๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานของข้าราชการ ผู้ทำงานให้ส่วนรวม ทำงานให้ประเทศ มีวันหยุด ๒ วัน วันเสาร์วันอาทิตย์ ถ้าเดือนไหนมีนักขัตฤกษ์พิเศษก็มีมากขึ้นเพิ่มอีก มนุษย์เราคือผู้ที่เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ทุกคนน่ะพากันทำอย่างนี้ ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ทำเหมือนกันหมดทุก ๆ คน ผู้ที่อยู่ในเมืองกรุง ปริมณฑล ต่างจังหวัด หรืออยู่ในป่าในเขาลำเนาไพรก็ปฏิบัติเหมือนกัน
ที่นี่คือวัดมีหมู่สงฆ์คือนักบวชที่มาอยู่ร่วมรวมกันหลาย ๆ ประเทศ มีคนหลายจังหวัดมาอยู่ร่วมรวมกัน มาร่วมรวมกันทำไม เพื่อจะได้มีพลังมีเพาเวอร์ ปฏิบัติไปทางเดียวกัน เราเอาความถูกต้องเป็นกัลยาณมิตร เอาสงบและปัญญาเป็นกัลยาณมิตร เอาศีลเอาธรรมนำชีวิต มาบำเพ็ญบารมีให้กับตัวเอง มาบำเพ็ญบารมีเพื่อมอบให้ผู้อื่น เป็นทั้งประโยชน์ตนเองประโยชน์ผู้อื่น
ชีวิตของเรา เราต้องพากันรู้เข้าใจอย่างนี้ เพราะชีวิตของเรามันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรม เป็นผลของกรรม ให้พวกเรารู้เข้าใจ เรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม เราทุกคนต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ชีวิตของเราจะได้ก้าวไปด้วยความสงบด้วยปัญญา ชีวิตของเราจะได้สว่างไสวทั้งตานอกตาใน ชีวิตของเราจะได้ว้าว ว้าว ว้าว เหมือนรถนำเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปในพิธีต่าง ๆ
เราทั้งหลายมามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเราไม่ได้ไปเน้นที่คนอื่น ถ้าเรามองดูคนอื่นก็เพื่อจะช่วยเหลือดูแลสงเคราะห์ เพื่อเป็นผู้ให้ เราต้องคิดอย่างนี้ อย่าไปคิดว่าจะไปทำมาหากินอะไร ไปเรียนหนังสือเพื่อจะไปทำมาหากินอะไร ไปซื้อไปขายไปทำอะไร เราต้องคิดว่า เราเรียนเราศึกษาทำมาหากินก็เพื่อจะเป็นผู้ให้คนอื่น
เราดูตัวอย่างอย่างพระพุทธเจ้า ท่านให้ผู้อื่น ให้ธาตุให้ขันธ์ให้อายตนะ ท่านทรงบรรทมพักผ่อนวันละ ๔ ชั่วโมง เพราะเรามีธาตุมีขันธ์มีอายตนะ เพราะธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๖ เป็นผู้มีอุปการคุณเพื่อให้เราสร้างความดีสร้างบารมี เราต้องให้เค้านอนพักผ่อน อย่างพระพุทธเจ้าท่านให้ธาตุให้ขันธ์วันละ ๔ ชั่วโมง เราเป็นประชาชนเราก็พากันนอนพากันพักผ่อนถ้าอยู่ในชนบทอย่างนี้ก็พักผ่อน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ถ้าอยู่ในจังหวัดแออัดก็นอน ๖ หรือ ๗ ชั่วโมง ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครหรืออยู่ปริมณฑลก็ต้องนอน ๖,๗,๘ ชั่วโมงให้เข้าใจอย่างนี้ เพราะค่าพีเอ็มแต่ละท้องถิ่นมันไม่เหมือนกันจะทำเหมือนกันไม่ได้ ถึงเราจะพัฒนาโลกสมัยใหม่มีแอร์มีเครื่องฟอกอากาศทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามความจริง เพราะที่กรุงเทพปริมณฑลไปรวมกันอยู่เยอะ หรือที่ในตัวจังหวัดไปรวมกันเยอะ
เราทั้งหลายต้องพากันมีปัญญา เพื่อให้เราเข้าสู่กระบวนการของเหตุปัจจัย ที่มีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่าตายแล้วเกิดหรือว่าตายแล้วสูญ พระพุทธเจ้าท่านทรงตอบว่า แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัยมันไม่เหมือนกัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ถ้าเรามีปัญญามันก็สงบ ถ้าเราไม่มีปัญญามันก็ไม่สงบ ถ้าเราเอาสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนนำชีวิต มันก็ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด อย่างพระอรหันต์นี้ก็ไม่ได้เกิด เพราะท่านมีความสงบกับปัญญาสมบูรณ์ อย่างพระอนาคามีท่านก็เกิดอีก แต่ว่าไม่ได้เกิดในภูมิเทวดาหรือมนุษย์ เกิดอยู่ในพรหมโลก ท่านจะเข้าสู่พระนิพพานในพรหมโลกอย่างนี้
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้วงจรเรื่องจะได้เกิดเป็นอะไร หรือว่าหยุดเกิดน่ะ เราทั้งหลายต้องเอาหลักการอุดมการณ์อย่างนี้นะ ทุก ๆ ศาสนาก็ไปทางเดียวกันหมด ทุก ๆ ประเทศก็ไปทางเดียวกันหมด ถึงจะมีชื่อเสียงเรียงนามต่างกันก็ไปในทางเดียวกัน เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจในเรื่องความเกิด เราทั้งหลายต้องมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราจะได้มีแต่ความสงบกับปัญญา ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
การประพฤติการปฏิบัติเราต้องปฏิบัติที่ปัจจุบัน เพราะอดีตก็มารวมที่ปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ไปจากปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติ เป็นไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติ ถือว่าเป็นไฟต์สำคัญ ไฟต์หยุดโลก เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ทุกคนน่ะทำได้ปฏิบัติได้ ผู้ปฏิบัติไม่ได้ก็มีแต่คนบ้าคนเสียสมอง สมองเสียแล้ว ทางข้าราชการนักการเมืองทางนักบวชเค้าถึงไม่เอาผิดเอาถูกกับคนบ้าคนสมองเสีย ทางพระศาสนาก็ไม่เอาผิดเอาถูกกับพวกนี้ แล้วคนที่ทำไม่ได้ก็คือผู้ที่มีความเห็นผิดเข้าใจผิด เอาสัญชาตญาณนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต ตัวตนนี้มันคือกรรมเก่านะ กรรมเก่าของเราที่จะพูดให้เข้าใจ ให้มองเห็นเป็นรูปธรรมก็ได้แก่ ร่างกาย รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนี้คือกรรมเก่า ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ นี้คือกรรมเก่าให้เรารู้เข้าใจ เราต้องรู้จักกรรมเก่า ถ้าเรามีตัวตนมีตนเราไม่มีปัญญา เราไม่มีปัญญาเค้าเรียกว่าคนมีตัวมีตน เค้าเรียกว่าบุคคลเอากรรมเก่านำชีวิต เราต้องมารู้กรรมเก่านะ ว่าเรามีตามันก็มีรูป มีหูก็มีเสียง มีจมูกก็มีกลิ่นมีลิ้นถึงมีรส มีกายถึงมีสัมผัสมีใจถึงมีความรู้สึกนึกคิดมีเจตสิกต่าง ๆ
เราต้องรู้เรื่องกรรมเก่านะ เราทั้งหลายจะได้หยุดกรรมเก่าด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะกรรมเก่ามันกดดันเรานะ ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ มันกดดันเรา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราเข้าใจเหมือนบุรุษคนหนึ่งที่เดินทางไกลข้ามทะเลทราย ทะเลทรายนั้นมันกันดาร ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีที่พักที่อาศัยไม่มีอาหาร มันมีแต่ความยากลำบาก ชายผู้นั้นได้แบกไหน้ำผึ้ง ภาษาโบราณเค้ามีไหน้ำผึ้ง แต่ไหน้ำผึ้งนั้นมียาพิษเจือด้วยยาพิษ บุรุษผู้นั้นต้องรู้เข้าใจว่าในน้ำผึ้งนั้นมันมียาพิษ เพราะน้ำผึ้งมันอร่อยมันแซบมันลำมันนัวมันหรอย
เราทั้งหลายต้องเข้มแข็ง ต้องผ่านไปด้วยความเข้มแข็ง ด้วยสัมมาสมาธิ เพื่อให้จิตใจของเรามันไม่ปรุงแต่ง ต้องเอาความสงบกับปัญญามาใช้พร้อมกัน ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราจะได้รู้เข้าใจเรื่องกรรมเก่า เพื่อไม่กดดันให้เราทำบาปทำกรรม เราต้องหยุดกรรมด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้หยุดความแต่ง เห็นภัยในวัฏฏสงสาร อย่าให้ใจของเราปรุงแต่ง ความปรุงแต่งนี้คือความไม่สงบ
เราต้องรู้ใจของเราเรื่องความปรุงแต่ง ความปรุงแต่งมันเป็นขันธ์ขันธ์หนึ่งในขันธ์ทั้ง ๕ นี้ เค้าทำหน้าที่ของเค้า เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้มีความสงบมีปัญญา ความสงบเราต้องเพียงพอ ปัญญาเราเพียงพอ ความสงบกับปัญญานี้ต้องไปพร้อม ๆ กัน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสเรื่องหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศล แล้วก็มากระชับลงด้วยขันตีปะระมังตะโปตีติกขา ความอดทนมันจะทำให้หยุดให้สงบ เพื่อไม่ให้กำเริบเสิบสาน ความอดทนถึงให้มองดี ๆ นะ เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ถ้าเราไม่อดทนก็ต้องปรุงแต่งน่ะ มนุษย์ผู้แบกไหน้ำผึ้งต้องรู้เข้าใจต้องอดทนเพื่อข้ามเพื่อผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ แล้วเราจะไม่ได้ดื่มน้ำผึ้งที่เป็นยาพิษนะ
เราทั้งหลายต้องผ่านสัญชาตญาณไป ต้องผ่านรูปสวย ๆ รูปหล่อ ๆ เสียงเพราะ ๆ อาหารอร่อยๆ สิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบาย เราต้องผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราทั้งหลายเอาปัจจุบันนี้เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ เราทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์อย่าให้ฟุ้งซ่าน ต้องเอาความสงบต้องเอาความเคารพ ความสงบกับความเคารพคืออันเดียวกัน คารวธรรมต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความสงบและปัญญานำชีวิตไม่ใช่เอาสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนเป็นความปรุงแต่งนำชีวิต เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ นี้เป็นความสุขเป็นความดับทุกข์ ชีวิตของเราจะได้สว่างไสวทั้งกายวาจากิริยามารยาทมันเป็นการเอาตัวรอดในทางที่รอดนะ เราเอาตัวตนนำชีวิตมันเป็นการเอาตัวรอดในทางที่ไม่รอดนะ เราจะซิกแซกไปอย่างไรมันก็ไปไม่รอด ให้เข้าใจอย่างนั้น ชีวิตของเรามันถึงความสงบมีปัญญา เราเป็นคนมีปัญญามากเราก็ต้องสงบ เป็นคนสงบมากก็ต้องมีปัญญา ความสงบกับปัญญามันต้องไปอย่างนี้ เราจะได้มีความดีมีบารมี บุญกุศลเราถึงจะได้มอบให้พ่อแม่บรรพบุรุษหรือผู้วายชนม์
เราทั้งหลายจะได้พากันเป็นพระทุกคน เราทุกคนเป็นพระได้หมด ถ้าเอาตัวเอาตนมันเป็นพระไม่ได้ ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมันก็ไม่ได้เป็นพระ มันเป็นพระได้แต่แต่งตั้ง เป็นข้าราชการไม่ได้ เป็นได้แต่ข้าราชการแต่งตั้ง เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้เป็นได้เพราะแต่งตั้ง มันต้องเป็นทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งใจถึงจะบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทเค้าเรียกว่าคุณคุณ พุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ คุณโน่นคุณนี่คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายพระคุณเจ้าทั้งหลาย ธรรมะความสงบและปัญญาที่ยกเลิกตัวตนมันจะมีแต่คุณ
เราทั้งหลายให้พากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนพากันเข้าใจ ไม่มีใครปฏิบัติให้เราได้ เพราะของอย่างนี้น่ะ มันปฏิบัติแทนกันไม่ได้ ไม่ต้องไปขอหรอก ขอมันก็ไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจว่าขอไม่ได้ เราอยากให้มันสั้นมันก็เท่าเก่า เราอยากให้มันยาวมันก็ไม่ยาวหรอกมันเท่าเก่าน่ะ เราอย่าไปขอ เราต้องมีความสงบมีปัญญา
เราต้องเป็นผู้ให้เป็นผู้เสียสละ ถ้าเราไม่เป็นผู้ให้ไม่เป็นผู้เสียสละนั้นศีลเราก็ไม่มีสมาธิเราก็ไม่มีปัญญาเราก็ไม่มีนะ มีแต่ตัวมีแต่ตน มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ตัวตนนั้นคือความปรุงแต่ง ตัวตนนั้นมันมีความทุกข์นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเปรียบเสมือนน้ำทะเลมหาสมุทรมันอิ่มไม่พอไม่เต็ม เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิงมันบกพร่องอยู่เป็นนิจ มันไม่ได้อยู่ในความสงบและปัญญามันอยู่ในอนาคตกาลเบื้องโน้นเทอญ มันอยู่ไกล ๆ โน้น มันเป็นความไม่สงบเป็นความฟุ้งซ่านอย่างนี้ เราต้องพากันรู้เข้าใจ
วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันที่พัฒนาใจให้ใจของเรามีความดีมีปัญญา เอาความสงบและปัญญา ให้รู้เข้าใจ มันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม วันธรรมดาเป็นวันทำงาน วันธรรมดาวันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เป็นวันทำงานการทำงานกับการปฏิบัติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่าให้เป็นนิติบุคคลตัวตน จะได้ทั้งการงานได้ทั้งจิตทั้งใจจะได้เป็นทางสายกลาง
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมาระลึกถึงความพอดีความเพียงพอ ว่าสายพิณมันตึงเกินไปมันก็จะขาด หย่อนเกินไปเสียงมันก็ไม่ดังมันก็ไม่เพราะ มันต้องอยู่ที่ความพอดีความพอเพียง
เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระมหากษัตริย์ของเมืองไทย ท่านได้ตรัสแก่ชาวโลกทุกคนว่าเราทุกคนต้องมีความพอเพียงเพียงพอ
เราจะเป็นทุกข์ทำไม เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐเพราะความไม่มีทุกข์ มันอยู่ที่เรามีความพอเพียงเพียงพอ อยู่ที่ใจของเราสงบ ใจของเรามีปัญญา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งจะมีปัญญาได้อย่างไร เพราะจะไปพัฒนาแต่วิทยาศาสตร์จะมีปัญญาได้อย่างไร
สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็แล้วไปให้พากันตั้งอกตั้งใจตั้งมั่นในพระรัตนตรัยอย่าให้ความผิดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ซ้ำซาก ให้เรารู้เข้าใจ
ความเป็นตัวเป็นตนมันเป็นคาเฟอีนนะ มันติดมันอร่อยมันแซบมันนัว เราต้องหยุดสัญชาตญาณด้วยความรู้ความเข้าใจ เราต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ เราไม่รู้เข้าใจเราก็จะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกจะไปโทษลูกโทษหลานโทษข้าราชการนักการเมืองโทษคนอื่นโน้น
เรารู้ไม่รู้ไม่เข้าใจเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราถึงเวียนว่ายตายเกิด เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเลยลืมตัว ไปบ่นให้ลูกให้หลานให้ข้าราชการนักการเมืองมันไม่ยุติธรรมนะ เดี๋ยวลูกหลานเค้าจะย้อนศรนะ ถ้าเราไม่เอาผัวเอาเมียมันจะมีลูกมีหลานให้บ่นได้อย่างไร เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องมีความสงบมีปัญญา ให้เข้าใจ ให้รู้ความดีให้รู้บารมีให้รู้คุณธรรม ถ้ามันฟุ้งซ่านขณะนี้อย่างนี้มันจะรู้ได้อย่างไร
เราทั้งหลายถึงต้องมาเจริญสติสัมปชัญญะ ต้องรู้หลักการรู้อุดมการณ์ต้องเจริญสติสัมปชัญญะ ถ้ามันไม่สงบก็กลั้นลมหายใจมันเสียเลย ใจมันจะขาดมันก็กลับมาน่ะ ทำอย่างนี้หลาย ๆ ครั้งมันไม่ปรุงแต่ง เพราะมันจะตายใจมันจะขาดมันต้องกลับมา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาหลักการของอานาปานสตินี้คือหายใจเข้าก็ให้เรามีความสุขในการหายใจเข้า หายใจออกเราก็มีความสุขในการหายใจออก หายใจเข้าเอาออกซิเจนเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย หายใจออกเอาของเสียเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ต้องพากันทำทุกอิริยาบถยืนเดินนั่งนอน เราจะได้มีเครื่องอยู่ที่เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นปัญญาเป็นความสงบ ไม่ใช่เอาเฉพาะตอนนั่งสมาธินะ เพราะใจของเรามันมีพลังแห่งความหลงเยอะมันฟุ้งซ่านเยอะ
เราต้องอาศัยหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เวลานั่งสมาธิก็เอาอย่างเดียวกันนี้เราทำอย่างนี้เราทำเพื่อธรรม ไม่ได้ทำเพื่อเอาอะไรทำเพื่อเกิดเหตุปัจจัยเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
ประเทศไทยเมืองไทยของหลวงมีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านบำเพ็ญพุทธบารมีแต่ท่านมาละพุทธบารมีมาเอาพระอรหันต์บารมี ขณะนี้เวลานี้ท่านก็ละสังขารนิพพานไปแล้ว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ น่ะ ท่านละสังขารไปแล้ว ท่านเอาหลักการให้หายใจเข้าท่องพุทธ หายใจออกท่องโธ ถ้าเราทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องกัน การบรรลุธรรมมันมี ๒ อย่างเท่านั้นเอง ด้วยปัญญาอันหนึ่ง ด้วยเจโตวิมุติคือความหลุดพ้นอันหนึ่งผู้เจริญอานาปานสติจะมีพลังจิตมากด้วยการเจริญอานาปานสติ ถ้าเราทำอย่างนี้แหละจิตใจจะมีความสงบจิตใจจะมีพลัง นี้เป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ
เวลาทำงานเราทุกคนน่ะต้องให้รู้เข้าใจ เราทุกคนต้องมีความสุขในการทำงานเราอย่าไปคิดเหมือนแต่ก่อน คิดเหมือนแต่กอ่นคิดว่าการทำงานเพื่อความาจำเป็น เรียนหนังสือเพื่อความจำเป็นกิริยามารยาทการปฏิบัติทุกอ่างเพราะความจำเป็น ความจำเป็นอย่านี้เป็นความไม่สงบไม่ใช่ปัญญา
เราทั้งหลายต้องมีความสุขในการทำงาน เราจะได้เข้าถึงธรรมถึงคารวธรรรม เราจะได้มีความสงบมีปัญญา เราจะได้มีปิติมีสุขมีเอกัคคตา เราต้องเอาการเอางานเอากายวาจากิริยามารยาทมาใช้ปฏิบัติ ที่ไหนก็มีที่ปฏิบัติทั้งนั้นแหละ ไม่มีที่ไหนไม่มีที่ปฏิบัติ ที่เรามีกายวาจากิริยามารยาทที่นั่นคือที่ปฏิบัติของเรา
เหมือนเราไปเรียนหนังสือคือความรู้ควมเข้าใจ การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ จุดมุ่งหมายคือความรู้ความเข้าใจ การฟังการบรรยายอย่างนี้จุดมุ่งหมายอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจ เราเอาไปปฏิบัติได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง เราอย่าไปเอาความดับทุกข์อยู่เบื้องหน้าโน้นเทอญ เหมือนพระคุณเจ้าทั้งหลายบอกสอนว่ามรรคผลพระนิพพานอยู่เบื้องหน้าโน้นเทอญ คำว่าเทินคือแบกความหลงพาไปแบกความเห็นผิดพาไป มันไกลเหลือเกิน ไกลยิ่งกว่าผู้บุรษผู้แบกไหนน้ำผึ้งเสียอีก
การประพฤติการปฏิบัติต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันต้องรู้เข้าใจพระธรรมพระวินัยหรือศีลนี้เป็นสิ่งเซฟตี้นะ เราจะเดดินทาง เราใส่รองเท้านั่นแหละเซฟตี้ เราขับขี่จักรยานยนต์ซ้อนจักรยานยนต์เราก็เซฟตี้ด้วยหมวกกันน็อค เราจะนั่งรถนั่งเครื่องบินก็ต้องมีสายเบลล์รัดเพื่อเซฟตี้ ให้รู้เข้าใจ
พระธรรมพระวินัยมันมีแต่คุณมีแต่ประโยชน์มันเป็นเซฟตี้ ใจของเราก็ต้องเซฟตี้กายวาจากิริยามารยาทเซฟตี้มันต้องมีความสงบและปัญญาให้รู้เข้าใจ การปฏิบัติธรรมทำได้ทุหนทุกแห่งไม่ต้องเอาความดับทุกข์อยู่เบื้องหน้าโน้นเทอญ ปัจจุบันมันไม่ได้ อนาคตจะได้ได้อย่างไร มันเป็นความฟุ้งซ่าน มันเป็นความไม่สงบมันป็นความไม่มีปัญญา เสียหายมาก เสียหายมากจริง ๆ
เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจ เอาความถูกต้องนำชีวิตเอาความสงบและปัญญานำชีวิต เราทั้งหลายถ้าเราทำติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดไม่ขาดด่างไม่พร้อยมันจะดีมันจะเป็นคุณไม่มีโทษ ชีวิตของเราจะได้หยุดกาลหยุดเวลา หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ดีมากดีพิเศษดีจริง ๆ เป็นสุปฏิปันโน ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ปฏิบัติสมควร เข้าถึงความพอดี ความพอเพียงเพียงพอ ตัวเองก็เคารพกราบไหว้ตัวเองได้ เพราะรู้ว่าตัวเองอันไหนไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ ยกเลิกหมด ถึงคนอื่นไม่รู้เราก็รู้
การปฏิบัติไม่มีต่อหน้าและลับหลังเป็นการปฏิบัติไม่หลอกลวง ตัวตนมันไม่ใช่ของจริงนะ มันเป็นเพียงสภาวธรรมที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ของจริงก็คือว่างจากตัวตน สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นอาคันตุกะมันเป็นปรากฏการณ์อย่างนี้ เราหันหน้าไปทางนี้ก็เห็นรูปทางนี้ หันหน้าทางโน้นก็เห็นรูปอยู่ทางโน้น เกี่ยวข้องกับอะไรก็เป็นอย่างนั้น
เราทั้งหลายจะได้รู้เข้าใจเข้าถึงความสงบและปัญญา เราทั้งหลายไม่ต้องไปคิดเหมือนแต่ก่อน ต้องมีปัญญา เรียนหนังสือเพื่อหาอยู่หากิน เราต้องมีปัญญาเรียนหนังสือเพื่อรู้เพื่อเข้าใจ เพื่อเราจะได้เอาความรู้ความเข้าใจนั้นมาประพฤติมาปฏิบัติมาเพื่อเสียสละไม่ใช่เรียนหนังสือทำงานเพื่อตัวเพื่อตนเพื่อมีเพื่อเป็น
เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญาจะได้หยุดปัญหาไม่มีปัญหา ชีวิตของเราจะได้ ว้าว ว้าว ว้าวเหมือนไซเรนที่นำเสด็จ เสด็จนี้หมายถึงว่างจากตัวตนนะ เราจะได้เป็นมนุษย์ เราจะไม่ได้เป็นได้แต่เพียงคน เราจะได้เป็นข้าราชการไม่ใช่ข้าราชกิน เราจะได้เป็นนักการเมืองไม่ใช่นักกินเมือง จะได้เป็นพระป็นพระศาสนา มีความสงบมีปัญญา ชีวิตของเราต้องเป็นอย่างนี้ ต้องก้าวไปอย่างนี้
เราแสวงหาความหลง คิดว่าไปหาทำงานอะไรไปเรียนอะไร เรารู้เข้าใจใหม่ตั้งใจใหม่ เราอย่าไปตรึกนึกคิดอย่างนั้นมันเป็นตัวเป็นตน มันเป็นมิจฉาทิฏฐิมันผิด
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่อมาเสียสละ มาเป็นผู้ให้ มาเป็นผู้เสียสละ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสกับทุกคนน่ะว่าเบื้องต้นต้องเสียสละ อย่าเอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ มาเป็นเราต้องเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ พระยสกุลบุตรเป็นคนรวย คนรวยเอาตัวเอาตนนำชีวิตมันก็ไม่สงบ (ให้ผู้แสดงธรรมเล่าเรื่องยสกุลบุตร)
พระยสะรู้เข้าใจ พ่อแม่พระยสะรู้เข้าใจ เข้าใจยังไม่พอยังชวนเพื่นอมาประพฤติปฏิบัติก็ได้เป็นพระอรหันตักนทั้งหมดเรพาะความรู้ความเขใจนี้เป็นสิ่งสำคัญถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเหมือนสองผัวเมียความยากลำบาก มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยไปฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ให้ผู้แสดงธรรมเล่าเรื่องพราหมณ์ จูเฬกสาฎก มีผ้าห่มอยู่เพียงผืนเดียวในเรือน)
คนจนถ้าเอาตัวตนมันก็มีความปรุงแต่ง คนรวยถ้าเอาตัวเอาตนมันก็เป็นความปรุงแต่ง ให้รู้เข้าใจ ตัวตนนันแหละคือความปรุงแต่ง ตัวตนนันแหละคือวัฏฏสงสาร ตัวตนนั่นแหละมันคือความทุกข์ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเราไม่มีตัวไม่มีตนมันก็มีความสงบแต่ปัญญา เราก็สงบครอบครัวเราก็สงบ ถ้าเรามีตัวมีตนไม่เข้าใจธรรมะเหมือนพระวินัยกับธรรมกถึก (ให้ผู้แสดงธรรมเล่าเรื่องพระวินัยธร กับพระธรรมกถึก)
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายท่านได้มีโอกาสพิเศษที่ท่านมีลมปราณ อายุขัยอยู่ได้ร่วมร้อยปี ถ้าเราเอาการปฏิบัติที่มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตนี้อยู่ได้มากกว่าร้อยปี เพราะอาชีวิตนี้บำเพ็ญความดีบำเพ็ญบารมีทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ของผู้อื่นด้วยความรู้ความเข้าใจ เอาโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายในการจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน
วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
และโอวาทตามคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตที่ท่านเมตตาตรัสไว้ว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบัน ไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ
บุญกุศลที่เราทำในวันนี้อุทิศให้ผู้วายชนม์ ที่จากไปด้วยเรามาทำความดีที่เป็นบารมี เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เราเดินเส้นทางของพระนิพพานหยุดสัญชาตญาณ หยุดความปรุงแต่งด้วยความสงบด้วยปัญญา ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เพราะความว่างจากตัวตนเป็นธรรมชาติที่เป็นประภัสสร สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงธาตุขันธ์อายตนะเท่านั้น
เราทั้งหลายต้องพารู้ข้อสอบแล้วตอบด้วยการประพฤติการปฏิบัติเข้าถึงพระนิพพานบ้านของเรา คือพระนิพพาน คือความไม่ปรุงแต่ง อยู่นอกตัวนอกตนนอกเหตุเหนือผล ด้วยกันทุกท่านทุกคน ด้วยโอกาสนี้ด้วยเทอญ
-------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา