๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
หลักการอุดมการณ์ของมนุษย์ มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ ต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิ มีหลักการอุดมการณ์ในการดำเนินชีวิต พัฒนาใจหรือว่าปฏิบัติใจแล้วปฏิบัติวัตถุไปพร้อม ๆ กัน ไม่ให้ยิ่งหย่อนมากน้อยกว่ากัน ต้องไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นทางเดินของชีวิต ปัญญากับการปฏิบัติถึงไปพร้อม ๆ กัน จับกันเป็นคู่ ตีกันเป็นคู่ไปเลย
ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
ให้เราทุกคนพากันรู้พากันเข้าใจ เพราะทุกคนนั้นจะเหนือกรรม เหนือผลของกรรม เหนือกฎแห่งกรรมนั้นไปไม่ได้ สมมติสัจจะทั้งหลายในโลกนี้เพื่อชี้ให้เราเห็นเรื่องผิดเรื่องถูก เรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่องไม่ผิดไม่ถูก เรื่องไม่ดีไม่ชั่ว มีหลายล้านสมมติ
ให้เข้าใจว่าทำไมถึงมีสมมติเยอะแท้ เพื่อจะให้เราเข้าใจในแง่มุมต่าง ๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเนื่องจากเหตุจากปัจจัย ทุกอย่างน่ะล้วนแต่เหตุล้วนแต่ปัจจัยทั้งนั้น เนื่องจากกรรม จากกฎแห่งกรรม จากผลของกรรมทั้งนั้น
เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ เข้าใจแล้วพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ใจของเราต้องเป็นหนึ่งเดียวด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เพราะเรามีโอกาสมีเวลามีลมปราณ อายุขัยของเราทุกคนมันอยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่ง ศตวรรษหนึ่งก็คือหนึ่งร้อยปี ถ้าเราทำดี ๆ พูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราอยู่ได้มากกว่าหนึ่งศตวรรษนะ
เราทั้งหลายน่ะต้องเข้าใจ เพื่อจะได้รู้เข้าใจ จะได้พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะทุกอย่างนั้นคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม
สติปัฏฐาน สตินั้นต้องเป็นสติที่เป็นสัมมาสติ เพราะสติมันก็มีสองอย่างสติอันหนึ่งก็เป็นตัวเป็นตน สติอันหนึ่งก็เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม สติต้องเป็นพื้นเป็นฐาน สัมปชัญญะตัวปัญญาต้องเป็นพื้นฐาน ทั้งสติทั้งสัมปชัญญะ เราต้องพากันเข้ามาใช้เอามาปฏิบัติในปัจจุบัน เพราะนี้มันคือกรรมคือกฎแห่งกรรม คือผลของกรรม
สิ่งที่เรามีความเป็นอยู่นี้คือผลของกรรมนะ นี้เรากำลังได้รับมรดกแห่งกรรมดี และกรรมชั่ว แล้วแต่กรรมของใครของมัน ความแก่ความเจ็บความตาย ความพลัดพราก นี้คือผลของกรรม มันเป็นปลายเหตุแล้ว ต้นเหตุเราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดตั้งแต่ต้นเหตุ เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามผัสสะ ไม่ได้ไปตามอายตนะ ไม่ได้ไปตามธาตุตามขันธ์ เราจะได้รู้เข้าใจ เราทุกคนถึงจะเป็นผู้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา
ในชีวิตประจำวันนี้ เมื่อเรามีลมปราณ เรามีธาตุทั้ง ๔ มีขันธ์ทั้ง ๕ มีอายตนะ ๑๒ นี้เป็นข้อสอบแล้วข้อตอบของเรานะ เราต้องขอบใจเหตุขอบใจปัจจัย ที่เราได้มีข้อสอบ แล้วมีข้อตอบให้เราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้รู้เรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ เราทั้งหลายจะได้เอาหลักการ อุดมการณ์แล้วก็เพื่อเอาทั้งความสงบทั้งปัญญา เรียกว่าหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายต้องพัฒนาเข้าถึงความเข้าประภัสสรน่ะ รู้เข้าใจ ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีแต่ความสงบ สงบด้วยความรู้ความเข้าใจ สงบด้วยศีล ด้วยสมาธิด้วยปัญญาที่รู้เข้าใจ
เราอยู่ที่ไหน เป็นใคร ทำอะไร มันสำคัญอยู่ที่เรารู้ สำคัญอยู่ที่เราเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตินะ
การประพฤติการปฏิบัติน่ะสำคัญอยู่ที่รู้เข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ระดับความเป็นอยู่ของเรานี้ที่ผ่านมามันอยู่ในระดับความหลงนะ
ระดับความหลงเรียกว่าระดับความบ้า ระดับผีบ้า เอาความหลงนำชีวิต เค้าเรียกว่ามันอยู่ในระดับคนบ้า คนผีบ้า แล้วก็คนที่มีเชื้อบ้านะ
เราทั้งหลายน่ะตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองตามความหลงนี้มันคือคนบ้า คือคนผีบ้า คือคนมีเชื้อบ้านะ
การประพฤติการปฏิบัตินี้ให้พวกเราทั้งหลายพากันตั้งใจตั้งเจตนา เพราะไม่มีใครมาประพฤติมาปฏิบัติมาคิดมาพูดมากระทำให้เราได้ เพราะเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องผลของกรรม มันเป็นเรื่องเฉพาะตน
สติปัฏฐานทั้ง ๔ เรื่องกายคตาสติ เวทนาที่เกิดจากผัสสะ เกิดจากเหตุปัจจัย จิตตัวผู้รับรู้สิ่งต่าง ๆ ธรรมมันเป็นธรรมชาติเป็นสภาวธรรมมันเป็นประภัสสร
ให้เรารู้เข้าใจ เพื่อเราทุกคนจะได้มีสติมีสัมปชัญญะ เพื่อเน้นการประพฤติการปฏิบัติมาที่ตัวเรา การปฏิบัติธรรมของเราถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มันเป็นการปฏิบัติสติปัฏฐานทั้ง ๔ เพราะทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย มันไม่เหนือเหตุเหนือปัจจัย ทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัย
เราต้องรู้เข้าใจ เรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องผลของกรรมนี้ เราอาศัยใครไม่ได้ พึ่งพาอาศัยคนอื่นไม่ได้นะ ผู้ที่ไปบวชถือเพศพรหมจรรย์ พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอกผู้สอนให้เข้าใจ เป็นตัวอย่างแบบอย่างเท่านั้นนะ ไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปอยู่กับหลวงปู่ชา สุภัทโท ไปอยู่กับหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ไปอยู่กับท่านพุทธทาสภิกขุน่ะ ท่านก็ปฏิบัติให้เราไม่ได้นะ
ท่านหลวงปู่ชา ได้ตรัสกับพระเณรว่า เมื่อท่านมาอยู่วัดหนองป่าพงแห่งนี้เป็นสถานที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ไม่ใช่สถานที่ปฏิบัติเพื่อตัวเพื่อตนนะ มาอยู่ประพฤติมาอยู่ปฏิบัติธรรมน่ะ มาอยู่แล้วต้องประพฤติปฏิบัตธรรม ต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยกเลิกตัวตน มาอยู่วัดหนองป่าพงแห่งนี้น่ะ อาศัยหมู่อาศัยคณะ อาศัยสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติไปในทางเดียวกัน เพื่อเอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญาไปในทางเดียวกัน เป็นหมู่เป็นคณะ เอาพระธรรมเอาพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ เอาข้อวัตรกิจวัตรทำอะไรทำเหมือนกัน ทำพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์ และอุดมธรรม อาศัยการถือนิสัยของพระพุทธเจ้า นี้อาศัยการถือนิสัยของครูบาอาจารย์ เมื่อท่านไปที่อื่นท่านก็ปฏิบัติเหมือนอยู่วัดหนองป่าพงแห่งนี้นะ
ความละอายต่อบาปความเกรงกลัวต่อบาปนี้เห็นภัยในวัฏฏสงสารนี้สำคัญ ความซื่อสัตย์ ความกตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีมาตั้งหลายล้านชาติหลายล้านปีจนกว่าจะได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราทุกคนต้องซื่อสัตย์ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่ทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การทำลายพระพุทธเจ้าได้แก่เอาตัวเอาตนนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต คือมาอาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉัน หรือว่ามาหาอยู่หากิน เพียงอาศัยรูปแบบปลงผมเหมือนพระพุทธเจ้า ใส่ชุดเหมือนพระพุทธเจ้านี้คือผู้ที่ทำลายพระพุทธเจ้านะ คือผู้ที่ทำลายพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นะ คือผู้ที่ทำลายบริสุทธิคุณ ผู้ที่ทำลายพรหมจรรย์
