๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๑๔ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘  คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๔๖

 

เราทุกคนต้องพากันรู้พากันเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันคือกรรม มันคือกฎแห่งกรรม คือผลของกรรม อดีตก็มารวมกันที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็อยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติของการประพฤติการปฏิบัติของเรา เราทุกคนพากันมามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ  ให้เรารู้เข้าใจ กายวาจากิริยามารยาทอาชีพนั้นมันเป็นเพียงอุปกรณ์ของจิตของใจ ใจของเราต้องรู้ต้องเข้าใจ ใจของเราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ

 

เราทั้งหลายนั้นให้รู้ให้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจแล้ว เราจะได้มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งที่เป็นอดีตก็ให้มันจบลงที่ปัจจุบัน สิ่งที่จะเป็นอนาคตก็ให้มันเป็นความสงบและปัญญาไปในปัจจุบันนี้ เข้าถึงความเป็นมนุษย์ที่เห็นภัยในวัฏฏสงสารในปัจจุบัน เข้าถึงความเป็นเทวดาผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารในปัจจุบัน เข้าถึงความเป็นพระพรหมผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารในปัจจุบัน เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าผู้รู้อริยสัจสี่รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ในปัจจุบัน เราทุกคนจับหลักให้ได้จับประเด็นให้ได้ เจ็บแล้วต้องจำ ต้องพากันรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์

 

เรารู้จักวัด รู้จักข้อวัตรข้อปฏิบัติ เค้าจะสร้างบ้านสร้างเรือน สร้างบ้านสร้างเมืองเค้าก็ต้องมีเครื่องวัด วัดความสั้นความยาว ความสูงความต่ำ วัดน้ำหนักหนัก น้ำหนักเบา เราทุกคนต้องมีข้อวัตรอยู่ที่ใจของตัวเอง เพื่อเราจะได้เอาเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราจะได้รู้จักหน้าที่ หน้าที่นั้นคือธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ เราทุกคนต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป พูดถึงรูปมันก็ไม่จบ ต้องรู้เข้าใจ เสียงก็ไม่จบ กลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์มันไม่จบ ลาภยศสรรเสริญมันไม่จบ ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องจบลงที่รู้เข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ยกเลิกความไม่ถูกต้อง เราพากันรู้ดี ๆ ถ้าไม่เข้าสู่ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ชีวิตของเราก็ย่อมพังทลายต้องล้มละลายต้องมีความเสียหายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึกสตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย

 

เราทุกคนต้องพากันเอาปัจจุบันให้ได้ เพราะปัจจุบันเป็นวาระของการประพฤติการปฏิบัติ ให้ตั้งใจตั้งเจตนา ยกเลิกความไม่ถูกต้อง หรือว่ายกเลิกตัวตน เอาปัจจุบันนี้เป็นวาระสำคัญของการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี มนุษย์เราต้องรู้เข้าใจ เทวดาต้องรู้เข้าใจ พระพรหมต้องรู้เข้าใจ พระอริยเจ้าต้องรู้เข้าใจ เราทุกคนจะได้จบลงเพียงผัสสะ ให้เอาปัจจุบันเป็นวาระการปฏิบัติ ให้เป็นข้อสอบเป็นข้อตอบ ทุกคนอย่าใจอ่อน อย่าไปหลงไปเรื่อย เพลิดเพลินไปเรื่อย อย่าไปใจอ่อน สัมมาสมาธิปัจจุบันนี้เราต้องเข้มแข็ง ตัดเรื่องอดีตไปให้เข้มแข็ง อนาคตยังมาไม่ถึงไม่เป็นไร เอาปัจจุบันนี้ เพราะอนาคตมันอยู่ที่ปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เราเน้นที่ปัจจุบัน เราจะได้เป็นที่พึ่งของตัวเอง พ่อแม่ญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลถึงจะพึ่งพาอาศัยเราได้

 

เราพากันมาบรรพชาอุปสมบทอยู่ที่วัดเป็นเวลา ๓ เดือน ๔ เดือน เราต้องเอาความรู้กับการประพฤติการปฏิบัติไปใช้ไปประพฤติไปปฏิบัติ เราเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน เรื่องสภาพจิตใจมันก็คือสิ่งเดียวกันกับนักบวชนะ ความทุกข์ใจอย่างเดียวกันนั้นแหละ ความสุขใจก็อันเดียวกันนั่นแหละ นรก สวรรค์พรหม ความเป็นพระอริยเจ้า พระนิพพานก็เป็นสิ่งเดียวกันนี้แหละ เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ

 

แต่ก่อนเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไปคิดในใจว่า นรกศาสนาพุทธนี้เหมือนศาสนาอื่น ๆ มั๊ย สวรรค์น่ะเหมือนศาสนาอื่น ๆ มั๊ย พรหมวิหารเหมือนศาสนาอื่นมั๊ย นิพพานเหมือนศาสนาอื่นมั๊ย สิ่งเหล่านี้แหละให้เรารู้เข้าใจว่าอันนี้มันเป็นสากล เช่นความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากอันนี้มันเป็นสากล ความสุขความทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ สิ่งเหล่านี้มันเป็นสากล ให้เรารู้เข้าใจ เมื่อเรารู้เข้าใจเราจะได้ตั้งใจตั้งเจตนา มีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญา ไปใช้ไปปฏิบัติ เพราะอันนี้มันคือเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องผลของกรรม เราทุกคนจะได้มีหลักของการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราอยู่ที่ไหนเราก็พากันประพฤติปฏิบัติได้ทั้งนั้นปฏิบัติได้ทั้งหมดไม่เลือกกาลไม่เลือกเวลาไม่เลือกสถานที่ เราอยู่ที่ไหนเราก็ปฏิบัติอยู่ที่นั่น ที่ไหนไม่มีเลยที่ไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนก็เข้าใจ ต้องรับผิดชอบในเรื่องความคิดคำพูดการกระทำกิริยามารยาทอาชีพ ต้องยกเลิกตัวตน ยกเลิกความไม่ถูกต้อง เข้าถึงความพอดีความพอเพียง การประพฤติการปฏิบัตินั้นอยู่ที่ปัจจุบัน ความดีและปัญญาก็จะก้าวไปด้วยความรู้กับการประพฤติการปฏิบัติ เราเอาสมมติที่ได้รับแต่งตั้ง เราได้รับแต่งตั้งเป็นอะไร ก็เอาสมมติสัจจะนั้นไปใช้ไปประพฤติไปปฏิบัติ อย่างเราเค้าแต่งตั้งให้เราเป็นพระมหากษัตริย์เราก็ต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ อย่างเค้าแต่งตั้งให้เราเป็นประธานาธิบดีเราก็มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ อย่างเค้าแต่งตั้งให้เราเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีเป็นผู้พิพากษาอัยการ เราก็ต้องทำหน้าที่ เพราะธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เอาปัจจุบันเป็นวาระแห่งการประพฤติการปฏิบัติ ทุกคนต้องมีข้อวัตรมีข้อปฏิบัติมีพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นแบบเป็นรูปแบบ เป็นหลักการที่ยกเลิกตัวตน กฎหมายบ้านเมืองเป็นธรรมที่ยกเลิกตัวตนนะ เราไม่ต้องมาเอาใต้โต๊ะบนโต๊ะจากยศจากตำแหน่ง เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราจะได้เป็นมนุษย์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นเทวดาผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระพรหมผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นพระอริยเจ้าผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เน้นที่ปัจจุบัน 

 

เราพากันเจริญสติสัมปชัญญะให้มาก ๆ เพราะสติกับสัมปชัญญะนี้มันเป็นความสงบเป็นปัญญา มันเป็นความพอเพียงเพียงพอ ให้เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติด้วยการเจริญสติสัมปชัญญะ เราทุกคนเอาปัจจุบันให้ได้ ปฏิบัติในปัจจุบันให้ได้ด้วยปิติด้วยความสุขด้วยเอกัคคตา ให้ทุกคนเพิ่มสติเพิ่มสัมปชัญญะให้กับตัวเอง ยกเลิกตัวตน ถ้าเรายกเลิกตัวตนเราถึงจะเข้าถึงความสงบยกเลิกตัวตนได้ เพราะตัวตนคือไม่มีธรรมนูญไม่มีรัฐธรรมนูญ เราต้องรู้เข้าใจ สิ่งต่าง ๆ เราจะได้ปล่อยวาง เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราจะได้รู้จักคำว่า ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เราต้องรู้เข้าใจ ว่าทำไมเราถึงเป็นคนไม่ฉลาด ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน เราจะเป็นคนฉลาดได้อย่างไร เพราะตัวตนคือบุคคลไม่ฉลาด คือบุคคลที่หาเรื่องหาราวให้ตัวเองเป็นทุกข์ หาเรื่องหาราวให้คนอื่นเป็นทุกข์

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ

รู้เข้าใจอย่างไร? เข้าใจอย่างที่เราเรียนหนังสือน่ะ ทำไมเราถึงเรียนหนังสือ เรียนหนังสือก็เพื่อรู้เข้าใจ เมื่อรู้เมื่อเข้าใจจะได้เอาไปใช้เอาไปประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่เรียนหนังสือเพื่อจะไปเอาเปรียบคนอื่น เรียนหนังสือเพื่อความรู้ความเข้าใจ เพื่อเราจะได้เอาไปใช้ให้ถูกต้อง เพราะความถูกต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่เอาไปเพิ่มไปตัด ความถูกต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่ เป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นการแก้ปัญหาในปัจจุบัน แก้ปัญหาทั้งอนาคต การไปเรียนหนังสือก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่ไปเรียนเพื่อนิติบุคคลตัวตน ไม่ใช่ไปเรียนเพื่ออยากได้อยากมีอยากเป็นอยากเด่นอยากดัง อันนั้นไม่ได้มันเป็นไปเพื่อทางวัตถุเป็นไปเพื่อตัวตน มันไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา มันเป็นการคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันเป็นการคิดว่าจะไปเอาตัวรอด เราคิดว่าจะรอดปลอดภัย การจะเอาตัวรอดปลอดภัยก็ต้องเอาทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์เอาทั้งเรื่องจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ผู้มีปัญญามากก็ต้องมีความสงบมาก ผู้มีความสงบมากก็ต้องเสียสละมากควบคู่กันเพื่อให้มีทั้งสติสัมปชัญญะหมายถึงมีทั้งความสงบและปัญญาควบคู่กันไป มีทั้งสมถะและวิปัสสนา การเรียนหนังสือเพื่อเรารู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายจะได้พากันเสียสละไปเสียสละ การทำงานก็เช่นเดียวกัน  ไปทำงานมาทำงาน มีความสุขกับการทำงาน เราต้องมีความสุข มีปิติมีเอกัคคตา ชีวิตของเราก็จะไม่ต้องเป็นโรคซึมเศร้า ชีวิตของเราก็ไม่ต้องพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของเมืองไทยประเทศไทย เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ ให้พากันเจริญสติคือความสงบ สัมปชัญญะตัวปัญญา เอาความสงบและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ต้องเอาไปใช้ที่บ้านที่ทำงาน ที่เราอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าไปเอาความสุขจากทางร่างกายอย่างเดียว เดี๋ยวมันจะเป็นกับดักของตัวเอง เราทุกคนอย่าลืมว่า ชีวิตของเราเป็นของชั่วคราว เป็นของชั่วครู่ชั่วยาม อายุขัยของเราส่วนใหญ่ก็อยู่ได้ ๑ ศตวรรษคือร้อยปี มันเป็นชีวิตที่ชั่วครู่ชั่วยาม เพราะอันนี้มันไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะอันนี้มันคือธรรมะคือธรรมชาติที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปมันชั่วครู่ชั่วยาม

 

เราต้องพากันรู้พากันเข้าใจ เราทุกคนจะได้พัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์และพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุผลนี้แหละเราทุกคนต้องเอาทางวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันเน้นที่ปัจจุบัน ต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน ให้รู้เข้าใจ ความทุกข์นี้คือนิติบุคคลตัวตน ถ้าเรายกเลิกนิติบุคคลตัวตนมนุษย์เราก็จะไม่มีทุกข์อะไร เพราะความทุกข์นั้นมันอยู่ที่ตัวตน

 

เราคิดดูดี ๆ นะ มันคิดเองเออเอง เราอยากจะได้มากมันก็ว่าของสิ่งเหล่านั้นมันน้อย เราอยากได้น้อยก็ว่าของสิ่งเหล่านั้นมันมาก มันไม่อิ่มไม่เต็มไม่พอ มันไม่เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ไม่เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพียงพอ เราทั้งหลายจะได้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเราทั้งหลายจะได้ดับลงได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยการประพฤติการปฏิบัติของเราที่ติตต่อต่อเนื่อง เราต้องประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง

 

วันจันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เราก็มีปิติมีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรมสองอย่างนี้ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางวัตถุกับทางวิทยาศาสตร์จะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดทำงานผู้ที่ถือศานาพุทธก็ไปที่วัด ผู้ถือศาสนาคริสต์ก็ไปที่โบสถ์ ผู้ที่ถือศาสนาอิสลามก็ไปที่มัสยิด ผู้ที่ถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็เป็นที่วิหารเทวสถาน ไปทำไม ไปเจริญสติสัมปชัญญะไปเอาความสงบและปัญญา ยกเลิกตัวตน สร้างความดีสร้างบารมี เพราะชีวิตของเรานี้เป็นชีวิตที่ชั่วครู่ชั่วยาม เราคิดดูดี ๆ สิ ชีวิตที่ผ่านมา ถ้าเราคิดดูดี ๆ มันไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่นมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มันเป็นอาคันตุกะชั่วครู่ชั่วยาม มันผ่านธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ภายนอกภายในมันผ่านไปผ่านมา

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักาณ์ ทุกอย่างไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่ใช่อะไรเลย เราต้องถือโอกาสนี้เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นข้อตอบเป็นข้อสอบ มีปิติมีความสุขในการบำเพ็ญความดีบำเพ็ญบารมีเอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มาใช้มาปฏิบัติ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตื แม้แต่พระอรหันต์ขีณาสพผู้สิ้นกิเลสอาสวะทท่านก็มาเสียสละ เราคิดดูดี ๆ นะ อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมีหลายล้านปีหลายอสงไขย ท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเข้าถึงความเต็ม ๆ ๆ เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ท่านเสียละให้ร่างกายวันละ ๔ ชั่วโมงเสียสละให้เทพเทวดาสรรพสัตว์ทั้งหลายวันละ ๒๐ ชั่วโมง วันหนึ่งคืนหนึ่งมีแต่เสียสละ ยกเลิกตัวตน การเสียสละจึงมีแต่สติสัมปชัญญะ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจในหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมได้พากันมาบวชหลายวันหลายเดือน ออกพรรษากลับกลับไปทำงานไปทำหน้าที่ ทำหน้าที่เป็นข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชน เพราะธรรมะคือหน้าที่ เราต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติสิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะได้จบลงที่ปัจจุบันจบลงที่ผัสสะ เราทุกคนต้องรู้เข้าใจ เราก็ใช้นรกหลุมเดียวกัน ใช้สวรรค์ชั้นเดียวกัน ใช้พรหมชั้นเดียวกัน ใช้นิพพานอย่างเดียวกัน

 

ต้องรู้เข้าใจว่ากายวาจากิริยามารยาทอาชีพมารวมลงที่ใจ รวมลงที่ปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เมื่อผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยต้องวาง เพราะสิ่งที่ผ่านมาแล้วมันผ่านไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจอย่างนี้เราจะได้รู้หลักการกในประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องมีความสงบให้เพียงพอหมายถึงพักผ่อนให้เพียงพอ ที่เป็นฆราวาสข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชนต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ๖-๘ ชั่วโมงตามความเป็นจริง ๕-๖ ชั่วโมงก็พอเพียงพอ ที่ว่า ๖-๘ ชั่วโมงหมายถึงคนที่นอนหลับยาก ความเป็นจริงแล้ว ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมงก็เพียงพอนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจ ทุกชาติทุกศาสนาก็ใช้กายวาจากิริยามารยาทอาชีพเหมือนกันหมด เพราะธรรมะสภาวธรรมมันคือสิ่งเดียวกัน ให้รู้เข้าใจ เราอย่าไปแตกแยก แตกสามัคคีกัน เป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องรุ้เข้าใจ เห็นมั๊ยรู้มั๊ยพระธรรมกถึกผู้เห็นนักเทศน์นักสอนไม่รู้ไม่เข้าใจ เห็นมั๊ยพระวินัยผู้ทรงพระไตรปิฎกไม่รู้ไม่เข้าใจ พระธรรมกถึกกกับพระวินัยธรก็ทะเลาะกันเลย ทั้งที่ธรรมะเป็นสิ่งที่มายกเลิกตัวยกเลิกตนกลับไปทะเลาะกัน เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ชาติหมายถึงความเกิด ความเกิดก็หมายถึงกรรมกฎแห่งกรรม ศาสนาคือธรรม ธรรมะคือศาสนา ศาสนาคือการยกเลิกตัว เดินไปสายทางกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจจะล้ำหน้ากันไม่ได้ต้องเดินไปเสมอกัน ต้องเข้าใจอย่างนี้จะได้เข้าใจใจพระศาสนา พระศาสนาคือทางสายกลางยกเลิกตัวตนอย่างนี้

 

พระมหากษัตริย์เป็นนามธรรมหมายถึงเรื่องจิตเรื่องใจ ใจของเราต้องยกเลิกตัวตน ตัวที่สำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราเป็นคนอื่น ยกเลิกความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงนะ ผู้ชายนะ ว่าเป็นคนแก่คนเฒ่าคนชราว่าเป็นคนดีกว่าเค้าเป็นคนเก่งกว่าเค้าเป็นคนฉลาดกว่าเค้าไม่มีใครในโลกนี้สู้เราได้ ปัญญาคือนามธรรมเป็นศาสตร์เป็นศาตราที่ยกเลิกตัวตน มหากษัตริย์คือปัญญาที่ยกเลิกเรื่องอดีตอนาคต ปัจจุบันว่างจากตัวตนเพื่อเอาทางสายกลางนำชีวิต เอาความสงบและปัญญา ยกเลิกอัตตา เข้าถึงปัจจุบัน เข้าถึงพระนิพานทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งใจที่เป็นปฏิปทาที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องชาติศาสน์เรื่องพระมหากษัตริย์ อย่าเอาชาติเป็นตัวเป็นตน อย่าเอาพระศาสนาเป็นตัวเป็นตน อย่าเอาพระมหากษัตริย์เป็นตัวเป็นตน เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ยกเลิกตัวตน เราจะได้มีความสงบมีปัญญาจะไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องพระศาสนา เราต้องรู้เข้าใจที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านชาติเราต้องเดินสายกลางระหว่างวัตถุกับจิตใจเพื่อเป็นะรรมเป็นปัจจุบันเพื่อมีปิติสุขในการประพฤติการปฏิบัติ มนุษย์เราก็จะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ได้

 

เราต้องรู้เข้าใจเรื่องความขลังศักดิ์สิทธิ์ ศาสนาเป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์ ทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์ เรายกเลิกตัวมันถึงจะขลังศักดิ์สิทธิ์ นะ ถ้ามีตัวตนไม่ขลังไม่ศักดิ์ไม่สิทธิ์ ตัวตนมันเป็นการล้มละลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึกสตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตนไม่ขลังไม่ศักดิ์ไม่สิทธิ์ พระธรรมพระวินัยที่ยกเลิกตัวตน เราคิดดี ๆ ยกเลิกตัวตนเป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์ การพูดดี ๆ ที่ยกเลิกตัวตนเป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์ อาชีพที่ดี ๆ ที่ยกเลิกตัวตนเป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์ อันนี้เป็นชาติเป็นศาสนาเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นสติเป็นสัมปชัญญะ เป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ

 

เราทั้งหลายต้องพากันรู้เข้าใจนะ เราลาสิกขาเรากลับไปที่บ้าน อันนี้มันต้องรู้เข้าใจ เมื่อรู้เข้าใจเราจะได้เอาธรรมะ เอาพระวินัยเอาไปใช้ เพราะการประพฤติการปฏิบัติเราทุกคนต้องปฏิบัติเอาเอง เราคิดดูดี ๆ อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็ปปฏิบัติที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าท่านก็ปฏิบัติที่พระอรหันต์ เราเป็นใครเราก็ประพฤติปฏิบัติของเราเอง เพื่อเราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยปฏิปทา ที่เป็นกระบวนการทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพรวมลงที่ใจที่มีปิติมีสุขเอกัคคตา ให้ถือว่าการประพฤติการปฏิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญ เราอย่าไปทิ้งความถูกต้อง  อย่าไปทิ้งธรรมะ อย่าไปตั้งอยู่ในความหลงความประมาท การภาวนาการปฏิบัติของเราต้องติดต่อต่อเนื่อง

 

ทุกท่านทุกคนต้องจับหลักให้ได้จับประเด็นให้ได้ ต้องใช้หลักการด้วยการเจริญสติสัมปชัญญะ เพราะสติสัมปชัญญะเป็นธรรมะที่มารวมกันที่ปัจจุบัน ถ้ามันเอาไม่อยู่ ก็กลั้นลมหายใจมันเสียเลย เดี๋ยวใจมันจะขาด สติสัมปชัญญะก็กลับมา เราทำอย่างนี้หลาย ๆ ครั้งใจเราจะขาดมันก็กลับมาเราใช้หลักอานาปานสติ ฝึกหายใจเข้าให้มีความสุขหายใจออกให้มีความสุขหายใจเข้าให้สบายหายใจออกให้สบาย ถ้าเราจะให้เกิดปัญญาให้ระลึกในใจว่าหายใจเข้ามันก็ไม่แน่ไม่เที่ยงหายใจออกมันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง มันเข้าไปแล้วก็ออกมา เป็นอาคันตุกะชั่วครู่ชั่วยาม เข้าไปแล้วก็ออกมา เราทำอย่างนี้ก็แป็สมถะวิปัสนาเกิดความสงบเกิดปัญญา

 

เราเอาอานาปานสติไปใช้ในอิริยาบถต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่ใช้เฉพาะตอนนั่งสมาธินะ เวลาเราทำงานก็มีปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ หน้าที่ทุกคนตค้องเน้นที่ปัจจุบันต้องมีปิติสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเรากำลังทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่

 

เราพากันไปประพฤติปฏิบัติธรรม ไปทำหน้าที่ของเรา เรากลับเนื้อกลับตัว กลับหัวกลับหาง เอาความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เอาสติสัมปชัญญะนำชีวิต ไม่ต้องเอาความผิดนำชีวิต เราอย่าไปพากันดื่มเหล้าดื่มเบียร์เล่นการพนัน บริโภคสิ่งเสพติด สิ่งเหล่านี้มันเป็นอบายมุขอบายภูมิเราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ผ่านได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอย่าไปใจอ่อน เพราะเราอยู่ในสิ่งแวดล้อม เปรียบเสมือนเค้ากำลังเป็นโรคโควิดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ตัวตนนั้นแหละคือโรคโควิด พระธรรมพระวินัยความรู้ความเข้าใจมันเป็นสิ่งที่เซฟตี้

 

ความคิดเราต้องรู้เข้าใจ ความคิดนี้ถ้าไม่รู้เข้าใจมันก็ใจอ่อนมันก็จะไปตามผัสสะ ไปตามสิ่งแวดล้อม เพราะสิ่งแวดล้อมนั้นมันเปรียบเสมือนโควิด เราต้องเอาความสงบกับปัญญาที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ฆราวาสทุกคนต้องพากันมีศีล ๕ ศีล ๕ เป็นเซฟตี้ยกเลิกตัวยกเลิกตน ศีล ๕ เป็นพรหมจรรย์เป็นความสงบและปัญญาอยู่ในระดับฆราวาสผู้ครองบ้านครองเมืองอยู่ในสังคมสิ่งแวดล้อมมากมาย ฆราวาสทั้งหลายต้องมีศีล ๕ เพราะศีล ๕ เป็นสิ่งเซฟตี้ชีวิตยกเลิกตัวตน ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เหมือนในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านตรัสว่าเราจะไปตามเพื่อนตามฝูงตาสิ่งแวดล้อมไม่ได้ ต้องมีศีล ๕ อันนี้ไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ ยกเลิกตัวตน ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตายก็ช่างมันให้เอาศีล ๕ เป็นเซฟตี้ยกเลิกตัวตนไว้ก่อน

 

วันเสาร์วันอาทิตย์นี้ก็ไปเจริญสติสัมปชัญญะตามศาสนาของตนให้เข้าใจอย่างนี้ อย่าไปว่าศาสนาไหนดีกว่ากัน ศาสนาไหนก็ยกเลิกตัวตนทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่ยกเลิกตัวก็ไม่ใช่ศาสนา มันก็เป็นตัวตนเป็นนิติบุคคลตัว ให้เข้าใจอย่างนี้ เราทุกคนต้องยกเลิกตัวตนเราถึงจะเป็นมนุษย์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ชีวิตของเราจะไม่ได้พังทลายล้มละลายเหมือนตึกสตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

 

เราคิดดูดี ๆ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันพังทลายเราเอาความรู้สึกตัวเอง คนอื่นก็ไม่วางใจตัวเองคนอื่นก็ไม่ไว้วางใจเรา เรามองดูข้างหน้ามองดูมนุษย์ก็ไม่เห็มีมนุษย์เห็นได้แต่เพียงคน คนก็คือมีตัวมีตนเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเดินไปข้างหน้าก็ถอยกลับมาอยู่ที่เก่าย่ำต็อกในตัวตนย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า เราก็มองเห็นว่าเป็นโจร มองข้าราชการก็เหมือนมองดูหน้าโจร นักการเมืองก็ยิ่งเป็นมหาโจรเป็นบิ๊กของโจรเลย มองเห็นหน้านักบวชก็เห็นแต่หน้าโจรมันลอยมา ตัวตนนั้นคือโจรนะ ตัวตนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลยนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เมื่อเราลาสิกขาไปเราจะได้พากันไปแก้ที่ตัวเรานี้แหละ เราจะได้เป็นผู้นำของตัวเอง เราจะไม่ได้ไปแก้ไขที่ปลายเหตุเราต้องแก้ไขที่ต้นเหตุมีปิติสุขมีเอกัคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติตัวเองทุกคนต้องพากันแก้ที่ตัวเองไม่ต้อไปแก้ที่คนอื่นถ้าไปแก้ที่คนอื่นเค้าก็มาว่าเราเถียงเรา ปกติแล้วพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นผู้มีพระคุณไม่มีใครอยากจะเถียงแต่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเลยเถียงเรา การที่เราเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชใคระเค้าก็ไม่อยากเดินขบวน เพราะไม่มีงบประมาณในการเดินขบวน ไม่สะดวกด้วยประการทั้งหลายทั้งปวงไม่สะดวกด้วยห้องน้ำห้องสุขาอาหารความเป็นอยู่แถมยังถูกแก๊สน้ำตา เพราะเราเอาตัวตนเอาทุจริตนำชีวิตเอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต ทุกคนเค้าจึงออกมาเดินขบวน ออกไปออกไปปฏิบัติไม่ได้ก็พากันออกไป ปฏิบัติไม่ได้ก็อย่าพากันเป็นข้าราชนักการเมือง อย่าพากันมาเป็นนักบวชเพราะเป็นข้าราชนักการเมืองนักบวชใช้ภาษีอากรของประชาชนใช้งบประมาณของแผ่นดิน ไม่ใช่เงินของตัวเองมันเป็นเงินของแผ่นดิน อย่างเป็นนักบวชนี้ใช้งบประมาณยังใช้งบประมาณของศรัทธามหาชนอีก สองเด้งเลย เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายผู้เป็นข้าราชการเป็นนักบวชเป็นพ่อเป็นแม่จะได้มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองด้วยปิติด้วยความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ให้เรารู้ให้เข้าใจว่า พระพุทธเจ้านั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ที่กายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่ใจของเรา พระธรรมพระวินัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ที่กายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่อาชีพอยู่ที่ใจอยุ่ที่เจตนาของเรา พระธรรมความสงบและปัญญาที่เป็นสติสัมปชัญญะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ที่กายวาจากิริยามารยาทอยู่ที่ใจของเรานี้เองด้วยเหตุผลนี้เราต้องเอาธรรมะไปใช้ไปประพฤติปฏิบัติ เราต้องเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักการ เอาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเป็นหลักการเพื่อจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียง เข้าถึงความพอดีความพอเพียง

 

ให้เข้าใจนะ เราต้องเข้าสู่ความเป็นมนุษย์ของเราต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ความเป็นเทวดาของเราต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ความเป็นพระพรหมต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ความเป็พระอริยเจ้าต้องอยู่ที่ปัจจุบัน เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในวัฏฏสงสงสารด้วยความไม่ประมาท เพราะความประมาทคือความผิดพลาดคือชีวิตนี้ที่มันพังทลายอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับตึก สตง.

 

เรามาระลึกถึงปัจฉิมโอวาทของพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า

 

“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

พระโอวาทนี้จัดเป็นปัจฉิมโอวาท เป็นโอวาทสุดท้ายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนแก่พุทธบริษัททั้ง ๔

          หลังจากนี้พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ตรัสอะไรอีกเลย ทรงสงบนิ่งทำปรินิพพานบริกรรมด้วยอนุบุพพวิหารหรือสมาบัติทั้ง ๙ โดยอนุโลมและปฏิโลมตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว เข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

 

  พระอานนท์ผู้นั่งเฝ้าดูอาการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดเวลา จึงถามถึงการปรินิพพานกับพระอนุรุทธะซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ พระอนุรุทธะผู้มีตาทิพย์มองเห็นการปรินิพพานของพระพุทธองค์ตลอดมา ตอบว่า ยังไม่ได้ปรินิพพาน

 

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว เข้า เนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว เข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว เข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว เข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ก็เสด็จปรินิพพาน

โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร

 

ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะว่าสิ่งเดิมนั้นคือความว่างเปล่า สิ่งที่สัญจรไปมาเป็นเพียงอาคันตุกะ เราจะได้เอาหลักการอุดการณ์ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นมรรคเป็นอริยมรรคที่ตรงกันข้ามกับโลกธรรม

 

ให้รู้เข้าใจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรมเหนือกฎแห่งกรรมเหนือผลของกรรม พระนิพพานความรู้ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการปฏิจจสมุปบาท กระบวนการของปฏิจจสมุปบาทจะได้จบลงเพียงผัสสะ จะได้เป็นปัญญาเป็นความสงบ จะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหตุเหนือผล หยุดความปรุงแต่ง นี้เป็นขบวนการที่ติดต่อต่อเนื่อง เป็นบารมีเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นพระนิพพานบ้านของเรา ไม่ใช่อวิชชาความหลงเป็นบ้านของเรานะ พระนิพพานคือบ้านของเรา ความสงบและปัญญาถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะหยุดวัฏฏสงสารได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เป็นขบวนการของกระแสในการประพฤติการปฏิบัติที่ได้นำเอาพระธรรมพระวินัยมาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบันให้ติดต่อต่อเนื่อง

 

 ความสงบและปัญญาที่เป็นพระธรรมพระวินัยถึงหยุดความปรุงแต่งได้ ด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิคู่กับการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน พระธรรมพระวินัยที่เป็นความรู้ความเข้าใจ ที่จะหยุดความปรุงแต่งได้ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า พระนิพพานต้องอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น

 

ขออนุโมทนากับพระกับสามเณรที่ได้มาบรรพชาอุปสมบท เมื่อลาสิกขาบทแล้วก็ให้เอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมามาสัมพุทธเจ้าไปใช้ครองกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เพราะความเป็นพระนั้นอยู่ที่เราทุก ๆ คนอยู่แล้ว พระนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านนับเอาตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์ พระนั้นคือความสงบและปัญญาไม่ใช่นิติบุคคลตัว พระนั้นได้แก่ความสงบและปัญญา พระนั้นได้แก่สติสัมปชัญญะ ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย ให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ ให้เอาพระนิพพานเป็นบ้านของเรา ยกเลิกตัวตน ให้เอาพระนิพพานเป็นบ้านของเราเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นคนทันโลกทันสมัยชีวิตของเราจะได้ ว้าว ว้าวทั้งใจทั้งวัตถุไปพร้อม ๆ กัน

 

ทุกอย่างนั้นก็ต้องทิ้งอดีตหมด เพราะทุกอย่างเกษียณแล้ว ปัจจุบันเมื่อเรายกเลิกตัวตน เราก็จะมีบ้านคือพระนิพาน คือสติสัมปชัญญะที่เรายกเลิกตัวตน ให้ทุกคนรู้เข้าใจด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ  

การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช้านี้ก็เห็นสมควรแก่เวลา

----------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

 

Visitors: 103,024