๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพุธที่ ๒ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

วันนี้จะบรรยายพระธรรมพระวินัยกิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติในการประพฤติการปฏิบัติให้เข้าใจยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อความรู้ความเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพราะการประพฤติการปฏิบัติ ต้องดำเนินไปด้วยความถูกต้องเพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรค ความถูกต้องนี้จะได้เป็นมรรคเป็นอริยมรรค จะได้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เราจะได้เอาไปใช้ จะได้เอาไปประพฤติปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ  เรื่องปัญญาสัมมาทิฏฐิเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ความเห็นต้องถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง จะได้นำเอาไปใช้ให้ถูกต้อง เราจะได้เอาไปประพฤติเอาไปปฏิบัติ

 

ความรู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ต้องเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

 

เมื่อรู้แล้วเมื่อเข้าใจแล้วก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทุกคนต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เข้าใจนะ

 

ถ้าเราไม่มีปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัตินั้นไม่ได้ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยง

 

การประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเป็นความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงแล้ว เราก็จะมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา เพราะอันนี้มันเป็นความถูกต้อง มันเป็นการเอาตัวรอดในทางที่รอด  เอาตัวรอดในทางที่รอดหมายถึง รอดจากกรรม จากเวร จากภัย นี้เป็นอาหารของใจอาหารของปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นการเอาตัวรอดในทางที่รอด

 

เอาตัวรอดในทางที่ไม่รอดเป็นอย่างไร...

เอาตัวรอดในทางที่ไม่รอด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เปรียบอุปมาอุปไมยให้ฟังว่า เหมือนบุรุษผู้หนึ่งเดินข้ามทะเลทราย แบกไหน้ำผึ้งเดินข้ามทะเลทราย แต่ไหน้ำผึ้งนั้นมียาพิษ ถ้าบริโภคเข้าไปแล้วดื่มเข้าไปแล้วย่อมถึงแก่ชีวิต คือความตาย บุรุษผู้ไม่มีปัญญา ก็เอาตัวไม่รอดด้วยการไปดื่มน้ำผึ้งที่เจือปนด้วยยาพิษ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราทุกคนมีธาตุทั้ง ๔ มีขันธ์ทั้ง ๕ มีอายตนะ ๑๒ สิ่งเหล่านี้แหละเราต้องรู้ต้องเข้าใจ สิ่งเหล่านี้แหละมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี

 

เราต้องพากันมีสติมีปัญญาเพื่อรู้เพื่อเข้าใจ เพื่อจะเอาตัวรอดในทางที่รอดด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อที่จะผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราก็อาศัยความสงบ อาศัยปัญญาควบคู่กันไป เพื่อจะได้เดินผ่านธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒

 

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เข้าสู่หลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายพากันมาเจริญสติสัมปชัญญะ สติก็คือความสงบ สัมปชัญญะคือปัญญา

 

ให้พากันเข้าใจว่ารู้ว่า ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ น่ะ เค้ากดดันเรา กรรมเก่าของเราทุกคนที่มันเป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มันเป็นกรรมเก่าของเรา เป็นหนี้เป็นสินของเรา เป็นทรัพย์สินของเรา

 

เราทั้งหลายต้องมารู้กรรมเก่า กรรมเก่าก็ได้แก่ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ นั่นแหละคือกรรมเก่าของเรา เราจะได้เอาตัวรอดในทางที่รอด ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เรื่องข้อวัตรกิจวัตรเรื่องข้อวัตรปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้เข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

เราทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ เพราะการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องของเรา มันไม่มีใครปฏิบัติให้ใครแทนใครได้ ถึงเราจะอยู่ร่วมรวมกันเป็นหมู่เป็นคณะเป็นทีมเวิร์ค ก็ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้กันได้ แทนกันได้

 

เราทั้งหลายพากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งอย่างต้นอย่างกลางอย่างละเอียดให้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะเป็นอริยมรรค ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาด้วยปฏิปทา ที่ตั้งใจตั้งเจตนาในความรู้ความเข้าใจ ในการเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพราะอันนี้มันเป็นกระบวนการเป็นหลักการ เพราะเราทุกคนต้องรู้เข้าใจ ไม่มีใครเหนือกรรม อยู่เหนือกฎแห่งกรรมอยู่เหนือผลของกรรม

 

วัดคือข้อวัตรกิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติ ทุกคนต้องรู้ว่าสิ่งนี้คือคุณ สิ่งนี้คือประโยชน์ พระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ นี้คือคุณคือไม่มีโทษ มันเป็นความสงบและเป็นปัญญา เป็นปัญญาความสงบ มีแต่คุณไม่มีโทษ เราทั้งหลายถึงต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายไม่ต้องลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมในพระอริยสงฆ์ พระพุทธเจ้าน่ะคือปัญญาบริสุทธิคุณ เป็นสัมมาสมาธิ เป็นสัมมาศีล เป็นสัมมาข้อวัตรกิจวัตร เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ ทุกคนต้องรู้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้คือคุณคือประโยชน์

 

เราปฏิบัติธรรมเพื่อธรรม ให้รู้ให้เข้าใจ เพื่อบริสุทธิคุณ ปฏิบัติธรรมเพื่อธรรมเพื่อความสงบและบริสุทธิคุณ สิ่งที่เป็นบริสุทธิคุณหมายถึงยกเลิกเรา ยกเลิกเขา ยกเลิกได้ ยกเลิกเสีย ยกเลิกมี ยกเลิกเป็น ความยกเลิกให้เข้าใจนะ

 

ศีลนั้นแหละจะยกเลิกข้อวัตรกิจวัตร มันเป็นความสงบมันเป็นความยกเลิกมันเป็นความหยุด หยุดด้วยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร

 

เราทั้งหลายพากันตั้งอกตั้งใจ เราทั้งหลายต้องเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เพื่อเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีธรรมเป็นเครื่องพาไปด้วยพระธรรมด้วยพระวินัยด้วยข้อวัตรกิจวัตร ผ่านไปทางธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

รู้จักข้อสอบและตอบด้วยการทวนกระแส ทวนกระแสด้วยความสงบ ทวนกระแสด้วยปัญญา เราจะได้เข้าถึงความสงบเข้าถึงปัญญา เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพราะธรรมะนั้นคือความสงบ ธรรมะนั้นคือปัญญา เราจะก้าวไปได้ก็ต้องก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ข้อวัตรกิจวัตร

 

ให้เรารู้เข้าใจ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับพวกเราทั้งหลายว่า เธอทั้งหลายอย่าพากันไปประมาทนะ เพราะความประมาทนั้นมันคือตัวตนน่ะ ถ้ามีความประมาทเมื่อไหร่นั้นแหละคือตัวตน เพราะเราทุกคนจะเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรมไปไม่ได้

 

เราปฏิบัติธรรมอย่าไปตามใจตัวเอง แล้วก็อย่าไปตามคนอื่น คนอื่นก็อย่าไปตาม เราก็อย่าไปตาม เราถึงจะมีความสงบมีปัญญา

 

คำว่าตามก็คือยังเดินไป คำว่าหยุดก็คือยังมีความปรุงแต่งอยู่ หยุดก็ไม่หยุด ตามก็ไม่ตาม ต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราหยุดแล้วไปก็ไม่ใช่บริสุทธิคุณ มันคือความปรุงแต่ง มันก็ยังเป็นตัวเป็นตน

 

นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายผู้มีปัญญาทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ความสงบกับปัญญา  บริสุทธิคุณมันถึงจะหยุดวัฏฏสงสารได้ หยุดความปรุงแต่งได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราอาศัยความสงบอาศัยความวิเวก อาศัยการเจริญสติสัมปชัญญะในอิริยาบถ ทั้ง ๔ การยืนเดินนั่งนอนต้องมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ในอิริยาบถทั้ง ๔ ยืนเดินนั่งนอน เพื่อเราจะได้เน้นมาที่ตัวเรา ความเคยชินของเราอยู่กับความฟุ้งซ่าน อยู่กับความวุ่นวาย

 

เรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องมาเจริญสติเจริญสัมปชัญญะมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมในการยืนเดินนั่งนอน ในการบริโภคสิ่งต่าง ๆ น่ะ เราต้องมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว เพื่อให้ใจของเรามีความสงบมีปัญญา เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ติดต่อต่อเนื่องกัน เราทั้งหลายน่ะถึงมีธรรมที่เป็นทั้งความสงบเป็นเครื่องอยู่มีปัญญาเป็นเครื่องก้าวไป

 

การประพฤติการปฏิบัติของเรา ถึงจะอยู่กับใครทั้งหลายก็ให้อยู่เหมือนกับอยู่คนเดียว เพื่อเจริญสติสัมปชัญญะ ถึงจะมีเพื่อนมีหมู่มีคณะ ก็ให้อยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา อย่าให้หมู่อย่าให้คณะมีอิทธิพลอยู่เหนือความสงบอยู่เหนือปัญญา เดินไปมายืนนั่งนอนต้องมีความสงบมีปัญญา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ เราไม่ต้องไปพูดกับใคร เราไม่รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัตินี้ไม่ได้

 

ถ้าเราเจริญสติสัมปชัญญะมาก ๆ มีปิติมีความสุขในปัจจุบันมาก ๆ มันก็เหมือนเครื่องบินที่มันอยู่บนฟ้า จะเข้าสู่รันเวย์ของเครื่องบิน ให้รู้เข้าใจอย่างนั้น เครื่องบินนี้ดีข้ามน้ำข้ามทะเลข้ามภูเขา แต่เครื่องบินก็ต้องมีรันเวย์จอด มีสนามจอด ความสงบกับปัญญานี้เปรียบเสมือนเครื่องบินและรันเวย์นะ เรารู้เข้าใจ เราจะไม่ตามสิ่งภายนอก จะไม่ได้ตามผัสสะ จะไม่ได้ตามรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์

 

เราทั้งหลายต้องรู้หลักการณ์อุดมการณ์อุดมธรรม เมื่อเรามีตามันถึงมีรูป เรามีหูถึงมีเสียง มีจมูกถึงมีกลิ่นมีลิ้นถึงมีรส มีกายถึงมีสัมผัสมีใจถึงความรู้สึกนึกคิด

 

ให้รู้เข้าใจเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะสงบได้ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่อง

 

เราทั้งหลายจะได้มีศิลปะในชีวิตเรียกว่ามีศีลสมาธิปัญญา ว่างจากสิ่งที่มีอยู่เรียกว่าสัมมาสมาธิด้วยปัญญาบริสุทธิคุณด้วยการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่อง เหมือนทำเขื่อนทำฝายนี้แหละ เขื่อนฝายนี้มาจากฝุ่น มารวมกันเป็นเม็ดดินเป็นดิน รวมกันใหญ่เป็นทด ทำใหญ่ทำมากติดต่อต่อเนื่องมันก็เป็นเขื่อน ให้รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ที่มันเป็นบารมีเบื้องต้นท่ามกลางที่สุด เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เป็นสิ่งที่เซฟชีวิตเซฟความปลอดภัยผู้ที่มีปัญญามีความเจริญเค้าต้องมีเซฟตี้ (safety) เซฟความปลอดภัย พระธรรมพระวินัยเป็นเซฟตี้เรื่องความปลอดภัย

 

เราจะเดินทางไกลเราก็ต้องมีเรื่องเซฟตี้ความปลอดภัย ผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ เค้าต้องมีเรื่องเซฟตี้เรื่องความปลอดภัย ผู้ที่ยังไม่ได้พัฒนาไม่รู้จักเรื่องเซฟตี้ไม่รู้จักเรื่องความปลอดภัยนะ

 

ความประมาทนี้เค้าเรียกว่าเป็นสิ่งที่แย่มาก ประมาทเยอะเกินไม่มีเซฟตี้เลย ไม่มีความปลอดภัยเลย

 

รู้มั๊ยว่าห้องผ่าตัดเค้าต้องมีเซฟตี้ เรื่องความปลอดภัยของห้องปลอดเชื้อโรคน่ะ เค้าถึงผ่าตัดได้ แพทย์ที่ไปผ่าตัด พยาบาลไปช่วยเค้าต้องใส่ชุดใส่สูทปิดหน้าปิดตาปิดปากเพื่อเซฟตี้ เพื่อความปลอดภัย

 

อย่างประเทศที่เค้าเจริญแล้ว ใครเค้าจะไปนั่งรถเค้าให้ใส่เบลล์ ใส่เข็มขัดนิรภัย เพื่อเซฟตี้ นี้คือไม่ให้ประมาท ถึงแม้เราจะขับรถดีขับรถเก่งก็ต้องใช้เซฟตี้ใช้เบลล์ใช้เข็มขัดนิรภัย

 

เราจะออกจากบ้านเราก็ต้องมีเซฟตี้ มีรองเท้าแตะหรือรองเท้าหรือรองเท้าหุ้มส้น เราจะออกสู่ที่แจ้งที่ไม่แจ้ง มีหมวกทำไมมีร่มทำไม ก็เพื่อเซฟตี้

 

ให้รู้เข้าใจ ว่าเซฟตี้คือพระธรรมคือพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร มันเป็นสิ่งที่รักษา รักษาความปลอดภัยของเรา ให้เรารู้เข้าใจ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้เราทั้งไม่ประมาท เพราะความประมาทคือความพลาดแล้ว ความประมาทคือความด่างความพร้อยคือความไม่สงบที่เป็นตัวเป็นตน ให้รู้เข้าใจ

 

พระอรหันต์ทั้งหลายพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านถึงไม่ประมาท ท่านถึงมีความสงบในธรรมในคารวธรรม ความสงบความเคารพความซื่อสัตย์ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเป็นเซฟตี้แห่งชีวิต

 

ทำไมนักบวชเค้าถึงออกมาอยู่ป่า อยู่เขา อยู่ในสถานที่ของนักบวช ก็เพื่อที่จะ  เซฟตัวเองด้วยพระธรรมด้วยพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เพื่อมาประพฤติมาปฏิบัติ  บริสุทธิคุณ ด้วยสติสัมปชัญญะ

 

ทำไมกุลบุตรลูกหลานสมัยพุทธกาล ทำไมเค้าถึงไม่อยู่ที่บ้าน ทำไมเค้าถึงพากันไปอยู่กับพระพุทธเจ้า ไปอยู่กับพระอรหันต์ ก็เพื่อที่จะเข้าสู่หลักการกระบวนการ  เป็นอุดมการณ์อุดมธรรม ให้รู้เข้าใจ นี้เป็นเรื่องความสงบเป็นเรื่องปัญญา เป็นปัญญาเป็นความสงบ

 

พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ถึงเป็นคุณเป็นอุปการคุณ ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ ถึงเป็นคุณเป็นอุปการคุณ

 

การมาบวชของเราหรือการไปบวชของเรา ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ทำ เป็นหมวดหมู่ ทำกันเป็นทีมเวิร์ค

 

เรามาบวชมาปฏิบัติมาอยู่ที่วัด เรามาเจริญสติสัมปชัญญะ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอยู่อย่างนักบวชอยู่ที่บ้านอยู่กับการทำงาน เรามาอยู่ที่วัดเราก็อยู่กับความสงบอยู่กับปัญญา อยู่กับข้อวัตรกิจวัตร

 

เราทั้งหลายต้องมีเครื่องอยู่... เครื่องอยู่ของนักบวชนั้นย่อมไม่ใช่กาม ย่อมไม่ใช่พยาบาท ให้รู้ให้เข้าใจ

 

การที่นักบวชนั้นจะไปตรึกในกามจะไปตรึกในพยาบาทนั้นไม่ได้ เพราะการมาบวช เราต้องบวชทั้งกายทั้งใจทั้งกิริยามารยาท การมาบวชมาปฏิบัติเป็นการมายกเลิก เพื่อปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เรื่องกายอย่างนี้เราก็บวชแล้ว ปลงผมอย่างนี้เป็นต้น บวชแล้วนุ่งผ้าจีวรอย่างนี้เป็นต้น ต้องรู้เข้าใจ ลงเรื่องละเอียดเรื่องกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่เป็นพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยคือความสงบคือปัญญา ความไม่ประมาทคืออาชีพของเรานะ ไม่ประมาทในความคิดการกระทำกิริยามารยาทเพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิตนี้คืออาชีพของเรา

 

เรายกเลิกสิ่งภายนอกแล้ว มามีความสงบมีปัญญามีเอกัคคตามีความสุขที่สุดในโลก มีชีวิตอยู่อย่างว้าว ว้าว ว้าว เค้าเรียกมีทั้งความสงบมีทั้งปัญญาอย่างนี้  ให้รู้ให้เข้าใจ เรามีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม ทำพร้อมกันเลิกพร้อมกันเพื่อเป็นทีมเวิร์ค ล้างห้องน้ำพร้อมกัน ปัดกวาดศาลาพร้อมกัน ไปบิณฑบาตทำอะไรพร้อมกัน เพื่อเราจะไม่ได้เป็นนิติบุคคลตัวตน เป็นแต่ความสงบเป็นแต่ปัญญา มีปิติสุขเอกัคคตา ให้รู้เข้าใจ

 

พระธรรมพระวินัยมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาถึงปํนเรื่องความสุขเป็นเรื่องว้าว ว้าว ว้าว อย่างนี้แหละ มีแต่ความสงบมีปัญญา  มีปัญญามีความสงบ เป็นความสะอาดทั้งกายวาจากิริยามารยาทและใจ เราต้องรู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายอยู่ระดับตัวตนไม่ได้ มันต้องอยู่ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาไม่ตามใจตามอัธยาศัย เราไม่ต้องไปมองคนอื่นไปจับผิดคนอื่น

 

เอาเหมือนท่านพระอาจารย์ชา แห่งวัดหนองป่าพง ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาบอกประชาชนว่า ท่านรู้เข้าในเรื่องพระธรรมพระวินัยท่านบอกสอนตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกสอนลูกศิษย์ลูกหา บอกสอนคนอื่นห้าเปอร์เซ็นต์อย่างนี้ถึงจะพอไปได้

 

เราทั้งหลายอย่างไปจับผิดคนอื่น เราต้องมีความสงบมีปัญญา ใครเค้าจะดีจะชั่วก็ช่างเค้า เราไม่ได้เอาดีเอาชั่วกับคนอื่น

 

การไปจับผิดคนอื่นที่มองเห็นว่าเค้ามีกิเลสมาก มีกิเลสน้อยเห็นแก่ตัวอย่างนี้ เราจะไปจับผิดเค้า เรารู้เข้าใจ จะไปจับผิดเค้าทำไม ให้รู้เข้าใจ เราจะไปแบกอวิชชาแบกความหลง ใครเค้าจะทำอะไรก็ช่างเค้า เอาเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ อะไรก็ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน

 

เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจก็เหมือนพระธรรมกถึกพระวินัยธรไปจับผิดกัน

 

เราพยายามทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความสงบด้วยปัญญา ด้วยการไม่ทำบาปทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ อย่าไปจับผิดคนอื่น

 

เรารู้เข้าใจว่าการประพฤติการปฏิบัติธรรมคือความสงบคือปัญญา มันเป็นเรื่องหยุดความวุ่นวายหยุดความปรุงแต่ง มันเป็นความสงบเป็นปัญญา ให้รู้ให้เข้าใจ

 

เราอย่าไปเอาความสุขจากความหลงนะ อย่าความสุขกับการเป็นตัวเป็นตน มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นตัวเป็นตน ความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา มีความสำคัญมั่นหมายว่า เราดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า หรือพอ ๆ กัน หรือสู้เค้าไม่ได้ ยกเลิกเขายกเลิกเรา เราพยายามมีความสงบมีปัญญา อย่าให้มีเค้ามีเรา อย่าให้ดีให้ชั่ว อย่าให้สุขทุกข์มันปรุงแต่งเราได้ เราต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา

 

เพิ่มความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เพราะชีวิตของเราอยู่กับบาปอยู่กับตัวกับตน อะไรก็มีแต่บาปทั้งนั้น เพราะตัวตนนั้นคือบาป คิดก็บาป พูดก็บาป กายวาจากิริยามารยาทก็บาป เราต้องรู้ว่าบาปนั้นมันคือตัวคือตน

 

เราทั้งหลายถึงมาละสักกายทิฏฐิละตัวละตน เราทั้งหลายจะได้เข้าถึงความหยุดความสงบคือปัญญา เราจะได้เซฟตี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราจะให้ความเคยชินสิ่งที่เป็นอดีตที่อยู่กับความคิดบาป ๆ ความตรึกบาป ๆ กิริยามารยาทอาชีพที่บาป ๆ มันปรุงแต่งเราได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ความรู้ความเข้าใจคือความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเป็นสิ่งที่เซฟตี้ เป็นเครื่องเซฟตี้ ความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่เซฟตี้น่ะ ความสงบและปัญญาต้องเข้าสู่ความละเอียดในปัจจุบัน เพื่อจะได้เซฟตี้ตัวเอง

 

อย่างเรามาบวชมาปฏิบัติเรื่องโทรศัพท์มือถือนี้ เราจะใช้เฉพาะจำเป็นน่ะ เวลาจำเป็นเจ็บไข้น่ะ

 

ผู้ที่มาบวช... ทางวัด ทางหลวงพ่อใหญ่ ถึงไม่ให้ใครมีโทรศัพท์มือถือ เพื่อจะได้เซฟตี้ตัวเองด้วยความไม่ประมาท จะอนุญาตให้ใช้ได้เป็นบางท่านน่ะ มาอยู่ที่นี่ต้องมีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ให้มีมือถือ ไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วยการ ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายสิบปีไม่มีโทรศัพท์มือถือเกี่ยวกับการส่งหนังสือที่จะส่งหาเพื่อนหาพี่หาน้องหาใครต่อใคร ต้องได้รับอนุญาต แล้วต้องมาอ่านให้ครูบาอาจารย์ฟังว่าเขียนอะไรหรือว่าจะส่งอะไร เพื่อเซฟตี้น่ะ

 

เรื่องโทรศัพท์มือถือนี้ทำให้พระเราต้องอาบัติ ต้องอาบัติต่าง ๆ น่ะ เพราะความที่ยังไม่เป็นพระ ถ้าเป็นพระแล้วก็ไม่ต้องอาบัติ เพราะพระนั้นคือพระธรรมพระวินัย พระนั้นไม่ต้องอาบัติ ตัวตนมันต้องอาบัติ

 

เราทั้งหลายไม่มีใครว่าให้พระได้ เพราะว่าให้พระนั้นมันบาป เพราะพระนั้นคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร จะไปว่าให้พระได้อย่างไร จะไปว่าให้ข้อวัตรกิจวัตรได้อย่างไร เพราะนั้นพระธรรมพระวินัย นั้นคือความสงบคือปัญญา ที่มันมีเรื่องมีราว  มีปัญญามันไม่ใช่พระนะ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน มันเป็นตัวเป็นตน ที่มีข่าวคราวในหนังสือพิมพ์ ในโทรทัศน์ในยูทูปต่าง ๆ นี้ไม่ใช่พระ นี้ไม่ใช่พระธรรมพระวินัย นี้เป็นนิติบุคคลตัวตน

 

ให้เข้าใจว่านี้ไม่ได้ว่าให้พระ ใครจะไปมีสิทธิไปว่าให้พระได้ เพราะพระนั้นคือพระธรรมพระวินัย คือบริสุทธิคุณ คือธรรมนูญ คือรัฐธรรมนูญนี้เรียกว่าพระ

 

ในโลกนี้ไม่ใครว่าให้พระได้ เพราะว่าให้พระนี้มันบาปแน่นอน มันทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ พวกที่ไปว่าให้พระน่ะ

 

ผู้ที่ทำลายความมั่นคง ที่เอาตัวตนนำชีวิต ไม่เอาพระธรรมพระวินัย เรียกว่าผู้ที่ทำลายความมั่นคง

 

สิ่งที่ทำลายความมั่นคงคือความไม่รู้ไม่เข้าใจตั้งอยู่ในความประมาท ไม่เซฟตี้ด้วยพระธรรมพระวินัย ด้วยข้อวัตรกิจวัตร เราอย่าเอาความอยากความหลงนำชีวิต เอาความไม่รู้ไม่เข้าใจเหมือนบุรุษแบกไหน้ำผึ้งที่มียาพิษข้ามทะเลทราย

 

ปัญหาของพระนี้มันคือปัญหาเรื่องไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง ไม่ยับยั้งชั่งใจด้วยพระธรรมด้วยพระวินัยด้วยความสงบด้วยปัญญา ไม่มีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท ทั้ง ๆ ที่รู้ก็รู้อยู่ก็ยังฝืนทำลงไป

 

ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราต้องละเอียดนะ ความละเอียดเค้าเรียกว่ารับประเคนนะ รับประเคนคือความละเอียด รับประเคนก็ต้องได้องค์ประเคน

 

กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนี้คือความไม่ประมาท คือเป็นสิ่งที่จะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี เค้าเรียกว่ากายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจต้องได้รับประเคนนะ ประเคนด้วยมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเพื่อเราจะได้บริโภคด้วยความสงบบริโภคด้วยปัญญา

 

อาหารนี้มันดีอยู่ แต่อาหารนั้นต้องล้างให้สะอาดหรือให้มันสุก สุกแล้วก็ต้องให้มันเย็นก่อน ให้มันเย็นพอดีก่อน ให้รู้เข้าใจ ความสงบกับปัญญาจะได้ไปพร้อม ๆ กัน กายวาจากิริยามารยาทใจถึงต้องได้รับประเคนด้วยสติปัฏฐานสี่ ด้วยความสงบด้วยปัญญาให้เรารู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงเข้าพรรษา เราได้มาร่วมรวมกันมาประพฤติปฏิบัติไปในแนวเดียวกันด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นข้อวัตรปฏิบัติ เป็นหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม ไม่มีใครใหญ่กว่าธรรมชาติ ไม่มีใครใหญ่กว่าความถูกต้อง

 

เราทั้งหลายต้องมายกเลิก มาหยุดด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เราจะได้มีความสะอาดทั้งกายวาจากิริยามารยาทและใจ

 

ที่วัดของเราที่มันสะอาดอยู่ระดับนี้น่ะ มันเป็นความสะอาดระดับคนบ้านะ ระดับคนโรคจิตโรคประสาทนะ

 

คนบ้าคนโรคจิตโรคประสาทน่ะ ได้มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ให้พวกนี้ดูแลห้องน้ำห้องสุขา ดูแลต้นไม้ ดูแลอะไรต่าง ๆ อย่างนี้แหละ เพื่อให้เค้ามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเป็นเครื่องอยู่น่ะ ยังไม่ให้เค้านั่งสมาธิเดินจงกรม วัดเราความสะอาดถึงอยู่ในระดับคนบ้าหรือคนโรคจิตโรคประสาทนะ ยังไม่ใช่ระดับสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัตดีปฏิบัติชอบ ไม่ใช่อยู่ในระดับปัญญาที่บริสุทธิคุณนะ

 

ถ้าเราคิดดูดี ๆ แล้ว เราต้องเน้นการเสียสละ เน้นเรื่องความสะอาดบริสุทธินะ

 

การปฏิบัติมันถึงมีความสะอาด สะอาดทั้งใจทั้งกายทั้งวาจากิริยามารยาท กุฏิวิหารที่ไหนก็สะอาดหมดน่ะ

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัยเป็นเรื่องความสะอาดทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพต้องสะอาดต้องสงบต้องมีปัญญา เพราะการกระทำอย่างนี้ไม่ใช่เพื่ออวดเพื่ออ้างเพื่อโชว์ ทำเพื่อสติสัมปชัญญะ เพื่อการเสียสละ เพื่อความสงบเพื่อปัญญา ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องรู้ข้อวัตรกิจวัตร

 

เราอย่าไปคิดเหมือนแต่ก่อนนะ ว่ากุฏิของเราเป็นส่วนตัวของเรา เราจะกวาดก็ได้จะไม่กวาดก็ได้ อย่างนี้ไม่ได้นะ อย่างนี้การประพฤติการปฏิบัติมันมีต่อหน้าลับหลัง ไม่ถูกต้องน่ะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้ทำข้อวัตรกิจวัตรเพื่อความสะอาด ความสงบ เพื่อปัญญา ให้รู้เข้าใจ อย่าให้มันเป็นตัวเป็นตน อย่าให้มีต่อหน้าและลับหลัง

             

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย อย่างพระของเรานี้นะ ไม่รู้ไม่เข้าใจในพระธรรมพระวินัย ในเรื่องความสงบเรื่องปัญญา ไปเอาแต่ทางวิทยาศาสตร์ เอาแต่ตัวแต่ตน มันไม่ใช่ความสงบ ไม่ใช่ปัญญา มันยังเป็นการปฏิบัติเพื่อหลอกลวง ตัวตนนั้นคือความหลอกลวงนะ ตัวตนนั้นแหละคือ ๑๘ มงกุฏ ให้รู้เข้าใจ

 

ถ้าเรามีตัวมีตนน่ะนั่นแหละคือ ๑๘ มงกุฏ ๑๘ มงกุฏไม่ใช่ ๑๘ มงกุฏิที่ดีนะ ๑๘ โจร ๑๘ มหาโจร ให้รู้เข้าใจ อย่าไปดีอกดีใจในมงกุฏความหลง นิติบุคคลตัวตนมันเป็นมงกุฏที่หลง ๑๘ มงกุฏนะ

 

อย่างพระเราทำสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนแก่มหาชนให้รู้เข้าใจนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงไม่ให้พระนี้ไปรับใช้มหาชนด้วยสาธารณประโยชน์ ท่านให้ทำหน้าที่ของความเป็นพระ พระนี้ต้องให้ความรู้ให้ปัญญา ให้ความสงบให้ปัญญา เพราะความรู้ความเข้าใจความคิดที่เป็นบริสุทธิคุณมันเป็นแสงสว่างทางปัญญา การให้ทานทั้งหลายทั้งปวงถึงสู้ให้ธรรมทานไม่ได้

 

ที่เราเรียนรู้พระไตรปิฎกอันนั้นถือว่าไม่ใช่ของเรานะ มันเป็นของพระพุทธเจ้านะ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราเรียนหนังสือพระไตรปิฎก ตั้งแต่นักธรรมตรีไปจนถึง ปธ.๙ นี้มันคือของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของเรานะ ไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว เราจะไปขอของจากคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่ปวารณา

 

การเทศน์การสอนเราบอกให้เค้าให้ทานรักษาศีลเจริญสมาธิเจริญปัญญา มันจะเป็นการเผยแผ่ความหลงนะ เผยแผ่ตัวตนนะ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้เข้าใจ มันจะเอาตัวรอดในทางไม่รอดนะ

 

เรามีปัญญาเราต้องรอบคอบถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นกับดักนะ นั้นยังไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ความสงบ ไม่ใช่ปัญญา มันเป็นโลกที่ทำร้ายธรรมนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้พระเป็นแพทย์เป็นหมอ เป็นอะไรต่าง ๆ น่ะ ท่านให้พระเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยเป็นความสงบเป็นปัญญา มีปิติมีความสุขเอกัคคตาให้เป็นพระอย่างนี้ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจวัดไหนก็จะมีแต่ตู้บริจาค

 

ท่านพระอาจารย์ชาแห่งวัดหนองป่า ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาของท่านว่า เราไม่ต้องไปมีตู้บริจาค เราไม่ต้องไปทำมูลนิธิ เพราะพระธรรมพระวินัยนี้แหละ คือธนาคารแห่งความดีที่ประกอบด้วยปัญญา ศีลสมาธิปัญญาข้อวัตรกิจวัตร จะเป็นธนาคาร ต้องรู้เข้าใจ อย่าไปกลัวอดตาย ใคร ๆ เค้าก็โอเค ใคร ๆ เค้าก็เห็นด้วย ไม่ต้องกลัวอดตาย ไม่ต้องตั้งตู้บริจาค ไม่ต้องไปสร้างมูลนิธิ เดี๋ยวจะตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความประมาท จะมีทิฏฐิมานะ จะมีอัตตาตัวตน   

           

เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องผู้หญิง...

พระเราน่ะ เรื่องปากเรื่องท้องเรื่องตัวเรื่องตนแล้วก็เรื่องผู้หญิง ผู้หญิงกับผู้ชายมันมีขั้วบวกขั้วลบ สายไฟที่มันเดินไฟน่ะมันมีตีคู่นะ มีขั้วบวกขั้วลบ สายไฟมันมีผู้หญิงผู้ชายนะ ต่อกันเมื่อไหร่ถึงทำงานได้ ผู้หญิงผู้ชายเป็นขั้วบวกขั้วลบ ให้รู้เข้าใจ เรื่องพระธรรมพระวินัย

 

พระเราจะเป็นพระภิกษุก็ได้ ภิกษุณีก็ดี สามเณร สามเณรีก็ดี เป็นแม่ชีก็ดี เป็นผู้ปฏิบัติก็ดี เรื่องขั้วบวกขั้วลบ

 

เราต้องรู้เข้าใจ ว่าทำไมพระอานนท์ได้กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะให้พระภิกษุสามเณรปฏิบัติกับสตรีอย่างไร พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อานนท์เอย อานนท์เอย อานนท์เอย เราต้องรู้เข้าใจในการปฏิบัติต่อสตรี

 

ณ ป่าสาลวัน ใกล้กรุงกุสินารา พระอานนท์ถามพระพุทธเจ้าว่า

พระอานนท์: พวกข้าพระองค์ควรจะปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร?

พุทธเจ้า: อย่ามอง อานนท์

พระอานนท์: ถ้ามองไปแล้ว ควรจะทำอย่างไร?

พระพุทธเจ้า : อย่าพูดด้วย อานนท์

พระอานนท์ : ถ้ามีการพูดคุยกันแล้ว ควรจะทำอย่างไร?

พระพุทธเจ้า : ตั้งสติไว้ อานนท์

 

พระธรรมพระวินัยเรื่องเกี่ยวข้องกับสตรี ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพงปฏิบัติในสิกขาบทนี้ดีมาก ไม่มีใครจะเสมอเหมือนได้ ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท ท่านเคร่งครัดในเรื่องนี้มากถือว่าเป็นสิกขาต้นของพรหมจรรย์ท่านให้มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไม่อยู่สองต่อสองกับผู้หญิง

 

วัดของท่านจะมีฝ่ายพระอยู่ส่วนหนึ่ง ฝ่ายผู้หญิงส่วนหนึ่ง ตรงกลางตัดตอนกันด้วยป่าน่ะ พระกับแม่ชีนี้ไม่ได้รู้จักกันเลย เห็นหน้ากันห่างกันเป็นร้อย ๆ เมตรหรือสองร้อยเมตร เวลาทำวัตรสวดมนต์ทำกิจกรรมต่าง ๆ จะไม่ให้พวกถือศีลปฏิบัติธรรมที่เป็นผู้หญิงมา ให้ตัดขาดกันเลย เดือนหนึ่งหรือสิบห้าวันท่านอาจารย์ชาจะไปแสดงธรรให้ผู้หญิงฟัง เหมือนครั้งพุทธกาลเลย พาพระรูปหนึ่งไปหรืออย่างมากก็สองรูปไปแสดงธรรม เรื่องพระธรรมพระวินัยข้อนี้ดีมาก

 

เวลารับแขกท่านก็จะมี  พระอยู่รูปหนึ่งหรือว่ามีเณรอยู่รูปหนึ่งเป็นอย่างน้อย เพื่อให้นั่งอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องอาบัติ เพราะพระอยู่สองต่อสองนี้กับผู้หญิงนี้คือต้องอาบัติแล้ว เป็นอาบัติแล้ว เป็นอาบัติได้ เป็นอาบัติอนิยตน่ะ ต่างกรรมต่างวาระ

 

เวลาประชาชนที่เป็นผู้หญิงมา ผู้หญิง ๑๐ คน ๒๐ คนหรือเป็นร้อย ถ้าไม่มีพระอยู่ด้วย เณรอยู่ด้วยหรือว่าโยมผู้ชายอยู่ด้วยน่ะ ท่านจะไม่พูดกับผู้หญิง ท่านถือเอาพระธรรมพระวินัยถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ

 

เวลากระโถนมันเต็ม เณรก็มีรูปเดียว เณรเอากระโถนไปเท ที่เทกระโถนก็ห่างกัน ๖๐ เมตรอย่างนี้แหละ ท่านก็จะลุกขึ้นไปทำโน่นทำนี่ ท่านอาจารย์ชาน่ะ

 

ท่านอาจารย์ชาท่านจะไม่คุยกับผู้หญิงสองต่อสองหรือผู้หญิงหลายคน นี้ถือว่าสุดยอดหรือซุปเปอร์เลย

 

ท่านจะวางตัวพอดี ไม่แสดงรังเกียจหรือว่าไม่รับไม่ปฏิเสธ เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี อย่างนี้ถึงเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เราต้องรู้ต้องเข้าใจ เราต้องระมัดระวัง ต้องมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป

 

คำว่าพระคือพระธรรมพระวินัย ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ถ้าคุยกับผู้หญิงสองต่อสองนั้นก็ไม่ใช่พระแล้ว เป็นคนห่มผ้าเหลืองเฉย ๆ โกนหัวเฉย ๆ ไม่ใช่พระแล้ว เราต้องรู้เข้าใจ จะเป็นใครที่ไหนก็ต้องระมัดระวัง ต้องมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป มันจะทำลายพระศาสนา ทำลายความถูกต้อง ทำลายความมั่นคง เดี๋ยวจะพากันทำตาม ๆ กันไป เราต้องเซฟตี้ตัวเองด้วยพระธรรมพระวินัย

 

อย่างพระในเมืองกรุงเมืองหลวงที่อยู่จำกัดน่ะ ได้ไปอาศัยที่แคบ ๆ อยู่ มีกุฏิส่วนใหญ่ก็ไม่ใหญ่โตพออยู่ได้ มีห้องใครห้องมัน

 

เราอยู่ในเมืองหลวงเมืองกรุงเราต้องเซฟตี้ตัวเองด้วยพระธรรมพระวินัยด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยความเกรงอกเกรงใจ เพราะเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญพากันมีความประมาทนะ ปล่อยให้ผู้หญิงเข้าไปในห้องสองต่อสอง ส่วนใหญ่มันก็จะพังทลายเรื่องผู้หญิงนะ

 

การที่อยู่ในเมืองในกรุงมีโทรศัพท์มีคอมพิวเตอร์มีอะไรต่าง ๆ เราต้องรู้เข้าใจ ต้องมีความสงบมีปัญญา มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป คนเก่งคนมีปัญญามันเสียหายเพราะความเก่งความฉลาดความมีปัญญาเสียหายเพราะความประมาทนะ

 

สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็แล้วไป เอาใหม่ตั้งใจใหม่

 

เราก็เห็นประวัติศาสตร์ พระนี้พังทลายด้วยปากด้วยท้องด้วยลาภยศสรรเสริญพังทลายด้วยผู้หญิงนะ พังทลายด้วยมาตุคามนะ มาตุคามก็คือสีดำ มันไม่ใช่ว้าว ว้าว ว้าว นะ ไม่ใช่ขาวสะอาดนะ  มันดำ มันสีครามนะ สีดำเค้าเรียกว่าสีคราม ไม่ใช่ขาวนะ ไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา มันเป็นความสกปรกนะ

 

เราต้องเซฟตี้ตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายถึงจะได้มีความสงบมีปัญญา ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจชีวิตเราจะพังทลายเหมือนตึกสตง.นะ

 

เรามีปัญญามากมันก็จะพังทลายมากด้วยความประมาทนี้นะ ด้วยเอาความหลงนำชีวิต เรื่องผู้หญิงเรื่องมาตุคามเรื่องลาภยศสรรเสริญเราต้องรู้เข้าใจ เราต้องก้าวผ่านธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นชีวิตของเรามันต้องพังทลายแน่นอนนอนแน่ ไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครใหญ่กว่ากรรม กว่ากฎแห่งกรรมกว่าผลของกรรมนะ เราดูตัวอย่างตึก สตง. น่ะ

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

 

 

เราทั้งหลายพากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเพราะอันนี้เป็นวาระที่ประเสริฐแล้ว เพื่อจะได้เป็นผู้ปฏิบัติดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้มีปัญญาประกอบด้วยความดี

ตามโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าให้เราทั้งหลายเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอาความรู้ความเข้าใจ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เอาความสงบ คู่กับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ด้วยความรู้ความเข้าใจ เหมือนท่านหลวงปู่มั่นที่ให้โอวาทไว้ว่า

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

----------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพุธที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,218