พรหมจรรย์ก็หมายถึงว่าความบริสุทธิคุณ เมื่อเอาตัวเอาตนนำชีวิตมันก็ไม่ใช่ บริสุทธิคุณ มันเป็นตัวเป็นตนเป็นสัญชาตญาณนั่นคือวัฏฏสงสาร นั่นคือการทำลายพระพุทธเจ้า ทำลายพระธรรม ทำลายพระอริยสงฆ์
พระอริยสงฆ์ก็คือตัวของเราเองนี้แหละ ทำลายด้วยไม่ใช่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นผู้ไม่ปฏิบัติตรง ไม่เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ไม่เป็นผู้ปฏิบัติสมควรน่ะ นี้หมายถึงการทำลายนะ
การทำลายไม่ใช่เอาค้อนปอนด์ไปทุบโบสถ์ ทุบศาลาทุบกุฏิวิหารให้แหลกลานอย่างนี้ การทำลายก็คือปฏิบัติตรงกันข้ามกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราอยู่ที่ไหนไม่เป็นไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราอยู่ที่ไหนไม่เป็นไร จะเป็นวัดบ้านวัดป่าไม่เป็นไร จะเป็นบรรพชิตเป็นคฤหัสถ์ก็ไม่เป็นไร จะเป็นข้าราชการนักการเมืองก็ไม่เป็นไร ให้เรารู้เข้าใจ ชีวิตของเราจะได้เอาพุทธะนำชีวิต ไม่เอาความหลงงมงายหรือเอาความเป็นผีบ้านำชีวิต
เราคิดดูดี ๆ นะ ถ้าเราเอาความถูกต้องนำชีวิต เอาพระธรรมนำชีวิต ชีวิตของเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเรียนหนังสือ เรียนหนังสือมันก็ดีน่ะทำให้มีปัญญา ถ้าเราไม่เรียนหนังสือจะมีปัญญาได้อย่างไร ถ้าเรามีปัญญาอย่างนี้ คนมีปัญญาอย่างนี้ก็สามารถที่จะคิดได้นาทีหนึ่งหลายล้านบาท นักบริหารทั้งหลายต้องมีปัญญา คนจะมีปัญญานั้นก็ต้องสงบ ความสงบกับปัญญามันถึงไปพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมไม่ใช่เป็นตัวเป็นตน ให้เรารู้ให้เราเข้าใจเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมผลของกรรม ไม่ลังเลสงสัยในเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม
อย่างวัดเรานี้มอง ๆ ดูแล้วความสะอาดของวัดเรามันอยู่ในระดับคนบ้า หรือในระดับคนเป็นโรคจิตโรคประสาทนะ ยังไม่ใช่บริสุทธิคุณทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพที่เอาพระนิพพานนำชีวิต
วัดเราความสะอาดมันอยู่ในระดับคนบ้าอยู่ เอาตัวตนนำชีวิตไม่ได้เอาบริสุทธิคุณนำชีวิต เรียกว่ายังอยู่ในระดับคนบ้าอยู่
หลวงพ่อฯได้เอาพวกคนบ้าทั้งหลาย พวกคนโรคประสาททั้งหลายพากันมาทำงาน เพื่อหยุดโรคประสาทของตัวเอง หยุดความบ้าของตัวเองเพราะมีตัวมีตน ถึงจะมีปัญญามากมันก็ไม่สงบ ถึงจะมีปัญญาน้อยมันก็ไม่สงบ เพราะความมีตัวมีตนคือความไม่สงบ
หลวงพ่อฯถึงให้คนพวกนี้ดูแลต้นไม้ ดูแลห้องน้ำห้องสุขา ดูแลสถานที่ที่ประชาชนมาเห็นวัดนี้สะอาด
เราคิดดูดี ๆ นะ นี้มันสะอาดระดับคนบ้าคนประสาทนะ
หลวงพ่อฯถึงบอกพระ บอกผู้มีปัญญาทั้งหลาย เราทั้งหลายน่ะ ต้องเอาพระพุทธเจ้านำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต เอาข้อวัตรกิจวัตรนำชีวิตพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีลับหลังและต่อหน้า ต้องเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาท เป็นประภัสสรของชีวิต แล้วพากันมาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน เพราะการประพฤติ การปฏิบัติให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันจะเป็นธรรมะโอสถ มันจะรักษาความไม่สงบให้มันสงบ รักษาโรคจิตโรคประสาทโรคบ้าโรคผีบ้าน่ะ
หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายต้องเข้าใจนะ เข้าใจแล้วเราจะได้เข้าสู่หน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้ง เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นผู้หญิงผู้ชายคนหนุ่มคนสาวคนแก่เฒ่าคนชรา เราก็มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ มันจะสมบูรณ์ได้มันต้องรู้เข้าใจแล้วก็มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อมันจะได้เป็นธรรมะโอสถ เราพากันมีความสงบให้เพียงพอให้เต็มที่ในปัจจุบัน อย่าให้ฟุ้งซ่านให้สงบ
เรามามีปัญญาให้เพียงพอ อย่าไปตามผัสสะ อย่าไปตามอารมณ์ อย่าไปตามสิ่งแวดล้อม เอาทั้งความสงบเอาทั้งปัญญาไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิ เป็นปัญญา เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราทั้งหลายต้องพากันหยุดความฟุ้งซ่าน เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี
มนุษย์เราต้องเข้าถึงความพอดีมันถึงจะเป็นประภัสสร อยากได้มากมันก็ไม่มากเพราะความพอดีมันเท่านั้นเอง อยากได้น้อยมันก็ไม่น้อยเพราะความพอดี ความเป็นประภัสสร มันเท่านี้เอง
เราทั้งหลายพากันอบรมบ่มอินทรีย์ด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ อย่างต้นอย่างกลางอย่างละเอียด ตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งไหนที่ผ่านไปแล้วถือว่ามันเกษียณแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ อย่าให้อดีตมันปรุงแต่งเรา อนาคตยังมาไม่ถึง เราก็ไม่ต้องไปคิดมัน เน้นที่ปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้สำคัญ ปัจจุบันนี้เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะอนาคตนี้มันอยู่ที่ปัจจุบัน มันเป็นกระบวนการปฏิจจสมุปบาท มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรมเป็นผลของกรรม
มนุษย์เราต้องเข้าใจ มนุษย์เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบันนี้ ไม่ต้องรอ พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ ต้องเข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบัน ที่เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัตินี้ถึงเป็นคู่กับธาตุขันธ์อายตนะให้เรารู้ให้เข้าใจ เพราะการประพฤติการปฏิบัติไม่ใช่หยุดไม่ใช่ไป มันคือความรู้ความเข้าใจ มันเป็นปิติเป็นสุขเป็นเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยก็วางเพราะมันเกษียณแล้ว
การพัฒนามนุษย์เค้าต้องพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป พัฒนาใจให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้เพื่อยกเลิกความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องที่เรามองเห็นด้วยตา รู้เห็นด้วยประจักษ์พยาน
เห็นมั๊ยความไม่ถูกต้อง ความทุจริตที่ตึก สตง. ๓๐ กว่าชั้นนั้นพังทลาย นี้คือความไม่ถูกต้อง ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ไม่เอาธรรมนำชีวิต ชีวิตนี้มันพังทลายด้วยความไม่ถูกต้อง
เราต้องเอาทั้งความฉลาดทั้งความดีมาประพฤติมาปฏิบัติ เพราะเรามีโอกาสเพราะเรามีลมปราณ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราพากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้นะ
เราพากันนอนพากันพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนการพักผ่อนให้เพียงพอ นี้คือการปฏิบัติธรรมนะ มนุษย์เรานี้ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ นอนพักผ่อน ๔ ชั่วโมงก็เพียงพอ เพราะการยกเลิกวัฏฏสงสารมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิต ที่ประเสริฐนั้นคือการพักผ่อน นั้นคือการยกเลิกกิจกรรม นั้นคือการพักผ่อนนะ
ให้เรารู้จักเรื่องพักผ่อนของวัฏฏสงสาร ให้เรารู้เรื่องพักผ่อนการงาน เราต้องพักผ่อนเราต้องยกเลิกน่ะ ยกเลิกความคิดที่มันไม่ดี คำพูดที่ไม่ดี กิริยามารยาทไม่ดี ใจมันไม่ดีน่ะ ใจมันเป็นตัวเป็นตนนั้นคือใจไม่ดี เพราะใจเป็นตัวเป็นตนเป็นสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาเค้าเรียกว่าใจไม่ดี เอาความถูกต้องนำชีวิต มันคือคนใจไม่ดี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเอาตัวตนนำชีวิตมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีนะ
เราต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราทั้งหลายจะได้หยุดยกเลิก เราจะได้พักผ่อน
ถ้ายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ยังเป็นพระโสดาบันพระสกิทาคามีเค้าเรียกว่าพักผ่อนน่ะ ถ้าเป็นพระอรหันต์เค้าเรียกว่ายกเลิกเลย เป็นการยกเลิกอย่างถาวรด้วยความรู้ความเข้าใจในเรื่องพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร
ถ้าเรายกเลิกนี้เป็นการพักผ่อนอย่างถาวร พักผ่อนทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราอย่าไปรู้เรื่องพักผ่อนทางวัตถุ เราต้องรู้เรื่องพักผ่อนทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพพักผ่อนทั้งใจด้วย
อย่างสามัญชนทั้งหลาย ก็พากันพักผ่อน ๖ ชั่วโมง ถึง ๘ ชั่วโมง มีปิติมีความสุขในการพักผ่อนให้ได้ ๖-๘ ชั่วโมง
ถ้าผู้ยังเป็นเสขบุคคล ยังไม่เป็นอเสขบุคคล ถึงต้องมีความสงบมีปัญญาควบคู่กันไป เพื่อเป็นความสงบกับเป็นปัญญา เพื่อจะได้พักผ่อนอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา
การเจริญสติสัมปชัญญะนี้คือการหยุดการพักผ่อนนะ มีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อม ยืนก็รู้ว่าตัวเองยืนชัดเจน ตัดสิ่งภายนอกออก นั่งก็รู้ว่าตัวเองนั่งชัดเจน มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ตัดสิ่งภายนอกออก นอนอย่างนี้ก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม รู้ว่าเรานอน ตัดเรื่องอดีตอนาคต ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่าง มีสติสัมปชัญญะอย่างนี้ เราจะได้พักผ่อนทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งใจ
เราต้องรู้จักว่าการพักผ่อนนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกายอย่างเดียวนะ ทั้งเรื่องกิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจด้วย การมาสงบระงับสังขารทั้งหลายด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญานี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยนี้เป็นการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศนะ เราต้องรู้เรื่องหลักการรู้เรื่องอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้นะ
พูดถึงพระนี้ทุกคนก็เป็นพระ พระนี้คือผู้รู้ผู้เข้าใจแล้วเข้าสู่ความดี เข้าสู่บารมี คือเพิ่มพูนไปด้วยการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ทุก ๆ คนก็เป็นพระได้ ผู้ที่มาบวชก็เป็นพระได้ คฤหัสถ์ก็เป็นพระได้ ข้าราชนักการเมืองก็เป็นพระได้ ทุก ๆ ศาสนา ก็เป็นพระได้ ให้เข้าใจอย่างนี้นะ พระที่แท้จริงคือความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรมมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญาที่เป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ นี้แหละคือความเป็นพระให้เราเข้าใจ
พระเน้นที่ตัวเรานี้แหละ ต้องหาพระที่ตัวเรา อย่าไปหาพระที่อื่น ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในความเป็นพระ เพื่อพัฒนาทั้งใจพัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อความเป็นพระของเรา ด้วยเป็นพระธรรมพระวินัย ไม่ทำอะไรตามสิ่งที่ไม่ใช่พระ ไม่ทำอะไรที่เป็นตัวเป็นตน
สิ่งที่จะหยุดตัวตนได้ก็ต้องหยุดด้วยพระธรรมพระวินัย มีปัญญามากก็ต้องหยุดด้วยพระธรรมพระวินัย มีปัญญาน้อยก็ต้องหยุดด้วยพระธรรมพระวินัย ต้องเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะไปของมันเรื่อย เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะไปของมันเรื่อยเพราะไม่รู้กาลไม่รู้เวลาไม่รู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายต้องยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้องของชีวิต เรียกว่ายกเลิกตัวยกเลิกตนน่ะ ยกเลิกโลกธรรม ต้องยกเลิกโลกธรรม โลกธรรมนี้เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องยกเลิกถ้าเราไม่ยกเลิกมันก็ไม่มีธรรม เรายกเลิกโลกธรรมมันคือมีธรรมนะ
การประพฤติการปฏิบัติธรรมนั้นถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลังให้รู้ให้เข้าใจ ถ้าเรามีต่อหน้าลับหลัง หัวใจของเรามันเป็นวัฏฏสงสารนะ หัวใจมันมีครอบครัวนะ หัวใจของเรามันยังมีครอบครัว หัวใจของเรามันยังมีเมียมีลูกมีผัว หัวใจของเรายังเป็นโลกธรรมนะ คือโลกมันทำลายธรรม ทำลายธรรมชาติ ทำลายความเป็นประภัสสร มันลิดรอนสิทธิของความถูกต้อง ชีวิตของเราอยู่ด้วยการลิดรอนสิทธิของความถูกต้อง
ผู้ที่อยู่ในเมืองกรุงเมืองหลวงปริมณฑล อากาศมันไม่ดี ค่าพีเอ็มไม่ดี ต้องนอนอย่างน้อยก็ ๖ ชั่วโมง เพราะกรุงเทพมหานครปริมณฑลเป็นศูนย์รวม ทั้งเรื่องจิตใจเป็นศูนย์ทางวิทยาศาสตร์อะไรก็ไปรวมกันอยู่ที่นั่น การนอนการพักผ่อนต้องให้เพียงพอ ถึงเราจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ มีห้องแอร์ มีเครื่องฟอกอากาศ ธรรมชาติก็คือธรรมชาติ เราต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถึงเราทั้งหลายจะมีกิจกรรมมาก มีธุรกิจมาก ก็ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเป็นพระน่ะมันเป็นพระได้ทั้งเมืองกรุงปริมณฑลและต่างจังหวัดชนบทน่ะ เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไม่ได้ไปหาพระที่ไหน หาพระที่ตัวเรา แต่ก่อนเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไปหาพระที่อื่นหาความสงบที่อื่น ไปหาความสงบที่อุทยานห้วยขาแข้งไปหาความสงบที่ทุ่งใหญ่นเรศวรที่เป็นมรดกโลกมรดกธรรม ไปหาความสงบที่เขาใหญ่ เขาหลวง ภูสอยดาวสอยเดือนสอยอากาศอะไรที่ไหน
เราทั้งหลายต้องเข้าใจใหม่นะ ความสงบมันต้องอยู่ที่เรารู้เราเข้าใจ ความสงบนั้นอยู่ที่เรารู้เข้าใจในความเป็นจริงในสิ่งแวดล้อม ในอริยสัจสี่น่ะ
เราคิดดูดี ๆ นะ เรามีตามันถึงมีรูปนะ ถ้าเราไม่มีตารูปมันจะมีมั๊ย ไม่มี ถ้าเรามีหูมันก็มีเสียง นอกจากคนหูหนวก หูเสีย เรามีจมูก จมูกดีมันถึงมีกลิ่น เรามีกายมันก็มีสัมผัส เรามีใจก็มีเรื่องจิตเรื่องใจ เพราะอันนี้มันคือเหตุคือปัจจัย
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิเศษนะ เป็นความเต็ม ๆ ๆ ๆ
องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ บอกว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าจะปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
ท่านตรัสรู้อยู่ที่ต้นศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียอยู่ไม่ห่างไกลจากแม่น้ำเนรัญชรา ความเต็มความพอเพียงมันเป็นความพอดี มันเป็นความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ รู้เรื่องใจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพิจารณาเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเรื่องภพเรื่องชาติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกชาติได้อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ระลึกเรื่องเหตุปัจจัยที่ข้างหน้าว่ามีพระพุทธเจ้าองค์ไหนบ้างจะมาตรัสรู้บ้างก็อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพิจารณาปฏิจจสมุปบาทพิจารณาเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรม
เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ พัฒนาทางสายกลางเอาทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์ไปด้วยทางสายกลาง
เหมือนสายพิณนี้แหละ สายพิณหย่อนเกินไปมันก็ทำให้เสียงพิณเพราะไม่ได้ ถ้าตึงเกินไปสายพิณนั้นก็จะขาด
เราต้องเข้าถึงความพอดีที่เป็นมรรคเป็นอริยมรรค มันต้องเข้าถึงความพอดี เอาแต่ใจไม่เอาวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้เอาแต่ใจก็เหมือนชีเปลือย ไม่ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์เหลือแต่ตัวล่อนจ้อนนุ่งลมห่มฟ้าอย่างนั้นไม่ใช่คนมีปัญญา มันปล่อยปะละเลย เอาแต่วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ ต้องเอาสองอย่างนี้ไปพร้อมกัน
การปฏิบัติก็ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะปัจจุบันเราต้องเข้าถึงพระนิพพานด้วยความรู้ความเข้าใจเข้าถึงพระนิพพานทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจ ต้องเข้าถึงพระนิพพาน เพื่อเป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ ด้วยปัญญาสัมมาทิฐิอย่างนี้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราต้องเอาอริยมรรคที่มีทั้งหมดนี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์เป็นอุดมธรรมมาประพฤติมาปฏิบัติ
เราคิดดูดี ๆ เปรียบเสมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นนั้นที่มันสวยสดงดงามสง่างามอยู่ในท่ามกลางที่แจ้งและอยู่ในที่โล่ง ต้นไม้ต้นนั้นเค้าได้อาหารมา ไม่ใช่ได้เฉพาะรากอย่างเดียวนะ ต้องได้มาจากทั้งทางรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑล ยังมีแสงงแดดออกซิเจน ต้นไม้นั้นถึงจะอุดมสมบูรณ์เต็มด้วยวิตามินโปรตีนเกลือแร่แร่ธาตุต่าง ๆ
ให้เรารู้เข้าใจเราจะได้พัฒนาพรหมจรรย์หรือว่าพัฒนาอริยมรรคด้วยความรู้ ความเข้าใจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาทอย่างนี้นะ เพื่อหยุดวัฏฏสงสาร เพื่อเสวยวิมุติสุขด้วยความรู้ความเข้าใจ อยู่ที่ไหนก็มีความสุข จะอยู่ก็เป็นสุขจะไปก็เป็นสุขทุกอย่างเป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์เลย
เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจ เราจะได้เป็นคนฉลาดเป็นคนรอบคอบเป็นคนดี เพื่อเราทั้งหลายทั้งอยู่วัดอยู่บ้านเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันมีกระบวนการทั้งความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เพราะนี้มันเป็นกรรม เป็นกฎแห่งกรรม เป็นผลของกรรมนะ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตของเรานี้มันต้องพังทลายเหมือนตึกสตง.
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลงชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เราทั้งหลายจะได้เป็นมนุษย์ที่มีปัญญาสัมมาทิฐิ เหมือนท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านอยู่ที่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ท่านพุทธทาสท่านเป็นพระดีเป็นพระมีปัญญา เป็นนักวิทยาศาสตร์ทั้งทางวัตถุและทางจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ท่านได้กล่าวจากใจจากความเป็นประภัสสร
ท่านได้ตรัสว่า
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา เปรมปรีดา คืนวัน ศุขสันติ์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจในสิ่งที่ประเสริฐเพื่อจะได้เอาความถูกต้องนำชีวิต เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญานำชีวิตเพื่อเป็นพระนิพพานทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจ ความบริสุทธิคุณนั้นคือความเต็มคือความพอเพียงเพียงพอคือพระนิพพาน นั่นแหละคือเป้าหมายของเราที่ได้พากันเกิดมาเป็นมนุษย์ที่เป็นผู้ประเสริฐ
----------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา