๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๐ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
พุทธคริสต์อิสลามพราหมณ์ฮินดูซิกส์ทุก ๆ ศาสนาในโลกนี้ล้วนแต่ไปทางเดียวกัน คือเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะธรรมนูญน่ะ รู้มั๊ยธรรมนูญคือทางสายกลางของการดำเนินชีวิต มันเป็นการประพฤติปฏิบัติระหว่างใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กัน มันเป็นการพัฒนาใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
ท่านพระอานนท์ได้ตรัสถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานแล้ว จะเอาใครเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อานนท์เอย... พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ที่เป็นทั้งพระธรรมเป็นทั้งพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ นั่นแหละคือตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นน่ะคือธรรมะ ธรรมะคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะนั้นคือพระธรรมพระวินัย อานนท์เอยเข้าใจอย่างนี้นะ
มีผู้ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าไม่มีใครใหญ่เหนือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความเคารพคารวะใคร
ท่านตรัสว่าเคารพในธรรมในสภาวธรรม เคารพในความเป็นประภัสสรของธรรมะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสเรื่องธรรมให้เจริญธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเป็นการอยู่ได้ยิ่งยืนนานคือคารวธรรม ความเคารพคารวะกับความสงบ มันคืออันเดียวกัน ถ้าเรามีความเคารพมีความคารวะนั้นแหละคือความสงบ ถ้าเราไม่มีความเคารพไม่มีความคารวะเราก็ไม่สงบ
เราต้องรู้เข้าใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นใหญ่ในสิ่งนั้น ๆ เอง จิตใจของเราถึงจะเป็นประภัสสร จิตใจของเราถึงจะเข้าถึงความสงบ ความสงบกับความเป็นคารวธรรมถึงเป็นสิ่งอันเดียวกันนะ ถ้าใครไม่มีความสงบแสดงถึงบุคคลนั้นมีทิฐิมานะอัตตาตัวตน ตีตนเสมอท่านหรือมากกว่าท่าน
มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชายเป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า มีปัญญามากกว่าเค้า มีเพาเวอร์มากกว่าเค้า รวยกว่าเค้า อะไรก็เขาอะไรก็เรา อันนี้มันไม่ใช่ความสงบนะ ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่คารวธรรม
เราต้องรู้ต้องเข้าใจเราต้องหยุดวัฏฏสงสารต้องหยุดสัญชาตญาณด้วยความรู้ความเข้าใจ ความเคารพคารวะนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นปัญญาเป็นความสงบท่านได้ตรัสคารวะ ๖ อย่าง คารวะ ๖ อย่างมีอะไรบ้าง คารวะ ๖ อย่างก็ได้แก่
๑. พุทธคารวตา (ความเคารพในพระพุทธเจ้า)
การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าในฐานะผู้เป็นศาสดาและผู้ตรัสรู้
๒. ธัมมคารวตา (ความเคารพในพระธรรม):
การตระหนักถึงคุณของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน และการนำมาประพฤติปฏิบัติ
๓. สังฆคารวตา (ความเคารพในพระสงฆ์)
การให้ความเคารพในพระสงฆ์ผู้เป็นผู้สืบทอดพระธรรมคำสอน
๔. สิกขาคารวตา (ความเคารพในการศึกษา)
การศึกษาทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ โดยมีสติและอยู่ในกรอบของศีล สมาธิ ปัญญา
๕. อัปปมาทคารวตา (ความเคารพในความไม่ประมาท)
การดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท มีสติอยู่เสมอ
๖. ปฏิสันถารคารวตา (ความเคารพในการปฏิสันถาร)
การพูดคุยและต้อนรับผู้อื่นด้วยความสุภาพและจริงใจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้เข้าใจว่า ความเคารพคารวะนี้กับความสงบนี้มันคืออันเดียว ถ้าเราไม่มีความเคารพไม่มีความคารวะเราก็ไม่มีความสงบ ไม่มีความสงบมันก็เป็นตัวเป็นตน การมีตัวมีตนนั้นคือความไม่สงบนั้นคือความฟุ้งซ่าน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า การมาระงับสังขารทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องคารวธรรม
เบื้องต้นของการเป็นพระอริยเจ้าคือเป็นพระโสดาบัน เบื้องต้นต้องละสักกายทิฏฐิ เบื้องต้นต้องมีความเคารพในธรรมในคารวธรรม มาเคารพในพระธรรมพระวินัย เอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต ยกเลิกความชอบความชัง เข้าถึงคารวธรรม
เรากลับไปมองดูตัวเองทุกคนนะ ตัวเองน่ะต้องรู้ต้องเข้าใจนะ ถ้าใจของเราไม่มีคารวธรรมคือบุคคลที่ไม่ละสักกายทิฏฐิ คือคนถือเนื้อถือตัวนะ เอาความไม่ถูกต้อง นำชีวิต เอาโลกมาครองนำนะ เอาโลกธรรมนำชีวิต นั้นแหละคือตัวคือตน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน คือปัญญาบริสุทธิคุณ ยกเลิกตัวตน มีธรรมมีคารวธรรม เค้าเรียกว่ามีสัมมาคารวะ ธรรมะที่ให้ทุกคนเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี พระโสดาบัน เริ่มต้นจากปัญญาสัมมาทิฐิ รู้เข้าใจ ยกเลิกสังสาระ ยกเลิกวัฏฏสงสาร ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราถึงจะไปเอาตัวเอาตนนำชีวิตนี้ไม่ได้ มันมีทิฏฐิมีมานะ มันมีตัวมีตนมากมันไปไม่ได้
รู้มั๊ยทำไมเรายากจน... เพราะเอาตัวตนนำชีวิตมันก็ต้องยากจน เพราะตัวตนนั้นไม่มีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่มีความสุขในความขยันรับผิดชอบอดทน มันไม่มีความสุขมันทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย มันเป็นคนไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่รู้จักธรรมไม่รู้จักคารวธรรม เอาความหลงนำชีวิต มันจะรวยได้อย่างไร มันก็ต้องยากจน เพราะตัวตนมันยากจน จนเพราะไม่รู้จักพอ จนเพราะไม่มี มันเนื่องมาจากตัวตน
เราทั้งหลายให้รู้เข้าใจนะ ไม่มีใครอยู่เหนือกรรม เหนือกฎแห่งกรรม เหนือผล ของกรรมนะ คารวธรรมถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เราทั้งหลายต้องเคารพในความถูกต้องคือปัญญาบริสุทธิคุณ เราอย่าเอาความรู้สึกนำชีวิต อย่าเอาความชอบความชังนำชีวิต อย่าไปสนใจในความชอบความชังความ ดีใจเสียใจ เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้มันก็ไปไม่ได้ มันมีสักกายทิฏฐิมาก มันมีตัวมีตนมาก มันมีอีโก้มาก อีโก้สูง
ท่านหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง สมัยตั้งวัดใหม่ ๆ ขึ้นป้ายเลยที่วัดหนองป่าพง “หายพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ” ถึงเข้าสู่วัดเข้าสู่ลานวัด
วัดนี้คือข้อวัตรข้อปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพทั้งใจ ต้องยกเลิกทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน เพราะตัวตนนั้นมันไปไม่ได้ ตัวตนนั้นคือวัฏฏสงสาร ตัวตนนั้นมันทำลายความถูกต้อง ทำลายความเป็นธรรม ทำลายความยุติธรรม มันไม่ใช่ธรรมมันเป็นโลกน่ะ โลกเป็นเชื้อโรคโน้นเชื้อโรคนี้ เชื้อโรคทางกายทางวาจาทางกิริยามารยาททางอาชีพทางใจมีแต่เชื้อโรคทั้งนั้นมีแต่โลก มันเป็นโลกธรรม โลกมันทำร้ายธรรม มันระเบิดธรรมไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่ตัวแต่ตน เหลือแต่โรค มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้น มันเปรียบเสมือนทะเลมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อเพลิง โลกธรรมมันเป็นอย่างนั้นเอง
เราทั้งหลายต้องมีความเคารพคารวะนะ
ถ้าเราไม่มีความเคารพคารวะ มันจะสงบได้อย่างไร คิดจนสมองจะระเบิดก็ไม่มีอะไรเป็นไปได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็คือเราไม่มีความเคารพ ไม่มีความคารวะในธรรม มีความฉิบหาย วายวอด พังทลาย แหลกลานไม่มีอะไรเหลืออยู่นะ
การปฏิบัติธรรมเพื่อเอาธรรมนำชีวิตถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ให้เรารู้เข้าใจ
เบื้องต้นเราเข้าสู่พระศาสนาเข้าสู่หลักการอุดมการณ์ เราต้องเคารพคารวะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้หลักการไว้นี้ดีมาก ถูกต้องมาก อมตะมาก
เราทั้งหลายอย่าไปเสียเวลา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเสียเวลานะ
เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันเป็นเรื่องเสียหายใหญ่เลย เสียหายทั้งส่วนตัวทั้งส่วนรวม ไม่เป็นประโยชน์ทั้งตนและส่วนรวม
ให้รู้เข้าใจ มันจะมีประโยชน์อะไร ที่เอาสังขารสรีระร่างกายที่ประเสริฐเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เรามีทรัพยากรที่ประเสริฐมีกายที่เป็นมนุษย์ อายุขัยของมนุษย์อยู่ได้ชั่วหนึ่งศตวรรษนะ ศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราทำดี ๆ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติอยู่ได้มากกว่าร้อยปีนะ
การปฏิบัติธรรมของเราน่ะ ต้องไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ใครจะรู้หรือไม่รู้ไม่เป็นไรเพราะเรารู้เข้าใจ เราพากันไปมีปิติไปมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ ทำอย่างนี้ เราเคารพในธรรม คารวะในธรรม เอาปัจจุบันให้ดี ๆ เพราะปัจจุบันนั้นเป็นวาระแห่งการประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้แหละ มันจะหยุดวัฏฏสงสารไม่ได้
เราต้องหยุดวัฏฏสงสารด้วยเคารพในพระธรรมในพระวินัย ในข้อวัตรกิจวัตร เคารพในความไม่ประมาท อย่างนี้เป็นต้น
ใครเค้าจะดีเค้าจะชั่ว เราก็ต้องเคารพคารวะเค้า ถ้าเรามีตัวมีตนแล้ว เราก็จะไปเคารพตั้งแต่พระพุทธเจ้า เคารพตั้งแต่พระเยซูหรือพระอัลเลาะห์หรือพระอะไรที่ทำดี ๆ น่ะ
คนไม่ดีเราก็ต้องเคารพเหมือนกัน เคารพนี้ก็หมายถึงความสงบ เพราะเค้ามันเป็นอย่างนั้นไม่เป็นอย่างอื่น อย่างนี้นะ
เราก็ยอมรับความจริง กรรมของแต่ละบุคคล ทุกคนมีกรรมเป็นของตน เค้าไม่อยากเป็นคนชั่วคนเลวหรอก เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าก็เป็นคนชั่วคนเลว
เราต้องทำใจให้สงบ ความสงบกับความเคารพคืออันเดียวกันนะ
เราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็จะไปว่าคนนี้ดีน่าเคารพ คนโน้นไม่ดีไม่น่าเคารพ ใจของเรามันก็ไม่สงบสิ เราไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักคารวธรรม เค้าจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน
เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ ท่านตรัสกับพสกนิกรชาวไทยชาวโลกว่าอะไรก็ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เราก็ต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบอย่างนี้
เราต้องรู้ความจริงรู้อริยสัจสี่ ถ้าไม่รู้ความจริงก็เหมือนเทวดาทั้งหลาย
เทวดาทั้งหลายนั้นจะให้ทุกอย่างเป็นเหมือนความคิดน่ะ เช่น มีศาลาอยู่ในท่ามกลางมหาชน คนก็มานอนที่ศาลาอย่างนี้ คนก็ต่ำสูงไม่เท่ากัน แล้วจะไปตรวจดูทางหัวมันก็เรียบร้อยดี แล้วไปตรวจดูทางเท้ามันก็ยาวสั้นกว่ากัน เทวดาเลยไม่ได้อยู่ไม่ได้นอนเลย เพราะไปจัดให้เค้าเรียบร้อยน่ะ
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องคารวธรรมเราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญานะ
ให้เข้าใจ อากาศร้อนก็ช่างหัวมัน อากาศหนาวก็ช่างหัวมัน ปีนี้ฝนไม่ตกก็ช่างหัวมัน ปีนี้มันแล้งก็ช่างหัวมัน ปีนี้ฝนมันตกมากก็ช่างหัวมัน มันจะแก่ มันจะตายมันจะเฒ่าอะไรก็ช่างหัวมัน เราต้องเคารพในธรรมในสภาวธรรม
เราต้องรู้จักว่า เราทั้งหลายมีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความตายเป็นธรรมดา มีความพลัดพรากจากไปเป็นธรรมดา มีเกษียณไปเป็นธรรมดา เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ลิดรอนสิทธิสิ่งต่าง ๆ เพราะทุกอย่างนั้นเราต้องรู้เข้าใจ
ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ
การเรียนการศึกษานี้อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การพัฒนาวิทยาศาสตร์อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายเรื่องศาสตร์ต่าง ๆ สำคัญอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงธรรมเข้าถึงคารวธรรม
เราต้องมีความเคารพในสิ่งที่ถูกต้องว่าอันนี้ไม่คิดอันนี้ไม่พูดอันนี้ไม่ทำ กิริยามารยาทอย่างนี้ไม่ดี เราก็ไม่ทำอย่างนี้ อาชีพอย่างนี้ไม่ดีก็ไม่ทำ
ทำไมอาชีพไม่ดีล่ะ เพราะอาชีพเป็นอบายมุขอบายภูมิ อาชีพที่เบียดเบียนคนอื่นสัตว์อื่น อย่างนี้ถือว่าไม่ดี ถึงจะรวยก็รวยมาจากการเบียดเบียนอย่างนี้ไม่เอา
เราต้องมีความเคารพคารวะในความถูกต้อง
อย่างเคารพคารวะปฏิสัณฐานในสิ่งต่าง ๆ เราต้องรู้เข้าใจ การต้อนรับปฏิสัณฐานเราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เอาปัจจุบันมันให้ดี
การต้อนรับปฏิสัณฐานเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องต้อนรับปฏิสัณฐานให้ดี เทคแคร์ให้ดี ใครเค้าจะดีจะชั่วเราก็เทคแคร์ให้เค้าดี ๆ น่ะ เค้าจะเป็นเสือร้ายหรือจะเป็นงูเห่างูจงอาจหรือเป็นอะไร เราก็เทคแคร์เค้าดี ๆ ด้วยมีการเคารพคารวะกับทุก ๆ คน ด้วยการต้อนรับปฏิสัณฐาน ไม่แบ่งเค้าแบ่งเรา ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก
การกระทำอย่างนี้แหละมันจะเป็นอริยมรรค มันจะเป็นความสงบเป็นความเย็นเย็นจากโน่น เย็นออกมาจากใจ เพราะเรารู้เข้าใจว่าเรายกเลิกตัวตนมันจะเย็น เย็นออกมาจากใจเย็นออกมาจากพระนิพพาน กายวาจากิริยามารยาทอาชีพก็พลอยเป็นไปได้เพราะธรรมเพราะคารวธรรมนะ
ความเคารพคารวะของเราให้มันเป็นเหมือนพระอาทิตย์ทำงานนี้นะเหมือนพระจันทร์ทำงาน มีความเคารพคารวะไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน เหมือนนาฬิกามันเดินไป นาฬิกาไม่พักผ่อน ตัวตนคือนาฬิกาพักผ่อนนะ นาฬิกาหยุดน่ะ การหยุดคือตัวตนนะ ให้เข้าใจอย่างนี้
การปฏิบัติธรรมของเราต้องเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจของเรา เอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในกายของเรา ในวาจากิริยามารยาทอาชีพ ต้องเอามาไว้ในเราหมดน่ะ ให้รู้เข้าใจ
ถ้ามันมีเราอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า ก็ไม่มีพระธรรม ไม่มีพระอริยสงฆ์ ให้รู้ให้เข้าใจอย่างนี้ พระรัตนตรัยถึงไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีคนอื่น มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีปัญญามีความสงบมันเป็นธรรมเป็นคารวธรรมนะ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระอานนท์
พระอานนท์เอย... เราต้องเคารพในธรรมในคารวธรรม ต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกสังสารวัฏ ยกเลิกตัวยกเลิกตน เราถึงมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ
พระอานนท์ไม่รู้ไม่เข้าใจ จะเอาตัวเอาตน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสกับพระอานนท์น่ะ
อานนท์เอย... อย่าโศรกเศร้าพิลัยรำพันเลย หลังจากองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าละธาตุวางขันธ์ พระอานนท์รู้เข้าใจ เอาพระธรรมนำชีวิต เอาคารวธรรมนำชีวิตมันก็เข้าสู่กระบวนการของพระนิพพานเอง ด้วยธรรมด้วยคารวธรรม
อานนท์ไม่รู้ไม่เข้าใจ ไปลิดรอนสิทธิน่ะ อยากจะทำประโยชน์ตัวเอง ประโยชน์มหาชนเพื่อเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ทำอย่างไรก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เพราะตัวตนนั้นน่ะมันไม่ใช่อรหันต์ ตัวตนมันหมุนเป็นวัฏจักรเป็นวัฏฏสงสาร
สุดท้ายพระอานนท์หมดความสามารถ ปล่อยวางเลย ช่างหัวมัน ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ก็ไม่เป็นไร เพราะมันฟุ้งซ่านไม่สงบ เดี๋ยวพักผ่อนดีกว่า เพียงแต่พระอานนท์คิดอย่างนั้น สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ความสงบกับปัญญามันมาทันทีเลย เพราะยกเลิกตัวตนเข้าถึงธรรมเข้าถึงคารวธรรม ยกเลิกตัวตน ยกเลิกตัวตนเมื่อไหร่ก็เป็นพระอริยเจ้าหรือเป็นพระอรหันต์ พระอานนท์ได้เป็นพระอรหันต์เลยถึงได้เข้าประชุมสังคายนาครั้งแรกในการแก้ไขพระศาสนา
เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือไม่ใช่ศาสนาเป็นคนไม่มีศาสนา เป็นคนมีแต่ตัวมีแต่ตนตัวตนมันมีมาก พวกที่เรียนพวกที่ศึกษานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต้องรู้เข้าใจนะ เราจะเอาตัวตนนำชีวิตไม่ได้ เราพัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่อมีปัญญา เราต้องเอาใจไปพร้อม ๆ กัน เราจะได้เข้าถึงธรรมเข้าถึงคารวธรรม เราทั้งหลายถึงจะมีความสงบเราทั้งหลายถึงจะมีปัญญานะ
ถ้าอย่างนั้นไม่มีปัญญาอะไรหรอก มีแต่ตัวแต่ตน มันก็สมควรแล้วที่ต้องยากจน สมควรแล้วที่จะวิบัติ เพราะว่าความไม่ถูกต้องมันก็คือความถูกต้องน่ะ
การประพฤติการปฏิบัติถึงไม่มีการต่อหน้าลับหลัง ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นภัยในความประมาท ไม่ปล่อยให้ตัวตนมันทำงาน พูดภาษาพื้น ๆ เรียกว่า ไม่ปล่อยให้ความหลง หรือว่าความแซบความลำความหรอยมันทำงาน หยุดยกเลิกแคนเซิลโรงงานความแซบความหรอยความลำน่ะ นี้มันเป็นภาษาพื้นบ้านแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นน่ะ
ตระกูลที่เจริญน่ะต้องเข้าถึงความเคารพ เข้าถึงความคารวะนะ
การปฏิบัติไม่มีต่อหน้าและลับหลังนะ การเคารพมีต่อหน้าและลับหลังน่ะ มันมีครอบครัวไปมีผัวมีเมียก็ลืมพ่อลืมแม่ ไปเจอกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ
คำว่าลืมก็คือหลงทางน่ะ หลงหลักการหลงอุดมการณ์อุดมธรรม เจออะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ เป็นบุคคลที่ไม่มีหลักการไม่มีอุดมการณ์อุดมธรรม เป็นผ้าที่ไม่มีความเคารพไม่มีความคารวะในธรรม เอาความมายาสาไถยนำชีวิต เอาชีวิตที่มันเป็นชีวิตที่เป็นความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ต่าง ๆ มาเป็นนักหลอกลวงนักต้มตุ๋นนะ
มันเป็นอย่างไงนักต้มตุ๋นน่ะ ก็อย่างที่เราเป็นมนุษย์อย่างนี้ เราเอาอบายมุขอบายภูมินำชีวิต ชีวิตของเราไม่เป็นสัมมาอาชีพอย่างนี้ อาชีพเบียดเบียนคนอื่นอาชีพที่ตรงข้ามอย่างนี้ เช่น สิ่งที่มนุษย์เราไม่ประกอบอาชีพ อาชีพที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่าอาชีพที่ทุจริต
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงพูดหลักการของการเป็นมนุษย์น่ะ การประกอบอาชีพต้องถูกต้อง ถ้าไม่สุจริตชีวิตนี้ต้องพังทลายมันไปไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ทางไม่ใช่หนทาง มันเป็นทางอยู่ แต่มันเป็นทางไปสู่ความทุกข์ เป็นทางไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่ทางดับทุกข์ เป็นการสร้างปัญหา สร้างความทุกข์ ให้เรารู้เข้าใจ อาชีพของหมู่มวลมนุษย์ที่ทำไม่ได้ เพราะเป็นหลักการอุดมการอุดมธรรม ได้แก่
๑. ค้าขายเครื่องประหารชีวิตมนุษย์และสัตว์ ได้แก่ ปืนทุกอย่างที่เอาไว้สำหรับประหารบุคคลอื่นสัตว์อื่น หอกที่แหลม ๆ เค้าเรียกว่าหอก เอาไว้สำหรับประหารคนอื่นสัตว์อื่นให้เจ็บให้ตาย ดาบ มีดดาบ สำหรับไว้ฟันบุคคลอื่นฆ่าคนอื่น ฆ่าสัตว์ ต่าง ๆ ให้บาดเจ็บหรือว่าตายไป ขายลูกปืนสำหรับยิงปืน มีปืนก็ต้องมีลูกปืน ขายระเบิด ขายลูกระเบิด ขายเครื่องบินรบ ขายเรือรบเพื่อทำสงครามระหว่างในประเทศและต่างประเทศ
เคมีที่เป็นไวรัส เช่นไวรัสโควิดอย่างนี้ ไม่ชอบใจประเทศไหนก็สร้างเคมีไวรัสไปทำลายประเทศนั้น เพราะโลกอันนี้มันเป็นโลกกลมหมุนเวียนอย่างนี้แหละ เราทำกรรมเพื่อเบียดเบียนคนอื่นกรรมนั้นย่อมสนอง เห็นมั๊ยไวรัสโควิดมันกระจาย ไปทั่วโลก งอมทั้งโลกเลย นั้นคือไวรัสทางเคมี
๒. ค้าขายมนุษย์ ได้แก่ เป็นนายหน้าจัดหาแรงงาน ติดต่อกับคนที่จะทำงาน ติดต่อกับเจ้าของงาน เพื่อให้เป็นกรรมกรในการทำงาน การทำอย่างนี้เค้าเรียกว่าการค้าขายมนุษย์เพื่อเป็นทาสรับใช้ไปเป็นกรรมกร ค้าขายผู้หญิงผู้ชายเพื่อบริการ ทางเพศ
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นยุคที่ประเทศไทยมีพัฒนาการในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการคมนาคม การเรียนการศึกษา พัฒนาสังคม เพื่อเอาธรรมนูญนำชีวิต เพื่อให้เป็นวัฒนธรรมอันดีงาม เพื่อเป็นศิลปะแห่งชีวิตที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ก้าวไปด้วยธรรมนูญเป็นวัฒนธรรม
หนึ่งในพระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่งของพระองค์คือการมายกเลิกทาสมายกเลิกชั้นวรรณะ ความเป็นนิติบุคคลตัวตน ให้เอาธรรมนูญนำชีวิตนะ ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต ยกเลิกเรื่องทาสเรื่องบ่าว
อันเป็นการยกเลิกระบบคนชั้นสูงคนชั้นต่ำ เพื่อไม่ให้ผู้มีการเรียนการศึกษา มีสติปัญญาเอาการเรียนการศึกษาเพื่อเห็นแก่ตัว กดขี่ข่มเหงราษฎรให้เอามาใช้งานเอามาทำงาน เหมือนกับเอาวัวเอาควายมาใช้ในการทำนา เอาช้างเอาม้ามาขี่สำหรับเป็นยานพาหนะการคมนาคม ต้องมีความเคารพคารวะ เลี้ยงดูให้อาหาร ให้อาหาร ให้ที่อยู่ที่อาศัย พักผ่อนให้สมบูรณ์ ด้วยความเคารพคารวะในธรรม ไมใช่เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่วัตถุ ทั้งทางวัตถุเรื่องจิตใจเรื่องธรรมเรื่องคารวธรรมมันต้องมีน่ะ มันถึงมีความสงบมีปัญญา ถ้าอย่างนั้นก็มีแต่อัตตามีแต่ตัวตนมันก็มีแต่วัตถุ มีแต่วิทยาศาสตร์ไม่มีธรรมไม่มีคารวธรรม มันทำลายความถูกต้อง มันทำลายตัวของมันเอง เป็นระเบิดเวลา ระเบิดกาลเวลา ระเบิดความถูกต้องที่เป็นบริสุทธิคุณ เป็นการผูกขาดด้วยอัตตาตัวตน มันมีอัตตาตัวตนมาก อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณว่าเมื่อไหร่มันจะหยุดมันจะหมด ความรู้ความเข้าใจเรื่องธรรมเรื่องคารวธรรมมันจะหยุดมันจะสงบ
สมัยรัชกาลที่ ๕ สยามได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตกในหลาย ๆ ด้าน การพัฒนาประเทศให้ทันสมัยทัดเทียมนานาอารยชาติเป็นหนทางหนึ่งที่จะป้องกันภัยคุกคามจากมหาอำนาจประเทศตะวันตกได้
พระองค์ทรงใช้พระปรีชาสามารถค่อยๆ ปรับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับทาสและไพร่เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น
๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศ ‘พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย’ แก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ โดยให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ผู้นั้นก็จะเป็นอิสระ มีผลกับทาสที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นต้นมา และห้ามมิให้มีการซื้อขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า ๒๐ ปีเป็นทาสอีก
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศใช้ ‘พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔’ และ ‘พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ. ๑๒๔’ ถือเป็นการเลิกระบบทาสและระบบไพร่ในสยามประเทศ โดยในส่วนของทาสนั้น ‘พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔’ ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ส่วนทาสประเภทอื่นที่มิใช่ทาสในเรือนเบี้ย ทรงให้ลดค่าตัวเดือนละ ๔ บาท นับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีบทบัญญัติป้องกันมิให้คนที่เป็นไทแล้วกลับไปเป็นทาสอีก ทำให้วันที่ ๑ เมษายนเป็นที่รู้จักกันใน ‘วันเลิกทาส’
๓. ค้าขายสัตว์เป็น ๆ สัตว์ที่มีชีวิตอยู่ที่ยังไม่ตายเค้าเรียกว่าสัตว์ตัวนี้ยังเป็นสัตว์ที่เป็น ๆ อยู่ เป็นสัตว์ที่ยังไม่ตาย สำหรับเพื่อเป็นอาหาร ได้แก่ หมู เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา วัว ควาย สัตว์บกสัตว์น้ำ สัตว์ต่าง ๆ สัตว์ทุกชนิด จะเลี้ยงไว้ขายหรือเลี้ยงไว้กินเองนั้นอย่างนี้ทำไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง ถึงกฎหมายจะอนุญาต ออกกฎหมายเป็นความถูกต้องแต่ทางธรรม ธรรมนูญนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ถือว่าไม่ได้น่ะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านเป็นผู้ทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต เพื่อความรู้ความเข้าใจ เรื่องพัฒนาใจกับพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องไปพร้อม ๆ กัน
ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ท่านไปกราบท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านตรัสถามท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโนว่า การเลี้ยงหม่อนนี้บาปไหม เพราะกำลังจะให้ประชากรของไทยเลี้ยงหม่อน ท่านพระอาจารย์มหาบัวนิ่งไม่ตอบอะไร ท่านนิ่ง ไม่พูดอะไร
ท่านจึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร หลวงปู่ฝั้น อยู่ที่นั่น
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระกรรมฐานของเมืองไทย เมื่อกาลเวลานั้นน่ะ ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เข้าสู่เมืองไทยเข้าสู่ประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชท่านให้พสกนิกรชาวไทย สร้างที่พักสร้างตำหนักไว้ที่ภูพาน จังหวัดสกลนคร อยู่ไม่ห่างจากไกลจากวัดป่าอุดมสมพร ท่านถึงได้ไปกราบถามหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ไปถามว่าเลี้ยงหม่อนบาปมั๊ย หลวงปู่ฝั้นตอบว่า การเป็นผู้ให้ผู้เสียสละไม่บาปน่ะ เพราะเราเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ แต่การฆ่านี้มันเป็นบาป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ถามอย่างเดียวกันกับที่ไปถามท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ไปถามคำเดียวกัน
การเลี้ยงสัตว์มันไม่บาป แต่การไปฆ่าสัตว์ต่างหากมันบาปนะ จะฆ่าเองหรือให้ผู้อื่นฆ่ามันบาปเหมือน ๆ กัน ให้ทุกคนไปคิดเอาเองด้วยปัญญาของตัวเอง
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เพื่อจะได้เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตด้วยความตั้งใจ ด้วยเจตนาในเรื่องเกี่ยวกับสัตว์
อย่าเราทำไร่ทำนาทำสวน เราเดินไปไม่เห็นมดตัวน้อย ๆ ตัวมันน้อยเกินมองไม่เห็น อย่างเราหายใจเข้าหายใจออกไวรัสมันอยู่ในอากาศมากมาย อย่างนี้เรียกว่าเราไม่ได้ตั้งใจฆ่าไม่ได้เจตนาที่จะฆ่าที่จะเบียดเบียน อย่างนี้ถือว่าไม่บาป
๔. ค้าขายน้ำเมาของที่มันเมาหรือว่าขายสิ่งที่มันเมา เป็นเม็ดถ้ามันเมาก็เหมือนกัน หรือว่าบุหรี่ไฟฟ้า พวกเหล้าพวกเบียร์พวกไวน์ ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาม้า ยาอี ยาไอซ์ ยาสูบ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า สินค้าประเภทนี้แหละค้าขายไม่ได้นะ ถึงจะรวย ก็เป็นการรวยมาจากความไม่ถูกต้อง มันเห็นแก่ตัว มันทำร้ายคุณธรรมของตัวเองมันทำร้ายบุคคลอื่น เราคิดดูดี ๆ นะ
เอาทำธุรกิจในการดำรงชีวิตที่เป็นอาชีพแบบนี้ไม่ได้ ค้าขายไม่ได้นะ ถึงจะเป็นอาชีพที่ทำให้ร่ำรวยที่รวยหรือคนจีนที่ว่าเฮง ๆ ๆ ๆ มันค้าขายไม่ได้ มันเป็นอาชีพที่เห็นแก่ตัวมาก ๆ เห็นแก่เงิน เห็นแก่ปาก เห็นแก่ท้อง เห็นแก่ลูกน้องพ้องบริวาร อย่างนี้เสียหายมากนะ เป็นอาชีพที่ทำลายความมั่นคงของความเป็นมนุษย์ เป็นการทำลายชาติ เอาความหลงนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิตเค้าเรียกว่าทำลายชาติของความเป็นมนุษย์ ทำลายทั้งตัวเองและทำลายบุคคลอื่น เป็นอาชีพที่เห็นแก่ตัวมาก ๆ เป็นอาชีพที่น่ารังเกียจ
เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐเราต้องมีปัญญาคำนึงถึงความถูกต้อง ความไม่ถูกต้อง ถ้ามันถูกต้องมันจะมีปัญหาเหรอ
เราคิดดูดี ๆ นะ สงกรานต์ปีหนึ่งคนตายเพราะเหล้าเพราะเบียร์ ปีใหม่ปีหนึ่งคนตายเพราะเหล้าเพราะเบียร์ เทศกาลตรุษจีนเทศกาลอะไรต่าง ๆ ที่หยุดหลาย ๆ วัน มันตายเพราะเหล้าเพราะเบียร์ทั้งนั้น มันมากกว่าโควิดเสียอีก
แม้แต่ไม่สงกรานต์ ชีวิตรายวันนี้ก็พากันตายในชีวิตประจำวัน เพราะเหล้าเพราะเบียร์เพราะสิ่งเสพติดต่าง ๆ
การขายเหล้าขายเบียร์ขายสิ่งเสพติด ถึงจะรวยก็รวยไม่ถูกต้อง
ให้มนุษย์ผู้ประเสริฐพากันรู้เข้าใจนะเราอย่าพากันไปทำลายตัวเอง อย่าไปทำลายบุคคลอื่นด้วยเอาความหลงนำชีวิตเอาตัวตนนำชีวิต ชีวิตที่เกิดมาไม่ต่างอะไรกับตึก สตง. มันพังทลายด้วยมิจฉาทิฏฐิ
เป็นอาชีพที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ผิดถูกดีชั่ว เห็นแก่ตัวมาก ๆ มันค้าขาย ทำธุรกิจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นอาชีพที่ทำลายความมั่นคงของความถูกต้องนี้ไม่ใช่อาชีพสัมมาอาชีวะนะ ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจนะ
๕. ค้าขายยาพิษ สิ่งที่เป็นพิษทุกชนิด เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย มันฆ่ามนุษย์ให้ตายเหมือนกับดอกเบี้ยผ่อนส่งนี้
มันเป็นการฆ่ามนุษย์ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการเพราะความเป็นมิจฉาทิฏฐิของเรา ความเห็นแก่ตัวของเรา มันเป็นการทำลายอินทรีย์ เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เราคิดดูดี ๆ ที่ไหนมีตัวแมลง ผีเสื้อหิ่งห้อย ที่นั่นเป็นสถานที่บริสุทธิ์เป็นอินทรีย์ ที่บริสุทธิ ที่นั่นเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม เราไปในที่สงบไปที่วิเวกห่างไกลจากที่ที่มีสารเคมีจะมีผีเสื้อมีหิ่งห้อยตอนกลางคืน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ท่านถึงให้พากันพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เพราะเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุกด้วยเกษตรอินทรีย์ทำเหมือนกันทุกบ้านทุกครอบครัว เพื่อหมู่มวลมนุษย์ทั้งสัตว์จะได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ยกเลิกการเบียดเบียน เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ อย่ามักง่าย อย่าใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่ายา ต้องพัฒนาเกษตรอินทรีย์
ถ้ามนุษย์เราเข้าใจ มีปิติมีความสุขในการเรียนหนังสือในการทำงาน ความยากจนมันก็ไม่มีอยู่แล้ว เพราะชีวิตของเราในชีวิตประจำวัน ถ้าเราอยู่กับคารวธรรมมันก็มีความสงบอยู่แล้ว ถ้าเรามีคารวธรรมมันก็มีความสงบอยู่แล้ว เพราะความสงบอยู่ที่คารวธรรม ใจมันสงบในธรรม ใจมันสงบในความเป็นประภัสสร
เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปลิดรอนสิทธิด้วยความรู้ความเข้าใจ ใจที่เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตนี้มันคือใจที่เป็นพิษนะ เป็นพิษทั้งตัวเองเป็นพิษทั้งคนอื่น เค้าเรียกว่าหัวใจอันตราย หัวใจเป็นพิษ
มนุษย์เราเป็นผู้ที่ประเสริฐมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม มีที่อยู่ที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีที่อยู่ที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีบ้านมีที่อยู่ที่อาศัยเป็นหลักแหล่งเป็นบ้านเป็นหมู่บ้าน มีการทำเกษตรเกษตรกรรม เดี๋ยวพัฒนาขึ้นมาอีก พัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาวัตถุกับใจไปพร้อม ๆ กัน
มนุษย์เราต้องทำเกษตรกรรม ครั้งพุทธกาลถึงมีพิธีแรกนาขวัญ ต้นแห่งฤดูฝน เพราะหน้าฝนมันเป็นมงคล เพราะหน้าฝนทำพืชอุดมสมบูรณ์เพราะฝนมันตก เพราะพืชพันธ์ธัญญาหารอาหารก็คือน้ำ เพราะนี้มันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรมของมนุษย์
มนุษย์เราต้องทำเกษตรกรรม ต้องทำอุตสาหกรรม ต่างกับพวกสัตว์ทั้งหลาย พวกสัตว์ทั้งหลายไม่มีการทำเกษตรอุตสาหกรรม ไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน
มนุษย์เราทั้งหลายการค้าขายก็ต้องให้ถูกต้อง อย่าไปค้าขายสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงจะรวยก็จริง แต่ว่ามันรวยเพราะความไม่ถูกต้องน่ะ
ต้องทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรม ไม่ให้เป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นสัตว์อื่นประเภทขายยาพิษ ขายยาที่ว่านี้น่ะ เป็นอาชีพที่ไม่ถูกต้อง
ยานั้นมันดี มนุษย์เราก็ตายผ่อนส่ง สัตว์ก็ตายทันที ยานั้นมันดีแท้ ๆ ให้รู้เข้าใจ
มนุษย์นี้ก็คือสัตว์ประเภทหนึ่ง ผู้ที่มีลมปราณ ผู้ที่มีอินทรีย์นี้ก็อยู่ในประเภทสัตว์ในโลกนี้มีสัตว์อยู่หลายชนิด มนุษย์เราคือสัตว์ประเภทหนึ่ง สัตว์ที่มีโอกาสได้สร้างความดีได้สร้างบารมีเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เราต้องรู้เข้าใจด้วยสัมมาทิฏฐิ เราจะได้เข้าถึงธรรม เข้าถึงคารวธรรม เราจะได้ทั้งใจทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์แก้ไขได้ เราต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ มนุษย์เราทำได้ปฏิบัติได้ ให้ทางวิทยาศาสตร์กับใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อบริสุทธิคุณทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องเป็นบริสุทธิคุณ นี้คืออาชีพที่ประเสริฐที่ทุกคนได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ให้พากันพินิจพิจารณาให้ดี ๆ นะ เราจะได้เป็นมนุษย์ผู้ที่เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะไปผลิตยาพิษฆ่ามนุษย์ฆ่าสัตว์นั้นไม่ได้ เพราะมันเป็นอาชีพที่ไม่ถูกต้อง มันเป็นมิจฉาอาชีวะนะ
ผู้ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าคนค้าคนขายก็ให้พากันเข้าใจนะ เราจะขายยาพิษนั้นไม่ได้ เพราะมนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ คือผู้ที่ยกเลิกความไม่ถูกต้อง ยกเลิกการเบียดเบียน เป็นผู้ไม่เห็นแก่ตัว ยกเลิกการเบียดเบียน เราต้องตั้งใจตั้งเจตนา ว่าเราจะไม่ผลิต ยาพิษเพื่อฆ่ามนุษย์ฆ่าสัตว์ เราจะไม่ขายยาพิษเพื่อฆ่ามนุษย์ฆ่าสัตว์
ถ้าเราทำไร่ไถนาอย่างนี้เราไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จิตใจของเราสำรวมระวัง ด้วยไม่ตั้งใจฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถือว่าไม่บาป เพราะเราไม่ได้ตั้งใจไม่เจตนา การสำรวมนี้ถึงมีการสำรวมทั้งในศีลในปาฏิโมกข์ ถึงมีการสำรวมทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ต้องตั้งใจตั้งเจตนา ไม่มักง่าย ไม่ประมาท สำรวมระวัง มีปิติมีความสุขในศีลในการประพฤติการปฏิบัติ ด้วยการสำรวมระวังในศีล สำรวมในอินทรีย์ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา
ต้องเอาความถูกต้องเป็นหลัก อย่าเอาความเห็นแก่ตัวเป็นหลัก อย่าเป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่พวกพ้องของตัวเอง
เราทั้งหลายต้องเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม ไม่ต้องมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น การปฏิบัติธรรมถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มันต้องมาจากใจมาจากบริสุทธิคุณทางใจ ด้วยการยกเลิกการทำปานาติบาต
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าผู้ที่ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่นี้ ไม่ใช่พระไม่ใช่สมณะ มันยังเป็นการทำร้ายบุคคลอื่นอยู่
ต้องรู้เข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติธรรมต้องเข้าถึงเรื่องจิตเรื่องใจด้วยเจตนา ต้องตั้งใจ อย่าปล่อยปะละเลยในสิ่งที่ถูกต้อง นี้มันคือการปล่อยปะละเลยนะ มันไม่ได้อยู่ที่ธรรมไม่ได้อยู่ที่ปัจจุบันธรรม มันปล่อยปะละเลย มันเป็นการเอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต มันเป็นความว่างจากความถูกต้อง ว่างจากพระธรรมพระวินัย มันว่างจากมรรคผลพระนิพพานนะ
เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจนะ ความเข้าใจนี้จะทำให้เราทุกคนเป็นพระนะ ทุกคนเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทุกข์มันก็ไม่มีอยู่แล้ว เราเอาความหลงนำชีวิตมันก็ต้องทุกข์ คนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี คนรวยก็ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ ตัวตนนั้นถึงเป็นความทุกข์
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าตัวตนนั้นมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ธรรมชาตินั้นมันพอดีลงตัวของมันอยู่แล้ว
เราทั้งหลายต้องเข้าถึงความสงบเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เข้าถึงบริสุทธิคุณยกเลิกการเบียดเบียน ยกเลิกยาพิษยาฆ่ามนุษย์ยาฆ่าสัตว์ ยกเลิกการจำหน่าย ไม่เป็นไร ถึงจะไม่รวยก็ไม่เป็นไร ถ้าเรารวย เราได้ทรัพย์สมบัติ มาจากความไม่ถูกต้องน่ะ
เราคิดดูดี ๆ นะ ถึงเราจะอายุยืนนาน ยืนยาวนานเป็นร้อย ๆ ปีหรือหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านปีมันจะมีประโยชน์เพราะเราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันจะมีประโยชน์อะไร
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายที่เป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้ที่มีลมปราณ ท่านทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ว่าการคารวะในธรรมนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นจุดเบื้องต้นของการละสักกายทิฏฐิ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต มีชีวิตอยู่กับธรรมอยู่กับปัจจุบันธรรม ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง เป็นผู้บริสุทธิคุณทั้งต่อหน้าและลับหลัง ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา ทุกท่านทุกคนก็จะเข้าถึงบริสุทธิคุณ ด้วยธรรม ด้วยคารวธรรม
การแสดงพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บริสุทธิคุณก็เห็นสมควรแก่เวลา ขอจบด้วยโอวาทธรรมคำสั่งสอนขององค์หลวงปู่มั่นไว้ว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ
----------------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา