๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (อาสาฬหบูชา)

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

วันนี้เป็นวันสำคัญของพระศาสนาวันวันอาสาฬหบูชาของศาสนาพุทธเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร เพื่อเป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ ศาสนาทุก ๆ ศาสนาก็ใช้หลักการเดียวกัน คืออริยมรรคมีองค์แปด เอาทั้งใจเอาทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน เป็นกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจไปในทางเดียวกัน เป็นหลักสากล เป็นปัญญากับความสงบ  เป็นความสงบกับปัญญา เป็นการทำงานกับการปฏิบัติธรรม

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้พากันทำบุญตักบาตร ขณะนี้เวลาเราได้มารวมกันที่ศาลา เพื่อไหว้พระกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย เพื่อบูชาพระรัตนตรัย ได้แก่ พระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระคุณของพระธรรมของพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ พระคุณของพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ เป็นผู้ที่เอาธรรมนำชีวิตเอาความสงบและปัญญานำชีวิต ยกเลิกเขายกเลิกเรา มีแต่ความสงบและปัญญาเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นพระศาสนา

 

 คำว่าคุณนี้เป็นการทำความดีที่บริสุทธิคุณ ไม่หวังอะไรตอบแทน ถ้าหวังอะไรตอบแทนอยู่ไม่ใช่คุณ เหมือนกับเราไปจับงูตัวหนึ่ง งูตัวนั้นเป็นงูพิษ ถ้าเราไปจับที่หางเดี๋ยวหัวมันก็จะวกกลับมากัดเรา ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้เรียกว่าปัญญาบริสุทธิคุณ ทำงานเพื่องาน มีความสุขในการทำงานเรียนหนังสือก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ มีความสุขในการเรียนหนังสือ ทำอะไรทุกอย่างไม่หวังอะไรตอบแทน อย่างนี้เรียกว่าปัญญาบริสุทธิคุณนะ นี้เป็นอริยมรรคในการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน

 

ให้พวกเรารู้เข้าใจ เพราะปัญญาบริสุทธิคุณนี้ที่จะทำให้เรามีศีลมีสมาธิบริสุทธิคุณไม่เป็นเพียงสมาธิ ไม่เป็นเพียงสมาบัติ ไม่เป็นเพียงความหลง เป็นความสงบกับเป็นปัญญา

 

พระธรรมเทศนาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านแสดงน่ะ เป็นธรรมจักร เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นการพัฒนาวัตถุหรือเป็นการพัฒนาวิทยาศาสตร์พร้อมทั้งพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ถึงจะไม่เป็นกับดักที่เป็นกับดักตัวเองน่ะ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตนี้จะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นศีลเป็นสัมมาสมาธิ เพื่อประพฤติปฏิบัติติดต่อกันไป มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ความดับทุกข์นั้นอยู่ที่เรามีปัญญามีความสงบ มีความสงบมีปัญญา

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ เราเป็นคนรวยถ้าเราเอาตัวเอาตนนำชีวิตก็ต้องมีความทุกข์ เราเป็นคนจนเอาตัวตนนำชีวิตเราก็ต้องมีความทุกข์น่ะ ความดับทุกข์ของมนุษย์ถึงอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจที่เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ จะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา  เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ทุกคนก็ทำได้ปฏิบัติได้ ทุกชาติทุกศาสนาก็พากันทำอย่างนี้ เพราะความรู้ความเข้าใจนี้มันเป็นสากล เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากนี้เป็นสากล เป็นสามัญลักษณะเสมอกัน

 

พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีหลายล้านชาติหลายล้านปีหลายอสงไขยถึงจะเข้าถึงความเต็ม ๆ ๆ ๆ ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความเต็ม ความพอเพียงเพียงพอ จะมาจุติในพระครรภ์ของพุทธมารดาก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ประกาศบอกมหาชนทั้งหลายว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ นี้หมายถึงความเต็ม ความพอเพียงเพียงพอ หมายถึงความสงบปัญญา ปัญญาความสงบ เป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ

 

การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านได้บำเพ็ญพุทธบารมีเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ให้พวกเราพากันเข้าใจนะ ความเข้าใจนี้เป็นเรื่องสำคัญ การเรียนหนังสือก็เพื่อความเข้าใจ การฟังการบรรยายก็เพื่อความเข้าใจ การค้นคว้าทางเหตุทางผลทางวิทยาศาสตร์ก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ   พระอรหันต์ทุกรูปมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม เมื่อรู้เมื่อเข้าใจถึงปฏิบัติได้ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจนั้นมันปฏิบัติไม่ได้มารู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกชาติย้อนหน้าย้อนหลัง ท่านรู้ตัวของท่านเองและของผู้อื่น

 

ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ถึงเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต มีปัญญา มีศีลมีสมาธิที่ประกอบด้วยปัญญา มีสมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ด่างไม่พร้อยด้วยความตั้งใจเจตนา การปฏิบัติธรรมนั้น  ถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีลับหลังต่อหน้า เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจบริสุทธิคุณ เป็นศัพท์คำว่าคุณ ที่กล่าวพุทธคุณ ธัมคุณ สังฆคุณ คือเป็นคุณไม่มีโทษ เค้าถึงพากันใช้ศัพท์ว่าคุณน่ะ คุณผู้หญิงคุณผู้ชาย พระคุณเจ้าทั้งหลาย ถ้าเราเอาความหลงเป็นที่ตั้ง เอาความไม่ถูกต้องเป็นที่ตั้งเรียกว่าโทษ โทษเหมือนผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ไปจับหางงูน่ะ งูมันมีพิษมันก็ต้องมากัดเจ็บปวดแล้วก็ตายไป

 

ความรู้ความเข้าใจนี้ถึงได้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ทำอะไรก็ต้องประกอบด้วยปัญญา พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่เป็นเบรก เป็นเบรกเหมือนกับรถ รถต้องมีเบรกเครื่องบินต้องมีเบรกเรือต้องมีเบรก ความคิดคำพูดการกระทำกิริยามารยาทอาชีพต้องมีเบรก ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมีความสงบมีปัญญา หรือว่าผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนาทุกอย่างต้องรับประเคน จะคิดอะไรก็ต้องรับประเคน จะพูดอะไรก็ต้องรับประเคน กิริยามารยาทอะไรก็ต้องรับประเคน อาชีพอะไรก็ต้องรับประเคน ใจของเราก็ต้องรับประเคน คำว่ารับประเคนนั้นก็หมายถึงให้เราอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญาไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม มีความสงบมีปัญญา มีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่องด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อเข้าถึงความพอดีความพอเพียงเพียงพอ

 

ผู้ที่มีศีล ๕ เรียกว่ากายวาจากิริยามารยาทอาชีพ หัวใจรับประเคน ศีล ๕ นี้คือความสงบกับปัญญาให้เข้าใจอย่างนี้นะ ศีล ๘ ศีลอุโบสถ ที่หยุดเราหยุดเค้ามีแต่ความสงบมีแต่ปัญญาอย่างนี้ เพื่อไม่เอาความสุขจากทางวิทยาศาสตร์ไม่เอาความสุขจากตัวจากตน มาเอาความดับทุกข์จากความสงบจากปัญญา พวกศีล ๘ อย่างนี้เรียกว่าความสงบกับปัญญาเป็นการหยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจในคุณของการรักษาศีล ๘

 

มนุษย์เรามีหลักการวันจันทร์อังคารพุทธพฤหัสศุกร์เป็นการพัฒนาทั้งใจทั้งวัตถุ เป็นการทำงานกับการปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กัน เราจะไปแยกการทำงานออกจากใจนั้นไม่ได้ เราจะไปแยกใจออกจากการทำงานไม่ได้ ๒ อย่างนี้ต้องไปด้วยกัน จับคู่กันไป เพื่อให้ได้ทั้งวัตถุได้ทั้งจิตใจคุณธรรมถึงเรียกว่าคุณน่ะ การงานถึงจะไม่มีโทษถ้าเอาตัวเอาตนทำงานเพื่อตัวเพื่อตน ทำอะไรเพื่อตัวเพื่อตนอันนี้ก็ไม่ใช่คุณมันโทษน่ะ มันไม่ใช่ปัญญาสัมมาทิฏฐิ มันเป็นปัญญาที่สร้างปัญหาน่ะ มันหาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น ความหมายนี้กินใจมาก ลึกซึ้งมาก   เรื่องไม่มีก็หาเรื่องให้กับตัวเอง หาเรื่องให้กับคนอื่น

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงมีเมตตาตรัสว่านี้ไม่ได้นะ นี้มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป อยู่ดี ๆ มันก็หาเรื่องหาราวให้กับตัวเองเปรียบเสมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อให้รู้เข้าใจ คุณประโยชน์คือความถูกต้องคือพระธรรมพระวินัย คือความสงบ คือปัญญ าให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายอย่าไปหาเรื่องหาราว เราต้องมีความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อมันผ่านไปแล้วมันเกษียณแล้วก็ปล่อยก็วาง ถ้าเราไม่ปล่อยไม่วางมันก็ไปไม่ได้ ถ้าไม่ปล่อยวางมันก็แบกความหลงพาไปแบกอวิชชาพาไป

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงตรัสให้หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายว่าอย่าไปแบกความทุกข์พาไปมันไม่จบน่ะ ทุกอย่างไม่จบ เราต้องรู้เข้าใจ ต้องจบด้วยความรู้เข้าใจ ด้วยศีลสมาธิปัญญา มันมีหลักการอุดมการณ์อย่างนี้ ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ ไม่มีใครปฏิบัติไม่ได้ คนที่ปฏิบัติไม่ได้คือคนบ้าสมองเสีย หรือคนไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่รู้ไม่เข้าใจก็พัฒนาแต่ตัวแต่ตน พัฒนาแต่วิทยาศาสตร์ ไม่เอาธรรมไปพร้อม ๆ กัน อย่างนี้แหละมันทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้

 

เราต้องรู้เข้าใจ ทุกคนให้รู้ให้เข้าใจนะ ทุกคนไม่เหนือกรรม ไม่เหนือกฎแห่งกรรมไม่เหนือผลของกรรม เพราะกรรมนั้นเป็นสามัญลักษณะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองน่ะ เพราะทุกอย่างนั้นคือเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเป็นขบวนการของเหตุของปัจจัย เราทั้งหลายต้องรู้ต้องเข้าใจ เราจะได้เอาอายุขัยที่เราทั้งหลายมีอายุขัย ๑ ศตวรรษ คือร่วมร้อยปีนะ ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้มีความสุขพัฒนาใจให้มีความสุขอยู่ได้มากกว่าร้อยปี

 

เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันปฏิบัติ วันเสาร์วันอาทิตย์นี้หรือว่าวันสำคัญในทางพระศาสนาท่านให้เน้นเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องความสงบเรื่องปัญญา

 

ผู้ที่ถือศาสนาพุทธก็พากันไปที่วัด ผู้ถือศาสนาคริสต์ก็พากันไปที่โบสถ์ ผู้ถือศาสนาอิสลามก็พากันไปมัสยิด ผู้ที่ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็พากันไปวิหารเทวสถาน ไปเพื่อบำเพ็ญความดีที่ประกอบด้วยปัญญา นี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์และเข้าสู่อุดมธรรม เพื่อเอาธรรมนำชีวิต ในโลกนี้เค้าถึงพูดเรื่องธรรมนูญรัฐธรรมนูญ

 

หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ปัจจุบันนี้มีแปดพันกว่าล้านคน มีประเทศที่ขึ้นทะเบียนปัจจุบันนี้ ๑๙๕ ประเทศ ที่โลกกลม ๆ ที่หมุนรอบตัวเอง หมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นกลางวัน ๑๒ ชั่วโมงกลางคืน ๑๒ ชั่วโมง

 

ทุกคนต้องเอาธรรมนูญนำชีวิตไม่เอาตัวตนนำชีวิตเอาปัญญากับความสงบนำชีวิตเพื่อจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอมีความสงบมีปัญญา มีศีลมีสมาธิมีปัญญาอย่างนี้ หลักการหมู่มวลมนุษย์เค้าต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต ให้พวกเรารู้เข้าใจนะ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะเป็นได้แต่เพียงคนน่ะ คำว่าคนนี้ก็หมายถึงก้าวไปก้าวหนึ่งแล้วถอยกลับมาก้าวหนึ่ง ไปไหนไม่ได้ ย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า ศัพท์คำว่าคนหมายถึงอย่างนี้ พูดให้เข้าใจอย่างนั้น

 

ท่านพุทธทาสภิกขุท่านเป็นพระดีพระมีปัญญา รู้เรื่องวิทยาศาสตร์รู้เรื่องใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ท่านถึงพูดจากใจจากพระนิพพานว่า เราต้องรู้ทั้งวัตถุทั้งวิทยาศาสตร์ รู้ทั้งใจ เพื่อเอาวิทยาศาสตร์เอาทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพื่อก้าวไปด้วยศีลสมาธิปัญญาเน้นในปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นตัวตนไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ปัจจุบันธรรม มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตนมันจะเป็นวัฏจักร มันจะเป็นโลกทำลายธรรม ตัวตนนั้นมันทำลายความถูกต้อง เราต้องมีหลักการอุดมการณ์ ท่านพุทธทาสภิกขุท่านถึงตรัสว่าเราต้องรู้เข้าใจ

 

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง  เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

เราทั้งหลายรู้เข้าใจให้เข้าใจในโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องความไม่ประมาท ความประมาทคือความผิดพลาด คือความด่างพร้อย ย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่า ย่ำต๊อกอยู่ในความหลงนี้คือความประมาท

 

เราต้องรู้เข้าใจทุกอย่างมันไม่จบ เรามีตาก็มีรูปมันจะจบได้อย่างไร เพราะเรามีตารูปมันไม่จบหรอก เรามีหูก็มีเสียงไม่มีหูก็ไม่มีเสียง เรามีจมูกก็มีกลิ่น มีลิ้นก็มีรส มีกายก็มีสัมผัส มีใจก็มีเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องอารมณ์ เราต้องรู้เข้าใจ เราไม่รู้เข้าใจ สิ่งที่มันเป็นกรรมเก่า มันก็สัมผัสกับกรรมใหม่เหมือนสายไฟขั้วบวกขั้วลบมันมาต่อกันเมื่อไหร่ไฟมันก็ทำงาน ที่บ้านเราทุกคนมีไฟฟ้าใช้ ถ้าเราเปิดสวิตซ์เมื่อไหร่ไฟฟ้าก็ทำงาน

 

เรารู้เข้าใจเรื่องธาตุเรื่องขันธ์อายตนะว่าอันนี้มันคือกรรมเก่า สิ่งภายในที่เป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๑๒ มันเป็นภายในหรือว่าเป็นกรรมเก่า กรรมเก่านี้แหละมันจะตามเราไปชั่วอายุขัย แต่ในเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องกรรมเก่า เราต้องรู้ เราก็จะไม่หลงไม่เพลิดเพลินไม่ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะมันไม่จบ ต้องรู้เข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายพากันเน้นที่ตัวเรานี้แหละ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเน้นที่ตัวเรา ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติแทนกันได้ปฏิบัติให้กันได้ พระพุทธเจ้าที่ท่านบำเพ็ญพุทธบารมีท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน พระอรหันต์ที่ได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน เราเป็นใครอยู่ที่ไหน เราก็ต้องรู้เข้าใจเราก็ทำหน้าที่ของเรา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทุกข์มันก็ไม่มีอยู่แล้ว เพราะเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตามีปัญญามันจะทุกข์ได้อย่างไร

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องเข้าถึงพระนิพพานในปัจุจบันนี้เดี๋ยวนี้ขณะนี้ การประพฤติการปฏิบัติให้ถือว่ามันเป็นไฟต์นะ มันเป็นการชิงแชมป์ระหว่างวัฏฏสงสารและการหยุดวัฏฏสงสารนะ

 

เราทั้งหลายจะไปประมาทได้อย่างไร ไปเพลิดเพลินได้อย่างไร เราต้องรู้เข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกเรื่องการดำเนินชีวิตของพวกเรานี้ ให้ทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติเอาเอง ถึงจะนานาจิตตังทั้งหลายก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตให้รู้เข้าใจ เพื่อทุกคนจะได้พึ่งพาอาศัยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ จะได้เป็นคนที่บรรลุนิติภาวะ ผ่านไปด้วยปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจผ่านเรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ลาภยศสรรเสริญผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าบุคคลไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่รู้ไม่เข้าใจ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เรารู้เข้าใจอย่าได้เพลิดเพลินอย่าได้ประมาทต้องฉลาดต้องมีปัญญา ท่านพูดให้เข้าใจว่าความเอร็ดอร่อยนี้ทำให้เราเพลิดเพลินทำให้เราประมาท

 

ให้เข้าใจว่าการที่จะผ่านความยากลำบากเหมือนบุรุษคนหนึ่งนี้แบกไหน้ำผึ้ง ถ้าบริโภคไปแล้วมันหวาน บริโภคแล้วมันหายเหนื่อย แต่น้ำผึ้งน่ะให้รู้ให้เข้าใจด้วยปัญญา น้ำผึ้งมันเป็นยาพิษนะ ถ้าใครดื่มไปแล้วน่ะบุรุษคนนั้นต้องตายหมดทุกคนไม่มีใครเหลือไม่มีใครยกเว้น

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะต่าง ๆ อย่าให้ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มาปรุงแต่งเรา เราทั้งหลายต้องสงบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าการสงบระงับสังขารด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ถึงเป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ ไม่ดื่มความหลง ไม่ดื่มน้ำผึ้ง เหมือนบุรุษแบกไหน้ำผึ้งข้ามทะเลทราย เราต้องรู้เข้าใจนี้เป็นไฟต์ของการประพฤติการปฏิบัติ   การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว แต่เราต้องมีปัญญา เราทั้งหลายจะได้บริโภคทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติด้วยปัญญา เราบริโภคเหยื่อ เราไม่ต้องติดเหยื่อ  ให้รู้เข้าใจเหยื่อก็คือเหยื่อ เบ็ดก็คือเบ็ดให้รู้เข้าใจ ความสงบกับปัญญาต้องคู่กันไป  

 

เราทั้งหลายต้องพากันเน้นที่ตัวเรา เราอย่าไปจัดการลูก จัดการหลานจัดการคนอื่น เราเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ เหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกรู้เข้าใจบอกสอนปฏิบัติให้เหมือนพระพุทธเจ้าเหมือนพระอรหันต์ มีความสงบ มีปัญญาก้าวไปด้วยศีลสมาธิปัญญา

 

ท่านหลวงปู่ชา สุภัทโทแห่งวัดหนองป่าพงท่านบอกกับประชาชนที่ไปให้ทานรักษาศีลประพฤติปฏิบัติธรรม ว่าผมรู้เข้าใจ บอกตัวเองสอนตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งความรู้คู่การปฏิบัติด้วยความตั้งใจเจตนาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นความเคารพเป็นความสงบ เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นธรรมปัจจุบันธรรม รู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ปฏิบัติร้อยเปอร์เซ็น บอกสอนคนอื่นเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น มันถึงพอไปได้นะ

 

เรามาคิดดูคำนวณดูเราเอาความไม่รู้ไม่เข้าใจนำชีวิต ชีวิตนี้ก็ต้องพังทลายเช่นเดียวกับตึก สตง.ของเมืองไทยประเทศไทยนี้นะ การประพฤติการปฏิบัติน่ะ ให้พวกเรารู้เข้าใจ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเพราะอันนี้เป็นทั้งความทั้งความถูกต้องเป็นปัญญาบริสุทธิคุณให้รู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายเป็นผู้ประเสริฐได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราเป็นมนุษย์ มนุษย์เราอายุขัย ๑๐๐ ปีอยู่ในความพอดีถ้าน้อยกว่านั้นก็จะตั้งหลักไม่ได้ ถ้านานเกินไปก็คิดว่าอมตะ อยู่ระยะ ๑๐๐ ปี อยู่ระดับพอดีพอเพียง

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาเน้นที่ตัวเรา เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติที่นั่น ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยธรรมจักรคือปัญญา มีทั้งตาเนื้อตาหนังตาปัญญาให้รู้เข้าใจ ธรรมจักรก็แปลว่ารู้แจ้ง รู้แจ้งด้วยปัญญา จะได้สะอาดทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจ ชีวิตของเราจะแสงสว่างไสว ชีวิตของเราจะว้าว ว้าว ว้าว ไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นแสงสว่างด้วยปัญญาที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ให้รู้เข้าใจเราต้องพากันมาบำเพ็ญบารมีความดีที่ประกอบด้วยปัญญาอย่างนี้

 

เรามาระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญ พุทธบารมีใช้เวลายาวนานมาก หลายล้านชาติหลายอสงไขย เราต้องรู้เข้าใจ เราจะไปคิดเหมือนแต่ก่อน คิดว่าการปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติที่วัดอยู่ที่ป่าที่เขาอยู่ในที่สงบ อันนั้นมันไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ปัจจุบันธรรมให้รู้เข้าใจ

 

การปฏิบัติธรรมมันต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ มันต้องมีความสงบมีปัญญาเพื่อให้ครบวงจร เป็นอริยมรรคมีองค์แปด เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

ให้เข้าใจเหมือนเรามองดูต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นไม้หนึ่งที่เรามองเห็นที่ได้อาหารมา  เค้าได้มาจากทั้งทางรากทางใบทั้งกิ่งก้านสาขาทั้งยอดตลอดปริมณฑลแสงแดดอากาศออกซิเจน ต้นไม้นั้นถึงเป็นต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์สง่างามให้เข้าใจอย่างนี้

 

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นความรู้ความเข้าใจเป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ธาตุก็มี ขันธ์ก็มี อายตนะก็มี อะไรก็มี ให้เรารู้เข้าใจ รู้จักข้อสอบและข้อตอบด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ การประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้แหละ ถึงปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่เลือกกาลเลือกงาน มีความสงบและปัญญาอย่างนี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าโน้น ชาติหน้าไกล ๆ โน้น ที่พระคุณเจ้าทั้งหลายพูดว่าอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ มันไกลเหลือเกินเทอญ ๆ ๆ แบกความหลงพาไปเบื้องหน้าโน้น แบกความหลงพาไปข้างหน้าโน้นน่ะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้เอาปัจจุบัน ปัจจุบันหยุดตรึกในกามหยุดตรึกในพยาบาท พยาบาทก็คือตัวตนคือความปรุงแต่ง ปัจจุบันเรารู้เข้าใจว่าเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เราต้องรู้เข้าใจในชีวิตประจำวันของเรา ต้องมีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ

 

มนุษย์สมัยใหม่ต้องเข้าใจนะ เราพัฒนาวิทยาศาสตร์ดีแล้วถูกต้องแล้ว แต่เราต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อม ๆ กัน เราจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยความสงบ เราจะไม่ได้ไปหาความดับทุกข์จากความหลง หาความดับทุกข์จากตัวตน เพราะตัวตนนั้นมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป

 

 

ความรู้กับการประพฤติการปฏิบัติมันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

เราคิดดูดี ๆ สิ พระพุทธเจ้าน่ะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ตอนปัจจุบันนี้แหละ เผยแผ่ปัจจุบันธรรมก็ ๔๕ ปีของการตรัสรู้ก็เป็นปัจจุบันไปเรื่อยให้รู้เข้าใจ ปัจจุบันเป็นวาระสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ เพราะอดีตก็รวมมาที่ปัจจุบันนี้แล้วอนาคตที่ยังไปไม่ถึงก็เป็นปัจจุบัน

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้ธรรมรู้สภาวธรรม รู้ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา

 

ในวันอาสาฬหบูชาเรามาระลึกถึงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเอาธรรมนำชีวิตไม่ใช่เอาตัวตน เอาความหลงนำชีวิต ชีวิตนี้จะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เอาพระรัตนตรัยที่บริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ชีวิตของเราต้องก้าวไปอย่างนี้ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายพากันเป็นพระได้หมด นักบวชก็เป็นพระได้ ข้าราชการนักการเมืองทุกชาติทุกศาสนาก็พากันเป็นพระได้ ด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ ชีวิตของเรามันต้องพังทลายแน่นอนนอนแน่เมหือนตึก สตง.ของเมืองไทยให้ทุกคนรู้เข้าใจนะ

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย จบด้วยโอวาทของหลวงปู่มั่น ที่ท่านได้เมตตาให้คติธรรมไว้ว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212