๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๑๖ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
ให้เราพากันเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะทุกคนนั้นความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งการประพฤติการปฏิบัตินั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เราทั้งหลายจะได้เอาความรู้ความเข้าใจเอามาใช้มาประพฤติมาปฏิบัติเพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราจะได้พากันมามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ อยู่ที่สัมมาทิฐิความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
เราทุกคนเน้นมาที่ตัวของเราเอง ถือว่าการประพฤติการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ
เราอาศัยร่างกายที่เป็นมนุษย์ มีอายุขัยอยู่ได้ร่วมศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอยู่ได้มากกว่าร้อยปี ที่เป็นทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีธาตุทั้ง ๔ มีขันธ์ทั้ง ๕ มีอายตนะภายนอกภายใน รวมกันเป็น ๑๒ เอาหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม ที่เป็นตัวอย่างแบบอย่างขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านได้บำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านชาติ เพื่อมาเป็นตัวอย่างแบบอย่าง
เราทั้งหลายต้องพากันตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อเอาสัมมาทิฐิความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ชีวิตของเราก็จะก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ทั้งความรู้กับการปฏิบัติ เพื่อเราจะได้หยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะทุกอย่างคือกรรมคือกฎแห่งกรรมคือผลของกรรม พากันตั้งใจพากันตั้งเจตนา
การปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีต่อหน้าและลับหลัง ถ้าต่อหน้าและลับหลังแล้วคือความไม่ถูกต้อง ไม่ใช่บริสุทธิคุณ มันยังเป็นต่อหน้าและลับหลังอยู่
ชีวิตของเราในชีวิตประจำวันมันเป็นข้อสอบและข้อตอบ ให้เรารู้เข้าใจในชีวิตประจำวันเราจะเป็นข้อสอบและข้อตอบ ทั้งข้อสอบและข้อตอบมันจะมีอยู่ที่ปัจจุบัน เรามีตามันก็มีรูป นี้คือข้อสอบแล้วก็ข้อตอบ
ถ้าเราไม่มีตา รูปก็ไม่มี เรามีหูมันก็มีเสียง ถ้าเราไม่มีหู มันก็ไม่มีเสียง
ให้รู้เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเพียงสิ่งที่สัญจรไปมา ชั่วครั้งชั่วคราวหาใช่สัตว์บุคคลตัวตนไม่ ความว่างจากเปล่าจากสัตว์บุคคลตัวตนนั้นแหละ เป็นสภาวธรรมที่บริสุทธิ
เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้ไปตามผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราจะไม่ได้ไปตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะ
เราทั้งหลายจะได้มีศิลปะด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้เพื่อเป็นข้อสอบและข้อตอบ
เราทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เราทุกคนถือว่า เราทุกคนมีโอกาสที่เรามีธาตุมีขันธ์มีอายตนะ เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เรานอนเราพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนการพักผ่อนให้เพียงพอนี้คือการปฏิบัติธรรม การเอาศีลนำชีวิตคือความหยุดคือความพักผ่อน การเอาสมาธิยกเลิกเรื่องอดีตอนาคต ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่างจากตัวตนจากสัญชาตญาณ สัญชาตญาณที่มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นคนหนุ่มคนสาวเป็นคนแก่เฒ่าคนชราหรือเป็นคนตาย อย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณ
สัมมาสมาธิมันเป็นความว่างจากตัวจากตน
การประพฤติการปฏิบัติ ปัญญาสัมมาทิฐิเรารู้เข้าใจ มีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นสมาธิเองโดยธรรมชาติ มันจะเป็นสัมมาสมาธิ
ปัญญาน่ะหมายถึงรู้เหตุรู้ปัจจัย ว่าเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ที่เอาศีลเอาสมาธิมาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อให้ศีลสมาธิปัญญารวมกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน เป็นมรรคาปฏิปทา เป็นทางสายกลาง เป็นการพัฒนาระหว่างใจกับวัตถุ พัฒนาใจกับวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เพื่อเราจะได้สงบด้วยศีลด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยปฏิปทาที่ติดต่อต่อเนื่อง
เรามาหยุดสัญชาตญาณด้วยความรู้ความเข้าใจ เรามาหยุดความชอบไม่ชอบน่ะ ความชอบไม่ชอบนั้นก็ชื่อว่าความปรุงแต่ง ธรรมนั้นไม่มีความปรุงแต่ง ธรรมนั้นไม่ก้าวก่าย ธรรมนั้นไม่ลิดรอนสิทธิ ธรรมนั้นเป็นประภัสสร ธรรมนั้นหยุดปรุงแต่ง ทางวิทยาศาสตร์คือความปรุงแต่ง เป็นความดีเพื่อตัวตน เป็นการเรียนการศึกษาเพื่อตัวเพื่อตน การทำงานเพื่อตัวเพื่อตน ประกอบอาชีพเพื่อตัวเพื่อตน อันนี้คือความปรุงแต่ง
พระนิพพานน่ะคือสภาพไม่ปรุงแต่ง คือสภาพที่พอดี พอเพียงเพียงพอ เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นปัญญาเป็นความสงบ เป็นการเจริญสติปัฏฐาน สติปัฏฐานคือความสงบกับปัญญา ปัญญากับความสงบ มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นสุคโต ยืนเดินนั่งนอน บริโภคใช้สอย ไม่มีลิดรอน มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา หยุดวัฏฏสงสารด้วยความรู้ความเข้าใจ ที่บทสวดว่า การระงับสังขารด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความไม่มีทุกข์อย่างยิ่ง
เราทั้งหลายน่ะต้องรู้เข้าใจ เพื่อที่จะไม่ฟุ้งซ่านไป จะได้สงบด้วยการมีสติ จะได้สงบด้วยการมีปัญญา เพื่อจิตใจของเราจะเป็นประภัสสร ที่เราแก่เราเจ็บเราตายเราพลัดพราก มันเป็นผลกรรมจากที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ ด้วยเหตุนี้เราต้องรู้เข้าใจเห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด เห็นคุณค่าในการประพฤติการปฏิบัติ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้พวกเราเน้นที่ปัจจุบัน เพราะอดีตมันก็ มารวมที่ปัจจุบัน อนาคตที่ยังมาไม่ถึงมันก็มาอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ ปัจจุบันมันเป็นอย่างไร มันก็เป็นพื้นฐานของอนาคตอย่างนั้น ปัจจุบันมันว่างจากนิติบุคคลตัวตนด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี การบำเพ็ญบารมีถึงเน้นที่ปัจจุบัน
เราทั้งหลายถือว่าชีวิตนี้ประเสริฐ ไม่มีใครช่วยเราได้ ตนแลเป็นที่พึ่งของตนในโลกนี้ไม่มีใครช่วยเราได้ สิ่งที่ขลังค์ศักดิ์สิทธิ์คือความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ข้อวัตรกิจวัตร ศีลสมาธิปัญญาเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์
การคิดดี ๆ พูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ เพื่อเอาธรรมนำชีวิตนี้เป็นสิ่งที่ขลังศักดิ์สิทธิ์
เราไม่ต้องไปขอพรจากพระพุทธเจ้า เราไม่ต้องไปขอพรจากพระอรหันต์ เราไม่ต้องไปขอพรจากครูบาอาจารย์ จากท่านที่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราไปหาท่านเพื่อความรู้ความเข้าใจ ไปถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ไปถือนิสัยของพระอรหันต์ ไปเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ เพราะความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากนั้น มันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรมเป็นประภัสสร
ให้เรารู้ให้เข้าใจเรื่องไฟต์ เรื่องการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นไฟต์ มันเป็นการชิงแชมป์ระหว่างโลกกับธรรม เราไปดูนักกีฬานักฟุตบอลเค้าชิงแชมป์กันนั้นเป็นทีมเวิร์ค หรือว่าเราไปดูนักมวยเค้าชิงแชมป์กันตัวต่อตัว นั่นเป็นไฟต์
ให้เรารู้เข้าใจ ในปัจจุบันมันเป็นไฟต์ของเรานะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ปล่อยให้กาลเวลามันกลืนกินเรา แก่เฒ่าเปล่า ๆ เสียทรัพยากรความเป็นมนุษย์
ถ้าเรารู้เข้าใจ เราก็ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เราก็ตั้งอยู่ในความสงบ ตั้งอยู่ในปัญญา มันหยุดสัญชาตญาณ มันหยุดการเวียนว่ายตายเกิดด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย เพราะมันเป็นไฟต์ เป็นการประพฤติเป็นการปฏิบัติ
วัฏฏสงสารคือการเวียนว่ายตายเกิด เราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็เวียนว่ายตายเกิด เราทั้งหลายต้องรู้วัฏฏสงสาร มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ มีศีลมีสมาธิมีปัญญาเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ
ให้เรารู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เมื่อตาเราเห็นรูปมันก็จะไปตาม ความไม่รู้ไม่เข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจหูเราได้ฟังเสียงมันก็จะไปตามความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราต้องรู้เข้าใจว่าเราจะตามอะไรไปไม่ได้ ความสงบระงับสังขารทั้งหลายถึงเป็น ความดับทุกข์อย่างยิ่ง ดับทุกข์ด้วยรู้เข้าใจ ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาอย่างนี้
วัดคือข้อวัตรข้อปฏิบัตินะ วัดนั้นคือธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ท้ง ๕ อายตนะ ๑๒ น่ะ
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราอยู่ที่ไหนที่เรายังไม่ตายมันก็มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ เราทั้งหลายจะได้มีข้อวัตรข้อปฏิบัติเพื่อไม่ไปตามสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าสู่ข้อวัตรกิจวัตรที่ตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาทไม่เพลิดเพลิน
ให้เรารู้เข้าใจในเรื่องความเป็นประภัสสรของธรรมชาติ เพื่อเราจะได้ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง
ความเคยชินในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารของเรามันมีพลัง มีเพาเวอร์มาก คู่ต่อสู้มีพลังมากมีเพาเวอร์มาก เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจนะ ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มันมีพลังมากมีเพาเวอร์มาก ถ้าความสงบเราไม่เพียงพอ ปัญญาของเราไม่เพียงพอ ไม่อาจจะต้านทานพลังเพาเวอร์แห่งอวิชชาแห่งความหลงได้ สัมมาสมาธิความตั้งมั่นถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เราทั้งหลายต้องเห็นความสำคัญในข้อวัตรกิจวัตรพระวินัยสิกขาบททั้งเล็กกลางใหญ่เป็นสิ่งสำคัญ เราอย่าไปมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คืออุปกรณ์นะ
ตาหูจมูกลิ้นกายใจนี้คืออุปกรณ์นะ อุปกรณ์กับกรรมกรก็คืออันเดียวกัน
เราเอาอุปกรณ์เอากรรมกรมาทำงานประพฤติงานปฏิบัติ ศีลสมาธิปัญญา ให้ถือว่าเป็นอุปกรณ์เป็นกรรมกร ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องกฎของกรรมไม่รู้เรื่อง ผลของกรรม
เราไม่รู้การประพฤติการปฏิบัตินะ เค้าจะทำงานเค้าต้องใช้อุปกรณ์น่ะ ศีลสังวร เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ อยากได้มากมันก็ไม่มาก อยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย ศีลสังวร ปาฏิโมกข์สังวร อินทรีย์สังวร อาชีพสังวร เราต้องรู้เข้าใจนี้เป็นอุปกรณ์ นี้เป็นความสงบนี้เป็นปัญญา หยุดความฟุ้งซ่านก้าวไปด้วยความสงบด้วยปัญญา นี้คืออุปกรณ์ในการเดินทางนะ
เค้าจะเดินทางไกลเค้าก็อาศัยปลีแข้งก้าวไปซ้ายขวา คนรุ่นใหม่สมัยใหม่เค้าเดินทาง เค้าใช้รถใช้เครื่องบินใช้เรือ
ให้รู้ให้เข้าใจว่าศีลสมาธิปัญญาคือยานเพื่อหยุดสัญชาตญาณเป็นอุปกรณ์เป็นยานพาเราไปน่ะ ตัวตนน่ะมันคือวัฏฏสงสาร
เราต้องเข้าใจเรื่องยาน สิ่งภายนอกมันก็เป็นยานภายนอก สิ่งที่เราเดินทางไกล อันนั้นเป็นยานภายนอก รถ เครื่องบิน เรือเดินทะเลเดินมหาสมุทร อันนี้คือยานภายนอก
ยานภายในในเรื่องจิตเรื่องใจได้แก่ศีล ได้แก่สมาธิ ได้แก่ปัญญา กายวาจากิริยามารยาทอาชีพเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เป็นยานพาหนะนำเราไป ที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นกรรมเป็นกฎของกรรมเป็นผลของกรรม เพราะทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย
ให้เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจนะ เราทั้งหลายจะได้ยกเลิกจะได้แคนเซิลวัฏฏสงสารของตัวเอง ยกเลิกอดีตทั้งหมดน่ะ ไม่ให้เรื่องอดีตมันปรุงแต่งเราได้
ทำอย่างไรอดีตถึงจะปรุงแต่งเราไม่ได้ เราก็ต้องมีสติคือความสงบ มีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง อดีตถึงจะทำงานไม่ได้ เพราะกายวาจากิริยามารยาทใจมันมีวาระเดียวกัน ไม่มีหลายวาระนะ
ถ้าเราปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดตกบกพร่อง อดีตก็จะปรุงแต่งเราไม่ได้ ให้เรามีความสงบให้เพียงพอ ให้เรามีศีลเพียงพอ มีสมาธิเพียงพอ มีปัญญาให้เพียงพอในปัจจุบัน กรรมนั้นก็จะตามเราไม่ทัน วิบากกรรมก็จะถึงเราได้เพียงร่างกาย เพราะร่างกายมันเป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ น่ะ สิ่งนี้เป็นธรรม เป็นสภาวธรรม
เราก็ต้องรู้เข้าใจว่าอันนี้เป็นอดีต ผลจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ เมื่อเราแก้ไขเรื่องเก่าไม่ได้ เราก็ยอมรับน่ะ การยอมรับสภาวธรรมคือความเป็นจริงถึงเป็นความสงบอย่างยิ่ง เป็นการหยุดความปรุงแต่งด้วยความรู้ความเข้าใจ นี้คือปัญญาบริสุทธิคุณ การมาสงบระงับสังขารทั้งหลายคือความดับทุกข์ เป็นความดับทุกข์อย่างยิ่ง
ความรู้ความเข้าใจเป็นการเรียนเพื่อเสียสละ เป็นการทำงานเพื่อเสียสละ เป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเพื่อเสียสละ เป็นนักบวชเพื่อเสียสละ มีความสุขในการเสียสละ การเสียสละคือการหยุดวัฏฏสงสารของตัวของเราเอง ช่างหัวเผือก ช่างหัวมัน ถึงโลกนี้จะอร่อยจะแซบจะลำจะนัวจะหรอยก็ช่างมัน ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านบอกว่าช่างหัวเผือกช่างหัวมัน
เราต้องเสียสละ เพราะการเสียสละมันเป็น ความหยุดเป็นความสงบและก็เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ
ชีวิตของเรานี้เป็นสัมมาทิฐิ รู้เข้าใจ อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงเสียสละแก่หมู่มวลมนุษย์เทพเทวาสรรพสัตว์ทั้งหลายวันละ ๒๐ ชั่วโมง คือการเสียสละ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเสียสละ เสียสละให้ธาตุให้ขันธ์ให้อายตนะ พักผ่อนบรรทมวันละ ๔ ชั่วโมงคือการเสียสละ
การให้ทานก็คือการเสียสละ การรักษาศีลก็เพื่อเสียสละ การทำสมาธิก็เพื่อเสียสละ การเจริญปัญญาเพื่อบริสุทธิคุณนี้ก็คือการเสียสละนะ
เราคิดดูดี ๆ เราไม่เสียสละมันจะไปได้อย่างไร เพราะการไปไม่ได้ คือการไม่เสียสละ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ส่งพระอรหันต์ ๖๐ รูปออกไปเผยแผ่ไปบอกให้ประชาชนให้มหาชนเข้าใจในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ ต้องเสียสละ ความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ที่เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะเป็นตัวเรา มันคือความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด
ต้องพากันเสียสละ อย่าให้ประชาชนมหาชนเค้าเอาความหลงนำชีวิต ต้องรู้เข้าใจในชีวิตที่ประเสริฐ พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปด้วยการเสียสละ ถึงจะเป็นความถูกต้องถึงจะเป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นปัญญาเป็นความสงบ เมื่อมันเสียสละแล้วถึงไปได้ ถ้าไม่เสียสละมันก็ไปไม่ได้ มันก็อยู่ในภพในภูมิแห่งความหลง ย่ำต๊อกอยู่ในที่เก่าย่ำต๊อกอยู่ในความหลง
ถ้าเราเสียสละน่ะ เราถึงมีปัญญานะ คนไม่เสียสละชื่อว่าคนไม่มีปัญญา ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิไม่มีปัญญานะ
ผู้ที่ไปเผยแผ่ถึงไปบอกให้ทุกคนรู้ความจริงบอกให้ทุกคนเสียสละ ไม่ใช่บอกให้ประชาชนมหาชนว่าทำอย่างนี้ได้บุญมาก ได้อานิสงส์มากนะ ประชาชนมหาชนนะ ไม่ได้ว่าอย่างนั้น
บอกให้เสียสละ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเสียสละ ถ้าเราเสียสละ ก็จะเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความพอดี ความรู้ความเข้าใจ ปัญญากับความสงบนี้เปรียบเสมือนแพทย์ที่จะผ่าตัดสมองนี้ สมองเป็นอวัยวะที่มีเส้นประสาทน้อยใหญ่ที่ควบคุมคอนโทรลสรีระร่างกายของมนุษย์ แพทย์ที่จะผ่าตัดต้องมีความรู้ความเข้าใจพร้อมกับความสงบความนิ่ง มันเป็นความสงบกับปัญญา เป็นสมถะวิปัสสนา มันจะเป็นความพอดี
ผู้มีปัญญามากก็ต้องมีความสงบมากเป็นคู่กัน ผู้ที่มีปัญญาน้อยก็ต้องเพิ่มปัญญา การเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันมีปัญญาน้อย ก็ต้องเสียสละตัวตนมันถึงจะมีปัญญา เพราะตัวตนคือปัญญาน้อย คือไม่มีปัญญานะ
แพทย์จะผ่าตัดหัวใจก็เหมือนกัน หัวใจเป็นศูนย์รวมที่ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายทุกชิ้นส่วน แพทย์จะผ่าตัดก็ต้องมีความรู้มีความเข้าใจมีความสงบถึงจะปลอดภัย มันเป็นความพอดีเป็นความเพียงพอ มันเป็นความสงบเป็นปัญญา
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ อาศัยความรู้ความเข้าใจนี้แหละประพฤติปฏิบัติเน้นมาที่ตัวเรา
อย่างเราไปอยู่กับพระพุทธเจ้า ไปอยู่กับพระอรหันต์ เราก็ปฏิบัติอย่างนี้แหละ ศีลสมาธิปัญญานั้นคือพระพุทธเจ้าคือพระอรหันต์นะ พระอรหันต์คือหยุดสัญชาตญาณ มีแต่พระธรรมมีแต่พระวินัย มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญานั้นคือพระอรหันต์
การปฏิบัติของเราน่ะต้องให้ติดต่อต่อเนื่อง ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง การมีต่อหน้าและลับหลังมันคือความเครียดนะ การทำอะไรชั่วครั้งชั่วคราวมันคือความเครียด มันเป็นการจัดฉาก มันเป็นการหลอกลวง มันเป็นความเครียด
เราไปทำอะไรในพิธีต่าง ๆ จะเป็นพิธีพระราชทานอะไรต่าง ๆ มันเครียด เพราะไปทำชั่วครั้งชั่วคราวมันเป็นความเครียดน่ะ ถ้าการปฏิบัติมันติดต่อต่อเนื่องไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันจะหยุดความเครียดนะ
อย่างเรามานั่งสมาธิในศาลาเป็นหมู่คณะตัวตรงอย่างนี้แหละ นี้เป็นเพราะเราทำเพื่อจัดฉาก เพื่อให้เพื่อนเรายอมรับ เพื่อให้หมู่คณะเรายอมรับ เพื่อให้คนเห็นเป็นการจัดฉากเป็นความเครียด
การปฏิบัติถึงไม่มีต่อหน้าและลับหลังให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าให้มีต่อหน้าและลับหลังการปฏิบัติถ้ามีต่อหน้าและลับหลังมันคือนักหลอกลวงนะ นักหลอกลวง มันเป็นการอวดโชว์ มันไม่ใช่ของจริง มันเป็นของอวดของโชว์ อันนี้เป็นความเครียดนะ
การปฏิบัติธรรมจึงเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ที่กายวาจากิริยามารยรทของเรา อย่าให้มีต่อหน้าและลับหลัง การปฏิบัติธรรมต้องเอาพระอรหันต์มาไว้ที่กายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา
เราต้องมีศีลสมาธิปัญญาอยู่ตลอดกาลตลอดเวลาด้วยความรู้ความเข้าใจ พวกที่เครียดทนความเครียดไม่ไหว ก็เลยพากันนั่งคอตกนั่งคองออย่างนี้ประการหนึ่ง เก่งหน้าดูเลย เพื่อเอาหน้าเอาตาเอาความหลง มันไมใช่บริสุทธิคุณ
การประพฤติการปฏิบัติถึงเน้นที่ใจเน้นที่เจตนา ถึงจะเป็นการเสียสละ ที่ไม่หวังผลตอบแทนด้วยความหลง ความหลงมันเป็นตัวเป็นตนให้รู้เข้าใจ อย่าไปทำอะไรให้คนอื่นเค้าเลื่อมใส ให้คนอื่นเค้ายอมรับ กวาดวัดให้ดี ๆ ถูศาลาดี ๆ จัดเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ เพื่อให้คนอื่นเค้าเลื่อมใส อันนี้ไม่ใช่นะ
ถ้าอย่างนั้นทำไปเพื่ออะไรล่ะ ก็ทำไปเพื่อเสียสละ เพราะตัวตนนั้นมันไม่อยากเสียสละ เค้ามีเวลาเพื่อปรับตัวเข้าหาเวลาเพื่อเสียสละ เรามีข้อวัตรกิจวัตร เพื่อเราจะได้มีข้อวัตรกิจวัตรเพื่อให้เราได้เสียสละ เพราะการเสียสละมันคือศีล คือสมาธิคือปัญญา มันเป็นความดีเป็นบารมี เป็นบริสุทธิคุณ
เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันเสียสละ ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน
เราทุกคนมีวัฏฏสงสาร มีพ่อมีแม่ มีอดีต มันก็ต้องคิดมันก็ต้องวิตกกังวล แต่เราก็ต้องรู้เข้าใจในเรื่องวัฏฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิด เราพยายามอย่าให้อดีตที่ผ่านมามันปรุงแต่งเรา ให้เรามีสติคือความสงบมีสัมปชัญญะคือปัญญา เอาปัจจุบันให้ดี ๆ ให้มีปิติมีความสุขในพระธรรมพระวินัยในปัจจุบัน
เราต้องมีพระธรรมพระวินัย มีข้อวัตรปฏิบัติเป็นเครื่องอยู่ เราจะได้หยุดเอาความหลง เอาความงมงาย เอาไสยศาสตร์เป็นเครื่องอยู่ เพราะว่ามันไม่ถูกต้อง มันเป็นวัฏฏสงสาร เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
เราทั้งหลายมาสร้างพระคือมาสร้างผู้เสียสละคือตัวเรานี้นะ เราทั้งหลายต้องมาสร้างพระอย่างนี้
เราคิดดูดี ๆ นะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วร่วมห้าร้อยปีนะเค้าถึงสร้างพระพุทธปฏิมา เพราะความรู้ความเข้าใจว่าพระที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่เสียสละคือผู้ที่รู้อริยสัจสี่รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
พระคือผู้ที่เสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละเราจะมีศีลมีสมาธิมีปัญญาได้อย่างไรเพราะมันเป็นตัวเป็นตน เราจะเป็นพระธรรมพระวินัยได้อย่างไร เพราะตัวตนนั้นไม่ใช่พระธรรมพระวินัย มันเป็นตัวเป็นตน
เราต้องรู้เข้าใจเรื่องความเป็นพระนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเห็นมั๊ยรู้มั๊ย ชีวิตนี้มันพังทลาย ล้มละลาย พังทลายเหมือนตึก สตง.
เราคิดดูดี ๆ มหาวิทยาลัยนาลันทาที่ประเทศอินเดีย ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจพัฒนาแต่วิทยาศาสตร์พัฒนาแต่วัตถุไม่เอาใจไปพร้อม ๆ กัน มหาวิทยาลัยนาลันทาเลยถูกเผา เพราะเอาแต่วัตถุ เอาแต่อวิชชาความหลง เอาแต่วิทยาศาสตร์ เอาความหลงนำชีวิต ทิ้งพระธรรมทิ้งพระวินัย ทิ้งมรรคทิ้งอริยมรรค ตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท ประจบคฤหัสถ์ประจบคนรวยประจบข้าราชการนักการเมือง มหาวิทยาลัยนาลันทาเลยถูกเผา ใช้เวลาเผาอยู่ตั้งหลายเดือนน่ะ
ตัวไม่รู้ไม่เข้าใจนี้คือตัวอันตรายนะ
การประพฤติการปฏิบัติท่านถึงให้เราเน้นที่ปัจจุบัน เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาในปัจจุบัน อย่าให้เป็นตัวเป็นตน ให้เป็นปัจจุบันธรรม
ความเข้าใจในเรื่องเป็นพระน่ะ ที่ก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประกาศต่อมหาชนว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าพระตถาคตเจ้าจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน
ท่านพระอานนท์ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน จะให้เราเอาหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม จะเอาใครแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอานนท์ทูลถามอย่างนี้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า อานนท์เอย ให้รู้เข้าใจนะ พระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรที่เป็นพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั่นแหละคือความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ นั่นแหละคือพุทธะ
คำว่าพุทธะนี้ไม่ได้หมายถึงสรีระนี้ พุทธะนี้คือพระธรรมพระวินัย มีความรู้ความเข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ โลกนี้จะก้าวไปด้วยสุปฏิปันโนคือผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ปฏิบัติสมควรให้รู้เข้าใจ พระธรรมพระวินัยคือตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะความถูกต้องเป็นสิ่งทีมีอยู่ ความดับทุกข์เป็นสิ่งที่มีอยู่ พระนิพพานเป็นสิ่งที่มีอยู่เราต้องรู้เข้าใจ
ให้พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ โลกนี้ก็จะมีพุทธะคู่กับชีวิต ไม่ใช่ความหลงคู่กับชีวิต ด้วยเหตุด้วยปัจจัยนี้ เวลาผ่านไปตั้งห้าร้อยปีถึงมีการสร้างพระพุทธรูป สร้างพุทธปฏิปมาแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะสัมมาทิฐิ ความรู้ความเข้าใจ
อริยมรรคมีองค์แปดคือความเป็นพระทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจน่ะ คือความเป็นพระ รู้ด้วยความรู้ความเข้าใจ เป็นเวลาช้านานตั้งห้าร้อยปี ถึงมีการสร้างพุทธปฏิมา
เพื่อให้ทุกคนพากันรู้เข้าใจนะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เอาความหลงนำชีวิต ชีวิตนี้มันก็จะพังทลายเหมือนตึก สตง.นะ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไท เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวนอย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการ รู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณมีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศเค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้ มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมาก ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ประเสริฐ เป็นผู้ที่มีลมปราณ มีโอกาสมีเวลา จึงได้ขออนุโมทนาล่วงหน้าเอาไว้ก่อน
ให้รู้เข้าใจ พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ บุญกุศลมันจะเป็นบารมีของพวกเราที่เป็นบริสุทธิคุณทางกายวาจากิริยามารยาท ทั้งใจ มันจะเป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ บุญกุศลนี้จะได้ส่งให้มอบให้สรรพสัตว์ทั้งหลายให้ผู้วายชนม์บรรพบุรุษของเราทั้งหลายที่จากไป
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบริสุทธิคุณในเช้าวันที่ ๑๖ มิถุนายนนี้ก็เห็นสมควรแก่เวลาในการบรรยาย
---------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันจันทร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา