๑๕ มิถุนายน (สวดพระอภิธรรมหลวงปู่ริว คืนที่ ๑)

ค่ำวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เวลา ๑๘ นาฬิกา ของเดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

 

วันนี้ที่วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ได้บำเพ็ญกุศลในกรณีพิเศษ เนื่องจากหลวงปู่ริว รุจิลาโภ นามสกุลบัวผุด ท่านได้ละสังขารวายชนม์ด้วยอายุขัยในวัย ๙๖ ปี ที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ท่านบวชมาแล้ว ๓๓ ปี ๓๓ พรรษา ท่านเป็นประชากรของจังหวัดระยอง ท่านได้ออกบวชตามพระลูกชายคือพระอาจารย์บุญมี

 

ขณะนี้เวลานี้ พระอาจารย์บุญมีก็แก่แล้ว ประชาชนเค้าเรียกว่าพระอาจารย์บุญมีว่าหลวงพ่อบุญมีแล้ว เพราะว่าแก่แล้ว

 

หลวงพ่อบุญมีเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ออกบวชเพราะเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นภัยของการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อครบ ๕ พรรษาแล้วก็ได้จาริกธุดงค์กรรมฐานไป ณ สถานที่ต่าง ๆ ตามรอยประวัติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝ่ายพระกรรมฐาน

 

ปี ๒๕๓๘ ท่านได้พักอยู่ที่หมู่บ้านของชาวแม้ว ชาวแม้วเค้าสร้างหมู่บ้านปลูกผักปลูกผลไม้อยู่ที่นั่น ที่ห่างจากจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์ มองดูด้วยสายตาแล้ว ทางลัดทางตรง อยู่ห่างจากจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์ไม่เกินสิบกิโล

 

หมู่บ้านนั้นเค้ามีที่พักให้พระธุดงค์กรรมฐาน เพื่อไปจาริกปฏิบัติธรรม อยู่ห่างจากหมู่บ้านแม้วประมาณห้าร้อยเมตร ประมาณอย่างนี้แหละ

 

ปีนั้นหลวงพ่อกัณหาได้จาริกธุดงค์กรรมฐานทางภาคเหนือ หลวงพ่อกัณหาได้พบพระอาจารย์บุญมีที่นั่น พระอาจารย์บุญมีก็ได้พบหลวงพ่อกัณหาที่นั่น หลังจากนั้นหลวงพ่อบุญมีก็เดินธุดงค์ตามหลวงพ่อกัณหาไปขณะนี้เวลานี้ก็ผ่านมาแล้ว ๓๐ ปี

 

พระอาจารย์บุญมีท่านชื่อดี เป็นพระมีบุญ คือเอาความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เอาปัญญาประกอบด้วยความดี ท่านไปอยู่ที่ไหนประชาชนก็เคารพนับถือ พระผู้ประพฤติปฏิบัติก็เคารพนับถือ ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กตัญญูต่อพ่อต่อแม่

 

ท่านได้ธุดงค์กรรมฐานอยู่ที่จังหวัดน่าน อำเภอเวียงสา พระพ่อท่านแก่เฒ่าชรา ท่านก็เอาพระพ่อไปอุปัฏฐากย์ เมื่อหมดอายุขัยวัย ๙๖ ปี เมื่อวานนี้ตอนบ่ายท่านก็แจ้งมาว่าพระหลวงปู่พระพ่อได้ละสังขารวายชนม์แล้ว หลวงพ่อกัณหาเลยบอกว่า ให้นำสรีระมาบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าทรัพย์ทวีฯ แห่งนี้

 

โยมพ่อโยมแม่ของท่านพระอาจารย์ประจวบ ที่อยู่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นสามเณรกรรมฐาน เป็นพระกรรมฐาน ตั้งใจตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ จนเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของพุทธบริษัทในเมืองไทยและต่างประเทศ ก็เอาพ่อแม่มาบำเพ็ญกุศลประชุมเพลิง ณ วัดป่าทรัพย์ทวีฯ แห่งนี้แหละ เพื่อไม่ให้หลวงพ่อกัณหาเดินทางไกลมาก

 

หลวงพ่อบุญมีถึงได้บอกผู้ที่กำลังทรัพย์กำลังปัญญา บอกว่าจะได้นำสรีระไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

 

จะบำเพ็ญบุญกุศลสวดพระอภิธรรม ๓ คืน คือเริ่มต้นตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ นับ ๑ วันอาทิตย์ ๒ วันจันทร์ ๓ วันอังคาร วันอังคารครบ ๓ คืน วันพุธวันที่ ๑๘  เป็นวันประชุมเพลิง เวลาประชุมเพลิงเวลา ๑๐ นาฬิกา เพื่อให้ครูบาอาจารย์ที่เดินทางมาจากทางไกลจะไม่ได้กลับถึงวัดดึกเกินไป

 

การบำเพ็ญบุญกุศลก็เอาหลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศล เอามรรคเอาอริยมรรคคือเอาศีล เอาสมาธิเอาปัญญา เอาความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กันที่เรียกว่าพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มีทั้งหมดแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้ไว้เป็นหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐินั้นได้แก่ปัญญา

 

มนุษย์เราต้องเอาความรู้ที่เป็นบริสุทธิคุณนำชีวิต พร้อมเอาการประพฤติการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน เป็นความรู้คู่กับปัญญา เป็นความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน เป็นสมถะคือความสงบ เป็นสัมปชัญญะคือปัญญาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

มนุษย์เราทั้งหลายก็จะพากันเป็นพระได้ทุก ๆ คนด้วยความรู้ความเข้าใจ คำว่าพระคือพระธรรมคือพระวินัย ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เอาพระธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต

 

ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ท่านตรัสว่า เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติพรหมจรรย์เถิด พรหมจรรย์หมายถึงยกเลิกสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ที่มันเป็นภพเป็นชาติ เป็นการเวียนว่าย ตายเกิด ที่มีความสำคัญมั่นหมายว่าธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะสิบสองเป็นเราต้องยกเลิกหมด เพื่อจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ

 

มนุษย์เราผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เรานี้อายุขัยอยู่ได้ชั่วศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราใจดีใจสบาย เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอยู่ได้มากกว่าร้อยปีนะ

 

หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เราต้องเอาธรรมนำชีวิต ให้มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ให้ปล่อยให้วาง เพราะสิ่งที่มันผ่านไปแล้วผ่านมาแล้วน่ะ มันเอากลับคืนมาไม่ได้เพราะมันเกษียณแล้ว

 

มนุษย์เราต้องรู้อริยสัจสี่อย่างนี้ ปัจจุบันเราก็รู้เข้าใจว่าทุกอย่างมันเป็นเพียงสิ่งที่สัญจรไปมา มันเป็นสิ่งจรไปจรมา ทั้งจรไปจรมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ต้องรู้เข้าใจ เรามีตามันถึงมีรูป ถ้าเราไม่มีตามันก็ไม่มีรูป เราต้องรู้เข้าใจ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่รู้จักความว่าง

 

ความรู้ความเข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัยถึงมาหยุดกรรมหยุดกฎของกรรม หยุดผลของกรรม พระธรรมพระวินัย สิขากบทน้อยใหญ่ถึงเป็นสิ่งที่มาหยุดวัฏฏสงสารด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ

 

ผู้ที่ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐ ต้องรู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยนี้เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้รู้เข้าใจในวัฏฏสงสาร ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ในเรื่องหยุดการเวียนว่ายตายเกิด

 

ให้รู้เข้าใจ อย่าเห็นอะไรแล้วไปตามสิ่งนั้น ๆ เห็นรูปก็ตามรูปไป ได้ยินเสียงก็ตามเสียงไป ได้กลิ่นก็ตามกลิ่นไป ได้รสก็ตามรสไป ได้สัมผัสอะไรต่าง ๆ ก็ตามไปอย่างนี้ ใจนึกคิดปรุงแต่งไปเรื่อยอย่างนี้ไม่ได้

 

เราต้องกลับมาหาความสงบกลับมาหาปัญญา เราจะตอบด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องมารู้เข้าใจที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพวกเราทั้งหลายมารู้ความจริงของการเวียนว่ายตายเกิด รู้ความจริงของการหยุดไม่เวียนว่ายตายเกิด ถึงมีคำว่าสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นี้อยู่ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

ความรู้ความเข้าใจนี้ถือว่ามันเป็นทั้งข้อสอบและข้อตอบอยู่ในตัว

 

การเรียนการศึกษานี้ จุดมุ่งหมายของการเรียนการศึกษาเพื่อความรู้ความเข้าใจการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ การพิจารณาพระไตรลักษณ์เพื่อเป็นวิปัสสนา จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้เกิดปัญญา เพื่อให้รู้แจ้ง การฟังการบรรยายต่าง ๆ ในเรื่องศาสตร์ต่าง ๆ จุดมุ่งหมายก็คือความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ การเจริญสติปัฏฐาน ถึงเป็นหลักการประพฤติการปฏิบัติ

 

มนุษย์เราต้องมีความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน

 

เราคิดดูดี ๆ นะ ความสงบกับปัญญามันแยกกันไม่ได้ สมถะกับวิปัสสนามันแยกกันไม่ได้ อย่างเช่นพระพุทธเจ้าประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรบอกกล่าวมหาชนทั้งหลายว่า ๓ เดือนข้างหน้าพระตถาคตเจ้าจะปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ หมายถึงความเต็ม ๆ ๆ ๆ ๆ มันเป็นความพอเพียงเพียงพอมันเป็นความพอดี

 

ตรัสรู้ก็เดือน ๖ น่ะ ๖ นี้ก็หมายถึงอายตนะภายใน ๖ คือตาหูจมูกลิ้นกายใจมัน ๖ น่ะ แล้วอายตนะภายนอก รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ก็ ๖ น่ะ รู้แจ้งเรื่องอดีตอนาคตรู้เรื่องปัจจุบันไม่ไปตามผัสสะไม่ไปตามอารมณ์ เอาศีลเอาสมาธิเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะต้องรู้หลักการอุดมการณ์การประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราต้องเอาธรรมนำชีวิต ถึงเราจะพัฒนาประชาธิปไตย ประชาธิปไตยก็ต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ถึงเราจะพัฒนาสังคมนิยมน่ะ นิยมชมชอบ คนส่วนใหญ่ถึงจะชอบกัน เราก็ต้องปรับตัวเข้าหาธรรมนูญ ต้องเอาหลักธรรมนูญเป็นหลัก หลักธรรมนูญเป็นการพัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน

 

การปฏิบัติธรรมมันเป็นมรรคเป็นอริยมรรค

 

เรามองดูคิดดูดี ๆ อริยมรรคมีองค์แปดนี้เป็นความสมบูรณ์มันเป็นความเต็ม ๆ ๆ  ในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยมันเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นความเต็ม

 

เปรียบเสมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละต้นไม้ต้นนั้นเค้าได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้นะ ต้นไม้ที่อยู่กลางแจ้งที่สง่างาม อุดมสมบูรณ์น่ะ สมบูรณ์ทุกส่วนของต้นไม้ ต้นไม้ต้นนั้นเค้าได้อาหารมาจากทุกทิศทุกทางของต้นไม้ มาจากทางรากทางใบทางกิ่งทางสาขาทางยอดตลอดปริมณฑล ทั้งอากาศทั้งแสงแดดทั้งออกซิเจนต้นไม้ต้นนั้นถึงจะอุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่ได้เฉาพะทางใดทางหนึ่ง ไม่ได้เฉพาะทางรากนะ

 

อริยมรรคมีองค์แปดมันเป็นความสงบกับปัญญา มันเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เราอยู่ที่ไหนทำอะไรเราก็ปฏิบัติได้เราต้องรู้เข้าใจเรื่องพระนิพพาน พระนิพพานหรือว่าพระศาสนามันเป็นการยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำไม่ถูกต้อง พระนิพพานนี้คือความจริงคือความเป็นประภัสสร ไม่ก้าวก่ายใคร ไม่ลิดรอนสิทธิใคร ไม่มีความปรุงแต่ง หยุดความปรุงแต่ง

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ ทางวิทยาศาสตร์ก็ปรุงแต่งให้มันดีให้มันเพอร์เฟคทางวิทยาศาสตร์น่ะ พระนิพพานหยุดความปรุงแต่งด้วยปัญญา ผู้ที่อธิบายพระนิพพานถึงอธิบายได้พอสังเขป เพื่อให้เกิดปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาเพื่อตัวเพื่อตนนะ ต้องเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ

 

เราอยู่ที่ไหนทำอะไรต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ได้เสวยวิมุติสุข ท่านได้ระลึกถึงความประเสริฐที่หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมา

 

เราทั้งหลายเกิดมาเป็นผู้ประเสริฐได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐท่านถึงได้ส่งพระอรหันต์ขีณาสพออกไปเผยแผ่ธรรมะ และส่งพระอรหันต์ไปเผยแผ่ไปทางละรูป ไม่ให้ไปหลายรูป เพราะเมื่อรู้เข้าใจอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีปัญหา อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ไม่มีปัญหา

 

ก่อนไปก็มีการเซ็นเซอร์ ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ

 

มีคำถามว่าเมื่อเธอไปในสถานที่นั้น ๆ สถานที่นั้นไม่อำนวยความสบาย เพราะเค้าไม่ได้เอาธรรมชีวิต เค้าเอาสัญชาตญาณนำชีวิตท่านจะทำอย่างไร เพราะตัวตนคือตัวร้าย ตัวตนคืออันตราย เธอจะทำอย่างไร

ถ้าเค้าว่าให้เรา เธอจะทำอย่างไร พระอรหันต์ขีณาสพเจ้าก็ตอบว่า ก็ดีกว่าเค้าตีเรา

พูดให้มันสั้น ๆ กระทัดรัด เค้าตีเราจะทำอย่างไร ก็ดีกว่าเค้าฆ่าเรา

เค้าฆ่าเราจะทำอย่างไร ก็ดีกว่าเราฆ่าเค้า

 

ความรู้ความเข้าใจนี้จะเป็นพระธรรมพระวินัยเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ จะให้สิ่งต่าง ๆ นั้นมีแต่คุณไม่มีโทษ เพราะความรู้ความเข้าใจ เมื่อเรามีตาก็มีรูป เรามีหูก็มีเสียง มีจมูกก็มีกลิ่น สิ่งเหล่านี้เพียงสัญจรไปมาด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างนี้

 

เราทั้งหลายถึงจะเป็นคนหยุดกาลหยุดเวลา หยุดการเวียนว่ายตายเกิด หยุดเรื่องหยุดปัญหา หยุดกาลเวลา

 

เราไม่รู้ไม่เข้าใจทำให้กาลเวลากลืนกินเรา ทำให้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์กลืนกินเรา

 

เราทั้งหลายต้องรู้อริยสัจสี่ ไม่ตามอารมณ์ ไม่ตามสิ่งแวดล้อม

 

เราทั้งหลายจะหยุดเวลา จะได้เจริญสติสัมปชัญญะด้วยความรู้ความเข้าใจ รู้จักข้อวัตรข้อปฏิบัติ รู้จักความเป็นพระ

 

พระนี้คือพูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ ไม่ใช่ดีเพื่อตัวเพื่อตน ไม่ใช่เรียนหนังสือเพื่อตัวเพื่อตน ทำงานเพื่อตัวเพื่อตน เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชเพื่อตัวเพื่อตนตัวตน นั้นแหละคือการเวียนว่ายตายเกิด

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ อยู่ที่ไหนเราก็ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละ ถือว่าอยู่ที่ไหนมันมีข้อสอบ ข้อตอบน่ะ เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ

 

เหมือนพระทางตะวันออกเฉียงเหนือนี้ ไปกราบท่านเจ้าคุณพุทธทาสภิกขุที่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

ไปกราบท่านท่านก็ถามว่ามาจากไหนล่ะ ก็ตอบท่านว่ามาจากท่านว่ามาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มากราบมาไหว้ท่านพุทธทาสภิกขุ มาขออยู่กับท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านพุทธทาสภิกขุท่านก็ถามว่า ท่านไม่มีที่อยู่เหรอ ทำไมถึงจะมาขออยู่กับท่านฯน่ะ พระก็ตอบว่าจะมาขออยู่เพื่อจะประพฤติปฏิบัติธรรม

 

ท่านพุทธทาสภิกขุก็ให้ความรู้ความเข้าใจว่า การประพฤติการปฏิบัติต้องรู้เข้าใจ การปฏิบัติธรรมคือการหยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะความเป็นพระอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ เพราะพระนั้นอยู่ที่เราอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ ถ้าใครมีธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้ามีอายตนะทั้งหกทุกคนก็เป็นพระได้ พระนั้นคือพระธรรมพระวินัย ให้รู้เข้าใจ ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทุกคนอย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ทำตามใจตามอัธยาศัยนั้นไม่ใช่พระ นั้นคือวัฏฏสงสารนั้นคือการเวียนว่ายตายเกิด

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่าเอาพระธรรมพระวินัยด้วยความรู้ความเข้าใจนี้แหละเป็นการประพฤติการปฏิบัติ เราจะเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

อย่างเราไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปอยู่กับหลวงปู่ชา สุภัทโท ไปอยู่กับท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ไปอยู่กับท่านไปเอาหลักการอุดมการณ์ ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง

 

การที่รู้เข้าใจเรื่องศีลเรื่องสมาธิเรื่องปัญญา ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มันจะเป็นสมาธิโดยธรรมชาติ เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาโดยธรรมชาติ การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาประกอบด้วยความดี

 

พระธรรมพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัตินี้เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมที่ดี ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้รู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติในระบบความคิดระบบคำพูดกายวาจากิริยามารยาทอาชีพและใจ เราจะได้รู้ระบบรู้กรรมรู้กฎแห่งกรรมรู้ผลของกรรม

 

การทำอะไรที่ติดต่อต่อเนื่องนี้แหละคือความไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยมันจะเป็นกระบวนการของกระแสปฏิจจสมุปบาท ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ให้ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน

 

สติปัฏฐานทั้งสี่ สติคือความสงบสัมปชัญญะคือตัวปัญญา

เราต้องมีสติปัฏฐานเป็นอริยมรรคมีองคืแปดทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เรารู้เข้าใจ ตั้งใจตั้งเจตนา การประพฤติการปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีลับหลังและต่อหน้า ต้องปักหมุดไว้เลย จุดมุ่งหมายคือพระนิพพาน พระนิพพาน บริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ

 

พระนิพพานคือบริสุทธิคุณ เป็นความบริสุทธิไม่มีมลทินไม่มีด่างไม่มีพร้อย ไม่มีนิติบุคคลตัวตนเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

การประพฤติการปฏิบัติมันต้องเน้นมาที่ใจอย่างนี้ถึงเป็นบริสุทธิคุณ

 

ถ้าเราปฏิบัติให้มหาชนเค้าเลื่อมใส เพื่อให้หมู่บรรพชิตเรารัก ว่าเราได้ มอก. ได้มาตรฐานอย่างนี้ก็ถือว่ายังไม่ได้ ถือว่าเป็นนักหลอกลวงอยู่ ไม่ใช่บริสุทธิคุณต้องตั้งใจตั้งเจนา การปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเบื้องต้นก็ต้องหยุดคิดหยุดนึกในเรื่องกามเรื่องพยาบาท เราต้องปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องเน้นที่ใจที่เจตนาให้ครบทุกอย่างเป็นอริยมรรค ให้เข้าใจ

 

ถ้าเราไปตรึกในกามในพยาบาทนั้นแหละเป็นวัฏฏสงสาร  มันเป็นการพัฒนาระดับความหลงนะ ระดับวิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตรก็ต้องพัฒนาเพื่อเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละมันไม่ได้ เป็นมนุษย์ต้องเสียสละ ไม่เสียสละมันไปไม่ได้ ถ้าไม่เสียสละมันก็อยู่กับที่

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่า เราต้องละความยึดมั่นถือมั่นเห็นภัยในวัฏฏสงสารนะ

 

คำว่าพระนี้คือพระธรรมคือพระวินัย เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ละความชอบความชังเพื่อให้ปฏิปทามันติดต่อต่อเนื่อง การกระทำติดต่อต่อเนื่องน่ะถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

เหมือนไก่มันฟักไข่นี้แหละ ไก่ฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์จะฟักด้วยแม่ของไข่หรือฟักด้วยไฟฟ้าใช้เวลา ๓ อาทิตย์

 

การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นชิฟฝังอยู่ในขันธ์ในสัญญาขันธ์ มันจะเป็นเมมโมรี่ที่ว่าเรื่องกรรม พระอรหันต์ที่มีเจโตปริยญาณ ระลึกชาติได้ท่านจะรู้เรื่องน่ะ ท่านระลึกชาติได้ ชาติหนหลังปางก่อน เคยเกิดเป็นอะไร ๆ ระลึกชาติได้ พระพุทธเจ้าระลึกได้ถึงไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยบารมีบริสุทธิคุณ

 

มนุษย์เราผู้เป็นฆราวาสก็มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มีหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้มานับเป็นหลาย ๆ ปี ถึงมีวันพระมีวันธรรมสวนะ มีวันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ปัจจุบันนี้ก็ใช้หลักการเดียวกัน วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุด ก็ยังใช้หลักการเดียวกัน วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานกับวันปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้ได้ทั้งงานได้ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน

 

วันเสาร์วันอาทิตย์เน้นเรื่องจิตเรื่องใจยกเลิกการงานมาเจริญสติปัฏฐานสี่ไปเสียสละ ผู้ถือศาสนาพุทธก็ไปที่วัดผู้ที่ถือศาสนาคริสต์ก็ไปที่โบสถ์ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด พราหมณ์ฮินดูซิกส์ก็ไปวิหารไปเทวสถาน สถานที่ที่เป็นศูนย์รวม ที่เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญานี้ เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์ มนุษย์เราต้องทำอย่างนี้

 

มนุษย์เราก็มีหลักการทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจ มีถนนหนทาง เราจะเดินทางไกลไปสู่พระนิพพานก็ต้องมีหนทาง

 

ชีวิตของเราที่เราก้าวไปด้วยอายุขัยนี้คือการเดินทางนะ ความเพลิดเพลิน ความประมาท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า เราจะประมาทจะเพลิดเพลินไม่ได้นะ มันจะเสียเวลา ตัวตนนั้นมันจะกลืนกินเวลานะ

 

เราต้องเอาธรรมเอาธรรมนูญ เราต้องเห็นภัยในกรรมในกฎแห่งกรรมในผลของกรรมนะ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็จะมาเอามามีเป็นอยู่อย่างนี้  นั้นคือการสร้างวัฏฏสงสารนะ เป็นการลิดรอนในสิ่งที่ถูกต้อง

 

การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่เอาใจไปพร้อมกันมันไปไม่ได้

เราต้องมองดูตัวอย่างแบบอย่างที่ประเทศเค้าพัฒนาแล้ว อย่างเช่นพระอาจารย์สุเมโธ เป็นคนประเทศอเมริกาได้พัฒนาทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาอย่างไรมันก็ไปไม่ได้ เพราะพัฒนาเพื่อตัวเพื่อตน เพราะตัวตนมันก็มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไปนอกจากทุกข์ไม่มี จึงได้แสวงหาทางออกอีกทางหนึ่งน่ะ ได้ไปที่ประเทศอินเดีย ประเทศเนปาล ศรีลังกา แล้วไปที่ประเทศพม่า ได้มาที่เมืองไทยมาบวชที่ประเทศไทย มาอยู่กับท่านหลวงปู่ชา สุภัทโทที่วัดหนองป่าพง

 

นักวิทยาศาสตร์นี้ก็จะแก้ไขภายนอก ไม่ได้แก้ไขทางจิตใจ มันมีแต่ความทุกข์ เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ ทำอะไรก็ทุกข์ ท่านหลวงปู่ชา ให้สติปัญญาของพระฝรั่งสุเมโธว่า

 

พระสุเมโธ... พระสุเมโธเป็นทุกข์ หรือว่าวัดหนองป่าเป็นทุกข์

ให้รู้เข้าใจนะ การพัฒนาการประพฤติการปฏิบัติสิ่งที่ภายนอกเราก็ต้องพัฒนาไปตามเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่ออำนวยความสะดวกความสบาย ส่วนภายในเราก็ต้องแก้ที่ใจของเรา เข้าถึงความสงบด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตของเรามันจะได้เข้าถึงความสงบด้วยปัญญา

 

เราปฏิบัติอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องกันเราถึงจะมีศีลมีปัญญา เราถึงจะแก้ปัญหาได้

 

ท่านพระสุเมโธรู้เข้าใจ ได้เอาหลักการนี้ไปประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันเป็นเวลา ๑๐ ปี ดีมากเลย แก้ปัญหาได้

 

หลวงปู่ชาถึงได้พูดกับพระสุเมโธว่า พระสุเมโธน่ะ ถึงกาลถึงเวลาแล้วนะ ให้กลับไปบอกธรรมะกับคนทางยุโรป คนทางยุโรปเค้ามีสติมีปัญญา เป็นนักวิทยาศาสตร์เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ เอาจิตเอาใจไปพร้อมกันถึงจะแก้ปัญหาได้ต่อไปในภายภาคหน้าพระพุทธศาสนาจะไปเจริญที่ยุโรปนั่นแหละ

 

ท่านพุทธทาสภิกขุก็บอกพระทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าให้เรารู้เข้าใจนะ การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นอริยมรรคมีองค์แปด มันคือรู้อริยสัจสี่ เราอยู่ที่ไหน ทำอะไรก็ปฏิบัติอยู่ที่นั่น เราไม่ต้องมาอยู่สวนโมกข์หรอก เราอยู่ที่บ้านที่สถานที่รู้เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

อย่างท่านหลวงปู่ชาท่านก็ได้ส่งพระอาจารย์สุเมโธกลับไปเผยแผ่ที่ประเทศอังกฤษที่ทางยุโรป เพื่อไปบอกความรู้ความเข้าใจ ว่ามนุษย์เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เค้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

เรามาคิดดูดี ๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้เอาแต่ความรู้ ความรู้นั้นต้องคู่การประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ไม่คู่การประพฤติการปฏิบัติไม่ได้นะ ถ้ามีความรู้ไม่คู่การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นการวิบัติ ความรู้ไม่คู่การประพฤติการปฏิบัติเราได้เห็นเป็นประจักษ์เป็นพยาน เราได้เห็นตึกสตง.ของเมืองไทยมันพังทลาย มีแต่ความรู้ไม่คู่การประพฤติการปฏิบัติ เอาทุจริตนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต ชีวิตนี้มันเกิดมาเพื่อมาทำร้ายตัวเองเพื่อมาพังทลายหรือว่ามาทำลายความถูกต้อง ชีวิตนี้มันพังทลายเลย เสียชาติเกิด ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐแล้วเอาความหลงนำชีวิตนี้มันเสียชาติเกิด ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.

 

เราทั้งหลายเป็นมนุษย์ได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐให้เรารู้ให้เราเข้าใจ เรื่องหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็เป็นเหมือนประเทศไทยนี้แหละ

 

ประเทศไทยจัดการเรื่องยาเสพติด จัดการมาแล้วเกือบร้อยปี แต่มันแก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่มากขึ้นกว่าเก่า เพราะมีแต่ความรู้ไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่างเรื่องสวมหมวกกันน็อค ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕ เดี๋ยวนี้กาลเวลามันก็ผ่านมา  ๔๐ กว่าปีแล้ว มันก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ตัวตนนี้แหละคือปัญหานะ ให้เรารู้เราเข้าใจ

เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องพึ่งที่พึ่งประเสริฐของเราคือพระธรรมพระวินัย

 

พระธรรมพระวินัยที่เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ คือเป็นบ้านของเราที่อยู่ของเรานะ พระธรรมพระวินัยคือเป็นพระนิพพานมันหยุดวัฏฏสงสาร กำลังทวงสิทธิ์คืนมา เพื่อเอาความถูกต้องกลับคืนมา เอาความสงบกลับคืนมา เอาออกซิเจนกลับคืนมาด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายจะได้รู้จักพระนิพพานคือบ้านของเรา พระนิพพานคือศีล คือสมาธิคือปัญา คือข้อวัตรกิจวัตร

 

เราทุกคนให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าเอาความหลงนำชีวิต ถ้าอย่างนั้นชีวิตของเรามันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวนอย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการ รู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้    มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

 

ให้เราถือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักเป็นโมเดล ประเทศไทยของเรา สำหรับผู้ถือศาสนาพุทธก็เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ผู้ถือศาสนาคริสต์ก็เอาพระเยซูเป็นหลัก ถือศาสนาอิสลามก็เอาพระนบีมูฮัมหมัดเป็นหลัก

 

ถ้าเราคิดด้วยปัญญานี้ พระศาสนานี้คือธรรมคือสภาวธรรมคือธรรมนูญมันเป็นการยกเลิกเค้ายกเลิกเรา ชื่อเสียงเรียงนามต่าง ๆ นั้นมันเป็นชื่อ เราต้องรู้เข้าใจเราจะได้ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยกเลิกเขายกเลิกเรา เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต ชีวิตนี้ถึงจะมีความสงบมีปัญญา มีพระนิพพาน มีสันติภาพ

 

บุญกุศลที่คณะสงฆ์ญาติธรรม ญาติพี่น้องได้ร่วมรวมกันเพื่อมอบให้ส่งให้เพื่อบูชาหลวงปู่ริว รุจิลาโภ เพื่อไปสู่สุคติสรวงสวรรค์มรรคผลพระนิพพาน

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายให้พากันเสียสละ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของผู้อื่นด้วยความไม่ประมาท ด้วยความดีที่ประกอบด้วยปัญญา

 

โอวาทของหลวงปู่มั่นตรัสว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐ

มีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ถ้าปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิเพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน  ให้เข้าใจนะ

 

--------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในค่ำวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

 

Visitors: 94,420