๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๒ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

เมื่อวานนี้เป็นการสมาทานอยู่จำพรรษา คำว่าอยู่หมายถึงไม่ได้จาริกไปในที่ต่าง ๆ ความสงบหรือความอยู่ เรามาบวชมาปฏิบัติมาอยู่กับพระธรรมอยู่กับพระวินัย อยู่กับกิจวัตร ข้อวัตรปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าอยู่ อยู่ทั้งกายอยู่ทั้งวาจาอยู่ทั้งกิริยามารยาท อยู่ทั้งใจ เรียกว่าอยู่กับพระธรรมพระวินัย กิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติ

 

เรามาจากคนละบ้านคนละท้องถิ่น ทั้งในประเทศต่างประเทศ จุดมุ่งหมายคืออันเดียวกัน คือการมาทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ ความไม่มีทุกข์ เราต้องรู้เข้าใจว่าความทุกข์มันมาจากไหน ความทุกข์มันมาจากเราไม่รู้เหตุรู้ปัจจัยของความทุกข์  ความทุกข์นั้นมันได้หมุนไปเรื่อยเป็นวัฏจักร ความทุกข์มันหมุนรอบตัวเอง เป็น cycle of life หมุนรอบตัวเอง

 

เราจะหยุดความทุกข์ได้ เราต้องรู้เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะเกิดความปรุงแต่ง มันจะเกิดเป็นตัวเป็นตน เกิดเป็นความปรุงแต่ง ความปรุงแต่งนี้ ถึงเป็นความทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น เราจะหยุดความปรุงแต่งได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร

 

เราต้องรู้เข้าใจ เพราะทุกอย่างนั้นคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม มันเป็นกรรมทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ มันเป็นกรรมที่ออกมาจากใจออกจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ ใจของเราถึงมีปัญญา ปัญญารู้ตามความเป็นจริงปัญญาที่รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ นี้คือต้นเหตุของความทุกข์

 

เราทั้งหลายจะเป็นบุคคลที่บรรลุธรรมหรือว่าบรรรลุนิติภาวะ  เราต้องเอาปัญญาที่เป็นปัญญาบริสุทธิคุณด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อให้ปัญญานั้นเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ต้องให้ปัญญานั้นเป็นตัวเป็นตน เป็นวัฏฏสงสาร ต้องเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ

 

คำว่าพระนั้นคือพระธรรมพระวินัยที่เป็นบริสุทธิคุณไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน คำว่าพระนั้นนับเอาตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์ ความเป็นพระนั้นเป็นได้กับทุก ๆ คนนะ

 

ให้พวกเราเข้าใจเรื่องพระ พระนั้นคือบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจคือบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนะ พระนั้นจะเป็นความสงบและปัญญา พระนั้นเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

 

ให้เข้าใจ ทุก ๆ เป็นพระได้ ทุก ๆ คนทุกชาติทุกศาสนาไม่มีใครยกเว้นยกเว้นเฉพาะคนบ้า ยกเว้นคนที่ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต เอาวัฏฏสงสารนำชีวิต เอาสัญชาตญาณที่มันเป็นตัวเป็นตนนำชีวิต สัญชาตญาณก็ได้แก่ตัวตน เค้าเรียกสัญชาตญาณ เอาความชอบเอาความชังนำชีวิตเค้าเรียกสัญชาตญาณ มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นคนหนุ่มคนสาวคนแก่คนเฒ่าคนชรา หรือว่าคนตายคนพลัดพราก

 

อย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณ อย่างนี้เรียกว่าตัวว่าตน ตัวตนนี้มันคือความปรุงแต่ง ปรุงแต่งว่าเราว่าเขา ว่าเรามีเราเป็น

 

ให้เข้าใจนะอันนี้เป็นสัญชาตญาณมันเป็นตัวเป็นตน ตัวตนนี้ได้เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะมาเป็นตัวเราแล้วก็มาเป็นคนอื่น อย่างนี้ไม่ใช่ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง อย่างนี้มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลย เราต้องรู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายได้มาร่วมรวมกันประพฤติ พากันมาปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจเหมือน ๆ กัน เพราะเรามีอุดมการณ์อันเดียวกัน อุดมธรรมอันเดียวกัน เราทุกคนพากันมาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ ของอย่างนี้มันปฏิบัติให้กันไม่ได้ ปฏิบัติแทนกันไม่ได้

 

เราทั้งหลายพากันเข้าสู่หลักการ เข้าสู่อุดมการณ์อุดมธรรม ถือนิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระพุทธเจ้านั้นคือพระธรรมพระวินัย คือกิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติให้เรารู้เข้าใจนี้คือพระพุทธเจ้า นี้คือพระธรรม นี้คือพระอริยสงฆ์ ให้เรารู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องพากันทิ้งเรื่องอดีตให้หมด อย่าให้อดีตมันปรุงแต่งเราได้ ต้องหยุดอดีตของตัวเอง ต้องหยุดอนาคตของตัวเองอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญาเรียกว่าอยู่กับสติสัมปชัญญะ

 

เราทุกคนมาเน้นที่ตัวเรา อย่าไปมองคนอื่น อย่าไปดูคนอื่น ถ้าเราไปมองคนอื่นดูคนอื่น ไปจับผิดจับถูกคนอื่น มันบาปนะ ถ้าเราดูคนอื่น เราก็ดูเพื่อจะเป็นผู้ให้เป็นผู้ที่เสียสละ ให้เข้าใจอย่างนี้

 

การปฏิบัติของเราต้องติดต่อต่อเนื่อง ความสงบกับปัญญาต้องติดต่อต่อเนื่อง ถ้าไม่ติดต่อต่อเนื่องเรียกว่ามันขาด กิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติมันขาด ศีลมันขาด มันด่างมันพร้อย มันวิบัติมันไม่ใช่ปฏิบัติ

 

เราต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ระบบความคิดกิริยามารยาทคำพูด ถ้าเรารู้เข้าใจเรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ความเครียดของเรามันก็จะไม่มี เรารู้เข้าใจ ความเครียดมันจะไม่มี เมื่อเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะเอาจะมีจะเป็น เราจะไม่เอาไม่มีไม่เป็นมันจะเครียดนะ

 

วันหนึ่งคืนหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมง เรานอนเราพักผ่อน ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกนอนพักผ่อนน่ะ เรามาอยู่ที่วัดเป็นนักบวชเค้าเรียกว่าจำวัด จำคือความสงบ ไม่ฟุ้งซ่านอยู่กับความสงบอยู่กับปัญญาบริสุทธิคุณ การจำวัดหรือว่าการนอนการพักผ่อน เราต้องนอนพักผ่อน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง อย่างน้อย ๕ อย่างมาก ๖ ชั่วโมง ภายใน ๒๔ ชั่วโมงนี้ นักบวชเรานอนอย่างน้อย ๕ ชั่วโมง อย่างมาก ๖ ชั่วโมง

 

พระธรรมพระวินัยน่ะเรารู้เราเข้าใจ ชีวิตของเราจะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญาใจของเราจะมีความสุข เหมือนแต่ก่อนเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราแบกความหลงพาไป ความหลงน่ะมันหนัก หนักอกหนักใจ เสียอกเสียใจ ทุกข์ยากลำบากเพราะว่ามันหนัก เรามาบวชเป็นพระเป็นสมณะ เรามายกเลิก เรามาปล่อยมาวาง เราไม่แบกความหลงพาไป ไม่แบกไสยศาสตร์พาไป ไม่แบกอวิชชาพาไป การปล่อยวางอย่างนี้แหละ มันมีความสุข การที่เราทำข้อวัตรกิจวัตร ในชีวิตประจำวันนี้มันเป็นความสุขเป็นความดับทุกข์ของเราทุกคน

 

ถ้าเรามีการติดต่อต่อเนื่องเป็นปฏิปทา ไม่มีต่อหน้าลับหลัง มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ความทุกข์เราจะไม่มีความเครียดเราจะไม่มี เพราะความสุขความดับทุกข์มันมีอยู่ที่ปัจจุบัน

 

ให้รู้เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะปรุงแต่งของมันไปเรื่อยมันบกพร่องไปเรื่อย มันไม่รู้อริยสัจสี่ ไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ มันคิดว่าความดับทุกข์นั้นอยู่ข้างหน้าโน้น มันเป็นเหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ เป็นไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ ความดับทุกข์ของเราต้องอยู่ที่ปัจจุบัน

 

เราทั้งหลายต้องเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรมาเป็นความสุขความดับทุกข์

 

เรานอนเราพักผ่อน ๕,๖ ชั่วโมงก็เพียงพอ เราพากันนอนพักผ่อนจำวัดเวลา ๓ ทุ่มเหมือนทหาร ทหารที่มีร่างกายแข็งแรง มีระเบียบมีวินัย นอนพักผ่อน ๓ ทุ่มนะ ทหารเค้านอนพักผ่อน ๓ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่มเค้าจะเป่านกหวีดให้รีบไปนอนนิ่งเลยใครคุยกันอะไรไม่ได้ ใครจะทำอะไรอยู่ไม่ได้เค้าให้นอนเลย ใจไม่นอนก็ให้กายมันนอน วาจากิริยามารยาทมันนอน พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มันเป็นกฎของธรรมะ กฎของธรรมชาติเพื่อเป็นหลักการ ให้เราทั้งหลายเข้าสู่ความสงบเข้าสู่ปัญญา

 

ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรมันเป็นคุณเป็นอุปการคุณแก่เรานะ มันเป็นอริยมรรคทางความคิด ทางกายวาจากิริยามารยาทอะไรต่าง ๆ มันเป็นอริยมรรค

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย มันเป็นหลักการอุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม นำสู่การหยุดความปรุงแต่ง เพราะอยากได้มากมันก็ไม่ได้มากมันก็เท่าเก่าจะไปปรุงแต่งมันทำไม อยากได้น้อยมันก็ไม่ได้น้อย เราจะไปปรุงแต่งมันทำไม อยากให้ไม่แก่เราก็แก่อยู่แล้วจะไปปรุงแต่งมันทำไม อยากไม่ให้เจ็บไม่ให้ปวดเมื่อย อยากไม่ให้ตายมันก็ตาย เราจะไปปรุงแต่งมันทำไม

 

เราต้องรู้เข้าใจ มีแต่ปิติสุขเอกัคคตาก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

พระธรรมพระวินัย กิจวัตรข้อวัตรปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัติต้องให้ติดต่อต่อเนื่อง การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องเค้าเรียกว่าไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยไม่ทะลุ ต้องเข้าสู่กระบวนการพระธรรม  พระวินัยที่เป็นบริสุทธิคุณ ข้อวัตรกิจวัตรเป็นบริสุทธิคุณ เพราะทุกอย่างมีแต่คุณไม่มีโทษ คำว่าคุณไม่มีโทษ

 

ที่เค้ามีศัพท์ว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชาย คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พวกที่มาบวชเค้าเรียกว่าคุณ ถ้าไม่เรียกคุณก็เรียกท่าน อย่างนี้แหละ เค้าไม่เรียกชื่อตรง ๆ นะ เค้าเรียกนำต้นด้วยคุณหรือท่าน คุณก็หมายถึงบริสุทธิคุณไม่มีโทษ ตัวตนคือโทษนะ ที่เราไม่เอาพระธรรมพระวินัยมันโทษมีความผิด ให้รู้เข้าใจมันเป็นความด่างความพร้อยความเศร้าหมอง

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราคิดว่ามันเป็นทางรอดมันไม่ใช่นะ เอาตัวตนมันเป็นทางรอดแห่งความไม่รอดนะ

 

เราพากันนอนพากันพักผ่อน ๕,๖ ชั่วโมง ตื่นขึ้นตีสาม ตีสามตื่นขึ้น เราอยู่ที่กุฏิอยู่ที่พัก ก็กราบพระไหว้พระ พระนั่นแหละอยู่ที่ใจนะ พระนั้นคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรอยู่ที่ใจ แล้วย่อยออกมาเป็นกายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่เรานั่นแหละ

 

เราตื่นขึ้นมากราบพระไหว้พระล้างหน้าแปรงฟันมารวมกันที่ศาลา ถ้าอยู่กุฏิก็ไปรวมกันที่ศาลา เพื่อเป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะมีทั้งผู้มี อินทรีย์น้อย มีอินทรีย์มาก การทำอะไรสมัครสมานสามัคคีนี้ ทำให้มีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อม ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ทำตามใจตามอัธยาศัยมันมีแต่ความเสื่อม การทำอะไรที่สมัครสมานสามัคคีกันคือความเจริญ

 

เราอย่าไปคิดว่าเราต้องการอิสระ มันเป็นอิสระจากพระธรรมจากพระวินัย เราเอาความอิสระที่ไม่ใช่พระธรรมที่ไม่ใช่พระวินัย ที่ไม่ใช่ข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ใช่อิสระนี้คือตัวคือตนนะ นี้มันความปรุงแต่งไม่ใช่ความอิสระนะ ให้รู้เข้าใจนี้มันกำลังก่อภพก่อชาติก่อเป็นนิติบุคคลตัวตน เราจะทิ้งข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราจะทิ้งความสงบทิ้งปัญญา เราอย่าคิดอย่างนั้นนะ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรนั้นแหละ จะพาเราเข้าถึงความเป็นอิสระจากตัวจากตน เราจะอิสระจากธาตุจากขันธ์จากอายตนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรนั้นแหละ จะพาเราเข้าถึงความเป็นอิสระ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเดี๋ยวเราจะเป็นโจรใหญ่ เราจะเป็นโจรเป็นมหาโจร โจรก็หมายถึงความทุกข์ความยากความจน

 

เราคิดดูดี ๆ สิ ความไม่รู้ไม่เข้าใจ ทำให้เกิดอันตราย เกิดเหตุร้าย เกิดเป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นเจ้าเสือร้ายนะ เป็นอันตรายของนักบวชนะ

 

ผู้ที่มาเข้ามาบวชใหม่ ๆ ให้เข้าใจนะ พระผู้ที่บวชเก่าอยู่แล้วก็ให้รู้ให้เข้าใจนะ เราบวชมาใหม่ เราเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราตั้งอยู่ในความประมาท ความประมาทนี้แหละคืออันตรายคือเจ้าเสือร้าย เอาความหลงนำชีวิต เอาความประมาทนำชีวิต ทิ้งพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ปฏิบัติตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้า มี ๒ อย่างเหมือนพระพุทธเจ้าคือปลงผมแล้วนุ่งห่มผ้าจีวร นอกจากนั้นตรงกันข้ามเลย ร่างกายก็แข็งแรงไม่ออกบิณฑบาตภิกขาจาร

 

หยุดถือนิสัยทั้ง ๔ หยุดการออกบิณฑบาตภิกขาจารจากชาวบ้านจากประชาชน เป็นผู้รับเงินรับสตางค์ เก็บสั่งสมสังฆทาน ตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าเลย พระพุทธเจ้าไม่ให้เก็บอะไร ไม่ให้รับเงินรับสตางค์เป็นของส่วนตัว สตางค์เค้ามาถวายก็ให้เป็นของส่วนรวมของสงฆ์ ให้เป็นของส่วนรวมน่ะ ไม่ให้รับเก็บไว้เองหรือให้คนอื่นเก็บไว้เพื่อตน ไม่ต้องกลัวอดตาย เพราะพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรนั้นทุกคนเห็นด้วยเห็นดีด้วย ทุกคนสนับสนุนน่ะ เค้าให้ปฏิบัติเข้าถึงบริสุทธิคุณ พ่อแม่ปู่ย่าตายายข้าราชการนักการเมืองก็ให้ความเคารพกราบไหว้

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจตั้งอยู่ในความประมาท เริ่มต้นจากเอาสัญชาตญาณนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต ตั้งอยู่ในความประมาทไม่เคารพคารวะในพระธรรมในพระวินัย เราไม่มีความเคารพเราจะสงบได้อย่างไร เราไม่มีพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เราจะมีความสงบได้อย่างไร ความเคารพความสงบน่ะ ความคารวะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราทั้งหลายอย่าไปเก่งกว่ากรรมกว่ากฎแห่งกรรมกว่าผลของกรรม เราทั้งหลายต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นภัยในความหลงในความเพลิดเพลินในความประมาท

 

เราทั้งหลายต้องถือว่ากิจวัตรข้อวัตรปฏิบัตินี้มันเป็นคุณ จะทำให้เราไม่ได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ถึงตีสามเราต้องตื่นขึ้นมา มันจะตายก็ช่างหัวมัน มันจะเหนื่อยยากลำบากก็ช่างหัวมัน

 

เราอย่าไปมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ให้คิดเหมือนพระอรหันต์ขีณาสพ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งไปเผยแผ่พระศาสนา ไปประกาศพระศาสนา ท่านรู้ท่านเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย มันคือบริสุทธิคุณ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ใช่นักเผยแผ่ธรรมะนะ ตัวตนนั้นแหละมันจะเป็นผู้ที่นอนแผ่นะ ตัวตนนั้นแหละมันหัวใจแห่งความหลง หัวใจแห่งฆราวาสนะ หัวใจเป็นวัฏฏสงสาร หัวใจมันยังเป็นตัวเป็นตน หัวใจมันเป็นครอบครัว หัวใจมีลูกมีผัวมีเมียให้รู้เข้าใจ เรื่องพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติ

 

ถึงตี ๓ เราต้องตื่นมา ให้เราตั้งใจตั้งเจตนา เราอย่าใจอ่อน เพราะเหตุที่จะใช้งาน จะเอาไปใช้ตัดในสิ่งต่าง ๆ มันต้องแข็ง มันต้องคม เราต้องลงใจให้พระพุทธเจ้าลงใจให้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ

 

เราอย่าไปมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ใจมันไม่อยากไปก็ให้กายมันไป กายของเราต้องไปศาลา ก้าวไปด้วยสติสัมปชัญญะ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการก้าวไป ต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราทำอย่างนี้อย่างนี้แหละติดต่อกันซัก ๓ อาทิตย์เราจะค่อยดีขึ้น ตามหลักการถ้าทำอะไรติดต่อต่อเนื่อง ๓ อาทิตย์ มันจะเห็นผลรู้ผล ที่ท่านบอกว่าการเจริญอะไรติดต่อต่อเนื่องกันทั้งสติทั้งปัญญา ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปีอย่างนี้มันจะได้ผลน่ะ อย่างไก่มันฟักไข่จะฟักด้วยแม่ไก่ก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์จะฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์

 

เราทุกคนอดีตน่ะมันมีทุกคนทั้งดีทั้งชั่ว เราอยู่ที่บ้านที่เรือน เราทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เราต้องยกเลิกหมดนะ ต้องทิ้งอดีตไม่มีอดีตเลย ถ้ามันจะปรุงจะแต่งมันก็เบรกมันไว้ เหมือนรถยนต์ต้องมีเบรก เครื่องบินต้องมีเบรกเรือต้องมีเบรก กายวาจากิริยามารยาทต้องมีเบรก

 

พระนี้นะ...พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรคือเบรกนะ พระนี้จะทำอะไรต้องรับประเคน เพื่อเป็นเบรกเป็นความสงบเป็นปัญญา กายก็ต้องรับประเคน วาจากิริยามารยาทต้องรับประเคน ของกินของใช้ก็ต้องรับประเคนให้รู้เข้าใจ คำว่าประเคนนี้คือทำให้มันสงบให้มันมีปัญญา

 

พระธรรมพระวินัยคือสติปัฏฐานนะ ฐานคือความสงบคือปัญญา พระธรรมพระวินัยคือสติปัฏฐานคือฐานที่ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา

 

เรามาทำวัตรสวดมนต์ เวลาเรากราบเราก็ตั้งใจกราบ อย่ากราบเหมือนกับตะครุบกบ ตระครุบหนู ตะครุบปลานะ ต้องกราบให้มีสติสัมปชัญญะมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม อย่าไปทำอะไรครึ่งหลับครึ่งตื่นนะ เวลาสวดก็ตั้งใจอย่าเอาความหลงความสงบ ต้องตั้งใจสวดทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ อย่าไปคิดว่าเสียงเราไม่ดีเสียงเราเข้ากับเขาไม่ได้ เราต้องปรับเสียงให้เข้ากับเค้า เข้ากับส่วนรวม เข้ากับมหาชน เราเสียงต่ำก็ปรับเข้าหาเสียงกลาง ๆ เราเสียงสูงเสียงแหลมก็ปรับเข้าหากลาง ๆ เพื่อเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

ต้องมีความสุขในการทำวัตรสวดมนต์ มีความสุขในการกราบแล้วก็มีความสุขในการทำวัตรสวดมนต์ เรานั่งสมาธิก็มีความสุขในการนั่งสมาธินะ ใจไม่สงบก็ให้กายมันสงบ กายมันตัวตรง เรามีตัวมีตนมันก็จะนั่งตัวโค้งตัวงอนั่งสัปหงกน่ะ เพราะการนั่งสัปหงกโยกไปโยกมามันเป็นการอ่อนน้อมต่อความหลงนะ มันเคารพนอบน้อมต่อความหลง นั่งโยกไปโยกมาเล่นจังหวะให้ความหลงนะ ขณะฟังธรรมอยู่นี้แหละมันก็จะยังหลับในเลย

 

เราต้องฝึกต้องปฏิบัติ อย่าให้ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ครอบงำเรา เราอย่าปล่อยให้เราโงกง่วง ง่วงเหงาหาวนอน

 

เราเอาความสงบกับปัญญามาใช้ปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง อยู่ส่วนรวมก็ทำอย่างนี้อยู่ส่วนตัวก็ทำอย่างนี้ ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง การประพฤติการปฏิบัติไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้ามีต่อหน้าลับหลังมันไม่ถูกต้อง

 

เราคิดดูดี ๆ สิทำอย่างนี้มันเครียดเพราะต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง การทำอะไรต่อหน้าและลับหลังคือการปฏิบัติที่หลอกลวงนะ มันเป็นการหลอกลวง การปฏิบัติต่อหน้าและลับหลังคนละอย่างมันคือความเครียดนะ มันคือตัวคือตนมันไม่ใช่บริสุทธิคุณ เราจะเสียเวลาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราจะได้ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

การประพฤติการปฏิบัตินี้ ให้เรารู้การประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเรายังมีเรื่องต่อหน้าและลับหลังนี้มันไม่ใช่บริสุทธิคุณนะ ยังถือว่าไม่ใช่บริสุทธิคุณน่ะ มันดูภายนอกดีสวยหรูแต่ข้างในมันเน่าในเปียกแฉะ ข้างในมันเหม็น มันไม่เหม็นธรรมดานะ

 

ท่านหลวงตามหาบัว ท่านบอกว่าการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์เป็นคนมีต่อหน้าและลับหลัง มันเป็นความเหม็น เหม็นมากนะ เหม็นทั้งสามแดนโลกธาตุนะ

 

พระเก่าพระบวชเก่าถือว่างานหนักนะ เพราะเดินทางผิดเอาความหลงนำชีวิตเรียกว่าเดินผิดนี้เป็นงานหนักนะ อย่างเราไม่รู้ไม่เข้าใจในการเดินธุดงค์ มันเลยไม่ได้ทะลุดงที่เราจะเดินข้ามไปนะ กลับเดินไปตกหน้าผานะ ผู้ที่เดินทางไปไกลไปถึงหน้าผาแล้ว มันเป็นงานหนักนะ มันเป็นงานต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันนะ บางทีก็ต้องใช้เชือกที่นำไป บางทีก็หาเอาเครือแถว ๆ นั้นแหละ มาเป็นสิ่งที่ผูกห้อยโหน หย่อนบริขารลงไป แล้วก็โรยตัวลงไป มันเป็นงานหนักนะ

 

พระเก่าพระบวชมานานนี้เอาความหลงนำชีวิต มันจะเป็นงานหนักนะ ถึงงานหนักก็ต้องเข้าสู่การงาน เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตินะ ต้องอาศัยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติกิจวัตรนี้แหละ

 

พระเก่ามันติดตามอัธยาศัยน่ะ มันไม่ทำจนเคยชิน ไม่ออกมาทำวัตรเช้าไม่ทำข้อวัตรกิจวัตร มันติดเงินติดสตางค์มันติดนารีสีกา สีดำไปแล้ว สีสกปรกไปแล้ว มันมีพื้นมีฐานตั้งอยู่ในความประมาท ตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลิน

 

พระเก่าพากันติดความหลง ติดโทรศัพท์มือถือติดคอมพิวเตอร์ติดอินเทอร์เนตเฟซบุ๊ค เป็นผู้เดินทางผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เอาความผิดนำชีวิตเอาความหลงนำชีวิต พระเก่าจะต้องทำงานหนักนะ เราต้องรู้เข้าใจ คำว่าหนักไม่หนัก มันอยู่ที่เรารู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยที่หยุดสัญชาตญาณนี้จะไม่มีคำว่าหนักไม่หนัก จะเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะเกี่ยวกับหนักไม่หนักเป็นคนที่รู้เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะ

 

พระเก่าทั้งหลายพากันรู้พากันเข้าใจนะ ว่าไม่มีใครเหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม เราทั้งหลายต้องพากันคิดแก้ตัวเอง ด้วยการมาประพฤติมาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ไม่ต้องเอาความหลงนำชีวิต ไม่ต้องเอาความผิดนำชีวิต ต้องเอาพระธรรมพระวินัยกิจวัตรข้อวัตรปฏิบัตินำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราจะได้เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ

 

หลายปีที่ผ่านมา ความเสียหายในเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับข้าราชการนักการเมือง ความเสียหายนี้เกิดขึ้นกับประชากรของโลกที่เอาความผิดนำชีวิต ไม่เอาความถูกต้องนำชีวิต

 

ความเสียหายน่ะมันเป็นเรื่องของอดีต ให้รู้เข้าใจ อย่าพากันไปติดในเรื่องอดีตนะ เราจะหยุดอดีตได้เราก็ต้องมีความสงบ เราต้องหยุดความปรุงแต่งอย่างนี้ หยุดด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ด้วยมีสติสัมปชัญญะด้วยปิติมีความสุขเอกัคคตา เพื่อให้การพัฒนาการประพฤติการปฏิบัติของเรามันติดต่อต่อเนื่อง ไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อย ไม่ทะลุไม่เศร้าหมอง

 

ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ สิ่งทั้งหลายมันย่อมพังทลายแน่นอนเหมือนตึก สตง.นี้แหละ ตึกสตง.เป็นสักขีพยานแห่งการล้มละลาย ชีวิตที่เราไม่รู้เข้าใจ ชีวิตนี้ย่อมล้มละลาย

 

พระใหม่พระเก่าเราพากันมาประพฤติมาปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน

 

วัดเราน่ะ คำว่าวัดคือข้อวัตรปฏิบัติ ไม่ให้มีโทรศัพท์มือถือไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ให้สูบบุหรี่ ให้ทุกคนน่ะเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ผู้ที่มาบวชในพรรษาก็ตั้งอกตั้งใจให้เป็นปฏิปทา เราจะได้คุ้มค่าในการมาบรรพชาอุปสมบท ทุกคนก็มีสิทธิพอ ๆ กัน ไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีสิทธิพอ ๆ กัน ให้รู้เข้าใจ ไม่มีใครใหญ่ไม่มีใครเล็ก มีแต่พระธรรมพระวินัย ข้อวัตรปฏิบัติ มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ให้รู้เข้าใจอย่างนี้นะ

 

เมื่อวานนี้วันเข้าพรรษา ได้ให้ข้อวัตรกิจวัตรพร้อมประชาชน

 

ในพรรษานี้ ๓ เดือน ให้พากันตั้งใจตั้งเจตนา รักษาศีล ๕ ตลอดเวลา ๓ เดือนเข้าพรรษาแถมไปอีกเดือนหนึ่งเป็น ๔ เดือน ถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้พากันนั่งสมาธิไหว้พระสวดมนต์ทุก ๆ วัน เพื่อจะเอาการทำงานกับการปฏิบัติธรรมไปพร้อม ๆ กัน เพราะเราต้องเข้าสู่หลักการกระบวนการเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี

 

เราพากันมาบวชมาปฏิบัติเป็นพระเป็นสมณะ เป็นผู้สงบเป็นผู้มีปัญญา     

            

เราทั้งหลายต้องพากันภูมิใจในสิ่งที่ถูกต้อง เราเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติด้วยปิติสุขเอกัคคตา อย่าไปหมกหมุ่น อย่าไปซบเซาในตัวในตนในอวิชชาความหลง เพื่อความสมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ

 

ใจของเราต้องสบายใจของเราต้องมีความสุข ถ้าใจของเราสบาย ใจของเรามีความสุข กายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ให้พวกเราเข้าใจนะ มันเป็นเพียงอุปกรณ์ของใจ ถ้าใจของเราไม่สงบไม่มีปัญญา สิ่งเหล่านั้นก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วยทั้งที่กายวาจากิริยามารยาท เค้าไม่รู้เรื่องรู้ราวเค้าเป็นเพียงศาสนวัตถุ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนี้ เราคิดดูดี ๆ นะเป็นเพียงศาสนวัตถุ ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มันเป็นเพียงศาสนาวัตถุนะ ตัวสำคัญอยู่ที่ใจที่เจตนา

 

เราทั้งหลายต้องพากันมีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการเอาธรรมนำชีวิตเอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรให้มีความสุข เราทั้งหลายจะไม่มีความทุกข์กัน จะไม่ได้เป็นโรคไบโพล่า มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ตามผัสสะตามสิ่งแวดล้อม

 

เราทั้งหลายต้องพากันระลึกได้ว่าสิ่งที่มีคุณมีอุปการมากคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรนี้แหละ การกระทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้มันจะเป็นบารมีเป็นความดีเป็นปัญญา ให้พวกเรารู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็เห็นเป็นประจักษ์พยาน เช่น ตึก สตง. มันพังทลายอย่างนั้น

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

 

 

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายน่ะเป็นผู้ที่มีธาตุมีขันธ์มีอายตนะ เป็นผู้ที่ประเสริฐต้องรู้ต้องเข้าใจ เอาพระธรรมพระวินัยเอาข้อวัตรกิจวัตร มาใช้มาปฏิบัติที่เป็นบริสุทธิคุณเพื่อเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติออกจากทุกข์  เพื่อจะได้รับผลัดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับผลัดจากพระอรหันต์ด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้เข้าใจว่าชีวิตนี้เป็นของประเสริฐ เป็นระยะสั้นระยะสำคัญอยู่ได้ ๑ ศตวรรษ คือร้อยปี ถ้าเราทำดี ๆ มีปิติมีความสุขอยู่ได้มากกว่ากว่าร้อย

 

เราระลึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บริสุทธิคุณตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ตามโอวาทของหลวงปู่มั่น ที่ท่านเมตตาตรัสให้กับพวกเราว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรม ความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

------------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212