๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

เราทุกคนต้องมีหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อการดำรงชีวิตของเรา จะได้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา ทุก ๆ ศาสนาก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ ความรู้ความเข้าใจนี้จะเป็นอริยมรรคเป็นข้อวัตรกิจวัตร

 

เราทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเธอทั้งหลายจงพากันรู้เข้าใจพากันประพฤติพรหมจรรย์เถิด

 

พรหมจรรย์นั้นหมายถึงธรรมะ เป็นการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์พัฒนาจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เน้นที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เป็นวาระแห่งชาติของการประพฤติการปฏิบัติ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

อย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย ต้องเอาธรรมนำชีวิต อย่าไปประมาท อย่าไปเพลิดเพลินในสิ่งต่าง ๆ ถ้าเราประมาทเราเพลิดเพลินเรานั้นจะไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา เพราะเราประมาทเราเพลิดเพลินเราก็ไปตามผัสสะ ผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราไปตามผัสสะ

 

การที่ไม่เพลิดเพลินในวัฏฏสงสารเป็นผู้มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปอย่างนี้ดีมากถูกต้องมาก เพราะกายวาจากิริยามารยาทนั้นมันเป็นอุปกรณ์ของใจ

 

ใจของเราต้องเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมนำชีวิต อย่าไปเอาความรู้สึกนำชีวิต ต้องเอาหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม ให้เรารู้จักข้อวัตรข้อปฏิบัติ รู้จักหน้าที่ในการประพฤติในการปฏิบัติของตัวเอง พึ่งพาอาศัยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ

 

ตนแลเป็นที่พึ่งของตน อาศัยปลีแข้ง อาศัยความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ

 

ผู้ที่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยน่ะ ให้เข้าใจนะ บุคคลนั้นเป็นบุคคลที่พึ่งตัวเอง ยังไม่ได้ เป็นบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถึงจะอายุมากมีการเรียนการศึกษาก็ยังถือว่าเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ไม่รู้จักคอนโทรลตัวเองควบคุมตัวเอง

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะ ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น ให้เข้าสู่ความสงบให้เข้าสู่ปัญญา พึ่งพาตนเอง

 

เราคิดดูดี ๆ นะ เราต้องพึ่งตนเอง พึ่งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพที่เป็นบริสุทธิคุณ เอากายวาจากิริยามารยาทอาชีพมาประพฤติมาปฏิบัติ

 

การประพฤติการปฏิบัติธรรมถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลัง

 

การปฏิบัติธรรมถ้ามีต่อหน้าและลับหลังมันเป็นการจัดฉาก มันไม่ใช่ของจริงมันเป็นการแสดง ไม่ใช่บริสุทธิคุณ มันเป็นการแสดง มันเป็นการปฏิบัติไม่ติดต่อต่อเนื่อง มันจัดฉากเป็นบางครั้งบางคราว เรียกว่าบุคคลนี้การปฏิบัติไม่ติดต่อต่อเนื่องด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา มันดีแต่ภายนอกเพราะมันตกแต่งบางครั้งบางคราวไม่สม่ำเสมอ ถือว่ายังเป็นชีวิตที่ไม่บริสุทธิ ยังเป็นชีวิตที่ยังหลอกลวง เป็นบุคคลตัวตนที่โก้ก้าหรูหราดีแต่ภายนอก แต่จิตใจนั้นใช้ไม่ได้ ถือว่ายังเป็นผู้หลอกลวงแต่งตัวดีแต่ไม่มีเงินไม่มีสตางค์ มันเป็นการอวดการโชว์ อย่างนี้แหละถือว่าเป็นบุคคลที่ยังมีหนี้มีสิน

 

เราทั้งหลายถึงมาเน้นบริสุทธิคุณด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา ศีลสมาธิปัญญา ถึงจะเป็นพระนิพพาน ไม่อย่างนั้นศีลสมาธิปัญญามันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

รักษาศีลเพื่อหลอกลวง ทำสมาธิเพื่อหลอกลวง แต่งตัวโก้หรูหราเพื่อหลอกลวง

 

การประพฤติการปฏิบัติธรรมให้พวกเราเข้าใจ มันเป็นเรื่องของเราเอง เราจะไปพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้เพราะมันเป็นบริสุทธิคุณออกมาจากใจ 

 

มันต้องบริสุทธิคุณจากใจ ฉายแสงออกมาทางวาจากิริยามารยาทอาชีพด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา ไม่มีต่อหน้าไม่มีลับหลัง ทำอะไรเพื่อให้เค้าเลื่อมใส ให้เค้ายอมรับให้เค้าโอเค อย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติเพื่อหลอกลวง ไม่เข้าถึงเรื่องจิตเรื่องใจ

 

เราได้รับแต่งตั้งให้เป็นคนนั้นคนนี้เป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช ถูกต้องตามกฎหมาย มีลายเซ็นต์ นี้เป็นแบบเป็นพิมพ์ทางกายวาจากิริยามารยาท

 

เราต้องเน้นเจตนาเพื่อเราทั้งหลายจะได้เป็นมนุษย์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ ยกเลิกกรรม ยกเลิกกฎแห่งกรรมที่มีความรู้สึกที่เป็นนิติบุคคลตัวตนเพื่อเราทั้งหลายจะได้หยุดสัญชาตญาณด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องเน้นมาที่ใจของเรา เน้นที่เจตนาของเรา เราจะได้เข้าถึงรูปแบบทั้งทางกายวาจาใจกิริยามารยาทและอาชีพ เพื่อสมบูรณ์ทุกอย่าง สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพเป็นบริสุทธิคุณด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา เราจะไม่ได้เอารูปแบบที่ได้รับการแต่งตั้งมาหาอยู่หากินหาหลง

 

เราต้องเข้าถึงหลักการอุดมการณ์ ต้องสมบูรณ์ด้วยอุดมธรรม ให้เรามีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีบริสุทธิคุณเป็นเครื่องอยู่ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา ไม่ตรึกไม่นึกไม่คิดในเรื่องกามในเรื่องพยาบาทด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา

 

รถเค้าก็ยังมีเบรก เครื่องบินก็ยังมีเบรก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าคนไม่มีเบรก เป็นบุคคลไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นบุคคลนั้นไม่มีเบรกนั้นมันใช้ไม่ได้นะ ถึงจะมีเครื่องจักรดีความแรงสูงไม่มีเบรกมันก็ใช้ไม่ได้นะ

 

ความไม่รู้ไม่เข้าใจเราไปพึ่งความหลง

 

อย่างพระอานนท์นี้เป็นพระโสดาบัน บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน พระอานนท์ร้องไห้ เพราะเมื่อก่อนมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานพระอานนท์ไม่มีที่พึ่ง เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจที่สูงสุดเหมือนพระอรหันต์ขีณาสพ

 

พระอรหันต์ท่านมีความรู้ความเข้าใจสูงสุด พระอรหันต์นั้นพึ่งความรู้ความเข้าใจ พึ่งศีลพึ่งสมาธิพึ่งปัญญา มีบ้านมีที่อยู่ที่อาศัยมีที่พึ่งคือมีพระนิพพานเป็นเครื่องอยู่ พระอรหันต์น่ะไม่มีปัญหา รู้ธรรมรู้สภาวธรรมว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปโดยธรรมชาติเพราะสิ่งต่าง ๆ นั้นเป็นประภัสสรไม่มีอะไรมากกว่านี้ รู้เข้าใจ ไม่ไปตามผัสสะไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มีศีลมีสมาธิมีปัญญาที่บริสุทธิคุณ

 

เราทั้งหลายต้องเข้าใจนะ ศีลนั้นแหละเป็นที่พึ่งของเรา สมาธินั่นแหละเป็นที่พึ่งของเรา ปัญญานั่นแหละเป็นที่พึ่งของเรา เราทั้งหลายต้องเห็นคุณเห็นประโยชน์ในสิ่งที่มีคุณมีประโยชน์

 

เราทั้งหลายต้องรู้จักที่พึ่ง เราคิดดูดี ๆ นะ เราไปพึ่งพ่อพึ่งแม่ พ่อแม่ก็แก่เฒ่าชราละสังขาร เราไปพึ่งอะไรก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างนั้นคือสภาวธรรมที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

 

เราต้องเข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรม เราทั้งหลายจะไม่ได้ ตามสิ่งแวดล้อมไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ให้ถือว่าสิ่งแวดล้อมนั้นมาเป็นข้อสอบหรือว่ามาเป็นโจทย์ให้เราได้ตอบ ให้เราได้รู้ให้เราได้ปฏิบัติ

 

การประพฤติการปฏิบัติของพวกเรามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราคิดดูดี ๆ ถ้าไม่มีผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเราก็ไม่มีข้อสอบ เราก็ไม่มีข้อตอบ ถ้าไม่มีรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเราก็ไม่มีข้อสอบข้อตอบ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติของเรา ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เราทั้งหลายต้องรู้ รู้แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ

 

เราต้องเบรกตัวเอง เบรกตัวเองด้วยศีล อย่าไปตามสิ่งแวดล้อม เบรกตัวเองด้วยสมาธิด้วยความตั้งมั่นไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม ให้ถือว่าสิ่งแวดล้อมที่มันเป็นรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมันเป็นข้อสอบ ให้เราตอบด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะได้รับทรัพยากรแห่งความประเสริฐแห่งความเป็นมนุษย์ ให้เรารู้ให้เข้าใจ เมื่อเรามีอุปกรณ์ในสิ่งที่ประเสริฐเราต้องเอามาใช้เอามาปฏิบัติ ศีลสมาธิปัญญามันเป็นอุปกรณ์เป็นกรรมกร

 

เราตั้งใจตั้งเจตนา มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน ทุกข์มันก็ไม่มี ให้เรารู้เข้าใจ เมื่อเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทุกข์มันจะมาจากไหน เพราะวาระจิตวาระใจของเรานั้นมันคิดได้ทีละอย่าง ไม่ใช่คิดได้ทีละหลายอย่างนะ

 

ฐานการปฏิบัติที่เป็นกรรมเป็นกรรมกร มันอยู่ที่ปัจจุบันนี้ กรรมกรมีทั้งฝ่ายเวียนว่ายตายเกิด มีทั้งฝ่ายหยุดเวียนว่ายตายเกิดนะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้ความเกิดและการหยุดเกิด เราจะได้มีปัญญาสัมมาทิฐิ เราจะได้เอาอริยมรรคมาใช้ เราจะได้มีเบรก มีคันเร่งน่ะ ต้องเบรกด้วยความรู้ความเข้าใจ ต้องเร่งไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะความอร่อยความแซบความลำความนัวความหรอยต้องเป็นความยึดมั่นถือมั่น

 

เราทั้งหลายต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ต้องเสียสละความอร่อยความแซบความนัวความหรอย สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันไม่จบนะ

 

พูดถึงรูปมันก็ไม่จบเพราะเรามีตามันก็มีรูปมันจะจบได้อย่างไร พูดถึงเสียงก็ไม่จบ เรามีหูก็มีเสียงมันจะจบได้อย่างไร เรามีจมูกก็มีกลิ่นมันจะจบได้อย่างไร เรามีลิ้นก็มีรสมันจะจบได้อย่างไร เรามีกายก็มีสัมผัสมันจะจบได้อย่างไร เรามีใจก็มีเรื่องจิตเรื่องใจมันจะจบได้อย่างไร

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เราจะปล่อยให้ตัวเองเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่จบไม่สิ้นนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร ถึงเราจะมีอายุหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านปีมันจะมีประโยชน์อะไร เอาความหลงนำชีวิต เราหลงน่ะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่า ความหลงนั้นมันคือการสร้างปัญหาให้กับตัวเองสร้างปัญหาให้กับคนอื่น

 

ความหลงคือความทุกข์นะ มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเปรียบว่า เปรียบเสมือนทะเลมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ เหมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ มันบกพร่องอยู่เป็นนิจ มันไม่เข้าถึงความพอดีไม่เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เป็นคนจนก็ทุกข์เพราะไม่มี เป็นคนรวยก็ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ สองคนนี้พูดถึงเรื่องความทุกข์แล้วมันก็ทุกข์พอ ๆ กันนั่นแหละ ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่ากัน

 

พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะพากันมาเน้นที่ตัวเราเอง เพราะเรามีทรัพยากรที่ประเสริฐแล้วเป็นมนุษย์แล้ว อายุขัยของเราอยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่ง ศตวรรษหนึ่งก็คือร้อยปี ถ้าเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ พัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันอยู่ได้มากกว่าร้อยปี

 

ให้เข้าใจนะ เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานบ้านของเรานะ ความหลงไม่ใช่บ้านของเรา เราหลงอยู่เราจะมีพระนิพพานได้อย่างไร เราไม่มีบ้าน ไม่เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ

 

เราเรียนหนังสือก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะได้ทำหน้าที่ในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เข้าใจ เราทำงานก็ต้องมีความสุขในการทำงานด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ อย่าให้มันเป็นนิติบุคคลตัวตน การเรียนการทำงานนั้นมันจะไม่เป็นพระนิพพาน การเรียนการทำงานมันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน การเรียนการศึกษาก็เพื่อพระนิพพาน การทำงานก็เพื่อเป็นพระนิพพาน กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพมันต้องเป็นพระนิพพาน ให้พวกเรามีความรู้มีความเข้าใจอย่างนี้ รู้หลักการ รู้อุดมการณ์อุดมธรรมในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายพากันหยุดความหลงความฟุ้งซ่านของตัวเอง ให้อยู่กับความสงบ ให้อยู่กับศีล ให้อยู่กับสมาธิอยู่กับปัญญาอย่าไปอยู่กับความหลง อย่าไปอยู่กับความเพลิดเพลิน อย่าไปอยู่กับความประมาท เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งภายนอกก็จะเป็นสิ่งภายนอก สิ่งภายในก็จะเป็นสิ่งภายใน ความรู้ความเข้าใจ มันจะไม่ก้าวก่ายกัน ความรู้ความเข้าใจนี้จะไม่ลิดรอนสิทธิซึ่งกันและกัน ทุกอย่างก็จะเป็นอยู่อย่างธรรมชาติด้วยความเพียงพอพอเพียง

 

เราคิดดูดี ๆ น่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านอยู่กับความพอเพียงเพียงพอ ท่านประสูติก็วันพระจันทร์เต็มดวงด้วยความพอเพียงเพียงพอ ตรัสรู้ก็วันพระจันทร์วันเพ็ญเป็นความพอเพียงเพียงพอ เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญน่ะ อยู่กับความพอเพียงเพียงพอ แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ก็วันพระจันทร์วันเพ็ญอยู่กับความพอเพียงเพียงพอ

 

แล้วก็ตรัสรู้เดือน ๖ น่ะ เดือน ๖ ก็พูดเน้นมาให้เกิดปัญญาก็ได้แก่อายตนะทั้ง ๖ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ สิ่งภายนอกก็รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์มันก็ ๖ เหมือนกัน

 

เราคิดดูดี ๆ มันเป็นธรรมเป็นความพอเพียงเพียงพอ ความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติมันจะไม่หลงงมงายไปตามสิ่งแวดล้อม รู้จักการประพฤติการปฏิบัติพึ่งพาอาศัยตนเองด้วยการประพฤติการปฏิบัติ

 

ถ้าไม่เข้าใจมันก็เหมือนพระอานนท์ ถ้าเข้าใจแล้วก็เหมือนพระอรหันต์ ความไม่รู้ไม่เข้าใจมันจะเป็นความพร่องอยู่เป็นนิจ เป็นทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ เป็นไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ

 

เราทั้งหลายน่ะพากันทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ รู้จักข้อวัตรข้อปฏิบัติของตนเอง ความรู้ความเข้าใจนี้ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัตินี้แหละคือคนผู้บรรลุนิติภาวะ ตนแลเป็นที่พึ่งของตนด้วยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เรียนหนังสือเพื่อมีปิติสุขเอกัคคตา ทำงานเพื่อมีปิติสุขเอกัคคตา

 

คำว่างานนี้ก็คือหน้าที่ คือกรรมคือกรรมกร เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผลมีกรรมเป็นแดนเกิดมีกรรมเป็นผู้ติดตามต้องให้รู้ให้เข้าใจ จะได้ทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ จะได้เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เราไปตามความคิดตามความหลงน่ะมันไม่จบหรอก

 

เราคิดดูดี ๆ นะ ท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ อยู่ติดทะเล ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกรรมฐานของเมืองไทย ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ เอาพระพุทธเจ้านำชีวิตปฏิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติตามหลวงปู่มั่น พระพุทธเจ้าว่าอย่างไรก็ปฏิบัติอย่างนั้น หลวงปู่มั่นว่าอย่างไรก็ปฏิบัติอย่างนั้น ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน

 

ท่านก็คิดของท่านไปเรื่อย ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประชาชนทั้งหลายให้ความเคารพนับถือ มหาชนทั้งหลายให้ความเคารพนับถือ ท่านคิดของท่านไปเรื่อยว่าการสร้างบารมีของเรานี้ดีมาก เราเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ท่านก็คิดของท่านไปเรื่อยปรุงแต่งของท่านไปเรื่อย ตามความฝันตามความคิดว่าเราจะสึกไปเพื่อสร้างความดีสร้างบารมีเพื่อเป็นฆราวาส

 

เป็นฆราวาสนี้มันดีนะ เราเป็นคนมีสติมีปัญญานะ การทำมาหากินของเรานี้ไม่มีปัญหา เพราะว่าเราเป็นคนมีสติมีปัญญา เป็นคนรับผิดชอบ เป็นคนมีเหตุมีผล เราลาสิกขาไปมีภรรยาสวย ๆ มีบ้านหรูมีรถหรู มีลูกดี ๆ มีแต่ดีทั้งหมดเลย ส่งลูกเรียนหนังสือภายในประเทศแล้วก็ต่างประเทศ แล้วก็พาลูกพาภรรยาเข้าวัดปฏิบัติธรรม เพื่อสร้างความดีสร้างบารมี เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ถือศีลประพฤติปฏิบัติธรรม

 

ท่านอาจารย์ลีท่านคิดมาถึงตอนนี้น่ะท่านเริ่มได้สติ ว่าขณะนี้เวลานี้เราก็อยู่วัด อยู่แล้ว เราอยู่ที่วัดดี ๆ เราจะสึกไปทำไมให้เสียเวลาในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องไม่ดีกว่าเหรอ เราจะตามความหลงตามความคิดตามความปรุงแต่งไปทำไม

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะความคิดความหลงนี้เป็นความปรุงแต่ง มันก็คิดปรุงแต่งไปเรื่อยมันไม่หยุด เราต้องหยุดด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหกภายในเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ที่สัมผัสกับอายตนะทั้งหกภายนอกเค้าก็ทำหน้าที่ของเขา

 

มันก็คิดมันก็ปรุงแต่งไปอย่างนี้แหละ ให้เรารู้ให้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ไม่รู้จักการประพฤติการปฏิบัติ เราก็จะไปตามอารมณ์ไปตามสิ่งแวดล้อม

 

 เราทั้งหลายจะได้รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์ อย่างนี้แหละเราจะไม่ต้องสึก ไม่ต้องสิกขาลาเพศ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้ง มีหัวใจแห่งความหลง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกเราทั้งหลายว่า อย่าไปตรึกอย่าไปนึกอย่าไปคิดในเรื่องกามเรื่องพยาบาท เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นมันอยากจะสึกนะ เพราะตัวตนนั้นมันหลงนะ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นหัวใจแห่งความหลงเป็นหัวใจแห่งทุจริต ทุจริตนี้มันไม่ดีไม่ถูกต้อง ตัวตนนี้เราคิดดูดี ๆ นะ ตัวตนเป็นที่ตั้งนี้คือทุจริต ตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึก สตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ

 

เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์ เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้งชีวิตของเราทั้งหลายมันก็ต้องพังทลายเพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตนไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร

 

อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้องมันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง. แผ่นดินไหวอยู่มัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันร่วมพันกิโลเมตรน่ะ

 

ด้วยเอาความหลงนำชีวิต เอาธุรกิจนำชีวิต สิ่งที่มองเห็นภายนอกมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. ทั้งที่มองดูแล้วตึกต่าง ๆ ใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง. ตั้งหลายสิบตึกเพราะมาตรฐานเค้าสูงกว่า พอที่จะรับแผ่นดินไหวได้ ไม่ใช่ว่าตึกต่าง ๆ นั้นเค้าไม่โกงกินคอร์รับชั่นเค้าโกงกินคอร์รัปชั่นทุจริตอยู่ แต่ว่ามันน้อย ไม่มากเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะมันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหากทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณเอาถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลง

 

ที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้นมันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ  ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ

 

ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลงมันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวนอย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโนเอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต หัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่ เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ

 

การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการ มีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการ เป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการ รู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติอย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ

 

ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ ให้เรารู้เข้าใจ

 

อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน ด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาดเอาความหลงนำชีวิตเอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียก                 บ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโนนำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 

Visitors: 94,989