าใจแล้ว ความเป็นมนุษย์เค้าเอาธรรมนูญนำชีวิต

             

เราทั้งหลายก็พากันประพฤติปฏิบัติเป็นมรรคเป็นอริยมรรคอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกชาติทุกศาสนาด้วยความรู้ความเข้าใจนะ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตของเราจะพังทลายเหมือนตึกสตงนี้แหละ เห็นมั๊ยตึก สตง.มันพังทลายชีวิตของเราก็พังทลายเหมือนตึก สตง. ไม่ต้องสงสัย อันนี้แน่นอน มันนอนแน่ มันพังพินาศแน่ ตึกสตง.น่ะอยู่ที่กรุงเทพฯ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวนอย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการ รู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้    มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

ให้ทุกคนรู้เข้าใจว่าเราได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐตามอายุขัยให้เอาทรัพยากรนี้ มาทำงานมาทำหน้าที่ เหมือนท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตท่านตรัสว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย ที่ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐที่เป็นมนุษย์เป็นผู้มีลมปราณมีโอกาสมีเวลาบำเพ็ญความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เพื่อประพฤติเพื่อปฏิบัติเป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา รู้จักคุณค่าของพระนิพพาน เห็นโทษในวัฏฏสงสาร มีศีลมีสมาธิมีปัญญาเป็นธรรมนูญนำชีวิต

ด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ เมตตาบริสุทธิคุณ ปัญญาบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจงอำนวยอวยชัยให้ทุกท่านทุกคน จงรู้เข้าใจในการประพฤติ การปฏิบัติด้วยกันทุกท่านทุกคน ณ โอกาสนี้ด้วยเทอญ

 

-------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 94,420