๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๓ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม

 

พวกเราทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นสาว เป็นคนแก่ คนเฒ่า คนชรา เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวช เป็นพ่อค้าประชาชน เกษตรกร อุตสาหกรรม ให้พากันเข้าใจในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเพื่อจะไม่มีความทุกข์ทางกายทางใจ เพื่อทำที่สุดทุกข์ทั้งสองอย่างทั้งกายทั้งใจ

 

ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจ เพราะทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย มันคือกรรมคือผลของกรรมไม่ใช่อย่างอื่น เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่ปัจจุบัน เพราะอดีตก็มารวมอยู่ที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้าก็มารวมกันที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระสำคัญ ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ

 

สิ่งที่มันปรากฏการณ์อยู่เดียวนี้ก็คือกรรมคือผลของกรรมในอดีตที่ผ่านมา ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะทั้ง ๖ มันเป็นผลของอดีต เราต้องรู้ต้องเข้าใจว่าอันนี้ มันเป็นผลของอดีต

 

การประพฤติการปฏิบัติเราต้องรู้อดีตที่ผ่านมา อันไหนมันเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา รู้ว่าความไม่ดีเนื่องมาจากอวิชชา เนื่องมาจากความหลง เราต้องรู้เรื่องอดีตที่ผ่านมา เพื่อเราจะได้ประพฤติปฏิบัติในปัจจุบันให้ดี ๆ เราจะไม่ได้ทำผิดอีก ให้ถือว่าผิดนั้นก็เป็นครู เป็นครูอย่างไรล่ะ เป็นอดีตที่จะต้องเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ไม่ดีให้มันดี สิ่งที่ไม่มีปัญญาให้มันมีปัญญา ถือว่าอดีตให้เป็นครูเป็นบทเรียน

 

เราต้องเห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ถ้าเราไม่เห็นภัย เราก็จะไปทำอย่างเก่า ปฏิบัติอย่างเก่า มันก็ไม่ได้ เพราะมันเสียหาย ไม่ถูกต้อง สิ่งไหนที่ดี ๆ ที่ประกอบด้วยปัญญา เราจำไว้ เพื่อเป็นคติธรรมนำมาประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อเราจะได้หยุดกรรมเก่าในสิ่งที่ไม่ดี และเราก็จะได้สร้างกรรมใหม่ เพราะชีวิตของเรานี้ต้องก้าวไปด้วยการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม

 

เราเป็นคนมีปัญญาถึงต้องเป็นคนดี เป็นคนดีถึงต้องเป็นคนมีปัญญา ความดีกับปัญญานี้ไปพร้อม ๆ กัน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่า เราทุกคนต้องไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่ความดีหรือว่าทำแต่บุญ ทำความดีก็ต้องฉลาดอีกด้วย ทำความดีก็ต้องมีปัญญา เราต้องรู้เข้าใจเรื่องความดี มนุษย์เราถึงมีการเรียนการศึกษาเพื่อให้รู้จักความดี ต้องรู้จักว่าอันไหนไม่ดี

 

มนุษย์เรามีการเรียนการศึกษา ศึกษาจากพ่อจากแม่ ศึกษาจากโรงเรียนด้วยการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ มนุษย์เราต้องมีการเรียนการศึกษา เพราะการเรียนการศึกษานี้เป็นแสงสว่าง เป็นความรู้ความเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย การเรียนการศึกษานี้เป็นหลักการของมนุษย์ ทุก ๆ ประเทศมีการเรียนการศึกษาใช้หลักการเดียวกันหมด อนุบาล ประถม มัธยม อุดมศึกษา ใช้หลักการเดียวกันหมด ถึงจะเป็นคนต่างชาติต่างประเทศต่างศาสนาก็เป็นหลักการอันเดียวกัน นี้เป็นสากล เพื่อเป็นความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ ผู้ที่มีการเรียนการศึกษาผู้ที่มีปัญญามาก เมื่อไปรับจ้างทำงานถึงมีค่าตัวแพงมากกว่าผู้ที่ไม่มีการเรียนการศึกษา ผู้มีปัญญาน้อย เค้าถึงมี มอก. มีมาตรฐานในการเรียนการศึกษา

 

หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมในการดำเนินชีวิต เราต้องมีหลักการมีปัญญาสัมมาทิฏฐิ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

ให้เราทุกคนที่เป็นมนุษย์ถือว่าปัจจุบันเป็นวาระสำคัญในการประพฤติการปฏิบัติ พากันเน้นมาที่ตัวเราทุก ๆ คน ไม่เน้นที่ผู้อื่น เน้นที่ตัวเรา คนอื่นเค้าจะดีจะชั่วก็ช่างเค้า เน้นที่ตัวเรา ให้ตัวเราเกิดความสงบเกิดปัญญา เกิดปัญญาเกิดความสงบเน้นที่ตัวเรา

 

มนุษย์เราทั้งหลายอย่าไปทำอะไรตามความชอบไม่ชอบ อย่าไปทำอะไรตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะตามสิ่งแวดล้อม เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เน้นที่ใจของเรา เน้นที่บริสุทธิคุณ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารเจริญสติปัฏฐาน เอาความสงบเอาปัญญาไปพร้อม ๆ กัน บ้านของเราให้ถือว่าบ้านของเราที่อยู่ของเราคือความสงบและปัญญา ไม่ใช่อวิชชาไม่ใช่ความหลงบ้านของเราคือความสงบคือปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องเข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบัน ปัจจุบันต้องเป็นบริสุทธิคุณความสงบและปัญญานี้ถือว่าเป็นบริสุทธิคุณ เราทั้งหลายจะพากันมา เจริญสติสัมปชัญญะ เน้นเรื่องการเจริญสติสัมปชัญญะ โฟกัสมาที่สติสัมปชัญญะ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเป็นหนึ่งเดียวในการเจริญสติสัมปชัญญะ คอนโทรลตัวเองด้วยความสงบด้วยปัญญาด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ

 

ให้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัติของเราคือการเจริญสติสัมปชัญญะ เรายกเลิกสิ่งภายนอกแล้วมาเจริญสติสัมปชัญญะเพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ เพื่อให้ติดต่อต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาให้ติดต่อต่อเนื่อง ถ้าเราเจริญสติสัมปชัญญะ สิ่งภายในก็จะเป็นประภัสสร สิ่งภายนอกก็จะเป็นประภัสสร รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ สิ่งภายในนี้ก็จะเป็นประภัสสร รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ภายนอกนั้นก็จะเป็นประภัสสร ทุกอย่างก็จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีแต่ความเป็นประภัสสร

 

เราเป็นมนุษย์ เราทุกคนต้องพากันทำอย่างนี้ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่มีชั้นไม่มีวรรณะ มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา ไม่มีนิวรณ์ทั้ง ๕ ไม่มีอคติทั้ง ๔ เราเอาพระพุทธเจ้าเอาไว้ในกายวาจากิริยามารยาทใจของเรา เอาพระธรรมคำสั่งสอนแปดหมื่นพระธรรมขันธ์เอามาไว้ในใจของเรา เอาพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ปฏิบัติสมควรมาไว้ในเราในตัวเรา ที่เป็นความสงบเป็นปัญญา เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ตั้งใจตั้งเจตนา

 

ให้รู้เข้าใจว่าไม่มีใครใหญ่ยิ่งใหญ่กว่ากรรม กว่ากฎแห่งกรรม กว่าผลของกรรม นั้นเป็นไปไม่ได้

 

เราทุกคนน่ะต้องเข้าใจพระธรรมพระวินัย ธรรมนูญรัฐธรรมนูญคือความสงบ และปัญญา ปัญญาและความสงบ เป็นสิ่งที่ไม่ไปตามอะไร เป็นความพอดีไม่เพิ่มไม่ตัด ทำความดีเพื่อความดี เจริญปัญญาเพื่อปัญญา เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพทั้งใจเป็นบริสุทธิคุณ

 

พระพุทธเจ้าคือบุคคลพิเศษ คือบุคคลที่นอกเหตุเหนือผล พระอรหันต์ขีณาสพถึงเป็นบุคคลพิเศษ บุคคลที่นอกเหตุเหนือผล เพราะความสงบกับปัญญาเป็นหนึ่งเดียวกัน ความสงบระงับสังขารทั้งหลายด้วยบริสุทธิคุณถึงเป็นเหตุปัจจัย อยู่นอกเหตุเหนือผล

 

การประพฤติการปฏิบัติที่เป็นอริยมรรคถึงเป็นทางสายกลางที่กายวาจากิริยามารยาทอาชีพใจ เป็นทางสายกลาง เป็นบริสุทธิคุณ การประพฤติการปฏิบัติ ถึงเป็นชีวิตที่บริสุทธิคุณ ทำอะไรไม่หวังอะไร ทำบุญไม่ต้องการบุญ ทำงานไม่ต้องการผลของการ เจริญปัญญาไม่ต้องการผลของปัญญา

 

เรารู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องสภาวธรรม เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนแต่จรไปจรมา เป็นเรื่องของธาตุของขันธ์ของอายตนะสัญจรไปมาด้วยเหตุด้วยปัจจัย

 

เราจะไปเอาอะไรกับเรื่องสัญจรไปมา ด้วยความรู้ความเข้าใจนี้ใจของเราก็จะเป็นปัญญาบริสุทธิคุณ ใจของเราก็จะไม่เป็นตัวเป็นตน ถ้าเรามีการปฏิบัตติดต่อต่อเนื่องมันก็จะเป็นกระบวนการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ พระนิพพานถึงเป็นเรื่องปัจจุบันไม่ใช่เรื่องอดีตเรื่องอนาคตเป็นเรื่องปัจจุบันธรรม เป็นเรื่องบริสุทธิคุณของศีล ของสมาธิ ของปัญญา

 

การเรียนการศึกษานี้เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้เข้าใจมันจะเป็นกับดักให้กับตัวเองที่เอาตัวรอดด้วยความไม่รอด

 

การเรียนการศึกษาเพื่อเอาตัวรอดเพื่อตัวเพื่อตนนี้แหละคือการเรียนการศึกษาเพื่อความรอด แต่มันเป็นการเรียนการศึกษาเพื่อความไม่รอด เป็นนักวิทยาศาสตร์สร้างกับดักเพื่อทำร้ายตัวเอง

 

เราทั้งหลายน่ะ ต้องรู้เข้าใจให้เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ เพื่อเป็นมรรคเป็นอริยมรรค สัมมาทิฏฐิที่เป็นสัมมาสมาธิทุกคนต้องโฟกัสในปัจจุบัน สัมมาสมาธินี้ ถ้าสัมมาสมาธิของเราไม่แข็งแรงเราจะใจอ่อน เพราะด่านที่เราจะผ่านนี้ก็คือด่านเรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะ  ถ้าเรามีความสงบไม่เพียงพอ มีปัญญาไม่เพียงพอ บุคคลนั้นย่อมใจอ่อนแน่

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้หลักการพระธรรมพระวินัยแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ข้อวัตรกิจวัตรอะไรต่าง ๆ รวมกันอยู่ที่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เพราะว่ามันมากมาย ที่มันย่อยมาเป็นข้อวัตรกิจวัตร นี้เป็นอุปกรณ์ อุปกรณ์ที่ใช้สอยในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เข้าใจในเรื่องอุปกรณ์ในการดำเนินชีวิต

 

  ให้รู้เข้าใจในสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ ให้เข้าใจเรื่องกรรมกร จะได้เซฟตี้ชีวิตในการประพฤติการปฏิบัติ พระธรรมพระวินัยเป็นอุปกรณ์ที่เราจะเอามาใช้เอามาปฏิบัติ เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์

 

เป็นความปลอดภัยของชีวิต ด้วยความรู้ความเข้าใจ ว่าพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ข้อวัตรปฏิบัติเป็นการช่วยเหลือเรา มันเป็นชิฟเป็นเมมโมรี่ที่ฝังอยู่ในธาตุในขันธ์ในอายตนะ ให้เรารู้เราเข้าใจ

 

เราทั้งหลายต้องรู้คุณรู้ประโยชน์ของพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรเห็นภัยในวัฏฏสงสารในการเวียนว่ายตายเกิด เห็นโทษในการทิ้งพระธรรมพระวินัย  ข้อวัตรกิจวัตร เราจะไปใจอ่อนตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะนั้นไม่ได้ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ

 

เห็นโทษเห็นภัยในภัยในอันตรายด้วยความรู้ความเข้าใจ ผู้ที่มาบวชต้องพากันมาประพฤติพากันมาปฏิบัติ เน้นที่ใจ เน้นที่เจตนา มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ในการเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้คือการประพฤติพรหมจรรย์ของเรา ตั้งใจประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์

 

ความเสื่อมของเราน่ะ เรามันใจอ่อน เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะ เอาความรู้สึกนำชีวิต ไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ข้อปฏิบัตินำชีวิต

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าไม่ได้นะ อย่าพากันใจอ่อน ต้องพากันเห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

พระที่บวชเก่าผู้ที่แก่เฒ่าชราให้รู้เข้าใจนะ ต้องพากันเจริญสติสัมปชัญญะต้องเข้าถึงความว่างจากตัวตน อย่าเอาความแก่มาเป็นเรา เอาความเจ็บไข้ไม่สบายมาเป็นเรา อย่าเอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มาเป็นเรา เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องผ่านด่านความแก่ความเฒ่าความชรา ความเจ็บไข้ไม่สบาย

 

ให้เราเอาตัวอย่างแบบอย่างเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีปฏิปทาที่ติดต่อต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนอวสาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อจะละธาตุวางขันธ์ปรินิพพาน ประชาชาชนไปถามท่านว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์เป็นอย่างไร ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เป็นอะไร เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะ เค้าทำหน้าที่ของเค้าตามหน้าที่ตามความเป็นประภัสสร ท่านไม่ได้เป็นอะไร

 

พระเก่าพระพรรษามากพยายามพากันออกมาทำข้อวัตรกิจวัตร อย่าให้ธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะภายนอกภายใน ๑๒ นำใจของเรา  เพื่อเราจะได้เจริญสติสัมปชัญญะ เพื่อจะได้ข้ามธาตุข้ามขันธ์ข้ามอายตนะไปด้วยความรู้ความเข้าใจ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นบริสุทธิคุณ ให้พากันรู้เข้าใจ

 

เรามีความสงบก็ต้องมีปัญญาให้เข้าใจ เรามีปัญญาต้องมีความสงบ ให้เรารู้เข้าใจ

 

ทั้งพระเก่าพระใหม่เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ เราจะไม่ได้เอาความหลงนำชีวิต เราจะไม่ได้เอาตัวตนนำชีวิต ความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเก่าไม่มีอะไรใหม่ ถ้าเราเข้าใจแล้วก็มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา มีแต่ปัญญามีแต่ความสงบ

 

พระอรหันต์ถึงไม่ต้องอาบัติ เมื่อไม่ใจอ่อนไปตามสิ่งแวดล้อมจะต้องอาบัติได้อย่างไร

 

เรามาบวชมาปฏิบัติให้พากันเจริญสติเจริญสัมปชัญญะให้เต็มที่ ให้มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการเจริญสติสัมปชัญญะให้เต็มที่ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราจะขาดสติขาดสัมปชัญญะไม่ได้ ถ้าเรามีสติก็มีแต่ความสงบ ถ้าเรามีปัญญามันก็ไม่มีตัวมีตน ให้รู้ให้เข้าใจ ถ้าเรามีปัญญามันจะมีตัวมีตนได้อย่างไร เพราะปัญญานั้นมันรู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริง ผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งถึงจะเรียนศึกษาก็ไม่ใช่ผู้มีปัญญานะ ถ้ามีปัญญามันจะมีตัวมีตนได้อย่างไร ให้รู้เข้าใจ มันเป็นความหลงต่างหาก เป็นความเห็นแก่ตัวต่างหาก

 

การบวชของเราการปฏิบัติของเราต้องให้ถึงพร้อมด้วยกายวาจากิริยามารยาททั้งใจ เรามาบวชมาประพฤติมาปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องไม่ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาบาท เรื่องกามเราก็ไม่ตรึก เรื่องพยาบาทเราก็ไม่ตรึก

 

เรามาบวชมาปฏิบัติ เรามาบวชทำไม เรามาตรึกในกามในพยาบาทเรามาบวชทำไม เพราะคนที่เค้ามาบวชเค้าไม่ให้ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาบาท เราบวชทางกายให้เสียเวลาทำไม ใจของเราต้องบวช ใจของเราต้องปฏิบัติ เพราะเรื่องของกายวาจากิริยามารยาทมันเป็นผลของการตรึกในกามตรึกในพยาบาท

 

ให้รู้ให้เข้าใจนะ เบื้องต้นถึงมีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ไม่ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาบาท เราพากันมาบวชมายกเลิกการตรึกในกามตรึกในพยาบาทนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าเรามีตามันก็มีรูป เรามีหูก็มีเสียง เรามีจมูกก็มีกลิ่น เรามีลิ้นก็มีรส เรามีกายก็มีสัมผัส เรามีใจก็มีความนึกคิด ให้รู้ว่าอันนี้เป็นธรรมเป็นสภาวธรรมเป็นเรื่องของอดีตเป็นเรื่องของกรรมเรื่องผลของกรรม

 

เราจะได้หยุดด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยความตั้งใจตั้งเจตนา ความหยุดคือความสงบ เราต้องมีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในความสงบ ความหยุดคือพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในพระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตร ความสงบกับความเคารพมันถึงเป็นอันเดียวกัน ความซื่อสัตย์สุจริต  ไม่มีต่อหน้าและลับหลัง มันถึงเป็นกระบวนการอันเดียวกัน

 

เราเอาตัวตนนำชีวิตเราจะมีความสงบได้อย่างไร จะมีความเคารพคารวะได้อย่างไร เราอาศัยหลักการอุดมการณ์อุดมธรรมนี้แหละเป็นการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราต้องรู้จักวัตร ข้อวัตรข้อปฏิบัติ มามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ การปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่องถ้าไม่ติดต่อต่อเนื่องการปฏิบัตินั้นไม่ได้ผลแน่นอน การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องที่ไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยถึงจะได้ผล

 

เราดูตัวอย่างที่มองเห็นน่ะ เค้าจะตอนต้นไม้ก็ใช้เวลาตอนกิ่งไม้ที่ขยายพันธุ์เค้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ขึ้นไป ไก่ฟักไข่ด้วยแม่ของไก่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ มนุษย์เอาไข่มาฟักไข่ด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์เหมือนกัน

 

การทำอะไรก็ต้องติดต่อต่อเนื่อง การเจริญสติปัฏฐานของพวกเราต้องติดต่อต่อเนื่อง สัมมาสมาธิต้องเป็นความตั้งมั่นติดต่อต่อเนื่อง ศีลของเราถึงเป็นสัมมาศีลที่ติดต่อต่อเนื่อง

 

เราอย่าพากันไปคิดว่าทำอย่างนี้แหละใครเค้าจะไปทำได้ ถ้าเรารู้เข้าใจเห็นภัยในวัฏฏสงสารนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยาก เข้าใจปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องอย่างมีความสุข ถ้าเราไม่เข้าใจไม่เห็นภัยในวัฏฏสงสารมันจะเป็นเรื่องยาก เราทั้งหลายมันจะทำไม่ได้ไปไม่ได้ เราทั้งหลายถึงเป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนมันไปไม่ได้ ก้าวไปก้าวหนึ่งถอยกลับมาก้าวหนึ่งมันไปไม่ได้ มันเดินหน้าถอยหลังอยู่ที่เก่า

 

เราทั้งหลายต้องเห็นคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ เอาความเป็นมนุษย์นี้มาประพฤติมาปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง

 

เราเห็นคุณค่าในการทำงาน เห็นคุณค่าในการที่มาบรรพชาอุปสมบท เราได้รับทรัพยากรที่ประเสริฐแล้ว เราได้มาบรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้มาถือศีลปฏิบัติธรรมแล้ว เราทั้งหลายต้องพากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติกัน

 

พระนักปฏิบัติรุ่นเก่าน่ะ นับเอาตั้งแต่หลวงปู่มั่น ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น พระทีมนี้พากันเอาพระธรรมพระวินัยอย่างเต็มที่ด้วยบริสุทธิคุณ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ข้อวัตรกิจวัตรนี้ พากันมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ โฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ พากันเจริญสติสัมปชัญญะ พากันเจริญพระกรรมฐาน

 

พระก็คือพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรอันนี้เค้าเรียกว่าพระกรรมฐาน มีพระธรรมพระวินัยเป็นพื้นฐาน

 

ให้รู้เข้าใจทำไมเค้าเรียกว่าพระกรรมฐาน คือเค้าเอาพระธรรมพระวินัยเป็นพื้นฐานเค้าถึงเรียกว่าพระกรรมฐาน พระทีมนี้มีความสงบมีปัญญา เพราะว่าเป็นพระกรรมฐาน มีพระธรรมมีพระวินัย มีข้อวัตรกิจวัตรเป็นพื้นฐานเป็นพระกรรมฐาน โฟกัสข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรกิจวัตร เน้นที่ตัวของท่านเองแต่ละท่าน ไม่มีใครต้องอาบัติกัน ไม่มีใครกล้าตรึกนึกคิดในกามในพยาบาทกัน เป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไปบวชเป็นตาผ้าขาวนี้จะสอนให้รู้ให้เข้าใจ เรื่องความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไม่กล้าคิดเรื่องผู้หญิง ไม่กล้าคิดเรื่องไปกินไปเที่ยวไปเล่น พวกนี้ไม่กล้า มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เป็นผู้ที่มีหัวใจรับประเคน กายวาจากิริยามารยาทรับประเคน คำว่าประเคนก็หมายถึงสงบมีปัญญา มีแต่พระธรรมมีแต่พระวินัย มีแต่ปัญญา

 

เราทั้งหลายต้องพากันมาระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระอรหันต์ เรามาระลึกถึงพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราจะได้เอาความถูกต้องกลับคืนมา เอาความสงบกลับคืนมา เอาพระนิพพานกลับคืนมา พระรุ่นนี้ถึงไม่มีใครต้องอาบัติอนิยต ไม่มีใครต้องอาบัติสังฆาฑิเสส เพราะได้ฝึกได้ฝนตั้งแต่ตาผ้าขาวแล้ว ว่าคิดเรื่องผู้หญิงไม่ได้ ไปตรึกเรื่องกินเรื่องเที่ยวเรื่องเล่น ไประลึกถึงเรื่องพ่อเรื่องแม่ไม่ได้ ต้องอยู่กับปัญญาอยู่กับความสงบอย่างนี้

 

การปฏิบัติต่อกับพวกมาตุคาม สตรีเพศ ก็เอาหลักการของพระอานนท์ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเรื่องสตรีเพศมันเป็นขั้วบวกขั้วลบ มันเป็นไฟฟ้าสองเส้นเดินขนานกันมา เมื่อสปาร์คกันเมื่อไหร่มันจะเกิดกระบวนการของไฟฟ้า ที่ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าศาสนาจะยั่งยืนก็ต้องหยุดเรื่องกามเรื่องพยาบาท เพราะกามพยาบาทมันคือความปรุงแต่ง เมื่อเกี่ยวข้องกับสตรีเกี่ยวข้องกับเพศตรงข้ามก็ต้องมีหลักการที่พระอานนท์ทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะให้ข้าพเจ้าสาวกทั้งหลายปฏิบัติต่อสตรีเพศอย่างไร พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อานนท์เอย อานนท์เอย

 

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ในพรหมจรรย์นี้มีสุภาพสตรีเป็นอันมากเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ในฐานะต่าง ๆ เป็นมารดาบ้าง เป็นพี่หญิงน้องหญิงบ้าง เป็นเครือญาติบ้างและเป็นผู้เลื่อมใสในพระรัตนตรัยบ้าง ภิกษุจะพึงปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร?”

 

“อานนท์เอย อานนท์เอย การที่ภิกษุจะไม่ดูไม่แลสตรีเพศเสียเลยนั้นเป็นการดี”

“ถ้าจำเป็นต้องดูต้องเห็นเล่า พระเจ้าข้า”

“ถ้าจำเป็นต้องดูต้องเห็น ก็อย่าพูดด้วย อย่าสนทนาด้วย นั้นเป็นการดี”

“ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยเล่า พระเจ้าข้า จะปฏิบัติอย่างไร”

“ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยก็จงมีสติไว้ ควบคุมสติให้ดี สำรวมอินทรีย์และกายวาจาให้เรียบร้อย อย่าให้ความกำหนัดยินดี หรือความหลงใหลครอบงำจิตใจได้ อานนท์! เรากล่าวว่าสตรีที่บุรุษเอาใจเข้าไปเกาะเกี่ยวนั้นเป็นมลทินของพรหมจรรย์”

“แล้วสตรีที่บุรุษมิได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะเล่าพระเจ้าข้า จะเป็นมลทินของพรหมจรรย์หรือไม่?”

“ไม่เป็นซิ อานนท์! เธอระลึกได้อยู่หรือเราเคยพูดไว้ว่า อารมณ์อันวิจิตรสิ่งสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้นเพราะความดำริต่างหากเล่า เป็นกามของคน เมื่อกระชากความพอใจออกเสียได้แล้ว สิ่งวิจิตรและรูปที่สวยงามก็คงอยู่อย่างเก้อ ๆ ทำพิษอะไรมิได้อีกต่อไป”

 

เราพากันมาบรรพชาอุปสมบท เบื้องต้นเราต้องรู้เราต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเรามาบวชก็ต้องบวชทั้งกายบวชทั้งใจ เบื้องต้นใจไม่สงบก็ต้องให้กายมันสงบ เบื้องต้นใจไม่สงบก็ให้วาจามันสงบ เบื้องต้นใจของเราไม่ดีก็ให้กิริยามารยาทของเราดี ต้องเอาทางภายนอกก่อน ต้องเอาข้อวัตรกิจวัตร

 

ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าไปทิ้งพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตรต่าง ๆ เราจะเอาอะไร  มาเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม เรามาบวชเราต้องมายกเลิกวัฏฏสงสาร ให้เข้าใจอย่างนี้ เรามาบวชมาประพฤติมาปฏิบัติเพื่อมายกเลิกความไม่ถูกต้องหรือมายกเลิกวัฏฏสงสารด้วยหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม

 

เราอย่าไปคิดว่าค่อยเป็นค่อยไป ความรู้สึกว่าค่อยเป็นค่อยไปนี้คือความด่าง ความพร้อยนะ มันเป็นการลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ

 

องค์ธรรมที่จะให้เป็นพระอริยเจ้าคือไม่ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ การที่คิดว่าค่อยเป็นค่อยไปนี้คือลูบคลำในศีลในข้อวัตรข้อปฏิบัติ นี้ไม่ใช่ศีลสมาธิปัญญานะ นี้คืออัตตาตัวตน ให้เรารู้เข้าใจ ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลักต้องเอาพระอรหันต์เป็นหลักให้เข้าใจอย่างนี้

 

เรามาบวชเราจะมาเอาความคิดเห็นเราได้อย่างไร จะมาเอาความรู้สึกของเราได้อย่างไร

 

เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ เราอย่าไปคิดว่าค่อยเป็นค่อยไป ความคิดอย่างนี้ความรู้สึกอย่างนี้ มันก็จะไปของมันเรื่อย ๆ มันจะทำให้เราเสียกาลเสียเวลา เสียข้อวัตรเสียกิจวัตร นี้มันเป็นความเสียหายทั้งส่วนตัวและส่วนรวม

 

เราอย่าไปมีความรู้สึกอย่างนี้ความคิดอย่างนี้ นี้แสดงว่าสติเราอ่อน สัมปชัญญะอ่อน เราต้องเพิ่มสติปัฏฐานขึ้นอีก เราปล่อยให้ความคิดของเราคิดอย่างนี้ได้อย่างไร เราเจริญสติสัมปชัญญะมากขึ้นอีก เห็นภัยในวัฏฏสงสารมากขึ้นกว่านี้อีก

 

เราไม่ต้องมาอาศัยวัดของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องอยู่นะ เราอย่ามาอาศัยสถานที่ของพระพุทธเจ้าเป็นที่อยู่ที่หากินนะ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติไม่ได้เราก็ลาสิกขาไปเสีย เราอย่ามาคิดว่าค่อยเป็นค่อยไป ค่อยเป็นค่อยไป

 

พระผู้ที่บวชเก่าบวชหลักต้องเป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ถ้าทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ก็ลาสิกขาไปเสีย ให้มันไม่มีพระก็อย่าให้มันมีโจร ให้มันเจ๊ากันไป

 

พระเก่าทั้งหลายผู้บวชนานทั้งหลายต้องเข้าถึงธรรมเข้าถึงปัจจุบันธรรม เข้าถึงความสงบเข้าถึงปัญญา

 

ที่เราเข้าใจกันน่ะว่าค่อยเป็นค่อยไปนี้มันไม่ได้นะ

 

อย่าไปคิดว่าทำเหมือนพระพุทธเจ้าจะมีใครเข้ามาบวช ไม่มีใครเข้ามาบวชนั้นดีแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาบวช

 

หลายปีมาแล้ว หลายสิบปีมาแล้ว พวกที่มาบวชน้อยลง เนื่องมาจากผู้ที่มาบวชไม่ได้มาบวชเป็นพระธรรม ไม่ได้มาบวชเป็นพระวินัย มาบวชเป็นตัวเป็นตน เป็นนิติบุคคลตัวตนเลยไม่มีใครเค้าอยากจะมาบวช เพราะคนส่วนใหญ่เค้าไม่เห็นด้วยเค้าไม่โอเคด้วย จะโอเคก็ตั้งแต่พวกที่มาบวชเพื่อเอาศาสนาของพระพุทธเจ้า หาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ

 

เราคิดดูดี ๆ ด้วยปัญญานะ ถ้าโรงเรียนที่ไหนเค้าสอนดี ๆ เค้าพาลูกพาหลานเค้าปฏิบัติดี ๆ เค้าส่งลูกส่งหลานไปเรียนไปศึกษาทั้งในประเทศต่างประเทศเสียเงินเท่าไหร่ค่าเทอมแพงเท่าไหร่เค้าก็ไม่ว่า เพราะคนทั้งหลายเค้ามีปัญญา ถ้าโรงเรียนไหนไม่ดี ปฏิบัติไม่ดีเค้าก็ไม่อยากส่งลูกส่งหลานเข้าไปเรียนไปอยู่

 

เจ้าอาวาสทั้งหลายประธานสงฆ์ทั้งหลาย พระผู้ที่บวชนานทั้งหลายต้องรู้เข้าใจนะ อย่าไปโทษคนอื่น อย่าไปโทษประชาชนนะ ว่าคนเค้าไม่มีศรัทธา ไม่มีใครเค้าอยากจะมาบวช เค้าจะมาบวชทำไมให้โง่ให้เสียเวลาทำไม ให้รู้เข้าใจให้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเอาตัวตนเป็นที่ตั้งชีวิตของเราก็ย่อมพังทลายล้มละลาย มันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยประเทศไทยนี้นะ

 

 

ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล

 

นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ

 

เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย

 

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

 

การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง

 

มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.

 

ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ

 

การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ

 

ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ  มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ

 

ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ

 

ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ

 

เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ

 

เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน   อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง

 

ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ

 

เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์

 

เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่

 

เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต

 

เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ

 

เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์

 

พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา  งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ

 

เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ

 

ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย

 

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ

 

เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้

 

ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ

 

อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ

 

ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน

 

ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน

 

ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ

 

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ

 

 

เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต

 

เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง

 

มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

 

อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้

 

ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ

 

เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ

 

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ  นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ

 

พูดอย่างนี้ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจนะ นี้มันเป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นปัญญาบริสุทธิคุณให้รู้เข้าใจ นี้เป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา นี้คือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ นี้เป็นความมั่นคงของชาติคือความเกิด ด้วยเหตุที่ถูกต้อง ไม่มีความผิด ถูกต้องน่ะ ความถูกต้องหมายถึงบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ตัวตน นั่นแหละคือความถูกต้อง  เป็นความมั่นคงของพระศาสนา ศาสนาคือธรรมนูญรัฐธรรมนูญ  เป็นความมั่นคงของพระมหากษัตริย์นั้นได้แก่ปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาเพื่อตัวตน ปัญญาบริสุทธิคุณนี้เป็นความหมายของพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ที่ขึ้นครองราชย์ถึงทรงทศพิธรราชธรรม เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต คำว่าพระหมายถึงไม่มีตัวไม่มีตนให้เข้าใจ ถ้ามีตัวมีตนก็ไม่ใช่พระไม่ใช่ธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ

 

นี้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นพระศาสนา เป็นพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ เพื่อให้เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ให้เรารู้ให้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้พากันประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ทำให้ถูกต้อง จะได้ไม่พากันทำความผิด เพื่อเข้าสู่ขบวนการแห่งความถูกต้องของรัฐธรรมนูญในการดำเนินชีวิต  การดำเนินชีวิตต้องไม่เอาความผิดดำเนินชีวิต 

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้นะ เพื่อให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้ความจริงรู้สัจธรรมตามความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เพื่อเอาบทเรียนที่ผ่านมา เพื่อเราจะได้ก้าวไปด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นการพัฒนาระหว่างใจกับวัตถุไปพร้อม ๆ กัน ไม่ได้ว่าให้พระ เพราะว่าพระนั้นคือพระธรรม พระวินัยคือบริสุทธิคุณไปว่าให้พระไม่ได้ เพราะว่าให้พระมันบาปเอาตัวเอาตนมันก็บาปอยู่แล้ว จะไปว่าให้พระธรรมพระวินัยว่าให้ความถูกต้อง ว่าให้ธรรมนูญรัฐธรรมนูญได้อย่างไร ให้เข้าใจนะ

 

นี้บรรยายพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบริสุทธิคุณ เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต เพราะชีวิตของเราอายุขัยอยู่ได้ชั่วศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติปฏิบัติอยู่ได้มากกว่าร้อยปี

 

เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจจะได้มีปัญญา ตามโอวาทคำสอนของหลวงปู่มั่นท่านตรัสว่า

ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ

ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละ คือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ

 

--------------------------

 

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 98,212