๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘  ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

เราทุกคนพากันมารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราทั้งหลายจะได้เอาตัวรอดในทางที่รอด ถ้าเราไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราจะแก้ปัญหาไม่ได้ เราทั้งหลายจะได้ประพฤติปฏิบัติเพื่อให้การดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะเป็นทางสายกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจไปพร้อม ๆ กัน เราทั้งหลายถึงมารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์

 

ให้เรารู้ให้เข้าใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี นี้คือกรรมคือกฎแห่งกรรมและก็เป็นผลของกรรม ถ้าเรารู้เข้าใจการประพฤติการปฏิบัติก็เป็นของง่าย ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็ปฏิบัติไม่ได้

 

เราทั้งหลายต้องพากันตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่ปัจจุบัน เพราะอดีตก็มารวมที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้าก็อยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้จึงเป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ปัจจุบันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงไม่ให้พวกเราทั้งหลายตั้งอยู่ในความประมาท เพราะความประมาทนั้นเป็นความผิดพลาด เป็นความขาด เป็นความด่างความพร้อย เป็นความทะลุ เราทั้งหลายต้องเอาใจใส่ ตั้งอกตั้งใจ ตั้งเจตนา อย่าได้ประมาท เรานอนเราพักผ่อนให้เพียงพอ เรามาบวชมาปฏิบัติธรรม

 

เราพากันนอนพากันพักผ่อนให้เพียงพอ วันหนึ่งคืนหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมง เราพากันนอนพากันพักผ่อนวันละ ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง เราพากันนอน ๓ ทุ่ม ตื่นตี ๓ กลางวันที่เราไม่ได้นอนเราไม่ได้พักผ่อน เราพากันประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์ เจริญสติสัมปชัญญะ เพื่อให้เกิดความสงบเกิดปัญญา เกิดปัญญาเกิดความสงบ พิจารณาทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เกิดความสงบเกิดปัญญา เกิดปัญญาเกิดความสงบ

 

เมื่อเรายังไม่ได้บวช เมื่อเรายังไม่ได้มาปฏิบัติธรรม เราอยู่กับธุรกิจหน้าที่การงาน เราอยู่กับการคบค้าสมาคมเพื่อนฝูงญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล เรามาบวชมาปฏิบัติธรรม เราต้องพากันมาตั้งใจตั้งเจตนา พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติธรรมะนั้นไม่มีใครปฏิบัติแทนใครได้ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นพรหมจรรย์ เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสิ่งที่พัฒนาให้เราทั้งหลายเกิดความสงบเกิดปัญญา อยู่นอกเหตุเหนือผล เพื่อเราจะได้หยุดตัวเองด้วยความสงบด้วยปัญญา ด้วยพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร ธุดงควัตร เราอาศัยพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร

 

ทุกคนต้องไม่ตามใจตัวเอง ไม่ตามความรู้สึกของตัวเอง เราต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรธุดงควัตรเป็นสิ่งที่สำคัญ เราทั้งหลายจะได้ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ไม่มีเหตุไม่มีผลอะไร

 

ธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่อยู่นอกเหตุเหนือผล เป็นความสงบและปัญญา เป็นเรื่องของพระไตรลักษณ์ เป็นเรื่องของอนัตตา ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน

 

เรามาประพฤติมาปฏิบัติธรรมเพื่อยกเลิกวัฏฏสงสาร ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราไม่ได้เพื่อจะเอา เพื่อจะมีเพื่อจะเป็น เพื่อจะไม่มีไม่เป็น ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นธรรมะที่อยู่นอกเหตุเหนือผล เป็นความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ รูปก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ เวทนาก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ สัญญาก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ สังขารก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ วิญญาณก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ความเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เราทั้งหลายจะได้เข้าสู่ความว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เราจะได้ยกทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเข้าสู่พระไตรลักษณ์

 

วันหนึ่งคืนหนึ่งน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราพิจารณาร่างกายของเรา ร่างกายของเรามีทั้งหมด ๓๒ ชิ้นส่วน ให้แยกออกเป็นชิ้นเป็นส่วนว่ามีอะไรบ้าง แล้วก็เอามาประกอบกันทำอย่างนี้เพื่อจิตใจของเราจะได้รู้ว่าชิ้นส่วน ๓๒ ชิ้นนี้มาจากเหตุจากปัจจัยที่มารวมกันเป็นธาตุเป็นขันธ์เป็นอายตนะ เราจะได้รู้เรื่องของกรรมกฎแห่งกรรมผลของกรรม เราทั้งหลายจะได้รู้เรื่องของธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕  อายตนะทั้ง ๖ เวลาเราไม่ได้จำวัด เวลาเราไม่ได้นอนพักผ่อนก็ให้ใช้หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่างนี้ ความสงบและปัญญาต้องไปพร้อม ๆ กัน ผู้มีความสงบก็ต้องเจริญปัญญา

 

ในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องมีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิเป็นพื้นเป็นฐาน เพื่อเราจะได้ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เพื่อไม่ให้นิวรณ์ทั้ง ๕ มาครอบงำเรา ไม่ให้อคติทั้ง ๔ มาครอบงำเรา เราทั้งหลายต้องตื่นอยู่ด้วยความเพียร ให้มีความสงบให้มีปัญญา เราต้องหยุดอดีตของเราทุก ๆ คน อดีตคือกรรมเก่าที่เราได้สั่งสมมาหลายภพหลายชาติหลายอสงไขย

 

เราทั้งหลายต้องไม่ให้อดีตมันมาปรุงแต่งเราเป็นสัญญาขันธ์ ถ้าเรารู้เข้าใจในเรื่องปัจจุบัน ไม่ตรึกในกาม ไม่ตรึกในพยาบาท เราอยู่กับความสงบและปัญญา เรื่องอดีตอนาคตนั้นก็จะไม่สามารถทำงานได้ด้วยมีสติเป็นพื้นฐาน มีปัญญาเป็นพื้นฐาน มีสมถะมีวิปัสสนาเป็นพื้นฐาน

 

การฝึกการปฏิบัติให้เราทุกคนพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาให้เข้าถึงฟอร์มสดในปัจจุบัน เพื่อจะได้มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาเป็นธรรมหล่อเลี้ยง เพื่อเราจะได้เน้นที่ปัจจุบัน เราจะไม่มองข้ามปัจจุบัน เพื่อเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจก็ย่อมอยู่กับอดีต อยู่กับอนาคต ไม่ได้อยู่กับความสงบ ไม่ได้อยู่กับปัญญา ไม่ได้อยู่กับสมถะวิปัสสนา ทุกคนนั้นก็ย่อมมีความสงสัย เพราะเอาสัญชาตญาณนำชีวิต เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาอายตนะต่าง ๆ นำชีวิต ชีวิตนี้ก็ย่อมสงสัย ก็ย่อมฟุ้งซ่านรำคาญ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมให้ใครฟัง ครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ผู้ฟังรู้เข้าใจเอาไปประพฤติไปปฏิบัติ ไม่ใช่บรรยายธรรมะให้ฟังทุกวันนะ ให้ตัวเองนั้นแหละไปเทศน์ไปสอนไปอบรมทั้งความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

 

เอาเหมือนหลวงปู่ชา แห่งวัดหนองป่าพง หลวงปู่ชาได้ปรารภกับพระภิกษุกับประชาชนว่า ท่านสอนตัวเองปฏิบัติตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านบอกสอนพระภิกษุสามเณรเพียงห้าเปอร์เซ็นต์นั้นถึงพอไปได้ งบประมาณการดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะ เราได้มาจากงบประมาณของแผ่นดิน ผู้ปกครองแผ่นดิน ได้มาจากภาษีอากรของทุก ๆ คนที่อยู่ในผืนแผ่นดิน ได้มาจากศรัทธาประชาชนเค้าพากันทำความดี พากันเสียสละ เพราะมนุษย์เราคือผู้ที่เอาธรรมนำชีวิต คือผู้ที่เสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละ เราก็ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา มันก็เป็นอัตตาตัวตนไม่ใช่อนัตตา งบประมาณได้มาจากงบประมาณของแผ่นดิน ได้มาจากงบประมาณของศรัทธาประชาชนเค้าทำความดีกัน

 

การใช้สอยบริโภคปัจจัย ๔ ให้พวกเราทั้งหลายพากันพินิจพิจารณา เราต้องพิจารณาให้เกิดปัญญา ปัจจัยทั้งหลายนั้นที่เราดำรงธาตุดำรงขันธ์ดำรงอายตนะนั้นไม่ใช่พวกเราจะมาหลงมาเพลิดเพลิน ปัจจัยต่าง ๆ นั้นเป็นเพียงสิ่งเยียวยา บรรเทาทุกข์ทางร่างกาย เพื่อให้เราทั้งหลายมีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์ เพื่อจะได้เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะมาประพฤติมาปฏิบัติ อายุขัยของธาตุของขันธ์ของอายตนะจะอยู่ได้ประมาณร้อยปี คือหนึ่งศตวรรษ ถ้าเราปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตา พัฒนาใจพัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนาอยู่ได้มากกว่าร้อยปี

 

เราทั้งหลายต้องมาตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อปฏิบัติเพื่อทำหน้าที่ของตัวเราให้สมบูรณ์ ทั้งพระใหม่พระเก่า ทั้งผู้ปฏิบัติเก่าปฏิบัติใหม่ ต้องพากันปฏิบัติเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม ให้เข้าถึงฟอร์มสดน่ะ การปฏิบัตินั้นไม่มีเก่าไม่มีใหม่ มันเป็นพระธรรมพระวินัยเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

เราทุกคนพากันเน้นที่อริยมรรคมีองค์แปด สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่อริยมรรคด้วยความรู้ความเข้าใจทั้งกายวาจากิริยามารยาทใจ เราทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ปัจจุบันเราต้องเป็นทั้งคนดี เป็นทั้งคนฉลาด เน้นที่ใจเน้นที่เจตนา เพราะว่าปัญญาต่าง ๆ นั้นไม่ได้อยู่ที่คนอื่น อยู่ที่เรา

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องอริยสัจ ๔ เราต้องคืนความไม่ถูกต้อง คืนอธิปไตยให้กับปวงชน เรามาบวชมาปฏิบัติ เรามาปฏิบัติธรรม เราจะมามีตัวมีตนมีนิติบุคคลตัวตนนั้นไม่ได้ เพราะธรรมะที่เป็นความสงบเป็นปัญญา ไม่มีอัตตาไม่มีตัวตน ไม่มีนิติบุคคลตัวตน

 

ถ้าเรามีตัวมีตน เราคิดดูดี ๆ นะ มันจะสงบได้อย่างไร เพราะมันมีตัวมีตน มันมีเรามีเขา มันยังมีความปรุงแต่ง มันไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญานะ มันเป็นอัตตาตัวตน เราทั้งหลายต้องมีความสงบมีปัญญา มีสมถะมีวิปัสสนา กายวาจากิริยามารยาทใจของเราต้องดีน่ะ ดีที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า งามเบื้องต้นคือศีล งามท่ามกลางคือสมาธิ งามในที่สุดคือปัญญา มันไม่ใช่งามเพราะเป็นนิติบุคคลตัวตนนะ เราทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ในปัจจุบัน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า ผู้ที่ไม่เอาธรรมนำชีวิตคือผู้ที่ไม่สงบ ผู้ที่เบียดเบียนบุคคลอื่นคือผู้ที่ไม่สงบ การไม่พูดร้ายการไม่ทำร้ายเป็นผู้สำรวมในศีล สำรวมในปาฏิโมกข์ สำรวมในอินทรีย์ สำรวมในการบริโภคปัจจัย ๔ คำว่าสำรวมก็คือเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ให้มีความสงบให้มีปัญญา เราทั้งหลายจะเข้าถึงความสงบเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ก้าวไปด้วยพระธรรมพระวินัยให้ติดต่อต่อเนื่อง เอาการพัฒนาความขาดตกบกพร่องในอดีต ปัจจุบันไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ถ้าเราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละ ถึงจะเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

เรามาบวชมาปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก ทุกคนนั้นโอเคด้วย ทุกคนลงใจด้วย คำว่าความสงบทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจน่ะ มันคือความลงตัวคือความพอดี เป็นความหมายแห่งโอเคน่ะ ไม่มากเกิน ไม่หย่อนเกิน เป็นทางสายกลางระหว่างจิตใจกับวัตถุ

 

เรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องออกกำลังกายให้เพียงพอ มนุษย์เราต้องออกกำลังกายให้เพียงพอ วันหนึ่งเราเป็นนักบวชเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เราต้องออกกำลังกายถ้าจะให้ดีให้แข็งแรงต้องออกกำลังกายวันละ ๒ ชั่วโมงนะ เราออกบิณฑบาต วัดเราไม่ห่างจากหมู่บ้าน ระยะทางไปกลับมัน ๓ กิโล อย่างนี้ถือว่าการออกกำลังกายยังไม่เพียงพอ เราต้องพากันออกกำลังกายที่วัดเรา เราทำกิจวัตรข้อวัตรต่าง ๆ นั้นก็เป็นการทำโคยะ เป็นการออกกำลังกาย

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้พระให้นักบวชทั้งหลายออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรม เดินจงกรมคือเดินกลับไปกลับมาการเจริญสติสัมปชัญญะ อยู่ถนนข้าง ๆ ที่พัก ข้าง ๆ กุฏินั่นแหละ เดินกลับไปกลับมา ถ้าเราเดินชั่วโมงหนึ่งระยะทางที่เราเดินก็ให้ ๔ กิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมง

 

ถ้าเราจะทำโยคะด้วยวิธีดัดตนต่าง ๆ เราก็ต้องทำในกุฏิมีที่บุงที่บังเพื่อสมณะสารูป เพราะภิกษุสามเณรทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายไม่สมควรที่จะออกกำลังกายเหมือนประชาชนที่เค้าไม่ได้บวชกัน ที่เค้ายกเวท ยกน้ำหนัก เล่นกล้าม เล่นกีฬา เตะฟุตบอล ชกมวย เหมือนวัดเส้าหลินประเทศจีนอันนั้นมันมากเกิน เกินความพอเพียงเพียงพอ เกินสมณะสารูป

 

นักบวชทั้งหลายผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายไม่สมควรที่จะให้อ้วนเกินไป ลงพุงมากเกินไปจนหัวล้านกันไปหมด ต้องอยู่ในความพอดี ท่านหลวงปู่ชาท่านตรัสว่า การฉันมากนอนมากอ้วนมากคือความโง่ ไม่ใช่นักประพฤตินักปฏิบัติ เป็นผู้ที่ไม่เคารพในความเพียร ไม่อยู่ในสมณะสารูป ไม่อยู่ในความเพียงพอพอเพียง นักปฏิบัติต้องฉันน้อยนอนน้อย ออกกำลังกายให้แข็งแรง

 

อาหารที่เราฉันเข้าไปในร่างกาย เราทานเข้าไปในร่างกาย ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายต้องให้อาหารเก่าอยู่ในร่างกายไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมงอย่างนี้เป็นต้นแล้วก็ถ่ายเทออก ที่ท้องเรามันผูกอาหารเก่าจะกลับมาหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นโรคเป็นภัยเป็นอะไรต่าง ๆ นานาเนื่องมาจากท้องผูกน่ะ หลักการสมัยใหม่ทางการแพทย์ ถ้าท้องผูกเค้าให้ทานยาระบาย

 

สมัยโบราณสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้นักบวชทั้งหลายพากันฉันสมอมะขามป้อม เพื่อระบายท้องผูก ฉันสมอกับมะขามป้อมกับเกลือ จิ้มเกลือ ฉันไม่เกิน ๑๐ ลูกก็จะถ่ายท้อง ก็จะระบายออกมา ถ้าเราไปใส่น้ำตาลเยอะจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยไม่ถ่าย เพราะมันเป็นน้ำตาลเป็นของหวาน

 

พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ท่านถือเนสัชชิก ไม่นอน เดินจงกรม นั่งสมาธิ พิจาณาธรรมทั้งคืน ท่านให้ประชาชนเก็บสมอเก็บมะขามป้อมมาให้พระฉันเป็นยาระบาย ไม่ให้ฉันเพื่ออร่อยนะ ฉันเพื่อเป็นยาระบาย ทุกวันนี้มันเพี้ยนน่ะ ที่เราไปเอาสมอไปเชื่อม เอามะขามป้อมไปเชื่อม มันไม่ถูกต้อง มันเพี้ยน มันทำให้ไม่ระบายทำให้ไม่ถ่ายท้อง ๗ วัน ผู้ที่มาถือศีลปฏิบัติให้ลูกให้หลานเก็บลูกสมอมะขามป้อม เพราะพระพากันประพฤติปฏิบัติไม่นอน เพื่อให้เป็นทีมเวิร์ค โยมไปถือศีลอุโบสถประพฤติปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่พากันนอน พระฉันสมอมะขามป้อมเป็นยา ทำอย่างนี้แหละ จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะถ่ายเทของเสียออก

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์เรื่องท้องผูกเค้าก็มียาสมุนไพรระบาย ถ้าสมุนไพรระบายก็ยังไม่ระบาย ก็ยังมีหลักการในการดีท๊อกซ์ ดีท๊อกซ์ด้วยน้ำผลไม้ต่าง ๆ ดีท๊อกซ์ด้วยกาแฟ หรือดีท๊อกซ์ด้วยน้ำเกลือ ดีท๊อกซ์ด้วยน้ำเปล่า ๆ สวนไปทางทวาร เอาเข้าไปในทวารในลำไส้สัก ๑,๒๐๐-๑,๕๐๐ ซีซี กลั้นไว้สักครู่นึ่ง สักห้านาทีสิบนาทีก็จะระบายออก เพราะเอาทางวิทยาศาสตร์เอาทางเทคโนโลยีมาช่วย

 

การฉันอาหารการทานอาหารนี้ ถ้าจะให้ดีต้องทานผักทานผลไม้ให้มาก ๆ หน่อย เพื่อจะไม่ได้ท้องผูก มนุษย์เราน่ะ ทานอาหารความปรุงแต่งมาก เค็มเกิน หวานเกิน มันเกิน การดื่มน้ำนั้นส่วนใหญ่ไม่เพียงพอ การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้เป็นโรคเป็นภัย เราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อรสอาหารนั้นจะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ต้องมีกฎระเบียบในการดื่มน้ำ วันหนึ่งน่ะ เราต้องดื่มน้ำที่น้ำเปล่าน้ำบริสุทธิ์ ถ้าจะให้ดีให้มาตรฐานได้ มอก. ต้องดื่มน้ำวันละ ๒ ลิตรนะ เพื่อรสอาหารที่เราบริโภคเข้าไปจะได้เจือจาง

 

เราทั้งหลายน่ะพากันมาบวชพากันมาปฏิบัติธรรม เราอย่าไปคิดเพียงเป็นคนมาอาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉัน หรือว่าหาอยู่หาหลง ผู้ที่ไม่ได้บวชก็มาหาอยู่หารับประทาน อย่างนี้ไม่ได้นะ ไม่ถูกต้องนะ

 

เราต้องมาอยู่วัดอยู่ปฏิบัติธรรมเพื่อมาทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ เพื่อประพฤติเพื่อปฏิบัติพรหมจรรย์ พระศาสนานี้ไม่ใช่ทางออกของจนนะ ของคนตกงานนะ ของคนไม่มีความสามารถนะ ไม่ใช่ทางออกของพวกติดยาเสพติดนะ พระศาสนานี้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เป็นความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ผู้ประเสริฐ เห็นภัยในวัฏฏสงสารที่ได้พากันมาบวชมาปฏิบัติ

 

เราทุกคนน่ะต้องพากันเข้าใจใหม่นะ ถ้าเราไม่เข้าใจเราทั้งหลายนี้จะเป็นผู้ทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรปฏิบัติธุดงควัตร เราต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เราพากันมาประพฤติปฏิบัติเป็นทีมเวิร์คเป็นกลุ่มเป็นก้อน ธรรมวินัยข้อวัตรกิจวัตรธุดงควัตร เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องประพฤติต้องปฏิบัติ

 

การปฏิบัติของเราปัจจุบันต้องเป็นฟอร์มสด เราอย่ามาอยู่ให้ผ่านไปเป็นวัน ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร เสียทรัพยากรของแผ่นดิน เสียทรัพยากรของศรัทธาประชาชนของมหาชน เราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรธุดงควัตรนี้มีแต่คุณมีแต่ประโยชน์ถึงเรียกว่าพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ มีแต่คุณมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ให้เข้าใจ

 

เดี๋ยวนี้ขณะนี้เวลานี้ไม่มีใครไว้วางใจในข้าราชการในนักการเมืองในนักบวช เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ สถาบันหลักก็ได้แก่ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชาตินี้ก็หมายถึงความเกิด การเกิดก็ต้องเอาความสงบและปัญญานำชีวิต ไม่เอาอวิชชาไม่เอาความหลงนำชีวิตเราจะได้เป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เราจะได้เข้าถึงความเกิดที่เป็นทางสายกลาง เพราะเอาตัวเอาตนนั้นคือความไม่ยั่งยืน ไม่ใช่อมตะ ตัวตนนั้นแหละคือรัฐประหาร มันประหารตัวเอง ตัวตนนั้นมันเป็นโรคภูมิแพ้ แพ้ภูมิตัวเอง แพ้ธาตุแพ้ขันธ์แพ้อายตนะของตัวเอง

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเรื่องอริยสัจ ๔ เราจะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะได้เข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่อประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์ เพื่อมาทำที่สุดของความทุกข์ให้กับเราทุก ๆ คนเพราะไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้เราได้ ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาประพฤติการปฏิบัติ เพื่อก้าวไปด้วยฟอร์มสดด้วยความรู้ความเข้าใจ ปัจจุบันนี้เป็นไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติ เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาที่ประกอบด้วยความดี เราจะได้เข้าถึงธรรมชาติ ชาติที่ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์

 

ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นนักพุทธศาสตร์ เพื่อให้จิตใจจะได้ดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ระหว่างนักวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสตร์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นความสงบและปัญญา ท่านถึงพูดจากความสงบและปัญญา ท่านพูดไว้ว่า เราทุกคนต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้เป็นแต่เพียงคน เป็นได้แต่ความหลง ความหลงคือวกไปวนมา ก้าวไปข้างหน้าแล้วถอยหลัง จะไม่ได้เป็นแต่เพียงคนวกวนอยู่ในวัฏฏสงสาร เพราะรู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ท่านพุทธทาสจึงได้ประพันธ์เป็นอักษรคำกลอนไว้ว่า

 

เป็นมนุษย์  เป็นได้  เพราะใจสูง  เหมือนหนึ่งยูง  มีดี  ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ  เป็นได้  แต่เพียงคน ย่อมเสียที  ที่ตน  ได้เกิดมา

ใจสะอาด  ใจสว่าง  ใจสงบ ถ้ามีครบ  ควรเรียก  มนุสสา

เพราะทำถูก  พูดถูก  ทุกเวลา เปรมปรีดา  คืนวัน  ศุขสันติ์จริง

ใจสกปรก  มืดมัว  และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก  ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด  ทำผิด  จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด  ถ้าใคร  ไม่อยากตก จงรีบยก  ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง  เสียได้  ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย  ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ

 

คำว่าศาสน์นี้ก็หมายถึงพระศาสนา คือเป็นการติดต่อประสาน ติดต่อต่อเนื่อง เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เอาความดีเอาความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน เป็นการเอาสมถะเอาวิปัสสนา ที่ยกเลิกนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔

 

นิวรณ์ทั้ง ๕ อคติทั้ง ๔ นี้เรามีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ถ้าเราไม่ยกเลิกนิวรณ์ทั้ง ๕ ไม่ยกเลิกอคติทั้ง ๔ เราทั้งหลายจะไม่รู้เรื่องอริยสัจ ๔นะ เพราะความสงบไม่มี ปัญญาของเราไม่มี มนุษย์เราต้องมีทั้งตาจักขุตาภายนอก และต้องมีตาปัญญา ถึงจะรู้เรื่องพระศาสนา ถึงจะรู้เรื่องอริยสัจ ๔ ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ด้วยเหตุนี้แหละเรามีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกนิวรณ์ทั้ง ๕ ยกเลิกอคติทั้ง ๔ ใจของเราจะได้อยู่กับขณิกสมาธิ อยู่กับอัปปณาสมาธิ อยู่กับสถะวิปัสสนา

 

 ชีวิตของเราต้องเอาอริยมรรคมีองค์ ๘ ดำเนินชีวิต ด้วยความรู้ความเข้าใจเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นนั้นที่ได้อาหารมาไม่ใช่มาจากรากอย่างเดียวนะ ต้องได้มาจากทางรากทางใบทางกิ่งก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑลแสงแดดอากาศออกซิเจนเขาถึงได้วิตามินเกลือแร่ที่สมบูรณ์ ศาสนาคือธรรมะไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ทุกศาสนาก็ถือว่าเป็นความดับทุกข์เหมือน ๆ กันทุกศาสนานะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะมีความยั่งยืนเป็นอมตะคือพระศาสนา พระศาสนานี้ยกเลิกความไม่ถูกต้อง เป็นดีเอ็นเอและความสงบควบคู่กันไปนี้เรียกว่าพระศาสนา ชื่อต่าง ๆ ของพระศาสนาเป็นสมมติสัจจะเท่านั้นเองนะ ให้รู้เข้าใจ พระศาสนาเป็นหลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ของศาสนาพุทธแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์เป็นเบรกเป็นเซฟตี้ เบรกและเซฟตี้เป็นความหมายที่ไม่ให้เราเกิดผิดพลาดหรือเกิดอุบัติเหตุ ตัวตนนั้นมันคือไม่มีเบรกไม่มีเซฟตี้ ตัวตนนั้นคืออุบัติเหตุ ตัวตนนั้นมันหาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น ตัวตนนั้นถึงมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อย่างนี้ ให้เราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ

 

เราต้องรู้อริยสัจ ๔ถึงเป็นความสงบเป็นปัญญา ให้เรารู้เข้าใจ พระศาสนานี้มีความหมายอย่างนี้นะ ผู้ที่เอาพระศาสนานำชีวิตต้องรู้อริยสัจ ๔ ถ้าเราไม่รู้อริยสัจ ๔เราก็ไม่เข้าถึงพระศาสนา เราก็เป็นบุคคลที่ไม่มีพระศาสนา มีพระศาสนาก็มีแต่ในหนังสือ เป็นลายลักษณ์อักษร ต้องมีทั้งลายลักษณ์อักษรพร้อมด้วยความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระศาสนาทั้งปริยัติและการปฏิบัติ

 

พระมหากษัตริย์หมายถึงปัญญาบริสุทธิคุณ หมายถึงพรหมจรรย์นะ เป็นความสงบเป็นปัญา เป็นปัญญาเป็นความสงบ ความหมายของพระมหากษัตริย์เป็นอย่างนี้ ผู้ที่มาปกครองตนเองปกครองคนอื่นถึงเรียกว่าพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์แปลว่าปัญญาบริสุทธิคุณ ผู้ที่เป็นพระมหากษัตริย์ถึงต้องทรงทศพิธราชธรรม ระบบประธานาธิบดีข้าราชการนักการเมืองก็ใช้หลักการอุดมการณ์ถึงจะไม่มีทุจริต เพราะต้องเอาปัญญาสัมมาทิฏฐิ ต้องเอาความสงบและปัญญา ไม่ใช่เอาอัตตาตัวตน

 

ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เราถึงจะได้เข้าถึงความสงบและปัญญา เราทั้งหลายถึงไม่มีสิทธิไม่มีอธิปไตยที่เป็นตัวเป็นตน ประชาธิปไตยก็ต้องปรับเข้าหาธรรมาธิปไตย สังคมนิยมก็ที่นิยมชมชอบก็ต้องปรับเข้าหาธรรมาธิปไตย ออกกฎหมายก็เพื่อเข้าหาธรรมาธิปไตยนะ อย่าให้เป็นพรรคเป็นพวกเป็นพ้อง เพราะความไม่ถูกต้องก็ย่อมพังทลายเช่นเดียวกับตึก สตง. ทำไมตึกน้อยใหญ่ในเมืองไทยทั้งเมืองกรุงทั้งต่างจังหวัดตั้งหลายร้อยตึก ตึกอื่นก็ไม่พัง มันไปพังทลายตั้งแต่ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะไปคอร์รัปชั่นมากไปโกงกินมากชีวิตก็ต้องย่อมพังทลายเหมือนกับตึก สตง.

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าเราทุกคนต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ รู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ พระอรหันต์ขีณาสพ ผู้ที่จะเป็นใครมาจากไหนถึงรู้เรื่องหลักกอารอุดมการ์อุดมธรรมรู้เรื่องอริยสัจ ๔เหมือกนันทุกคนให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะเอาตัวตนเอาความถูกต้องนำชีวิตนี้ไม่ได้ให้รู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายพากันมาบวชมาปฏิบัติต้องพากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนา พัฒนาทั้งทางวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน เราจะย่ำต๊อกในตัวในตนในความหลงนี้ไม่ได้ ต้องเสียสละ การเสียสละนั้นถึงเป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา เราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ เราไม่รู้ไม่เข้าใจ อย่างโครงการเพื่อจะหยุดอบายมุขอบายภูมิ เพราะอบายมุขอบายภูมิมันเป็นสิ่งเสพติด เรามีโครงการมาแล้วร่วม ๆ ร้อยปีก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ยิ่งมากทวีคูณ อย่างโครงการสวมหมวกกันน็อคนี้ก็ร่วมห้าสิบกว่าปีแล้วก็ยังแก้ไขไม่ได้

 

ให้เรารู้เข้าใจนะ เราทั้งหลายไม่ได้ไปแก้คนอื่น แก้ที่ตัวเราของเราเอง ถ้าเราไปแก้คนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

 

เราก็มองดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านก็แก้ที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ผู้ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็แก้ที่พระอรหันต์ พระมหากษัตริย์ก็แก้ที่พระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรีก็แก้ที่นายกรัฐมนตรี เราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวชก็แก้ที่ตัวเรานี้แหละ ถ้าเราทำอย่างนี้ มีปัญญาสัมมาทิฏฐิอย่างนี้ มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจนี้มันแก้ปัญหาได้ หนามมันปักก็เอาหนามนั่นแหละมาบ่ง เราก็มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันจะมีแต่ความทุกข์คือความไม่มีทุกข์ในการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ของเราทุกคน

 

เราทุกคนน่ะต้องมาแก้ที่เราทุกคน เราถือนิสัยของพระพุทธเจ้าก็จริง ถือนิสัยของพระอรหันต์ก็จริง แต่เราต้องเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมมาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เราอยู่ในเมืองกรุงเราก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันอยู่ต่างจังหวัดก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน

 

เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันให้เข้าใจนะ ให้พากันเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพื่อขับเคลื่อนตัวเองไปด้วยความรู้ความเข้าใจ อายุขัยของเราเป็นสิ่งที่ประเสริฐ อย่าได้พลาดโอกาสในการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นให้เราเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นเพียงอาคันตุกะที่สัญจรไปมา อาคันตุกะที่มันเป็นธาตุเป็นขันธ์เป็นอายตนะมันจะสัญจรไปมาเท่ากับอายุขัยให้เรารู้เข้าใจเรื่องอาคันตุกะ สิ่งว่างเปล่าที่เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนั้นเป็นอมตะให้เรารู้เข้าใจ สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราทั้งหลายต้องหยุดตัวเองให้ได้ เซฟตี้ตัวเองให้ได้ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยความสงบด้วยปัญญา เราจะได้ก้าวไปด้วยพระธรรมพระวินัย ที่เป็นศีลเป็นสมาธิที่เป็นอนัตตา ที่ว่างจากตัวตน

 

ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ประเสริฐมีโอกาสมีเวลามีบุญมีวาสนา ต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่ออกจาทกุขก์เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารเป็นผู้ปฏิบัติสมควร สมควรเป็นอย่างยิ่ง เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นคำว่าโอเคด้วยความสงบ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร พระนิพพานคือบ้านของเรานะ ความสงบและปัญญา ศีลสมาธิปัญญาที่เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ ให้เรารู้เข้าใจในเรื่องอริยสัจ ๔

 

ให้เราทั้งหลายระลึกถึงโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานท่านได้ตรัสโอวาทสำคัญครั้งสุดท้ายไว้ว่า

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมตตาตรัสไว้ว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

----------------------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

 ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212