๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (เข้าพรรษา)

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

ขณะนี้เป็นฤดูฝน ตรงกับวันที่ ๑๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันที่ภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาในอาวาสผู้ที่บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาต้องอยู่จำพรรษาเป็นเวลา ๙๐ วัน คือ ๓ เดือน

 

ผู้ที่บรรพชาอุปสมบทถือเพศพรหมจรรย์ รักษาพระธรรมพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ เป็นผู้ออกจากเรือน ไม่มีบ้านไม่มีเรือน หน้าหนาวหน้าแล้งก็จาริกไปในที่ต่าง ๆ ฤดูฝนไม่สัญจรไปในที่ต่าง ๆ

 

ผู้ที่บรรพชาอุปสมบท ปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวร นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ฉันภัตตาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียวหนเดียว อาหารที่ฉันก็ได้มาจากการบิณฑบาตภิกขาจารไม่เก็บอะไรไว้ ไม่รับปัจจัยที่เป็นของซื้อขายแลกเปลี่ยน ไม่เก็บอาหารไว้บริโภควันใหม่ เป็นผู้เอาพระธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต ถือนิสัยถือวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมพระวินัยนี้จะเป็นบริสุทธิคุณ ไม่มีความปรุงแต่ง เป็นบริสุทธิคุณ

 

พระธรรมพระวินัยถึงเป็นความสงบและปัญญา เป็นปัญญาและความสงบ ยกเลิกเขายกเลิกเรา มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญาทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาท  อาชีพก็สงบ สงบลงที่ใจ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างในกิจกรรมต่าง ๆ  ไม่ทำไร่ทำนา ทำสวน ทำเกษตรกรรม ทำอุตสาหกรรม ไม่เป็นผู้ค้าผู้ขายผู้แลกเปลี่ยน ไม่เป็นข้าราชการไม่เป็นนักการเมือง มีชีวิตอยู่ด้วยภิกขาจารบิณฑบาต เวลาเช้าบิณฑบาตจากประชาชน มีชีวิตอยู่เยี่ยงขอทานภิกขาจารบิณฑบาต เป็นบุคคลไม่มีบ้านไม่มีเรือน เป็นผู้ออกจากเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว มาใช้สถานที่ที่สงบที่วิเวก

 

เมื่อถึงกาลเวลาหน้าฝนฤดูฝน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงให้มีสถานที่อยู่จำพรรษา ไม่สัญจรไปมา เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมของผู้ที่บรรพชาอุปสมบท ให้ผู้ที่บรรพชาอุปสมบทอยู่เป็นที่เป็นทาง ไม่สัญจรไปมา ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง ถึงมีอาวาสมีวัด มีที่อยู่ที่อาศัยเป็นศาสนาวัตถุ

 

เป็นวัดบ้านวัดป่า วัดที่อยู่ในบ้านในเมืองเค้าเรียกว่าคามวาสี อยู่ภายในหมู่บ้านหรืออยู่ที่นิคมเมืองหลวง วัดที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านเป็นวัดป่า เค้าเรียกวัดป่าว่าอารัญวาสี

 

วัดนี้มีความหมายถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติ หมายถึงพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เป็นวัดเป็นข้อวัตรปฏิบัติเป็นปฏิปทาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้การปฏิบัตินั้นติดต่อต่อเนื่อง

 

วัตร ข้อวัตรปฏิบัติอยู่ที่ไหนก็ใช้หลักการอันเดียวกัน พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้แตกแยกความสมัครสมานสามัคคี ไม่ได้แบ่งไม่ให้แตกแยก เพราะความแบ่งความแตกแยกนี้มันเป็นสังฆเภท วัดบ้านวัดป่า ไม่ได้แบ่งเขาแบ่งเรา มีหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

ในหน้าฝน ๓ เดือน ให้จำพรรษาภายในวัด ในอาวาสในอาราม ไม่ให้สัญจรไปมาในสถานที่ต่าง ๆ ให้อยู่เป็นที่เป็นทางเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ให้จาริกไปในที่ต่าง ๆ ถ้ามีเหตุจำเป็นที่จะไป ก็ไปได้แต่ต้องกลับมาภายใน ๗ วัน

 

ในโลกนี้ได้เอาหลักการอันเดียวกัน อุดมการณ์อันเดียวกัน อุดมธรรมอันเดียวกัน  คือธรรมนูญนำชีวิต ธรรมนูญนี้หมายถึงความบริสุทธิคุณ ความบริสุทธิคุณคือความสงบ ความสงบที่เกิดจากปัญญาสัมมาทิฏฐิ เอาความสงบและปัญญานำชีวิตเพื่อก้าวไปด้วยความสงบและปัญญา จะได้เป็นความมั่นคง มีความมั่นคงด้วยหลักการอุดมการณ์ เน้นการประพฤติการปฏิบัติที่ปัจจุบัน เพราะเหตุผลว่าอดีต  ก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้าก็อยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ถึงเป็นความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งกับการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยปฏิปทาเป็นความดีคู่กับปัญญา เป็นปัญญาคู่กับความดี

 

ทุก ๆ ประเทศ ใช้หลักการอันเดียวกัน เดินไปพร้อม ๆ กันที่เป็นชาติ ชาตินี้ก็หมายถึงความเกิด ความเกิดนั้นคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมีสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ชีวิตของเราถึงเป็นกรรม กฎแห่งกรรม ผลของกรรม ที่เรามีธาตุมีขันธ์มีอายตนะนี้คือมาจากกรรม กฎแห่งกรรม ผลของกรรม

 

ในโลกนี้ถึงต้องมีการเรียนการศึกษาเพื่อให้เกิดปัญญา การเรียนการศึกษาของมนุษย์มีทั้งหมด ๑๘ ศาสตร์ เบื้องต้น ๑๘ ศาสตร์ ท่ามกลาง ๓๖ บั้นปลาย ๕๔ เป็นบารมี ๑๐ เบื้องต้นน่ะ บารมีอย่างกลาง ๒๐ บารมีสูงสุด ๓๐ เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นความสงบอยู่กับปัญญา เป็นการพัฒนาใจกับวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ไม่ยิ่งไม่หย่อนกว่ากันตีคู่กันไป เป็นความรู้ความเข้าใจเป็นศาสน์ ศาสนา…

 

ศาสนานี้ก็หมายถึงกระบวนการของกายวาจากิริยามารยาทใจน่ะ เป็นของหลายชิ้นหลายอันหลายส่วนมารวมกัน ติดต่อต่อเนื่องเหมือนสรีระร่างกายของเรานี้แหละ หลาย ๆ อย่างมีอาการ ๓๒ หลายอย่าง มันไม่ใช่อย่างเดียวมัน ๓๒ อย่างมารวมกันประกอบกันถึงจะมีสรีระสมบูรณ์

 

พระธรรมพระวินัยให้พวกเรารู้เข้าใจ มันเป็นกระบวนการ มันเป็นกรรม มันเป็นกฎของกรรม เป็นผลของกรรม

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้พากันเข้าใจนะ เราจะได้รู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรนี้มันมีคุณมีประโยชน์อุปการคุณต่อมนุษย์เราทุก ๆ คนนะ เพราะพระธรรมพระวินัยเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นอริยมรรค อริยมรรคก็หมายถึงเป็นหนทาง มรรคแปลว่าหนทาง เป็นทางเดิน เป็นถนนหนทาง ทางลาดยาง ทางเทคอนกรีต เรามีทางก็ต้องมีผู้เดินทาง เพราะพระธรรมพระวินัยคือทาง ความตั้งใจเจตนามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในการเดินทางของเราทุก ๆ คน

 

ชีวิตของเราถึงต้องมีปิติมีความสุขมีปัญญา มีคำว่า ว้าว ว้าว ว้าว ในการประพฤติการปฏิบัติให้รู้ให้เข้าใจนะ เราทั้งหลายเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ อายุขัยของเราอยู่ได้ร่วม ๆ ศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราเอาธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาชีวิตของเราย่อมอยู่ได้มากกว่าร้อยปี ให้พวกเราเข้าใจอย่างนี้นะ

 

วัดนี้มีอยู่กับเราทุกคน เราต้องวัตรน่ะ ข้าราชการก็มีวัตร มีข้อวัตรข้อปฏิบัติของข้าราชการ นักการเมืองก็มีวัดมีข้อวัตรข้อปฏิบัติของนักการเมือง พ่อค้าประชาชนก็มีข้อวัตรข้อปฏิบัติมีวัตรของประชาชน ให้รู้เข้าใจ คำว่าอารามหรือว่าบ้านเรือนเป็นที่อยู่ที่อาศัยของส่วนร่างกาย ร่างกายของเราน่ะ ต้องมีบ้านมีที่อยู่ที่อาศัย หลักการของมนุษย์นี้ที่เรามองเห็นด้วยตาถึงมีบ้าน มีที่อยู่ที่อาศัยแล้วก็มีโรงเรียน ทุกหมู่บ้านต้องมีโรงเรียน ทุกหมู่บ้านก็ต้องมีวัด มีที่อยู่ที่อาศัยของนักบวช

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องวัตร เรื่องข้อปฏิบัติ ชีวิตของเราก็เปรียบเสมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นนั้นเค้าต้องได้อาหารมาจากทั้งรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาจนถึงยอดของต้นไม้ ตลอดปริมณฑล อากาศแสงแดดออกซิเจนเราต้องอยู่เข้าใจ

 

ชีวิตของเราต้องเป็นอริยมรรค ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะเข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้ความสงบของเราสมบูรณ์ให้ปัญญาของเราสมบูรณ์เพื่อจะได้เข้าถึงความสงบทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ วัดนี้คืออารามของนักบวช วัดที่ต้องรู้เข้าใจคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เค้าจะสร้างบ้านสร้างเรือนเค้าต้องวัดความสั้นความยาวความสูงความต่ำ แล้วก็ความเบาความหนัก พระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัตินี้ให้รู้เข้าใจ ให้เรารู้พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร

 

ผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติต้องพากันรู้พากันเข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เพื่อพวกเราจะได้เข้าสู่กระบวนการหลักการ เข้าสู่โครงสร้างในการประพฤติการปฏิบัติ สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นี้ถึงอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาถือนิสัยถือพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ยกเลิกนิสัยเราแล้วก็นิสัยคนอื่น เอาพระธรรมเอาพระวินัยมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่มีปิติไม่มีความสุขไม่มีเอกัคคตาในการประพฤติ  การปฏิบัติเราก็มีความทุกข์น่ะ เรามีความทุกข์ก็คือมีโรคซึมเศร้า หมอเค้าเรียกว่าโรคซึมเศร้า ความทุกข์ใจไม่สบายใจน่ะ มันจะสบายใจได้อย่างไร เพราะเราเอาตัวตนนำชีวิต เอาความหลงนำชีวิต เพราะเราไปสร้างปัญหาให้กับตัวเอง และไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่นมันจะมีความสุขได้อย่างไร

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร จะทำให้เราเกิดความสงบเกิดปัญญา จะได้ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา การปฏิบัติต้องตั้งใจตั้งเจตนา อย่าให้มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้ามีต่อหน้าและลับหลัง   คือความไม่ถูกต้องให้รู้เข้าใจ คนอื่นเค้าไม่รู้เราปกปิดเค้าก็ได้ แต่เราน่ะรู้เข้าใจ

 

การปฏิบัติธรรมต้องตั้งใจตั้งเจตนาอย่าให้มีต่อหน้าลับหลังน่ะการปฏิบัติของเราต้องสม่ำเสมอทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เพื่อให้ติดต่อต่อเนื่องไม่ให้ขาด ไม่ให้ด่างไม่ให้พร้อย ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราอาศัยความสมัครสมานสามัคคีมารวมกันเป็นหมู่สงฆ์สาวก สงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือผู้ปฏิบัติดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นผู้ปฏิบัติตรง คำว่าตรงนี้ก็หมายถึงอยู่กับปัจจุบันไม่อยู่กับอดีตไม่อยู่กับอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันนี้คำว่าตรงก็หมายถึงวาระแห่งชาติน่ะ เป็นวาระแห่งชาติทั้งกายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่ปัจจุบัน เป็นการเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เหมือนพระบาทสมทเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ ท่านให้เราเข้าถึงความตรง เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงปัจจุบันธรรม

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ เราอยากได้มากมันก็ไม่มากเราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้สงบด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นพระศาสนา เราทำอย่างนี้แหละ มันเป็นประโยชน์ต่อเราเอง และประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นประโยชน์ต่อมหาชน มีทั้งประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นถึงพร้อมด้วยความสงบและปัญญา เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

 

ทุกคนก็ต้องพากันทำอย่างนี้แหละ พระเก่าก็ต้องทำอย่างนี้แหละ พระใหม่ก็ต้องทำอย่างนี้แหละ ข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชนทุกคนก็ต้องทำอย่างนี้  เพื่อความไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ก้าวไปข้างหนึ่งถอยกลับข้างหนึ่งมันก็ไปไหนไม่ได้ เค้าถึงมีคำศัพท์ว่าคน คนนี้คือไปไหนไม่ได้มันอยู่ที่เก่า เดินหน้าถอยหลังอยู่ที่เก่า เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน มันไปไหนไม่ได้                

 

ความรู้ความเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย จะหยุดกรรมหยุดวัฏฏสงสาร เรียกว่ายกเลิกกรรมเก่า กรรมใหม่ก็ไม่สร้าง นี้จะเป็นความสงบและปัญญา นี้เป็นปฏิปทาของเราทุก ๆ คน

 

เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยกเลิกเขายกเลิกเรา ยกเลิกเชื้อชาติชั้นวรรณะ มาเอาพระธรรมพระวินัยมาเอาความสงบกับปัญญานำชีวิต ให้พวกเราเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติของเรา

 

เราทั้งหลายต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ รู้เข้าใจด้วยอาศัยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรเน้นที่ตัวเรานี้แหละ

 

เราดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านก็ปฏิบัติของพระพุทธเจ้า เราดูตัวอย่างพระอรหันต์ก็ปฏิบัติของพระอรหันต์ ไม่มีใครปฏิบัติให้กันได้ ด้วยเหตุผลนี้เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรถือว่าเป็นสิ่งที่มีอุปการคุณต่อเราทุก ๆ คน

 

เราทุกคนน่ะอย่าไปตามใจของตัวเองนะ อย่าเอาความชอบความไม่ชอบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่าอย่าเอาความชอบความไม่ชอบน่ะ ความชอบก็เป็นหนทางหนึ่ง ความไม่ชอบก็เป็นหนทางหนึ่งไม่ใช่ทางสายกลาง ความชอบไม่ชอบนั้นมันเป็นความปรุงแต่งเป็นความไม่สงบ ไม่ใช่ปัญญานะ

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาประพฤติปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งใจ เป็นผู้ที่บวชทั้งกายวาจากิริยามารยาทบวชทั้งใจ ให้รู้เข้าใจนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าอย่าไปตรึกในกาม อย่าไปตรึกในพยาบาท กามก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ที่เห็นรูปสวย ๆ หล่อ ๆ ก็ร้องโอย ๆ ๆ ไป เสียงเพราะ ๆ ก็ร้องโอย ๆ ๆ ไป กลิ่นต่าง ๆ ก็ร้องโอย ๆ ไปเรื่อย ชอบไม่ชอบก็ร้องโอย ๆ อย่างนี้แหละ

 

เราต้องรู้เข้าใจเราไม่ต้องไปโอยอีกแล้ว รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีอยู่อย่างนี้ เราจะไปโอย ๆ มันทำไม ให้รู้ให้เข้าใจนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นข้อสอบที่จะให้เรา ได้ตอบด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราต้องรู้ข้อสอบข้อตอบนะ นี้มันเป็นไฟต์แห่งการประพฤติการปฏิบัติของเรา เราจะไปโอย ๆ อยู่ทำไม เราต้องรู้ไฟต์แห่งการประพฤติการปฏิบัติ ความดับทุกข์มันเป็นความว่างจากตัวตนนะ ถ้าตัวตนมันก็มีแต่โอยกับโอยอยู่อย่างนี้แหละ เราต้องรู้เข้าใจ เรามีตาก็ต้องมีรูปอย่างนี้ มีหูก็มีเสียง มีจมูกก็มีกลิ่น มีลิ้นก็มีรส มีกายก็มีสัมผัส มีใจก็มีความนึกคิด เราจะไปโอย ๆ ไปทำไม ต้องรู้เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ เอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ เป็นตัวเป็นตนเรียกว่าบุคคลไม่บรรลุนิติภาวะนะ

 

พระธรรมพระวินัยให้เรารู้เข้าใจที่จะพากันก้าวไปด้วยการเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะได้เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติไม่ต้องร้องโอย ๆ ๆ ในใจอีกต่อไป

 

การประพฤติการปฏิบัติเราต้องเพิ่มสติสัมปชัญญะเรียกว่าสติปัฏฐานทั้ง ๔ ให้มีสติเป็นพื้นฐาน ให้มีปัญญาเป็นพื้นฐาน

 

การมาบวชการมาประพฤติปฏิบัติเราทุกคนเน้นเรื่องสติปัฏฐานทั้ง ๔ นะ คือความสงบและปัญญา เราจะก้าวไปด้วยความสงบและปัญญา เน้นที่ใจเน้นที่เจตนา

 

เราทั้งหลายน่ะต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เอาความสงบกับปัญญาตีคู่กันไปเลย

 

เรามาบวชต้องพากันมาบวชทั้งกายทั้งวาจากิริยามารยาทบวชทั้งใจจะได้สมบูรณ์ทุกอย่างทุกประการทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี

 

วันหนึ่งคืนหนึ่งน่ะเราเอาแต่พระธรรมพระวินัยอยู่กับความสงบและปัญญา วันหนึ่งคืนหนึ่งเวลาเรานอนพักผ่อน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมงนะ อย่างวัดเรานอนพักผ่อน ๓ ทุ่มนะ ตื่นนอนตี ๓ นะ กลางวันนี้เจริญสติสัมปชัญญะ ทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจต้องมีสติคือความสงบ ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันให้มีความสุข ให้อยู่สติปัฏฐาน ๔ เราอยู่ที่บ้านอยู่กับสิ่งภายนอก อยู่กับพี่กับน้อง อยู่กับพ่อกับแม่ อยู่กับธุรกิจหน้าที่การงาน เรามาบรรพชาอุปสมบทนี้เราไม่ได้อยู่กับสิ่งเหล่านั้นแล้วนะ ชีวิตของเราได้แตกต่างจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว เรามาอยู่กับสติสัมปชัญญะมาอยู่กับความสงบกับปัญญาให้รู้เข้าใจ

 

เราอยู่ที่บ้านอยู่กับการฟังเพลง อยู่กับโทรทัศน์อยู่กับโทรศัพท์มือถืออยู่กับคอมพิวเตอร์อินเทอร์เนทเฟซบุ๊คอะไรต่าง ๆ อยู่กับเพื่อนกับฝูงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเรายกเลิกหมดนะ

 

ใหม่ ๆ มันก็ร้อนรุ่ม เพราะตัวตนน่ะมันเผาเรา ตัวตนมันจะมีความร้อนอยู่ มีความอุ่นอยู่ ให้รู้เข้าใจ ความไม่รู้เข้าใจมันจะเผาเรา มันเผาเราอย่างไร

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ ตอนเด็ก ๆ มันคิดว่าถ้าเป็นเด็กนี้ไม่ดีนะ มันต้องได้เรียนหนังสืออย่างนี้ ถ้าใหญ่แล้วไม่ต้องเรียนหนังสือ เป็นหนุ่มเป็นสาวนี้ดี มันจะไปของมันเรื่อย เป็นหนุ่มเป็นสาวก็คิดว่า เออ... ถ้ามีครอบครัวมีผัวหล่อ ๆ มีเมียสวย ๆ น่ะถ้าจะดี  ถ้าจะมีความสุข มีผัวมีเมียแล้วก็ยังคิดไปเรื่อย ถ้ารวยถ้าจะดีน่ะ มีอะไรเพอร์เฟคไปหมดนี้น่าจะดี ความคิดอย่างนี้ความเข้าใจอย่างนี้มันเป็นตัวเป็นตนนะมันจะไม่หยุด

 

เราต้องรู้เข้าใจ เพราะคนที่มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มันต้องไปอย่างนี้ เราต้องรู้เข้าใจเราจะหยุดได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราไม่ต้องไปตรึกในความคิดอย่างนั้น ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าอย่าไปตรึกในกาม อย่าไปตรึกในพยาบาท

 

การประพฤติการปฏิบัติพระธรรมพระวินัยเป็นภาคบำบัดนะ ถ้าไม่ได้พระโสดาบันเป็นผู้ที่เข้าสู่ภาคบำบัด พระโสดาบันผู้ที่ตกกระแสแห่งพระนิพพาน ผู้ที่รู้เข้าใจว่าพระธรรมพระวินัยเป็นอุปการคุณ ต้องเอาพระธรรมพระวินัยเท่านั้น ถึงไปได้ไปรอด เอาสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนมันไม่รอดน่ะ

 

เราคิดว่าเรามันรอดน่ะ มันเป็นความเข้าใจผิดนะ มันคิดว่ามันรอดนั่นแหละคือทางไม่รอด ให้เราเข้าใจ มันก็จะคิดของมันเป็นเรื่อย ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้แหละ ให้เรารู้เข้าใจมันเป็นนิวรณ์ทั้ง ๕ เป็นอคติทั้ง ๔ ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

พวกเราทั้งหลายต้องพากันมาเน้นที่ปัจจุบัน ต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์ อุดมธรรม เราจะได้พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราอยู่ที่บ้านเรา พ่อแม่ของเราก็เป็นสามัญชน ญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลของเราเป็นสามัญชน ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระอรหันต์ เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้มาถือเอาหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราต้องมาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ ใครไม่ปฏิบัติก็ช่างหัวเค้า เราเน้นมาที่ตัวเรา เราไม่ต้องไปมองเค้า ถ้ามองเค้าก็มองเพื่อที่จะช่วยเหลือเค้าให้เข้าใจอย่างนี้ เพื่อจะให้ของเค้า เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเน้นที่พระพุทธเจ้า

 

การเจริญสติสัมปชัญญะหรือว่าเจริญสติปัฏฐานนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก เราทั้งหลายต้องอยู่กับสติปัฏฐานนะ ยกเลิกเรื่องการคลุกคลีในหมู่ในคณะ

 

ทำไมเรายกเลิกคลุกคลีล่ะ ก็เพื่อเราจะได้เจริญสติสัมปชัญญะ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่อง มันต้องอาศัยความสงบอาศัยปัญญา ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง

 

การนอนการพักผ่อนนี้ถึงต้องนอน ๕,๖ ชั่วโมงให้รู้เข้าใจ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ได้พากันนอนกลางวันนะ การพักผ่อนของสรีระร่างกายของธาตุของขันธ์ท่านนั่งสมาธินะ พระธรรมพระวินัยคือการยกเลิก คือการพักผ่อน

 

ให้รู้เข้าใจ หมายถึงไม่เอาความหลงนำชีวิต คือการพักผ่อนน่ะ ถ้าเรายกเลิกตัวตนแล้วเราจะได้พักผ่อน เราจะไม่ได้แบกความหลงพาไป แบกความโง่ความงมงายพาไป พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรคือการพักผ่อน พักผ่อนตัวพักผ่อนตน ให้รู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยคือเรื่องพักผ่อนนะ

 

การประพฤติการปฏิบัติของเราน่ะ ถึงต้องเน้นที่ปัจจุบัน เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่อง ถ้าเราฟุ้งซ่านมันจะไม่เข้าใจ มันจะไม่รู้เรื่อง  เราอยู่ที่บ้านเราไม่ได้ควบคุมการนอน เรามาบวชมาปฏิบัติเราต้องควบคุมการนอน

 

หลักการนอนของทหารประเทศไทยนี้ เค้าให้นอนเวลา ๓ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่มต้องนอน เป่านกหวีดให้นอนเลย ใจมันไม่นอนก็ให้กายมันนอน ใจไม่สงบก็ให้กายวาจากิริยามารยาทให้สงบ เวลาตื่นนอนของทหาร ต้องตื่นนอนตีห้า ตื่นขึ้นมาก็ไหว้พระสวดมนต์ออกกำลังกาย การฝึกปฏิบัติของผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทก็อย่างเดียวเช่นเดียวกับทหาร ใจไม่สงบก็ให้กายวาจากิริยามารยาทมันสงบ ใจมันไม่ตรงก็ให้กายวาจากิริยามารยาทของเรามันตรงน่ะ ให้รู้เข้าใจ ต้องเอาสิ่งภายนอกให้ได้ก่อน

 

พระวินัยข้อวัตรกิจวัตรสิ่งภายนอกต้องทำให้ได้ปฏิบัติให้เรา เราจะได้สะอาดทั้งสิ่งภายนอก สิ่งภายนอกต้องให้สะอาด เน้นที่สะอาด เน้นที่ระเบียบ เน้นที่พระวินัยให้รู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ มีความตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้ติดต่อต่อเนื่อง

 

การปฏิบัติเราน่ะ ๓ อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นผล เหมือนไก่ฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ที่ฟักด้วยแม่ของไข่ ๓ อาทิตย์จะออกลูกมาเป็นตัวไก่ เราฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์เหมือนกัน การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องทั้งความคิดทั้งคำพูดกิริยามารยาท เรื่องตรึกนึกคิดต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป เพราะใจของเรานี้มันไม่รู้อริยสัจสี่ ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ มันจะไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา มันจะไปตามผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เข้าสู่ภาคบำบัดเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ให้เรารู้เข้าใจ เรามาบวชมาปฏิบัติให้เข้าใจอย่างนี้

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่าใครมาจากไหน ชาติเชื้ออะไร เราต้องรู้เข้าใจ เรามาเข้าสู่ความเป็นพระธรรมพระวินัยถือ นิสัยถือพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นทั้งความซื่อสัตย์สุจริตเป็นผู้ซื่อตรงเป็นผู้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

ความสงบกับความเคารพความซื่อสัตย์สุจริตคืออันหนึ่งอันเดียวกันเพียงแต่แยกภาษาต่างหาก มันอยู่ที่ความตั้งใจตั้งใจเจตนา ถ้าเราไม่มีความเคารพ เราจะสงบได้อย่างไร เราไม่มีพระธรรมพระวินัยไม่มีข้อวัตรกิจวัตรมันจะสงบได้อย่างไร

 

เรามีปัญญาเป็นปัญญาที่เป็นนิติบุคคลเป็นปัญญาที่เอาตัวรอดในทางที่ไม่รอด เป็นบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะเอาความหลงนำชีวิตไม่เอาธรรมะนำชีวิต

 

เราทั้งหลายพากันเข้าใจเต็มที่เราทั้งหลายจะได้พากันเป็นพระธรรมพระวินัย เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา

 

วัดของเราน่ะไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ให้มีโทรศัพท์ ให้รู้เข้าใจ วัดของเราไม่ให้ใครสูบบุหรี่กินหมาก เพื่อความสงบเพื่อปัญญา เพื่อยกเลิกสิ่งเสพติด ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ พากันมาเสียสละมาสงบมาคารวะ เราอยู่ที่บ้านไม่ได้อุปัฏฐากย์พ่ออุปัฏฐากย์แม่ เรามาบวช เราต้องมาฝึกอุปัฏฐากย์ผู้ที่บวชก่อน ผู้ที่บวชเก่า เวลาเราลาสิกขาไปเราจะเอาข้อวัตรข้อปฏิบัตินี้  ไปฝึกใช้ในการอุปัฏฐากย์พ่อแม่ผู้ที่เกิดก่อนเรา

 

การฉันอาหารอย่างนี้ก็ใช้หลักการประมาณซัก ๒๐ นาทีหรือ ๒๕ นาที ให้เข้าใจอย่างนี้นะ พระใหม่ผู้บวชใหม่ก็ทำข้อวัตรกิจวัตรลงมาทำข้อวัตรกิจวัตรอุปัฏฐากย์พระผู้ที่บวชเก่าน่ะ

 

พระที่เก่าบวชให้รู้เข้าใจ พระที่บวชเก่าต้องเป็นผู้ปฏิบัติที่ขลังศักดิ์สิทธิ เอาความสงบปัญญานำชีวิตให้มันขลังศักดิ์สิทธิ คำว่าพระ พระคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร พระเก่านี้เจ้าตัวร้ายเจ้าเสือร้าย เอาตัวตนนำชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิตบวชใหม่ ๆ นั่งที่ไหนก็ได้ นอนที่ไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา บวชนานเอาอัตตาตัวตนต้องอยู่ดี ฉันดี นั่งรถดี นั่งรถหรู มีกุฏิดี กุฏิหรู มันไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญานะ นี้คืออัตตาตัวตน

 

พระเก่าต้องรู้เข้าใจว่าเรานี้เป็นเจ้าเสือร้ายเจ้าตัวร้ายเจ้าอันตรายนะ

 

เราเดินก่อนเค้านั่งก่อนเค้าอะไรดี ๆ ก็บริโภคก่อนเค้าเราต้องรู้เข้าใจ ถ้าอย่างนั้นมันเป็นเจ้าเสือร้ายเจ้าอันตรายนะ บวชมาเอาตัวตนนำชีวิต มาเอาเงินเอาสตางค์นำชีวิต มาเอายศเอาตำแหน่งนำชีวิต มาเอาสตรีเอาสตางค์นำชีวิต นี้มันเสียหายมากนะ นี้มันสกปรกทั้งภายนอกสกปรกถึงใจนะ ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้แบกความโง่ความหลงพาไปนะ ให้รู้เข้าใจ

 

พระเก่าทั้งหลายนี้มันเป็นพื้นฐานของประเทศของสังคม ที่เอาตัวตนนำชีวิต เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันเป็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งประเทศทั้งโลก

 

ความเสียหายได้เกิดขึ้นที่ตาได้ฟังที่หูจนหูอื้อหมดแล้วทุกวันนี้ วันไหนก็ได้ยินตั้งแต่ข่าวพระทำไม่ดี ข้าราชการนักการเมืองทำไม่ดี ข้าราชการนักการเมือง นักบวชนี้แหละให้รู้เข้าใจ พวกนี้แหละเป็นผู้ทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ พระเก่าทั้งหลาย โยมเก่าทั้งหลาย เราต้องเข้าใจเรื่องความเสียหาย ความอันตราย ต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่มันผ่านแล้วช่างมัน หยุดเป็นเจ้าเสือร้ายเจ้าอันตรายเดี๋ยวมันต้องพังทลายแน่นอนนอนแน่เหมือนตึก สตง.ของประเทศนี้เป็นสักขีพยานของความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องมันพังทลายที่เรามองเห็นน่ะ ตึก สตง. ของเมืองไทย

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

พระเก่านักการเมืองเก่าที่ผ่านมาน่ะ เป็นประจักษ์พยานของความไม่ถูกต้องทำลายเสียหายนะ ในพรรษานี้ให้พากันตั้งอกตั้งใจ เพื่อเอาความสงบและปัญญานำชีวิต ถือนิสัยบริสุทธิคุณ ตามโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านมีเมตตาที่บริสุทธิคุณว่าเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ก่อนพระองค์ท่านจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”เพราะความประมาทเป็นความเพลิดเพลิน ให้เรารู้เข้าใจ ให้พากันตั้งอกตั้งใจในการประพฤติการปฏิบัติตามโอวาทของหลวงปู่มั่น ได้ตรัสว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรม ความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

--------------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212