๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (เช้า)

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันนี้เป็นวันหยุดทำงานเพื่อพัฒนาใจของเราทุก ๆ คน การพัฒนาใจต้องเจริญสติสัมปชัญญะ พัฒนาความสงบของตัวเอง พัฒนาปัญญาของตัวเอง ความสงบกับปัญญามันเป็นความพอดีระหว่างเรื่องใจกับเรื่องวัตถุมันเป็นความพอดีเป็นความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นรายรับรายจ่ายสมบูรณ์กันพอดี ได้มาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้นด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้จะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ

 

เราทั้งหลายจะอยู่ที่ไหนทำอะไรเป็นใคร เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่ประมาท ไม่เพลิดเพลิน ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม รู้จักโจทย์รู้จักข้อตอบ รู้เข้าใจ โจทย์ข้อตอบ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ มีความเป็นหนึ่งเป็นเอก เป็นหนทางเป็นมรรคเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ

 

การเจริญสติสัมปชัญญะนี้ให้เราเอาอริยมรรคมีองค์แปด กายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจของเราต้องให้เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของเราเองและประโยชน์ของผู้อื่น

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราไม่ต้องไปหาพระนิพพานที่ไหน พระนิพพานอยู่ที่รู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราไม่ต้องคิดเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อก่อนเราคิดว่าความสงบนั้นมันต้องมีอยู่ที่ป่าที่เขา ที่ตาไม่เห็นรูปหูไม่ได้ฟังเสียงอันนี้ให้เรามีปัญญาสัมมาทิฏฐินะ ความสงบที่แท้จริงนั้น อยู่ที่เรารู้เข้าใจ มันจะมีประโยชน์อะไร เราไปเอาความสงบจากสิ่งที่ไม่มี เราคิดดูดี ๆ นะ คนตายนั้นมีประโยชน์มั๊ย คนไม่มีตาไม่มีหูไม่มีจมูกไม่มีลิ้นไม่มีกาย ไม่มีใจมันมีประโยชน์มั๊ย

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เสวยวิมุติสุข  อยู่ที่ต้นศรีมหาโพธิ์ จึงหวนระลึกถึงอาจารย์ที่เคยสั่งสอนคือท่านอาฬารดาบส อุทกดาบส ท่านเหล่านี้ได้ละสังขารไปแล้ว ไปเกิดเป็นพรหมน่ะ พรหมก็อยู่กับความสงบ พวกเราต้องรู้เข้าใจ ต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ความว่างมันต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่างจากสิ่งที่ไม่มี

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องว่างนะ ทุกอย่างน่ะมันว่างเปล่าอยู่แล้ว สิ่งที่มันสัญจรไปมา มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรมนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ เมื่อเรามีตารูปมันถึงมี เมื่อเรามีหูเสียงมันถึงมี เมื่อเรามีจมูกกลิ่นมันถึงมี เรามีลิ้นถึงมีรส เรามีกายถึงมีสัมผัส เรามีใจถึงมีเรื่องจิตเรื่องใจ เราต้องรู้เข้าใจว่า โอ้... นี้มันคือเหตุคือปัจจัย นี้คือวัฏฏสงสาร ไม่รู้ไม่รู้เข้าใจมันก็ไปตามผัสสะไปตามอารมณ์ ไปตามสิ่งแวดล้อมด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ

 

พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่นี้เป็นความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่าสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่รู้เข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

โอ้... มันอยู่ที่นี้เอง พระนิพพานอยู่ที่รู้เข้าใจแล้วไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม พระนิพพานอยู่ที่ทุกหนทุกแห่งอยู่ที่รู้เข้าในใจพระนิพพานเป็นศีลสมาธิปัญญา ให้เข้าใจอย่างนี้ เราอย่าไปเข้าใจเหมือนแต่ก่อน

 

ธรรมดาแล้วน่ะ เด็ก ๆ มันยังไม่เข้าใจ เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วมันต้องเข้าใจ               

  

แต่ก่อนน่ะ พระกรรมฐานทั้งหลายคิดนะ คิดว่าความสงบอยู่ที่ทุ่งใหญ่นเรศวรโน้นเพราะว่าไม่มีผู้คน คนไปไม่ได้ อยู่ที่ห้วยขาแข้งอุทยานห้วยขาแข้งที่มีสัตว์ป่านานาพันธุ์ อยู่ที่เขาใหญ่ อยู่ที่ภูสอยเดือนสอยดาวน้ำหนาวอะไรต่าง ๆ แต่ก่อนคิดอย่างนั้น

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าความสงบนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วยความรู้ความเข้าใจ เมื่อเรารู้เข้าใจแล้วความสงบอยู่ที่เรารู้เข้าใจ

 

ให้เราทั้งหลายพากันเจริญสติปัฏฐาน ให้เอาศีลมาเป็นความหยุด หรือว่าเอาศีลมาเป็นความสงบ เอาสมาธิมาเป็นความหยุดเป็นความสงบ ให้เอาปัญญามาเป็น ความสงบ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เราก็ทำงานอยู่ที่บ้านอยู่ที่โรงงานหรืออยู่ที่ไหน การทำงานกับการปฏิบัติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย อย่าให้เสียเวลา อย่าไปหาความสงบอยู่ที่อื่น หาความสงบอยู่ที่รู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายพากันเจริญสติปัฏฐานมีความสุขในการทำงาน คนเราต้องมีความสุขในการทำงาน ถึงจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

ถ้าความสุขสงบเอกัคคตาในปัจจุบันไม่เพียงพอนี้มันไม่ได้นะ เพราะรสอร่อยของโลกน่ะมันกดดันเรา มันกดดันเรานะ มันจะระเบิดเราเหมือนลูกระเบิดนี้แหละ  ลูกระเบิดมันทำลายตัวของมันเอง

 

เราต้องรู้เข้าใจนะ หรือเหมือนบั้งไฟในฤดูกาลเดือน ๖ ของประชากรที่จังหวัดยโสธร ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะหลงเพลิดเพลินไปเรื่อย สนุกสนานเพลิดเพลินฟ้อนรำไปเรื่อย เป็นความหรอยความแซบความลำ ผลสุดท้ายมันก็บริโภคความหลง ผลลัพธ์ก็ออกมาก็คือวัฏฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิด

 

เราต้องรู้เข้าใจนะ ปัญญาสัมมาทิฏฐิที่เป็นสิ่งที่สำคัญ

 ตัวตนน่ะถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็เหมือนบั้งไฟจังหวัดยโสธร ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากมันเป็นผลกรรมแห่งความไม่รู้ไม่เข้าใจนะ กรรมนั้นมันเป็นสิ่งที่มีจริง นรกสวรรค์นิพพานเป็นสิ่งที่มีจริง เราต้องรู้เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เรื่องกระบวนการแห่งความเกิด หรือกระบวนการแห่งการหยุดเกิด เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ

 

เราอย่าตามมันไปตามความหลงไป เราต้องรู้เหตุรู้ปัจจัยด้วยปัญญานะ

ตามมันไปทำไม ตามมันไปก็มีเรื่องมีปัญหา เพราะอันนั้นคือปัญหา มันคือการสร้างปัญญา ความไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยนี้มันจะพังทลายเหมือนตึกสตง.นะ ความหลงน่ะมันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกเราทั้งหลายพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ  

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันมีสติมีสัมปชัญญะ พากันเจริญสติสัมปชัญญะ ถือว่าการเจริญสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นการอบรมบ่มอินทรีย์ของเราทุกคน ทุกคนต้องมีสติคือความสงบ สัมปชัญญะคือปัญญา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

การดำเนินชีวิตของเราคือรายรับรายจ่ายให้เข้าใจนะ นั้นคือกรรมคือผลของกรรมคือกฎแห่งกรรม เราต้องพากันตั้งอกตั้งใจ เพื่อเอาทรัพยากรที่ประเสริฐนี้มาใช้มาทำงาน เพื่อรายรับรายจ่ายของเราจะได้สมบูรณ์ เพื่อเราทุกคนน่ะจะได้ก้าวไปด้วยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติเพื่อความสมบูรณ์

 

เราต้องเข้าใจอย่างพุทธะนะ ต้องเอาความสุขจากความดีและปัญญา จากปัญญาและความดี เราต้องรู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด การหยุดเวียนว่ายตายเกิด รู้เรื่องรายรับรายจ่ายของชีวิต ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันไปไม่ได้นะ ต้องรู้เข้าใจมันถึงไปได้เดินทางได้ เพราะทุกอย่างมันคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม

 

เราต้องรู้ต้องเข้าใจ รู้เข้าใจแล้วเราไม่ต้องอาศัยใคร อาศัยความรู้อาศัยการประพฤติการปฏิบัติด้วยปลีแข้งของตัวเอง ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ เราทั้งหลายจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยปัญญา ด้วยการเสียสละ เราไม่ต้องอาศัยพ่ออาศัยแม่อาศัยรัฐบาลอาศัยนักการเมือง เอาธรรมเอาปัจจุบันธรรม เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมไปเรื่อย เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิต เพื่อหยุดสัญชาตญาณ มีความสุขให้เต็มที่ ให้เป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตาให้เต็มที่เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันให้เต็มที่ เต็ม ๆ ๆ เต็มที่ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

เราเต็มที่ พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน

 

เราต้องรู้จักเหตุรู้จักปัจจัย เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก อย่าไปอยากมันอย่าไปต้องการมัน มันทุกข์เปล่า ๆ

 

เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย อย่าไปคิดอย่าไปปรุงแต่ง เราจะได้รู้จะได้เข้าใจ

 

ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเป็นความพอดีเป็นความประภัสสรของธรรมชาติ มันจะไม่ได้ก้าวก่ายกัน มันจะไม่ได้สับสนวุ่นวายมันจะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญามีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ

 

การประพฤติการปฏิบัติให้เรารู้เข้าใจนะ การประพฤติการปฏิบัติน่ะที่ติดต่อต่อเนื่องมันเป็นการต่อวีซ่า ต่อวีซ่าชีวิต ความดีกับปัญญามันก็ต้องมีวีซ่าของความดี  มีวีซ่าของปัญญานะ อย่างวีซ่าที่เรามาเป็นมนุษย์ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐ

 

ตามหลักการมนุษย์เราจะรู้เข้าใจเราจะมีวีซ่าอยู่ได้หนึ่งศตวรรษนะคือร้อยปี ถ้าเราทำดี ๆ เอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งใจไปพร้อม ๆ กันอยู่ได้มากกว่าร้อยปี มันมีวีซ่าความดีวีซ่าปัญญาอย่างนี้

 

ศีลสมาธิปัญญามันเป็นวีซ่านะ เราจะไปไหนมาไหนเราต้องมีวีซ่าของชีวิตนะ ผู้ที่มาบวชเป็นพระเป็นสมณะก็ต้องมีวีซ่าของผู้มาบวชเป็นพระเป็นสมณะ เพราะวีซ่าของผู้ที่มาบวชเป็นพระเป็นสมณะนั้นคือพระธรรมคือพระวินัย คือข้อวัตรกิจวัตร คือข้อวัตรปฏิบัตินะ นี้เป็นวีซ่าของพระของสมณะนะ พระธรรมคือพระวินัย

 

สมณะคือความสงบ สมณะคือผู้ที่หยุดวัฏฏสงสารคือผู้ที่ไม่พูดร้ายไม่ทำร้าย การไม่ทำบาปทั้งปวงทำแต่บุญแต่กุศล มันคือวีซ่าของการเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยของความเป็นสมณะนะ เราต้องรู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรคือวีซ่าของผู้ที่เป็นพระเป็นสมณะ

 

ที่ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าให้มาบวชได้ทุก ๆ คนเลยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกชาติเลือกตระกูล เพราะว่าพระธรรมพระวินัยมันเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยมันเป็นความสงบคู่กับปัญญา มันเป็นวีซ่าแห่งชีวิตนะ

 

ทุกคนอย่าพากันไปประมาทอย่าไปเพลิดเพลินต้องต่อวีซ่าให้ตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะหมดวีซ่านะ เพราะเราเอาตัวเอาตนนำชีวิต ร่างกายบวชเป็นพระ วาจากิริยามายารยาทใจน่ะ ไม่ได้บวชเป็นพระ มันหมดวีซ่าของความเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยนะ พระธรรมพระวินัยคือวีซ่าคือการต่อวีซ่า

 

ให้เรารู้เราเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย อย่างข้าราชการก็ต้องมีวีซ่าของข้าราชการ ข้าราชการก็ต้องยกเลิกตัวตนน่ะ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เป็นข้าราชการ ข้าราชการนักการเมืองก็เหมือนกันนี้แหละก็ต้องมีวีซ่า

 

เราเรียนเราศึกษาเราค้นคว้ามาเป็นข้าราชการนักการเมือง ก็ต้องมีวีซ่าข้าราชการนักการเมือง วีซ่าเกษียณข้าราชการ ๖๐ ปี ผู้พิพากษาอัยการ ผู้ที่เอาความดีนำชีวิต  มีวีซ่าชีวิต ๗๐ ปี เกษียณข้าราชการ นักการเมืองมีวีซ่าไม่จำกัด ให้เรารู้เข้าใจ

 

ธรรมนูญที่ให้เราเป็นข้าราชการนักการเมืองให้เรารู้เข้าใจ การบริหารประเทศถึงเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เอาธรรมนูญ อย่าไปบริหารตามความชอบความไม่ชอบ อย่าไปบริหารตามที่เค้าเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อย่าไปบริหารเรื่องตัวเรื่องตน เรื่องปากเรื่องท้องของประชาชนเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต

 

เราอย่าไปคิดว่าเรื่องปากเรื่องท้องของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องปากเรื่องท้องของประชาชนมันก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต

 

ให้ข้าราชการนักการเมืองพากันเข้าใจนะ อย่าเอาความหลงนำชีวิต อย่าเอา ความไม่ถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาเรื่องปากเรื่องท้องเรื่องธาตุเรื่องขันธ์อายตนะนำชีวิต ต้องเอาธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยก็ต้องปรับตัวเข้าหาธรรมนูญ สังคมนิยมก็ต้องปรับตัวเข้าหาธรรมนูญ

 

ให้รู้เข้าใจ อย่าเอาเรื่องปากเรื่องท้องสำคัญ อย่าเป็นคนเห็นแก่ปากเห็นท้อง เห็นแก่พวกพ้อง เห็นแก่หมู่เห็นแก่คณะ อย่าไปหยวน ๆ กันไป อย่างนี้ใช้ไม่ได้     

            

ให้เข้มแข็ง ให้มีหลักการแล้วก็มีอุดมการณ์อุดมธรรม ให้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา มีความบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ความถูกต้องให้เป็นความถูกต้อง ความผิดก็เป็นความผิด ความผิดก็ปรับไหมจำคุกหรือประหารชีวิต อย่างนี้มันถึงจะเป็นความถูกต้อง ประหารชีวิตให้เป็นข้าราชการ หยุดให้เป็นข้าราชการนักการเมืองเค้าเรียกประหารชีวิตให้เข้าใจอย่างนี้

 

อย่างโครงการเรื่องยาเสพติด ทำกันมาปฏิบัติกันมาเกือบร้อยปีแล้วเกือบหนึ่งศตวรรษแล้วก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่มากขึ้น มีแต่เอาตัวตนนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนูญนำชีวิต มันแก้ปัญหาไม่ได้มีแต่มากขึ้น

 

อย่างโครงสวมหมวกกันน็อคนี้เป็นเวลาช้านาน ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ จนถึงขณะนี้ปี ๒๕๖๘ มันเป็นเวลา ๔๓ ปีแล้ว มันก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ยิ่งมากขึ้นมากกว่า โดยเฉพาะทางหลวงชนบท

 

ด้วยความรู้ความเข้าใจว่าเราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยตามความถูกต้องนี้มันเป็นวัฏฏสงสาร มันเป็นการหมุนไปด้วยมีความรู้แล้วไม่เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ กฎหมายบ้านเมือง การบริหาร นักการเมืองนักบวชมันเป็นความล้มเหลวมันเป็นความพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้เลย

 

เรารู้เข้าใจด้วยปัญญาว่า เราทั้งหลายต้องพากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อหยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำสิ่งที่ถูกต้อง เราจะได้เอาความถูกต้องเป็นพื้นฐาน เราจะไม่ได้เอาความหลงเป็นพื้นฐาน

 

เราทั้งหลายน่ะ ต้องหยุดความเกรงกลัวในความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องมันจะไปเกรงกลัวมันทำไม ความกลัวนั้นคือตัวตนนะ ตัวตนคือความหลง รู้ว่าไม่ถูกต้องแล้วก็ยังกลัว

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเกรงกลัวต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปนี้ด้วยความรู้ ความเข้าใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นการทวงคืนสิทธิที่ถูกต้องน่ะ เพื่อเอาความถูกต้องกลับคืนมา เพื่อเอาธรรมนูญกลับคืนมา เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญากลับคืนมา เอาพระนิพพานบ้านของเรากลับคืนมา

 

สิ่งที่สัญจรไปมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมันสัญจรไปมา หนาวร้อนสุขทุกข์เกิดแก่เจ็บตายพลัดพราก มันเพียงสัญจรไปมาชั่วครั้งชั่วคราว

 

อย่างร่างกายของมนุษย์สัญจรไปมาตั้งอยู่ในอายุขัยไม่เกินศตวรรษหนึ่งคือร้อยปีก็จากไป ให้เข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นสัญจรไปมาทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราทั้งหลายจะได้เห็นหลักการ รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะ เราเอาบริสุทธิคุณนำชีวิต ด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา พึ่งพาอาศัยตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าไปพึ่งความหลง อย่าไปพึ่งไสยศาสตร์ พึ่งวิทยาศาสตร์มันพึ่งได้ส่วนทางกายนะ ส่วนทางใจเราต้องพึ่งธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ

 

เราทุกคนน่ะต้องเจริญสติสัมปชัญญะให้เต็มที่นะ ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เต็มที่มันจะคุมเกมส์ไม่อยู่ สติต้องมีความสุขในการทำงานทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องรู้เข้าใจ ต้องเจริญสติปัฏฐานด้วยความรู้ความเข้าใจเพื่อเอาหน้าที่ เอาการงานเป็นฐานเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นกรรมฐาน

 

เป็นพระกรรมฐานคือพระธรรมพระวินัยเค้าเรียกว่าพระกรรมฐาน พระธรรม พระวินัยกฎหมายบ้านเมืองเป็นฐานเป็นพระกรรมฐาน

 

ความเป็นพระคือพระธรรมพระวินัยคือความสงบด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เรามีสถานที่ประพฤติปฏิบัติ สถานที่ก็ได้แก่กายวาจากิริยามารยาทใจของเรานี้แหละ นี้คือสถานที่ในการประพฤติการปฏิบัติ มันก็ไม่ยากอะไร เรารู้เข้าใจเราก็มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายพากันตั้งอยู่ในความประมาท ความประมาท จะอาศัยความหลงเป็นพื้นฐาน อาศัยกรรมอาศัยความหลงเป็นพื้นฐาน มันเป็นกรรมฐานอยู่แต่เป็นกรรมฐานของความหลง มันเป็นฐานของความหลง อย่างข้าราชการนักการเมืองนักบวชนี้มีฐานของตัวของตน มีฐานแห่งความหลงนำชีวิต พวกนี้ใช้เงินใช้ของคนอื่น

 

พวกนักการเมืองนักบวชนี้ใช้เงินใช้ของของคนอื่นนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะการบริหารส่วนรวมต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ที่เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวชให้เรารู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไปเอาใต้โต๊ะบนโต๊ะไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตของเรามันจะพังทลายเหมือนตึก สตง. พังแน่นอนนอนแน่

 

เราไม่ต้องมีความลังเลสงสัยไม่ต้องมีความกังขา ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ ไม่ได้นะ เราต้องรู้เข้าใจ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์มันเป็นภาษีอากรของทุก ๆ คนนะ อยู่ในโลกนี้ เพราะทุกคนอยู่ในโลกนี้ต้องเสียภาษีอากร ใครมีลมหายใจมีลมปราณอยู่ในโลกนี้ต้องเสียภาษีอากรเพื่อเอาเงินไปบริหารส่วนรวม

 

ปัญหาต่าง ๆ นั้นอยู่ที่ความถูกต้อง อยู่ที่ทำสิ่งไม่ถูกต้อง เพื่อเราทั้งหลายจะได้เข้าถึงบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ ข้าราชการนักการเมืองนักบวชต้องเข้าใจอย่างนี้ ถ้าไม่เข้าใจแล้วนี้แหละผู้ที่ทำลายความมั่นคงของชาติ ของศาสน์ ของกษัตริย์ ให้รู้เข้าใจนะ ต้องพากันเจริญสติสัปมชัญญะ เราจะได้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้มีสุขภาพกายดีสุขภาพใจดีด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

-----------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 94,420