๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๗ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ศาสนาอิสลาม
การประพฤติการปฏิบัติของพวกเราทุก ๆ คน ให้เรารู้ให้เราเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
การปฏิบัติธรรม ธรรมก็คือธรรมะ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นปัญญากับความสงบเป็นความสงบกับปัญญา เป็นสมถะเป็นวิปัสสนา เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นอริยมรรค
เราทุกคนต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความสงบนำชีวิต เอาปัญญานำชีวิตยกเลิกเรา ยกเลิกคนอื่น มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ให้โลกธรรมมันครอบงำใจเรา ไม่ให้ธาตุ ไม่ให้ขันธ์ ไม่ให้อายตนะมันครอบงำใจเรา
ให้เรารู้กรรมเก่ารู้กรรมใหม่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือกรรมเก่า รู้กรรมใหม่ได้แก่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ นี้คือกรรมใหม่ สิ่งเหล่านี้คือสภาวธรรมของกรรมเก่าและกรรมใหม่ กรรมเก่ากรรมใหม่นี้จะเป็นขั้วบวกขั้วลบ
เราต้องรู้เรื่องกรรมเก่ารู้เรื่องกรรมใหม่ ความรู้ถึงเป็นคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ความสงบกับปัญญานี้เป็นคู่ของการประพฤติการปฏิบัติ
การประพฤติการปฏิบัติน่ะเน้นที่ปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ อดีตก็ได้มารวมกันที่ปัจจุบัน อนาคตที่จะไปข้างหน้าก็มารวมที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระของการประพฤติการปฏิบัติ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี
เราทั้งหลายต้องมารู้เรื่องของกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม รู้ผลของกรรม ที่เราจะเกิดอีกต่อไปก็เนื่องมาจากกรรมเก่า เมื่อเรารู้เข้าใจ เราก็ไม่ให้สิ่งที่จะเกิดให้มันเกิดอีก ศีลนี้แหละทำให้เราหยุดเกิด สมาธินี้แหละทำให้เราหยุดเกิด ปัญญานี้แหละจะทำให้เราหยุดเกิด ศีลสมาธิปัญญาจะมีคุณมีอุปการคุณต่อเรา
เราทั้งหลายน่ะพากันมาเน้นที่ตัวเรา มามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ความสงบกับปัญญาถึงเป็นสิ่งที่มีอุปการคุณ ความสงบและปัญญาเป็นธรรมะที่หยุดวัฏฏสงสาร ถ้ามีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องจะเป็นการอบรมบ่มอินทรีย์
การมาบวชมาปฏิบัติคือการมาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง การมาบวชของเรา เราต้องมาบวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทมาบวชทั้งใจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าเราทั้งหลายต้องมาหยุดตรึกในกาม ต้องมาหยุดตรึกในพยาบาท เราจะได้บวชทั้งกายทั้งจิตทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เพื่อความสงบเพื่อปัญญา เราทั้งหลายจะได้ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
เราทั้งหลายน่ะ ต้องพากันมามีความสงบให้เพียงพอ มีปัญญาให้เพียงพอสติปัฏฐานทั้ง ๔ เป็นฐานของกรรม กฎแห่งกรรม ผลของกรรม เราเอากายวาจากิริยามารยาทเอาใจนี้มาหยุดมาสงบ มาเคารพในธรรมในปัจจุบันธรรมเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีที่ลับที่แจ้ง
เราทั้งหลายถึงมาเน้นบริสุทธิคุณ คือความซื่อสัตย์สุจริต ความเคารพความสงบจะทำให้ชีวิตของเราสงบเย็นเป็นความพอเพียงเพียงพอ เป็นความพอดี จะเป็นคนรวยก็เคารพก็สงบ จะเป็นคนจนก็มีความเคารพมีความสงบ สงบด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เรามีหลักการในการประพฤติการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมน่ะ เรานอนเราพักผ่อนสำหรับนักบวช ๕ ชั่วโมง ถึง ๖ ชั่วโมงก็เพียงพอ เช่น นอนหรือจำวัด ๓ ทุ่ม ตื่นตี ๓ ทำอย่างนี้การนอนการพักผ่อนก็พอ
เวลาเราตื่นอยู่ เราก็ต้องพากันสติปัฏฐาน เพราะเราต้องอยู่กับความสงบ เราต้องอยู่กับปัญญา เป็นพื้นเป็นฐานเรียกว่าสติปัฏฐาน เป็นงานเจริญสติสัมปชัญญะ ไม่มีความฟุ้งซ่าน มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา อานาปานสติเป็นสิ่งที่คอนโทรลในการประพฤติการปฏิบัติ
อานาปานสติได้แก่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เพื่อเป็นบ้าน บ้านพัก เป็นที่อยู่ที่อาศัยของใจ พระพุทธเจ้าท่านมีบ้าน มีอานาปานสติ พระอรหันต์ท่านมีบ้านคือมีอานาปานสติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอยู่กับอานาปานสติ
อานาปานสตินั้นไม่ใช่ใช้เฉพาะเวลานั่งสมาธินะ ต้องใช้ทุก ๆ อิริยาบถเพราะอันนี้มันเป็นความสงบเป็นปัญญา
เราทั้งหลายน่ะมีบ้านภายนอก มีเคหะสถานบ้านภายนอก อันนั้นมันเป็นบ้านของกาย เราต้องมีบ้านของใจ คือความสงบและปัญญา คือานาปานสติ อานาปานสติเป็นทั้งสมถะเป็นทั้งปัญญา เป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายเราต้องมีเครื่องอยู่อย่างนี้ เราเป็นคฤหัสถ์เป็นประชาชน เราก็มีเครื่องอยู่กับการทำงานและการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน
เราทั้งหลายต้องมีความสงบมีปัญญาเป็นเครื่องอยู่ เราต้องมีทั้งบ้านภายนอกบ้านภายในไปพร้อม ๆ กัน เราจะได้หยุดกรรมเก่า ไม่สร้างกรรมใหม่ด้วยความรู้ความเข้าใจ คนสมองไม่ดีไม่เป็นไร ถ้าเรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเดี๋ยวมันจะพัฒนาไปเรื่อย เพราะมันเป็นการติดต่อต่อเนื่อง เพราะธรรมะมันเป็นเรื่องปัจจุบัน พระนิพพานเป็นสัมมาทิฏฐิ ความรู้ความเข้าใจ เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เราไม่ได้ตัดเราไม่ได้เพิ่มมันเป็นความพอดีเป็นความพอเพียงเพียงพอ อาศัยการประพฤติการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง พวกสมองไม่ดีเดี๋ยวมันก็จะดี เป็นสุคโต มีแต่ความสุขมีแต่ความดับทุกข์เป็นสุคโต เป็นการทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ของเราทุก ๆ คนเป็นสุคโต ชีวิตนี้ก็เลยไม่มีทุกข์อะไร เป็นชีวิตที่สะอาดสว่างสงบ เป็นธรรมที่บริสุทธิที่เป็นประภัสสร ไม่ลิดรอนไม่ก้าวก่าย ไม่ไปตามผัสสะ ไม่ไปตามสิ่งแวดล้อมด้วยความรู้ความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจอย่าให้อดีตมันปรุงแต่งเราได้ เราต้องหยุดอดีตด้วยสติสัมปชัญญะ ไม่ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาบาท เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
ให้พวกเราเข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติธรรมไม่ใช่จะมาเอาอะไร คือมาปฏิบัติธรรมหรือว่าไปปฏิบัติธรรม
ให้เข้าใจว่าเป็นความสงบเป็นปัญญา มันเป็นการหยุดวัฏฏสงสาร หยุดความปรุงแต่ง ไม่มีคำว่าปรุงไม่มีคำว่าแต่ง
ถ้าเราเข้าใจเรื่องศีลเรื่องสมาธิเรื่องปัญญา ชีวิตก็จะก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาอย่างนี้ เราต้องไม่ให้อดีตมันปรุงแต่งเราได้ ไม่ให้อนาคตมันทะยานอยาก ความอยากความไม่อิ่มไม่เต็มความทะยานอยากที่อยากได้อยากมีอยากเป็นไม่อยากได้อยากมีอยากเป็น เพราะความอยากนี้น่ะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบเสมือนทะเลมหาสมุทรทั้งหลายไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟทั้งหลายไม่อิ่มด้วยเชื้อเของเพลิง เราต้องรู้เข้าใจ เราจะปล่อยให้ความอยากความไม่อยากมันทำงานต่อไปไม่ได้ เราต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารในความอยากความไม่อยาก ความอยากความไม่อยากมันก็คือความปรุงแต่งนั้นเอง คือตัวตนนั้นเอง มันไม่ใช่ ความสงบ ไม่ใช่ปัญญา ความสงบกับปัญญาของเราต้องพอดี ความพอดีมันจะเป็นความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นความเต็ม
อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เข้าถึงความเต็ม ท่านประสูติก็เข้าถึงความเต็มคือวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เข้าถึงความเต็มคือวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร ปฐมเทศนาก็คือความเต็ม วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ประกาศให้มหาชนทั้งหลายได้รับรู้ว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เป็นความเต็มเป็นความพอเพียงเป็นความพอดี ไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัดมันเป็นความพอดี มันเป็นความสงบเป็นปัญญาอย่างนี้ เป็นสมถะเป็นวิปัสสนาอย่างนี้
อานาปานสติเป็นหลักการที่ดี เราจะให้เกิดปัญญา
เราก็เจริญปัญญา ระลึกในใจว่าทุกอย่างนั้นเป็นเพียงเหตุเป็นเพียงปัจจัยลมหายใจเข้าไปสู่ร่างกายไปเลี้ยงร่างกาย แล้วก็หายใจออกมาเพื่อเอาของเสียออกมา หรือว่าเอาของเสียออกไป ทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัย หาใช่นิติบุคคลตัวตนไม่ เรายกเข้าสู่พระไตรลักษณ์อย่างนี้มันก็เกิดปัญญา
เราพากันมาบวชมาปฏิบัติให้รู้ให้เข้าใจ พระเก่าผู้ปฏิบัติธรรมเก่าน่ะ ต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่างในทางที่ดี เป็นความสงบกับปัญญาในทางที่ดี เพราะการประพฤติการปฏิบัติต้องอาศัยกัลยาณมิตร อาศัยสิ่งแวดล้อม
กัลยาณมิตร สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี เป็นตัวอย่างแบบอย่าง เป็นแบบเป็นพิมพ์ที่ดี พระเก่า ผู้ปฏิบัติธรรมเก่าถึงเป็นแบบเป็นพิมพ์ของผู้ใหม่
เราประพฤติปฏิบัติไม่ใช่ให้ใครเค้ามาเลื่อมใสเรา ถ้าเราคิดในใจว่าจะให้เค้าเลื่อมใส เค้าเคารพคารวะ เราไปคิดอย่างนี้ไม่ได้ มันบาป
การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นการเจริญสติปัฏฐานคือความสงบคือปัญญา ถ้าเราคิดว่าจะให้เค้าเคารพเลื่อมใส อย่างนี้มันเป็นบาป เราปฏิบัติเพื่อความสงบเพื่อปัญญา มันเป็นประโยชน์ทั้งเราเองเป็นประโยชน์ทั้งคนอื่น
ให้เข้าใจนะ คำว่าพระคือพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ อันนั้นคือพระ คือข้อวัตรกิจวัตร นั้นคือพระ
พระนี้ไม่ใช่พวกปลงผมนุ่งห่มจีวร หรือว่าพวกที่ใส่ชุดขาว ไม่ใช่ อันนั้นไม่ใช่ อันนั้นมันเป็นเพียงรูปแบบเป็นการแต่งตั้ง พระนั้นคือพระธรรมคือพระวินัย คือความสงบคือปัญญา คือข้อวัตรกิจ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อยกเลิกความร้อน ความร้อนคือตัวตน เพื่อยกเลิกความฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านคือตัวตน พระนี้คือพระธรรมพระวินัยเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นผู้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ผู้เป็นพระต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าเราเอาตัวเอาตนมันเป็นพระไม่ได้ เพราะตัวตนไม่เป็นพระ
พระพุทธเจ้ามายกเลิกการเวียนว่ายตายเกิด มายกเลิกชาติชั้นวรรณะนิติบุคคลตัวตน ยกเลิกความรู้สึกที่เป็นเราและเป็นคนอื่น มายกเลิกธาตุยกเลิกขันธ์ ยกเลิกอายตนะ มีแต่ความสงบมีปัญญา มีแต่ปิติมีความสุขมีเอกัคคตา ชีวิตเราต้องก้าวไปด้วยความเข้าใจอย่างนี้
เราอย่าไปทำอะไรเพื่อให้ใครเค้ายอมรับให้เค้าโอเค อย่างนั้นมันเป็นการปฏิบัติหลอกลวง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามันเป็นบาป บาปก็คือมันเป็นบาดแผล บาดแผลเล็ก บาดแผลกลาง บาดแผลใหญ่ มันเป็นบาดแผลมันเป็นบาป เป็นตราบาปให้กับตัวเองด้วยเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะมาเป็นเรา มันเป็นบาป
เราทุกคนถึงต้องเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ไม่มีใครทำอะไรตามใจตามความรู้สึก เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ไม่มีความสำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นใคร ไม่สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชายคนแก่คนเฒ่าคนชรา ว่าเราดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า รวยกว่าเค้ามีสติมีปัญญามากกว่าเค้า หรือว่าพอ ๆ กับเค้า หรือว่าสู้เขาไม่ได้ ถ้าเรามีเขามีเรามันจะสงบได้อย่างไร มันจะมีปัญญาได้อย่างไร เพราะมันมีเขามีเรามันมีตัวมีตน มันไม่ใช่ความสงบมันไม่ใช่ปัญญา
ประชาชนเค้าเป็นฆราวาสเค้าก็มีหน้าที่ทำงาน เป็นพ่อค้าประชาชน เป็นเกษตรกรเป็นเกษตรกรรมเป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง เค้าก็มีปิติมีความสุข มีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
เราพากันมาบวชมาปฏิบัติธรรมเราก็ต้องมีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่นอนไม่พักผ่อนตอนกลางวันนะ พระในพระธรรมพระวินัยนี้ ไม่นอนไม่พักผ่อนเวลากลางวัน จะนอนพักผ่อนจำวัดตั้งแต่กลางคืน กลางวันถ้าท่านพักผ่อนท่านก็จะเข้าสมาธิเอา เข้าสมาธิก็คือเอาความสงบกลับคืนมา เอาออกซิเจนกลับคืนมาเอาคาร์บอนไดออกไซด์ เอาของเสียออกไป
พระพุทธเจ้าพักผ่อนด้วยการเข้าสมาธิ เข้าสมาธินี้คือไม่มีนิวรณ์ ๕ นะ มีแต่ความสงบและปัญญา มีปัญญาและความสงบ ไม่ใช่ไปนั่งหลับนะ ความสงบกับปัญญามันต้องไปพร้อม ๆ กัน ถ้าความสงบมากปัญญาไม่พอเราก็จะสัปหงก โงกง่วง ถ้าปัญญามาก ความสงบไม่พอ ไม่เพียงพอมันก็ฟุ้งซ่าน
เราทั้งหลายต้องพากันฝึกความสงบกับปัญญาให้สมดุลกัน เพื่อเป็นหนึ่งเป็นเอกัคคตาเป็นอันเดียวกัน ไม่มีความปรุงแต่งให้จิตใจเป็นหนึ่ง ความสงบกับปัญญาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะได้เข้าถึงสัมมาสมาธิ
การทำสมาธินี้คือการเอาออกซิเจนกลับมาหาเรานะ เพราะเราทุกคนอยู่กับความหลงอยู่กับความฟุ้งซ่านมันเสียออกซิเจน เราเอาตัวเอาตนนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต ชีวิตของเราอยู่ระดับคนบ้านะ ตัวตนนี้คือคนบ้า เราจะหยุดตัวตนได้ก็คือความสงบ ความสงบกับปัญญาถึงไปพร้อม ๆ กัน
พระใหม่ผู้มาปฏิบัติใหม่ก็เข้าใจ อย่าเอาพระเก่าหรือคนปฏิบัติเก่าเป็นบรรทัดฐาน ต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัยเอาข้อวัตรกิจวัตรเป็นพื้นฐาน เพราะโลกเราประเทศเรา มันเสียหายกับสิ่งเก่า ๆ นั่นแหละ เราต้องรู้หลักการอุดมการณ์อุดมธรรม
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจเพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่มีอะไรเก่าไม่มีอะไรใหม่มันอยู่ที่รู้เข้าใจแล้วก็เข้าถึงความสงบและปัญญา เข้าถึงปัญญาและความสงบ
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่เคารพกับพระเก่าผู้ปฏิบัติธรรมเก่านะ ความเคารพกับความสงบมันอันเดียวกันให้เข้าใจอย่างนี้
ใครเค้าจะเป็นคนดีคนชั่วเป็นใครเราก็สงบเราก็เคารพทุก ๆ คนให้เข้าใจนะ เพราะชีวิตของเราต้องเคารพในธรรมในธรรมชาติ ความสงบกับความเคารพ มันคืออันเดียวกัน อย่างเราไม่อยากให้เป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้แสดงถึงว่าเราไม่สงบนะ เราไม่เคารพนะ เราอยากให้อะไรไปตามใจของเรานั้น คือเราไม่สงบเราไม่เคารพ เพราะธรรมชาติที่บริสุทธิคือความสงบคือความเคารพคือคารวะ ใครจะเป็นอะไรไม่เป็นอะไรก็ช่างเค้าช่างเรา เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ เราก็จะเอาความไม่สงบ เอาความไม่เคารพนำชีวิตนะ
เราต้องสงบมาจากใจ เคารพมาจากใจ เค้าจะดีเค้าจะชั่วก็ช่างหัวเค้าไม่เกี่ยวกับเรา เราต้องรู้เข้าใจสิ่งเหล่านี้มันเป็นข้อสอบเป็นข้อตอบ ด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
เราอย่าเอาโลกส่วนตัว อย่าเอาตัวตนนำชีวิต เราเอาแต่ความชอบ ความไม่ชอบจะเอาไว้ไหน เราต้องรู้ต้องเข้าใจ ถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้เราจะเอาอะไรประพฤติมาปฏิบัติ เราไม่มีธาตุทั้ง ๔ ไม่มีขันธ์ทั้ง ๕ ไม่มีอายตนะ ๑๒ เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะเอาอะไรมาประพฤติมาปฏิบัติ เราจะให้ว่างจากสิ่งที่ไม่มีมันไม่ถูกต้องนะ มันต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ด้วยความรู้ความเข้าใจ มีปิติสุขในการประพฤติการปฏิบัติมีความเคารพคาวะในความเป็นประภัสสร ทั้งฝ่ายดีฝ่ายไม่ดี
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา เพื่อการประพฤติการปฏิบัติของเราจะได้ติดต่อต่อเนื่อง การปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่องเพื่อให้ศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เราจะได้ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่ก้าวไปก้าวหนึ่งแล้วถอยกลับมามันจะไปไหนได้
พระเก่าพระใหม่โยมเก่าโยมใหม่ต้องรู้เข้าใจ พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องรู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้
เราต้องรู้จักใช้ทรัพยากรที่ดีให้คุ้มค่า ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า เราอย่ามาอาศัยธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ นี้ให้เสียหาย เราต้องเอาธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ มาปฏิบัติให้มีคุณค่า อย่ามาหมกมุ่นในตัวในตน อย่ามาหมกมุ่นในความหลงหมกมุ่นในกามในพยาบาททั้งภายนอกภายในเราต้องก้าวไปพร้อมๆ กัน ทั้งใจทั้งวิทยาศาสตร์เราต้องก้าวไปพร้อม ๆ กันเป็นทางสายกลาง เป็นธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ เราอย่าไปหมกมุ่นในกามหมกมุ่นในพยาบาท ต้องบริโภคความสงบด้วยปัญญา เราไม่ต้องอาศัยสรีระร่างกายเพื่อไสยศาสตร์เพื่อความหลง อาศัยภาษีอากรของประชากรของโลกทุก ๆ คน อาศัยประชากรของโลกเค้าเสียสละ เพื่อธรรมเพื่อพระศาสนา
เราคิดดูดี ๆ นะ ข้าราชการนักการเมือง นักบวชนี้ เป็นผู้ที่ใช้ของคนอื่นใช้ทรัพยากรของคนอื่น ไม่ใช่ของผู้นั้นหามาด้วยลำแข้งของตัวเองนะ
เราต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทำหน้าที่ที่เป็นบริสุทธิคุณด้วยความเสียสละ มามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการเสียสละ เพื่อให้ความถูกต้องก้าวไป บริสุทธิคุณก้าวไป
ถ้าเราไม่รู้เข้าใจ พวกข้าราชการนักการเมืองนักบวชนี้ถือว่าเป็นแก๊งค์ใหญ่ของโลกนะ แก๊งค์ที่ทำลายความมั่นคงของชาติ ของศาสน์ ของกษัตริย์
ถ้าเราไม่เข้าใจ มันจะทำลายความถูกต้อง ทำลายคุณน่ะ
คำว่าคุณนั้นคือประโยชน์ ทำลายบริสุทธิคุณ เพราะความสงบปัญญาที่ยกเลิกตัวตนนั้นคือคุณ เราเอาตัวเอาตนดำรงชีวิตมันก็เป็นความผิดเป็นโทษมันไม่ใช่คุณที่เค้าเรียกคุณโน้นคุณนี้คุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายหรือผู้ที่มาบวช เค้าเรียกว่าพระคุณเจ้า ๆ เมื่อเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็เอาความหลงนำชีวิต เราก็เอาตัวเอาตนนำชีวิต นี้แหละคือตัวอันตราย นี้แหละคือเจ้าเสือร้ายเจ้าอันตรายนี้ไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญานะ มันคือปัญหา นี้คือสร้างปัญหา ที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหานะ นี้เป็นการสร้างปัญหา นี้คืออวิชชาความหลง ไม่ใช่ปัญญา นี้คือปัญหาสร้างปัญหา เราไม่รู้ไม่เข้าใจนึกว่าจะพากันแก้ปัญหาแต่ที่ไหนได้มันเป็นการสร้างปัญหาให้กับตัวเองให้กับส่วนรวม มันเป็นการเอาตัวรอดของคนไม่มีปัญญา เรียกว่าเอาตัวรอดในความไม่รอด มันเป็นกับดักเพื่อขุดหลุมฝังตัวเอง เป็นการระเบิดตัวเองไปในตัว ให้รู้ให้เข้าใจ
เราต้องเคารพในพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร ถ้าเราไม่เคารพมันก็ไม่สงบน่ะ ถ้าเราไม่คารวะก็ไม่สงบน่ะ ผู้มีปัญญาทั้งหลาย มีปัญญานั้นดีแล้วถูกต้องแล้วต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพราะมีปัญญามากก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก ต้องกลับมาหาความสงบกลับมาหาความเคารพ กลับมาหาคารวะ กลับมาหาความพอเพียงเพียงพอเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ ของเมืองไทย ท่านให้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอในการพัฒนาวัตถุกับใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยปิติสุขเอกัคคตา เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้เข้าใจ ปัญญาชนทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ไม่หลงงมงาย
เป็นคนรุ่นใหม่สมัยใหม่มันดีอยู่แล้ว แต่คุณรุ่นใหม่ก็ต้องมีความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ต้องมีความสงบกับปัญญาไปพร้อม ๆ กัน
ให้รู้เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันผ่านไปผ่านมามันสัญจรไปมาของธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ๑๒ ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ว่างเปล่านั้นคือความรู้ความเข้าใจ คือความสงบและปัญญา ให้เข้าใจอย่างนี้
พระเก่าพระใหม่โยมเก่าโยมใหม่พากันตั้งใจให้เต็มที่ อย่าได้ลอยไปลอยมา ฟุ้งซ่านไปฟุ้งซ่านมา เราอาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาศัยรูปแบบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรามาเดินตามพระพุทธเจ้า เราถือนิสัยถือพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราทุกคนน่ะอย่าไปใจอ่อน ตายก็ช่างหัวมันอย่าไปใจอ่อน เราต้องเข้าสู่หลักการอุดมการณ์อุดมธรรมอย่าไปใจอ่อน เจริญสติเจริญสัมปชัญญะ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาให้เต็มที่อย่าพากันใจอ่อน ถ้าใจของเรามันอ่อนแสดงว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราถึงใจอ่อนน่ะ ความสงบเราไม่เพียงพอ ปัญญาของเราไม่เพียงพอ เราเจริญสติสัมปชัญญะกันให้เต็มที่ กลางวันเราอย่าพากันฟุ้งซ่าน พากันเจริญสติสัมปชัญญะ ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็มีแต่ความสงบมีแต่ปัญญาให้รู้เข้าใจ
ความเพียรของเราต้องติดต่อต่อเนื่องด้วยปิติด้วยความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ทุก ๆ คนน่ะมาอยู่ที่วัดนี้มีความคิดไปในทางเดียวกัน มีการปฏิบัติไปในทางเดียวกัน เราจะอยู่ระดับคนหลงคนบ้าไม่ได้
ถึงได้พูดว่าให้รู้เข้าใจ วัดของเรานี้ที่ความสะอาดมันระดับอย่างนี้ คนเขารู้เข้าใจเค้าคิดว่าวัดเรานี้มันอยู่ในระดับความสะอาดระดับต้น ๆ ของประเทศ แต่เราคิดดูดี ๆ นะ มันก็อยู่ในระดับคนบ้าอยู่ เพราะคนบ้า คนเป็นโรคจิตโรคประสาท ใจไม่สงบ เรามีหลักการอุดมการณ์ให้คนพวกนี้แหละดูแลห้องน้ำห้องสุขา ดูแลต้นไม้ปัดกวาดถนน ที่พักที่อาศัย ก็ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาเป็นเครื่องอยู่ ถึงมองดูแล้วอยู่ในระดับความสะอาดของคนบ้านะ
ถ้าเราคิดดูดี ๆ อย่างพวกเรานี้ ปัญญาชนต้องให้สะอาดกว่านี้ สะอาดทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทที่อยู่ที่อาศัยให้มันสะอาด อย่ามีตัวมีตน อย่าขี้เกียจขี้คร้านต้องให้สะอาด สะอาดทั้งภายนอกภายในทั้งกิริยามารยาทให้มันสะอาด ให้สะอาดสว่างสงบ ให้ตาสว่างว่างเปล่าจากตัวตน ให้ตาสว่าง ว้าว ว้าว ว้าว
ถ้าเราทุกคนน่ะพากันมาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละ ภาพรวมมันจะออกมาดี ด้วยความสงบด้วยปัญญา ด้วยความรู้ความเข้าใจ ด้วยเอาความรู้ความเข้าใจมามีปิติมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมเป็นเครื่องอยู่ ไม่เอาความหลง เป็นเครื่องอยู่
เรามาอยู่วัด สถานที่นี้แหละ เค้าให้ยกเลิกเรื่องตรึกในกาม ตรึกในพยาบาท มายกเลิกเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์ เฟซบุ๊ค เล่นไลน์ ดูยูทูปเค้าให้ยกเลิกน่ะ เพราะอันนี้มันเป็นกามเป็นพยาบาท อันนี้ไม่ใช่ความสงบไม่ใช่ปัญญา ความรู้ในการเรียนการศึกษาที่เป็นสมัยใหม่นี้มันดีมันถูกต้อง เราต้องรู้เข้าใจเราจะได้เอาความรู้นั้นมาใช้ให้ทันโลกทันสมัย เพราะไกลก็เหมือนใกล้ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะทุกอย่างมีทั้งคุณทั้งโทษ เมื่อเราอยู่ที่บ้านมีความหลงเป็นเครื่องอยู่ มีอัตตาตัวตนเป็นเครื่องอยู่ เมื่อเรามาประพฤติปฏิบัติธรรม มาเป็นนักบวชเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ที่นี้สถานที่นี้ให้หยุดให้ยกเลิกให้รู้เข้าใจไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า เพื่อเราจะได้เข้าถึงความสงบเข้าถึงปัญญา เพื่อเป็นอุดมการณ์เป็นหลักการ เราอาศัยบ้าน เราอาศัยสถานที่ อาศัยรูปแบบ รูปแบบที่ปลงผมนุ่งห่มจีวร เป็นรูปแบบ อาศัยสถานที่เป็นรูปแบบ อาศัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นรูปแบบ ใจมันไม่สงบก็ให้กายมันสงบให้วาจากิริยามารยาทมันสงบให้อาชีพมันสงบน่ะ อาชีพที่ยกเลิกตัวเราของเรา ต้องยกเลิกเพื่อความสงบเพื่อปัญญา เพื่อเป็นหลักการอุดมการณ์
เราต้องเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในกายของเรามาไว้ในวาจากิริยามารยาทในใจของเรา เราต้องรู้อย่างนี้ พระธรรมพระวินัยข้อวัตรกิจวัตรมันจะทำให้เราสงบ เพื่อสงบติดต่อต่อเนื่อง การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องกัน ๓ อาทิตย์ขึ้นไป ที่เราเห็นผลด้วยตา อย่างเค้าตอนต้นไม้ตอนกิ่งไม้นี้เค้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ หรือต้นไม้บางต้น มันออกช้ากว่านั้นก็มีก็อาศัยกาลอาศัยเวลา
การที่ไก่ฟักไข่เค้าใช้กาลใช้เวลา ๓ อาทิตย์ ฟักด้วยแม่ของไก่ที่กกไข่ให้ได้อุณหภูมิพอดีก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ ฟักด้วยไฟฟ้าทันสมัยก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์เหมือนกัน เพราะการทำอะไรต้องติดต่อต่อเนื่องกันถึงจะได้ผล
การให้ข้าราชการนักการเมืองลาบวชนี้ ตามหลักการของประเทศเค้าถึงให้ลาบวชได้ ๑๒๐ วัน ลาก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน แล้วหลังพรรษา ๑๕ วัน รวมกันเป็น ๑๒๐ วัน คำว่า ๓ เดือน ๓ เดือนนั้นเฉพาะเข้าพรรษานะ แต่การลาบวชนั้นลาบวชได้ ๑๒๐ วันเพราะการมาบวชนั้นต้องฝึกก่อน ฝึกกายวาจากิริยามายาทฝึกท่องขานนาค เพื่อความรู้ความเข้าใจ
พระวัดป่าพระวัดกรรมฐาน พวกที่เอาพระนิพพานพวกที่บวชไม่สึก เค้าให้เป็นตาผ้าขาวไปเป็นนาคนั้นตั้งหลายเดือนนะ สมัยโบราณน่ะ ไม่ใช่จะมาปลงผมนุ่งห่มจีวร เพื่อฝึกความเป็นพระ เพราะเป็นพระมันต้องเป็นทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทเป็นทั้งใจ
พระรุ่นเก่าสมัยเก่าถึงรู้เข้าใจ พระรุ่นเก่าหมายถึงลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัติโต รู้เข้าใจมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป รู้เข้าใจในสิกขาบทน้อยใหญ่ รู้เข้าใจว่าทุกอย่างต้องมีความสงบมีปัญญา ความคิดก็ประเคน คำพูดก็ประเคนกายวาจากิริยามารยาทก็ประเคน ประเคนก็หมายถึงความพอดีความพอเพียง ความสงบคือปัญญา ปัญญาคือความสงบ ไม่มีตัวไม่มีตนมีความสงบมีปัญญา เค้าเรียกว่าประเคนถึงแสดงออกภายนอก ประเคนของน่ะ
ผู้ที่บวชมาอยากจะดื่มอะไร อยากจะบริโภคใช้สอยอะไรก็ต้องประเคนหมด ต้องมีความสงบมีปัญญา ไม่ใช่จะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาสัยได้นะ
รถก็ต้องมีเบรก เรือก็ต้องมีเบรก เครื่องบินก็ต้องมีเบรก ความสงบกับปัญญานั้นคือประเคนคือองค์ประเคนนะ พระรุ่นเก่าใหม่เก่าน่ะ ถึงไม่มีใครต้องอาบัติกัน ถ้าต้องอาบัติถือว่าเรื่องใหญ่น่ะ ไม่มีใครหยวน ๆ กันนะ ไม่มีใครปล่อยวางเอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต คำว่ายึดมั่นถือมั่นก็หมายถึงมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการทำวัตรสวดมนต์ ทำข้อวัตรปฏิบัติที่เอาศีลเอาธรรมนำชีวิต ต้องมีความยึดมั่นถือมั่นมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาอย่างนี้ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยวางไม่เอาอะไร
เหมือนหลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านจะสอนเรื่องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในข้อวัตรกิจวัตร ถ้ามันผ่านไปแล้วท่านก็ให้ปล่อยให้วาง อย่างภาชนะราคาแพง ๆ หรืออะไรมันเสียหายอย่างนี้ หรืออย่างพ่อแม่ตายอะไรที่แก้ไขไม่ได้ท่านก็ให้ปล่อยวาง ให้มีความสงบมีปัญญา มันต้องอย่างนั้น ไม่ต้องไปนึกไปตรึกอะไรต้องปล่อยต้องวาง ถ้าไม่ปล่อยวางมันก็ไปไม่ได้ มันก็ไม่สงบ มันก็ไม่เคารพ มันก็ไม่บริสุทธิ มันเป็นตัว เป็นตน ตัวตนถึงไม่ใช่บริสุทธิคุณ พระรุ่นเก่าเรื่องอาบัติสังฆาทิเสสถึงไม่มีเลย ไม่มีใครไปอ่านหนังสือโป๊ ไปดูอะไรโป๊ ๆ ไม่มีใครตรึกในกามกัน อย่างนี้แหละ เพราะรู้จักขั้วบวกขั้วลบน่ะ ขั้วบวกขั้วลบเราต้องรู้เข้าใจ เราจะหยุดขั้วบวกขั้วลบได้คือความสงบคือปัญญา คือศีลสมาธิปัญญา เราต้องรู้ต้องเข้าใจ
การให้ข้าราชการลาบวช หลักการของประเทศไทยเค้าถึงให้ลา ๑๒๐ วัน เพื่อการประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่อง การมาบวชมาปฏิบัติให้รู้เข้าใจนะ ให้มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในประพฤติการปฏิบัติ ให้รู้เข้าใจเหนื่อยก็ช่างหัวมัน ยากลำบากก็ช่างหัวมัน กายวาจากิริยามารยาทต้องสงบด้วยความรู้ความเข้าใจ เดี๋ยวใจมันจะสงบ เรื่องอดีตของเราเราต้องตัดออกหมดเราต้องอยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่ของเราทำข้อวัตรกิจวัตรของเราให้สมบูรณ์ให้มีปิติมีความสุข
ทุกคนมันมีอดีตทั้งนั้นไม่มีใครไม่มีอดีต เพราะมีการผ่านมาตั้งอยู่แล้วก็เกษียณไป เราต้องรู้เข้าใจ ใครเค้าไม่รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหนก็ช่าง อย่าให้ความหลง มันโผล่หน้าโผล่ตาออกมาเราต้องมีความสงบมีปัญญา เพราะความสงบกับปัญญานี้มันเป็นอุปการคุณ เราต้องรู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัติ อาศัยกาลอาศัยเวลาอาศัยข้อวัตรกิจวัตรเป็นเครื่องฝึก
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ประเสริฐ เป็นผู้มีลมปราณ ที่เป็นมนุษย์ เราต้องรู้เข้าใจว่าเป็นโอกาสดีของเรา เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาความ บริสุทธิคุณนำชีวิตถ้าอย่างนั้นไม่ได้มันเสียหาย เสียหายมากทั้งส่วนตัวเองและส่วนคนอื่น ชีวิตนั้นย่อมพังทลายเหมือนตึก สตง.
ตึก สตง.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตึก ๓๐ กว่าชั้น ตึก สตง.ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิต ชีวิตมันเลยพังทลาย ชีวิตมันพังทลายนะ ตึกสตง.มันพังทลายด้วยนิติบุคคลตัวตนพังทลายด้วยทุจริตมันจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอกมันจะไปพัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์จะไปเอาความสุขบนความหลง ชีวิตเลยพังทลายนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราคิดดูดีๆ นะ ตึกใหญ่กว่าสูงกว่าตึก สตง.ตั้งหลายสิบตึกที่กรุงเทพมหานครที่ปริมณฑล เค้าไม่พังทลายเหมือนตึกสตง. เพราะพอที่จะรับน้ำหนักได้ ไม่ใช่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นนะ แต่เค้าโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยพอที่จะรับแผ่นดินไหวจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าห่างไกลกันตั้งนับพันกิโล
นี้ให้เรามองเห็นในแง่มุมความไม่ถูกต้องน่ะ ชีวิตที่เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้แหละ
เราทั้งหลายถึงต้องเป็นผู้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏสงสาร รู้จักความคิดรู้จักอารมณ์เหมือนท่านพระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านรู้จักความคิดการปรุงแต่งของตัวเอง ท่านรู้จักว่าความปรุงแต่งนี้มันคือวัฏฏสงสารนะ ท่านรู้จักความปรุงแต่ง เพราะความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตนี้ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. เพราะมันไม่ถูกต้อง มันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ
ตึก สตง.ที่อยู่กรุงเทพมหานครอยู่เมืองหลวงอยู่เมืองกรุง เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมือนสมองเป็นศูนย์รวมของร่างกาย เหมือนหัวใจเป็นศูนย์รวมของสรีระร่างกาย
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่บริหารประเทศ บริหารแผ่นดินไม่เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เอาแต่ความรู้เอาแต่วิทยาศาสตร์เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ไปแก้แต่สิ่งภายนอก ไม่ได้แก้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์มันต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันมันถึงถูกต้องนะ พัฒนาทั้งภายนอกภายในด้วยความรู้ความเข้าใจให้ครบวงจร อริยมรรคองค์แปดถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เพื่อการประพฤติการปฏิบัติมันจะได้สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพด้วยความถูกต้อง
มันต้องรู้ธรรมรู้ปัจจุบันธรรม รู้ธรรมธรรมนูญน่ะ ถ้าเราไปจัดการแต่สิ่งภายนอก เราไม่ได้จัดการตัวเองมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ
การบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่น มันต้องรู้เข้าใจแล้วมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ถ้าเรามีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติมันก็ไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว ด้วยความรู้ความเข้าใจ
เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเน้นมาที่ตัวเราในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เราทั้งหลายจะไม่ได้พังทลายเหมือนตึก สตง.
ถ้าใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือทุจริตนะ เราทั้งหลายจะได้รู้ว่าทุจริตนั้นคือตัวตนน่ะ ใครเอาตัวตนนำชีวิตบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เราต้องรู้จักธรรมรู้จักธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมันอยู่ที่ทุจริตนะ
การที่จะบริหารตัวเองบริหารบุคคลอื่นต้องยกเลิกทุจริต ถึงจะเป็นนักบริหารตัวเองนักบริหารคนอื่นด้วยการรู้เข้าใจในการบริหารในการปฏิบัติ
ตำแหน่งที่เค้าแต่งให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นตำแหน่งที่ให้เรามาเสียสละ มารับผิดชอบโฟกัสในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ให้พวกเราทั้งหลายมาทุจริตนะ
ให้ถือว่ามันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร ถึงพวกเราทั้งหลายจะพากันใส่สูทผูกเนคไทห้อยเหรียญตรา เป็นผู้ทรงเกียรติมันก็ไม่เป็นผู้ทรงเกียรตินะ มันเป็นผู้ทรงความหลงต่างหาก ทรงความโง่ความหลงงมงายต่างหากล่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะเข้าถึงบริสุทธิคุณ เข้าถึงธรรมนูญเข้าถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมินะ มันตกอยู่ในภพภูมิของ ๓๑ ภพภูมิ
ในภพภูมิของวัฏฏสงสารนี้มีอยู่ ๓๑ ภพภูมิ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็จะอยู่ในระนาบของ ๓๑ ภพภูมินี้แหละ
เค้าถึงมีศัพท์ว่าคน คนนี้หมายถึงตัวถึงตน หมายถึง ๓๑ ภพภูมินี้แหละ ภพภูมิที่เวียนว่ายตายเกิดมีทั้งหมด ๓๑ ภพภูมิ
เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ เราจะไม่ได้ย่ำต๊อกกับความหลงที่มีศัพท์ว่า “คน” คนนี้ความหมายหมายถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้น มันจะวกวนอยู่ที่เก่า มันจะเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา สัมผัสกับอะไรก็ไปกับสิ่งนั้น ๆ อยู่ในภพภูมินั้น ๆ
เรารู้เราเข้าใจเราจะได้หยุดภพภูมินั้น ๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจเค้าเรียกว่ามันหลง มันวกวนในความหลงอย่างนั้น จิตใจวกวน อย่างนั้นมันจะไปไหนไม่ได้ มันจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่เพียงความหลง หัวใจของบุคคลนั้นมันจะอยู่ในระนาบแห่งความหลงหรือว่าหัวใจบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือหัวใจบ่อนคาสิโน หัวใจบ่อนทำลายความถูกต้อง หัวใจบ่อนความหลง
ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เห็นภัยในความไม่ถูกต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสารด้วยปัญญาบริสุทธิคุณ ด้วยเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ พอใจยินดีมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิตหัวใจของเราทั้งหลายจะได้หยุดอบายมุขอบายภูมิ
เราทั้งหลายถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราทั้งหลายจะพากันคิดว่า ความสุขทั้งหลายได้มาจากสิ่งที่อำนวยความสุขความสะดวกความสบายด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ อันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง ความสุขทั้งหลายมันอยู่พัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์
เราทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฐิเราต้องมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็ต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราพัฒนาวิทยาศาสตร์มันก็ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่
เราต้องพัฒนาใจไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้ความเข้าใจเราทั้งหลายน่ะ ถึงเป็นการพัฒนาครบวงจรด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะเอาความหลงนำชีวิตเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต
เราต้องเอาทั้งวิทยาศาสตร์เอาทั้งจิตใจไปพร้อม ๆ กันนะ
เราอย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์นั้นน่ะประเทศเล็ก ๆ เท่าอำเภอหนึ่งของเมืองไทยก็ไม่ได้ เค้าพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งของเอเชียเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน มาเก๊าส่วนหนึ่งของประเทศจีนเค้าก็รวยเพราะเค้าพัฒนาตามหลักเหตุตามหลักวิทยาศาสตร์
พวกเราทั้งหลายเมื่อมีปัญญาแล้วต้องรอบคอบนะ มีปัญญาแล้วต้องรอบคอบ อย่าลืมว่าชีวิตของเรามันเป็นรายรับรายจ่ายนะ เราไปจับหางงูเดี๋ยวงูมันจะมากัดเรา งูพิษมันจะมากัดเรานะ การที่เราเอาหลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องแล้ว เราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์แล้วก็มีอุดมธรรมนะ หลักการอุดมการณ์มันดีแล้วถูกต้องหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมธรรมนะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความรู้สึกที่เอาตัวเป็นที่ตั้งมันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์แล้วอุดมด้วยความหลงนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เราเอาทั้งหลักการอุดมการณ์แล้วก็ยกเลิกอุดมหลงนะ
ให้เอาอุดมธรรมให้เอาธรรมเอาธรรมนูญมันถึงจะสมบูรณ์เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี เราอยากได้มากมันก็ไม่มาก เราอยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องรู้จักความพอดีเข้าสู่ความสมดุลทั้งรายรับรายจ่าย
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอเข้าถึงความพอดี การประสูติของพระพุทธเจ้าถึงเป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็เป็นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้รู้หลักการรู้อุดมการณ์แล้วก็อุดมธรรม เราอยู่ที่ไหนก็พากันปฏิบัติได้ เมื่อเรามีลมปราณ มีอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ มีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้
ให้รู้เข้าใจมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
อย่าไปคิดด้วยอวิชชาความหลงเอาแต่หลักการอุดมการณ์เอาแต่วิทยาศาสตร์น่ะ ถ้าเรารวย รวยความหลงมันไม่ดีนะ รวยความโง่หลงงมงายเรียกว่ารวยไสยศาสตร์มันไม่ดีนะ ไม่ใช่ความดีมันไม่ใช่บารมีไม่ใช่ปัญญาบริสุทธิคุณนะ มันเป็นความหลงนะ
ให้เรารู้เข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำไมเราโง่ไปตั้งหลายปี ประเทศสิงคโปร์ประเทศ เค้าเล็กนิดเดียวเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยกัน ประเทศมาเก๊าก็เหมือนกันเค้ารวยกัน
ประเทศสิงคโปร์เค้ามีหลักเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์น่ะ เค้าคิดว่าประเทศสิงคโปร์มันเล็กนิดเดียว จะทำเกษตรกรรมก็ไม่ได้ จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนด้วยหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ก็รวยได้ เพราะคนในนี้โลกนี้มันคนมีความไม่ฉลาด เอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันมีมากถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถรวยได้ทางวัตถุ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เค้าถึงพากันตั้งบ่อนคาสิโน จะเรียกบ่อนคาสิโนก็ได้หรือเรียกบ่อนแห่งความหลงก็ได้ มันคืออันเดียวกัน
ให้เรารู้เข้าใจ ประเทศไทยเราแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเราต้องรู้เข้าใจว่า เราทั้งหลายอย่ายินดีในการเอาความหลงนำชีวิต อย่าไปยินดีในการเอาบ่อนคาสิโน นำชีวิตนะ
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ศาสดาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกบ่อนคาสิโน มายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจ ทุกอย่างน่ะไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนะ
เหมือนประเทศไทยของเรานี้แหละ โครงการยกเลิกเหล้ายกเลิกเบียร์ ยกเลิกสิ่งเสพติดยาเสพติดที่มันเป็นอบายมุขแห่งชีวิต ที่มันเป็นอบายภูมิแห่งชีวิต
เกือบร้อยปีของโครงการพากันประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ ตั้งอยู่ในความประมาท เอาความหลงนำชีวิตเอาความประมาทนำชีวิตมันก็ปฏิบัติไม่ได้ มันก็ยิ่งมากกว่าเก่า ไม่รู้ไม่เข้าใจ เอาความหลงนำชีวิต ความหลงก็เลยยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง
มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันยิ่งมากทวีคูณ มันก็ไปของมันเรื่อย มากยิ่งกว่าเก่าทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
อย่างการสวมหมวกกันน็อคอย่างนี้แหละ มอเตอร์ไซด์เข้ามาในเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ปี ขณะนี้เวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ เรื่องสวมหมวกกันน็อคนี้ที่ให้ประชาชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา ได้ออกกฎหมายบังคับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะนี้เวลานี้มันก็เป็นเวลาจวนจะ ๕๐ ปีแล้วก็ยังพากันทำไม่ได้
ถ้าเรารู้เข้าใจว่า การทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสียหายทั้งตัวเราและส่วนรวม มันไปไม่ได้ ชีวิตของเรามันไปไม่ได้นะ ชีวิตนี้มันพังทลายเหมือนตึก สตง.ของเมืองไทยนี้แหละ
เราต้องเข้าใจ ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเฉย ๆ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไปของมันด้วยความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ
พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนบ้าจี้นะ ไม่ใช่คนผีบ้าจี้นะ นี้มันคนดีจี้ คนมีปัญญาจี้ นี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่ถูกต้องเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจในภัยทั้งทางกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ภัยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เราไม่เห็นภัยก็ตั้งอยู่ในความประมาท เราจะเอาความประมาทนำชีวิตมันเป็นความไม่ถูกต้องนะ
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เห็นสมควรแก่เวลา จบด้วยพระธรรมเทศนาของหลวงปู่มั่น ท่านได้เมตตาไว้ว่า
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนนะ ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืนนะ
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเป็นปัญญาบริสุทธิคุณเท่านั้น การระงับสังขารทั้งหลายด้วยความรู้ความเข้าใจเป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัตินั่นแหละคืออริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐมีพระนิพพานตั้งแต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอพระนิพพานเมื่อตายแล้ว ปัจจุบันไม่มีพระนิพพาน อนาคตจะมีพระนิพพานได้อย่างไร ให้เรารู้เข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัย พระธรรมพระวินัยที่เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อหยุดวัฏฏสงสารนั่นแหละคือพระนิพพาน ให้พวกเรารู้เข้าใจในเรื่องพระนิพพาน ให้เข้าใจนะ
--------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา