๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม
ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัยมันคือกรรมคือกฎของกรรมและผลของกรรม ความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ
ชีวิตของเรามันคือรายรับรายจ่าย ธรรมะคือเป็นมรรคเป็นอริยมรรค เป็นความรู้คู่กับการประพฤติการปฏิบัติ เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา มันเป็นกรรมเป็นกฎของกรรม เป็นผลของกรรม มันเป็นกระบวนการของเหตุของปัจจัย
พวกเราทั้งหลายน่ะ ต้องพากันมารู้อริยสัจสี่ คือ มารู้เหตุรู้ปัจจัย จะได้พากันปฏิบัติให้ถูกต้อง ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เข้าสู่ความเป็นมนุษย์
มนุษย์คือผู้ที่มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เป็นมรรคเป็นอริยมรรค ทุกคนก็พากันประพฤติพากันปฏิบัติเอง ไม่มีใครปฏิบัติแทนกันได้
ให้พากันตั้งใจตั้งเจตนา พากันมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ มีปิติมีสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ให้รู้จักรายรับรายจ่าย เพื่อจะให้ความสมดุลทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพต้องให้สมดุล ไม่ให้ขาดดุล เราทั้งหลายจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยปัญญา เราจะได้บริโภคทางตาหูจมูกลิ้นกายใจด้วยปัญญา
ในตัวของเราเองมันมีภพภูมิ ๓๑ ภพภูมิเหมือนที่กล่าวมาเมื่อวาน มันมี ๓๑ ภพภูมิ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ชีวิตของเราถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
เราทั้งหลายให้พากันรู้ว่าเราเกิดมาเพื่อมาสร้างบารมีให้กับตัวเอง บารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ เรามาสร้างบารมีให้กับตัวเอง ทุกชาติทุกศาสนาก็มีหลักการอันเดียวกันนี้แหละ เพราะความถูกต้องมันเป็นสากล ไม่มีแบ่งแยกว่าเป็นพุทธ คริสต์อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู ซิกส์ ไม่แย่งแยก ต่างแต่ชื่อเฉย ๆ ความหมายคืออันเดียวกัน
เราทั้งหลายต้องพากันมาบริโภคสิ่งต่าง ๆ ด้วยปัญญา มันก็เป็นธรรมชาติ เรามีตาถึงมีรูป เรามีหูมันถึงมีเสียง มีจมูกถึงมีกลิ่น มีลิ้นถึงมีรส มีกายมันถึงมีสัมผัส เรามีใจก็มีจิตมีวาระจิต ให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้รู้ความจริง รู้อริยสัจสี่ เราจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม เราจะได้รู้จักเหตุภายนอกเหตุภายใน เราจะได้รู้เรื่องธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ อายตนะ ทั้ง๖ ข้างในก็ ๖ ข้างนอกก็ ๖ มันเป็น ๑๒ น่ะ
วันหนึ่งคืนหนึ่งมนุษย์เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เมื่อเข้าใจแล้วก็พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ต้องมีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เราทั้งหลายถึงจะได้เป็นมนุษย์ เราทั้งหลายถึงจะได้ข้าราชการนักการเมือง เป็นประชาชน เป็นประชากรของโลก เราจะได้มีศีลมีธรรม มีธรรมนูญมีรัฐธรรมนูญ
วันหนึ่งคืนหนึ่งเราต้องเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอาธรรมนำชีวิต ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราจะไปประมาทไม่ได้ ไปหลงไปเพลิดเพลินไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเป็นข้อสอบมันเป็นโจทย์ เราต้องตอบ ด้วยรู้เข้าใจ ว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป มันเป็นเหตุเป็นปัจจัย ไม่ใช่เราเลยไม่ใช่คนอื่นเลย มันเป็นเพียงเหตุเพียงปัจจัย เรียกว่าก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา
เราจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยปัญญา ปัญญาบริสุทธิคุณ ไม่ใช่ปัญญาที่เป็นตัวเป็นตนนะ เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ การเรียนหนังสือของเราก็จะมีความสุข เราเรียนเพื่อความรู้ความเข้าใจ ไม่ได้เรียนเพื่อจะเอาเพื่อจะมีเพื่อจะเป็น การทำงานของเราจะได้มีความสุข ไม่ได้ทำงานเพื่อจะเอาจะมีจะเป็น กายวาจากิริยามารยาทอาชีพเพื่อเป็นธรรมะ ทั้งทางวัตถุทางวิทยาศาสตร์ก็ก้าวไปอย่างดี ทางจิตใจก็ก้าวไปด้วยอย่างดี คำว่าดีในที่นี้ก็ประกอบด้วยปัญญา เป็นปัญญาบริสุทธิคุณ
เราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ พากันเข้าใจนะ ถ้าไม่เข้าใจมันไม่ได้ ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะเป็นนิติบุคคลตัวตน ตัวตนนั้นแหละพวกเราทั้งหลายรู้ว่ามันไม่ใช่ตัวตนนั้นแหละเค้าเรียกทุจริต ใครเอาตัวตนถือว่าทุจริตทั้งนั้น ใครมีตัวตนมากก็ทุจริตมาก ใครมีตัวตนน้อยก็ทุจริตน้อย ไม่มีใครยกเว้นทั้งนั้น ให้รู้เข้าใจ
เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง.ของประเทศไทยนี้แหละ ตัวตนมากรับไม่ไหวก็พังทลายเหมือนตึก สตง.
ทำไมตึก สตง.มันพันทลาย... เพราะมันโกงกินมากเกินทุจริตมากเกิน
ตึกอื่น ๆ ที่อยู่ในปริมณฑลในเมืองหลวงมันก็มีมาก สูงกว่าใหญ่กว่ามันไม่พังทลายเพราะเค้าโกงกินน้อย ให้เข้าใจ
ตัวตนนี้มันทลายให้รู้เข้าใจ เราทั้งหลายอย่าเอาความสุขจากความหลง เราต้องเข้าใจ พูดถึงเรื่องรูปก็ไม่จบ กลิ่นก็ไม่จบ โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เพราะอันนี้มันยังมีอยู่ประจำโลก
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายต้องเน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ
เหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เน้นที่พระพุทธเจ้า พระเยซูก็เน้นที่พระเยซู พระอัลเลาะห์ ก็เน้นที่พระอัลเลาะห์ ทุกคนต้องเน้นมาที่ตัวเอง ให้เข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติของใครของมัน ให้เข้าใจอย่างนี้
ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิต ทุกอย่างมันก็จะไม่มีปัญหา เพราะปัญหาอยู่ที่เรามีความเห็นไม่ถูกต้อง เข้าใจไม่ถูกต้อง ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ชีวิตของเรามันเลยมีปัญหา เพราะปัญหานั้นไม่อยู่ที่สิ่งอื่น มันไม่ได้อยู่ที่คนอื่น อยู่ที่ตัวของเราเอง
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านส่งสาวกที่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพไปเผยแผ่ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ท่านให้ไปทางละรูป ไม่ให้ไปหลายรูป เมื่อยกเลิกตัวตนทุกอย่างไม่มีปัญหา ให้เข้าใจ เพราะทุกอย่างนั้น มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ไม่ใช่ยกเลิกสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันจะขลังศักดิ์สิทธิ์นะ กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพมันจะเป็นการยกเลิกภัยอันตรายทั้งปวงทั้งปวง
ชีวิตที่เอาธรรมนำชีวิตมันถึงเป็นสิ่งที่งดงาม งดงามทางกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพเป็นของงดงามเป็นของสง่างาม มันมีแต่ความสุขมีแต่ปิติมีแต่เอกัคคตา
พวกเราทั้งหลายพากันรู้เข้าใจ อย่าไปเอาความหลงเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่สวยไม่งามไม่สง่างาม
พวกเราทั้งหลายอย่าพากันไปประดับประดาตกแต่งศัลกรรมมันก็ไม่งามหรอก เพราะความงามอยู่ที่เราเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตน เพราะยกเลิกตัวตนอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุขความไม่มีทุกข์ มันจะเอาสิ่งต่าง ๆ เป็นโจทย์เป็นข้อสอบตอบด้วยความรู้ความเข้าใจ มันจะเป็นบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ ๓๐ ทัศ มันจะเป็นการประพฤติการปฏิบัติในตัวในปัจจุบันเลย
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจพากันเน้นมาที่ตัวเรา เราทั้งหลายต้องเอาความถูกต้องกลับคืนมา เดี๋ยวนี้เราเสียความถูกต้องไปด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เหมือนเราเสียพระนิพพานบ้านของเราหรือพระนิพพานบ้านที่แท้จริง เสียบริสุทธิคุณน่ะ
เสียบริสุทธิคุณทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ มันเป็นความเสียหายมันเป็นการพังทลาย มันเป็นความไม่สวยสดงดงาม มันไม่สมบูรณ์ด้วยวิตามินเกลือแร่แร่ธาตุต่าง ๆ มันเสียหาย เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ
พากันเอาความสงบกลับคืนมา เอาปัญญากลับคืนมา เอาเอกราชกลับคืนมาด้วยความรู้ความเข้าใจ ชีวิตของเราจะได้เป็นเอกัคคตาเป็นหนึ่ง เป็นความสมัครสมานสามัคคีกันระหว่างกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพที่เป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรมเป็นธรรมนูญ ชีวิตเราคือธรรมนูญ ปกครองคนอื่นเค้าเรียกว่ารัฐธรรมนูญ
เราทั้งหลายถึงจะได้เป็นข้าราชการนักการเมือง ทุกวันนี้เราไม่ได้เป็นข้าราชการนักการเมือง เค้าแต่งตั้งให้เป็นแต่เราไม่ได้เป็น มันเป็นแต่ภายนอก แต่กายวาจากิริยามารยาทตลอดทั้งอาชีพไม่ได้เป็น มันเป็นนิติบุคคลตัวตน
ชีวิตที่เรามองเห็นทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมันถึงพังทลายเหมือนตึก สตง. ให้เรารู้เข้าใจ ชีวิตของเรานี้แหละต้องเข้าใจ มันเป็นการประพฤติการปฏิบัติ
วันหนึ่งคืนหนึ่งเราพักผ่อนให้เพียงพอ มนุษย์เราทั้งหลายต้องพากันนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมงนะ ที่เราเป็นฆราวาสไม่ได้บวชเราต้องนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง คำว่าฆราวาสก็นับเอาตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ ประธานาธิบดี ข้าราชการนักการเมืองพ่อค้าประชาชนที่ไม่ได้ถือเพศนักบวชเค้าเรียกฆราวาส ฆราวาสก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต พัฒนาทางกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพต้องเอาธรรมนำชีวิต เราถึงเรียกว่าฆราวาสก็ต้องปฏิบัติธรรรม
วันหนึ่งคืนหนึ่งมันก็ต้องมี ๒๔ ชั่วโมงแบ่งเป็นกลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง เวลากลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน เวลากลางวันเป็นเวลาทำงานให้รู้เข้าใจ โลกหมุนรอบตัวเอง หมุนรอบดวงอาทิตย์ มันเป็นความพอดี คิดดูแล้วมันเป็นความพอดี อันหนึ่งเป็นความสงบอันหนึ่งเป็นปัญญา อันหนึ่งพักผ่อน อันหนึ่งก็ทำงาน มันเป็นความพอดี มันลงตัวกันพอดี มันเป็นความสมบูรณ์
ที่โลกหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์มันเป็นความพอดี
วันหนึ่งคืนหนึ่งเราถึงนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง สำหรับฆราวาส เพราะฆราวาสเรามีการมีงานเอยะ ไหนต้องเลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลทำธุรกิจหน้าที่การงาน มีภาระเยอะต้องเสียภาษีอากร บำรุงพระศาสนา เพราะสิ่งของที่หมู่มวลมนุษย์ได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง สิ่งต้องบริโภคทุกอย่างมันได้มาจากภาษีอากรของเราทุกคน ใครอยู่ในโลก หายใจอยู่ในโลก อยู่ประเทศไหนก็ต้องเสียภาษีอากร เพราะการซื้อขายแลกเปลี่ยนมันหักภาษีอากรไปในตัว ให้รู้เข้าใจภาษีเท่านั้นเท่านี้เพื่อบริหารประเทศ บริหารข้าราชการนักการเมือง เราต้องรู้เข้าใจ
เราทั้งหลายถึงพากันปฏิบัติถูกต้อง เราไม่รู้ไม่เข้าใจเราก็ไม่รู้ว่าเงินเดือนของเรานี้ได้มาอย่างไร ได้มาจากภาษีอากรทั้งนั้น
เราทั้งหลายน่ะถึงต้องทำหน้าที่ให้สมดุล ให้สมดุลทั้งรายรับรายจ่ายทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องให้สมดุลต้องมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งเราที่เราได้รับการแต่งตั้งมันจะไม่สมบูรณ์ เรารู้เข้าใจ ต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ชีวิตของเราต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นตัวเป็นตนไม่ได้ มันต้องเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม เป็นประภัสสรแห่งธรรมะ
ที่มันแล้วก็แล้วไปนะ เรามาร่วมรวมกันเป็นทีมเวิร์คเพื่อมาทำความรู้ความเข้าใจแห่งความเป็นมนุษย์ มนุษย์เราต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต เราทั้งหลายถึงจะได้เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวชน่ะ เป็นทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพที่เป็นบริสุทธิคุณ
ให้พากันรู้เข้าใจ เราต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าไปคอร์รัปชั่นเวลานอน
เราทุกคนคอร์รัปชั่นเวลานอนนะ เพราะไปเพลิดเพลินกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งพัฒนาวิทยาศาสตร์มันมีสิ่งที่น่าสนุกน่าเพลิดเพลิน เราต้องรู้เข้าใจ
เราต้องคอนโทรลตัวเองให้ได้ คอนโทรลเวลาให้อยู่ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้นแสดงว่าเรามีนิติบุคคลตัวตน เราหลงไปตามสิ่งแวดล้อม เราควบคุมคอนโทรลตัวเองไม่ได้ เราทั้งหลายไม่มีความสงบไม่มีปัญญา ไม่มีปัญญา ไม่มีความสงบ เราทั้งหลายพากันทำได้ปฏิบัติได้ให้รู้เข้าใจ
รู้มั๊ย คนที่เป็นคนบ้าคนสมองพิกลพิการมันทำไม่ได้ เค้าถึงไม่เอาเรื่องกับคนบ้าคนพิกลพิการ ทางส่วนราชการก็ไม่เอาเรื่องเอาราว ทางศาสนาก็ไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้าเพราะสมองมันเสียแล้ว
เราต้องรู้เข้าใจ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็มีเชื้อบ้านะ ตัวตนนั้นแหละ คือเชื้อของคนบ้าให้เรารู้เข้าใจ เราต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะหยุดดีเอ็นเอแห่งความเป็นเชื้อบ้า เพื่อรายรับรายจ่ายเพื่อให้ปฏิปทามันติดต่อต่อเนื่องกันให้สมบูรณ์น่ะ ปฏิปทานี้ต้องติดต่อต่อเนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ปฏิปทานี้มันเป็นเหมือนกระแสน้ำกระแสไฟกระแสลมมันเป็นอย่างนั้นน่ะ
เมื่อเรารู้เข้าใจเราจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อมเอาความรู้ความเข้าใจไปปฏิบัติเป็นปฏิปทา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเราทั้งหลายว่า ให้รู้เข้าใจเหมือนไก่ฟักไข่ ไก่ฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์นะมันถึงออกมาเป็นไก่น้อย ไก่ตัวเล็ก ๆ จะฟักด้วยแม่ของไก่ ฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ ตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ทำอะไรติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นกระบวนการ เป็นปฏิจจสมุปบาท เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ชีวิตนี้ก็จะก้าวไปด้วยความเข้าใจ เรียกว่าก้าวไปด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ให้เราเข้าใจตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ทำอะไรติดต่อต่อเนื่องกัน ๓ อาทิตย์ มันจะทำให้เปลี่ยนไป
เราทั้งหลายถึงต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต ต้องโฟกัสในปัจจุบันให้ดี ๆ ให้ได้ เพราะอดีตก็มารวมที่ปัจจุบัน อนาคตก็คือปัจจุบันนี้แหละ พื้นฐานของอนาคตอยู่ที่ปัจจุบัน การประพฤติการปฏิบัติถึงอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติ
ให้เราเข้าใจนะ เป็นวาระแห่งชาติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ให้รู้การประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ จะได้เอาศีลมาทำงาน เอาสมาธิมาทำงาน เอาปัญญามาทำงาน เน้นปัจจุบันนี้แหละ พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ
ถึงสิ่งภายนอกมันจะอร่อยทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็ช่างมัน เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราต้องรู้โจทย์รู้ข้อสอบตอบด้วยความรู้ ความเข้าใจ เรามีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในกาประพฤติการปฏิบัติ ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ถ้าเราเอาธรรม เอาธรรนูญ เอารัฐธรรมนูญ เอาพระธรรมพระวินัย เป็นหลัก เป็นหลักการอุดมการณ์อุดมธรรม ต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่ได้ถึงเราจะเป็นคนเก่งคนฉลาดมันก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นความพอเพียงเพียงพอมัน เป็นความพอดี
ต้องคิดดูดี ๆ นะ เค้าผ่าตัดสมอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่าตัดสมองเค้าต้องใช้ปัญญากับความสงบ ความสงบกับปัญญา เพราะสมองของมนุษย์มันมีเส้นประสาทเยอะ ถ้าไม่สงบไม่มีปัญญา มันไม่ได้ มันต้องใช้ความสงบใช้ปัญญา การพัฒนา เราก็ต้องเอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญามารวมกัน สมัครสมานสามัคคีกัน ให้เป็นศีล เป็นสมาธิเป็นปัญญา ให้เข้าใจเน้นที่ปัจจุบันนี้แหละ
เราคิดดูดี ๆ นะผู้ที่ไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษาก็เอาปัจจุบันนี้แหละ ผู้ที่เรียนศึกษาก็เอาปัจจุบันนี้แหละ ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ
เราคิดดูดี ๆ พวกที่ผ่าหัวใจผ่าโรคหัวใจก็เหมือนกัน เพราะหัวใจเป็นศูนย์ใหญ่ ส่งโลหิตให้กับส่วนร่างกายสรีระของร่างกาย มันต้องมีความสงบมีปัญญา
เราคิดดูดี ๆ น่ะ เข็มเล็ก ๆ รูก็ยังเล็กอีกน่ะ กว่าจะแหย่รูเข็มด้วยด้ายให้สำเร็จได้ก็ต้องอาศัยปัญญาอาศัยความนิ่ง เราทั้งหลายต้องโฟกัสเข้าถึงปัจจุบัน เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ ให้รู้เข้าใจ ความสงบกับปัญญาถึงเป็นพร้อมกัน ถ้าอย่างนั้นผู้มีปัญญามากก็แก้ปัญหาไม่ได้ ผู้ไม่มีปัญญาไม่รู้ไม่เข้าใจก็แก้ปัญหาไม่ได้
เราต้องรู้เข้าใจรู้ความจริงรู้อริยสัจสี่ เราทั้งหลายจะไปข้ามศีล ข้ามสมาธิ ข้ามความถูกต้องไปไม่ได้ มันจะมีปัญญาแล้วก็พากันไปสร้างปัญหาด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะปัญญานั้นเป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องเอาปัญญามาประพฤติมาปฏิบัติเพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นความสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันจะแยกกันไม่ได้ ให้รู้เข้าใจ
เหมือนกับคนใดคนหนึ่งน่ะ ตั้งแต่เป็นเด็กอย่างนี้ก็เป็นทุกข์ ทำไมเป็นเด็กก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะเป็นตัวเป็นตน ทำไมเป็นคนหนุ่มสาวก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะเป็นตัวเป็นตน เป็นคนแก่ก็เป็นทุกข์ เพราะทุกคนก็เป็นทุกข์ทั้งนั้นเพราะเป็นตัวเป็นตน ให้รู้เข้าใจ เราจะไม่ได้เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เพราะความถูกต้องคือธรรมะมันไม่ใช่เราไม่ใช่คนอื่น
เราทั้งหลายอย่ามีความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราเป็นเค้า อย่ามีความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย เป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นคนแก่คนเฒ่าคนชรา เป็นคนดีกว่าเค้า เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า มีเพาเวอร์มากกว่าเค้า รวยกว่าเค้าหรือเสมอกับเพื่อน หรือว่าสูงกว่าเขา อันนี้ไม่ได้ เราอย่ามีเขามีเรา ต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา มีปัญญามีความสงบ
เราทั้งหลายต้องพากันโฟกัสเข้ามาหาศีลหาสมาธิหาปัญญา ต้องเห็นความสำคัญในปัจจุบัน เราอย่าไปมองข้ามกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ ต้องเน้นบริสุทธิคุณ ให้รู้เข้าใจ เราอย่าไปมองข้าม
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อจะได้ลงรายละเอีย ในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเรามองข้ามแล้วมันจะทิ้งธรรมทิ้งปัจจุบันธรรม มีปัญญามากมันก็จะไม่สงบ เพราะเรามีความบกพร่องในมรรคในอริยมรรค เราบกพร่องทางกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เรามีความกพร่องเราไม่ได้เข้าถึง บริสุทธิคุณทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ เราถึงมีปัญหาน่ะ
เราทั้งหลายต้องรู้จักปัญหา เรามารู้เข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้ไม่ใช่ความจำนะ เราเรียนหนังสือ หนังสือมากมายก่ายกอง กองใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาหัวใจของการเรียนหนังสืออยู่ที่ความรู้ความเข้าใจ เราค้นคว้าทางวิทยาศาสตรก์ก็เพื่อความรู้ความเข้าใจ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจมันไม่ได้
เหมือนหมอเค้าผ่าตัดเก่ง ๆ ผ่าตัดสมองผ่าตัดหัวใจคนไข้ไปเอกซเรย์อะไรมาจากที่อื่นเอามาให้น่ะ เค้าไม่เอานะ เพราะเค้าต้องเอกซเรย์ใหม่ เอาปัจจุบันนี้แหละ
เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ความเข้าใจมันเป็นอย่างนั้น
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ขีณาสพไปเผยแผ่ พระอรหันต์ขีณาสพเค้าเข้าใจเรื่องกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เข้าใจว่าเรายกเลิกตัวตนทุกอย่างไม่มีปัญญา เรามีความรู้ความเข้าใจ
การที่เรามารวมกัน มารู้กันอย่างนี้แหละ เหมือนกับที่เราไปเรียนหนังสือนี้แหละ เมื่ออ่านออกเขียนได้เข้าใจ ก็ปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วยความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจนี้มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรมมันจะเป็นของใหม่ของสด เพราะยกเลิกนิติบุคคลตัวตนมันจะเป็นของใหม่ของสดนะ ต้องรู้เข้าใจเรื่องของใหม่ของเก่า ความรู้ความเข้าใจมันจะเป็นของใหม่ของสดมันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เหมือนนางวิสาขากำลังให้อาหารเสริฟอาหารแก่พ่อของสามีพระมาบิณฑบาต พอเห็นหน้านางวิสาขากำลังเสริฟอาหารให้อาหารแก่พ่อสามี พ่อแม่สามีก็ไม่เข้าใจเรื่องของใหม่ของเก่า บริโภคนิติบุคคลตัวตน บริโภคความหลงอยู่ เห็นพระมาภิกขาจารบิณฑบาตก็ไม่ได้เป็นผู้ให้ไม่ได้เป็นผู้เสียสละ
นางวิสาขาถึงพูดกับพระว่าเชิญท่านไปรับบิณฑบาตที่อื่นเถิด เพราะของพ่อสามีดิฉันนี้เค้าบริโภคของเก่าอยู่ เค้าไม่ให้ทานไม่เสียสละเค้าบริโภคของเก่า คำว่าของเก่าหมายถึงขยะหมายถึงอุจจาระปัสสาวะความหมายอย่างนี้แหละ
พ่อสามีของนางวิสาขาโกรธเลย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ถึงว่าตัวเองบริโภคของเก่านี้มันอาหารดี ๆ นะ อร่อยน่ะ ยังสด ๆ เลย ไม่ใช่ของเก่า พ่อสามีถึงกับไล่ให้นางวิสาขาออกจากบ้าน
นางวิสาขาบอกว่าก่อนที่จะเอานางวิสาขามาเป็นลูกสะใภ้น่ะก็มีลายลักษณ์อักษรของญาติวงศ์ตระกูล ถ้าจะจากไปก็ต้องให้เป็นกิจจะลักษณะถึงจะถูกต้อง ถึงจะเป็นธรรม เป็นความยุติธรรมน่ะ ก็เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกัน
นางวิสาขาก็บอกว่าที่ว่าบริโภคของเก่า หมายถึงพ่อปู่เป็นผู้บำเพ็ญบุญกุศล ถึงได้มีเหตุมีปัจจัยมีความสุข เพราะมีเหตุมีปัจจัยแห่งเป็นบุญเป็นกุศล เมื่อมีเหตุมีปัจจัยแห่งบุญกุศลแต่ตั้งอยู่ความประมาทความเพลิดเพลิน ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักปัจจุบันธรรม ไม่เสียสละ การไม่เสียสละนั้นคือการบริโภคนิติบุคคลตัวตนคือการบริโภคของเก่า บริโภคความหลงบริโภคขยะ
นางวิสาขามหาอุบาสิกพูดให้พ่อสามีเข้าอกเข้าใจ ว่าตัวเองนั้นแหละคือของเก่า มันไม่ใช่ธรรมไม่ใช่ปัจจุบันธรรม ปัจจุบันมันต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม หาใช่นิติบุคคลตัวตน เรารู้เข้าใจ พ่อปู่เข้าใจว่าตัวตนนั้นคือของเก่า คือสิ่งที่ปฏิกูล ตัวตนน่ะ
ที่หลวงตามหาบัวท่านบอกว่าท่านตรัสว่า ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิตเอาความบริสุทธิคุณนำชีวิต ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องมีศีลมีธรรมมีคุณธรรม เพราะตัวนั้นคือความไม่ถูกต้อง ตัวนั้นแหละ มันคือของเก่าของเน่าของเสียของเหม็นของปฏิกูล มันเหม็นไม่ใช่ธรรรมดานะ มันเหม็นหลายแดนโลกธาตุ เหม็นสามแดนโลกธาตุ ตัวตนมันเหม็นนะ
เราต้องรู้เข้าใจ เราต้องมีสติมีปัญญา เราจะไม่ได้เอาความหลงนำชีวิตไม่เอาความงมงายนำชีวิต ความหลงเค้าเรียกไสยศาสตร์ ไสยศาตร์เค้าเรียกว่าสายมูสายหลง สายกินของเก่าบริโภคของเก่า
ที่เราได้ยินเค้าพูดในสังคมว่าสายมูสายไสยศาสตร์ มันก็คือเอาตัวตนนำชีวิตเอาความหลงนำชีวิต เค้าเรียกว่ามันเป็นสายมูไสยศาสตร์ ต้องเข้าใจอย่าเอาความหลงนำชีวิต ต้องเอาบริสุทธิคุณนำชิวต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในกาประพฤติการปฏิบัติ
เราทั้งหลายทุกคนทำได้ปฏิบัติได้จะเป็นพุทธคริสต์อิสลามเป็นพราหมณ์ฮินดูซิกส์ ก็ทำได้ปฏิบัติได้ เพราะความเป็นพระมันมีอยู่กับเราทุก ๆ คนไม่มีใครยกเว้น ที่ว่ายกเว้นคนบ้า ยกเว้นผู้ที่ไม่เข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นนิติบุคคลตัวตนตัวตนนั่นแหละบริโภคของเก่าบริโภคความหลง
เราทั้งหลายต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะไม่ได้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นความหลงเป็ยอบายอบายภูมิ อบายภูมิ ภูมิ ๓๑ ภพถูมิ หัวใจตกต่ำ หัวใจตกสู่อบายมุขอบายภูมิ อบายมุขอบายภูมิทางพระศาสนาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ มายกเลิกความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องมันจะระเบิดความถูกต้องไปในตัวเค้าเรียกว่าตัวมันเองนี้ระเบิด มันระเบิดตัวของมันเอง เค้าเรียกว่าทำความเสียหายให้ทางกายวาจากิริยามารยาทไม่สมดุลกัน มันไม่สมดุลกัน มันขาดดุลรายรับรายจ่าย
เราต้องรู้เข้าใจว่าชีวิตของเราคือรายรับรายจ่ายเราจะได้หยุดความไม่ถูกต้อง ถ้าอย่างนั้นเราจะไปแก้ไขตั้งแต่ภายนอก เราไม่ได้แก้ไขกายวาจากิริยามารยาท ที่เป็นธรรม เป็นธรรมนูญเลย
หัวใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าเราต้องสร้างบารมีความดีที่ประกอบด้วยปัญญา พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติ การปฏิบัติ เข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบันนี้แหละ พระนิพพานอย่าไปรอเมื่อตาย ไปแล้ว ต้องเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบันนี้แหละ พระนิพพานอย่าไปรอเมื่อตาย ไปแล้ว ต้องเข้าพระนิพพานตั้งแต่ปัจจุบัน เพราะในปัจจุบันยังไม่ได้สัมผัสพระนิพพานเลยเอาความหลงนำชีวิต เมื่อตายแล้วจะเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างไร เพราะคนเรา ไม่มีใครถึงอนาคตได้ ชีวิตของเรามันก็จะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ทำดีก็ไปในทาง ที่ดี ทำชั่วก็ไปในทางที่ชั่ว กายวาใจกิริยามารยาทมันจะหมุนไปตามความเข้าใจผิดความเข้าใจถูก
เราต้องรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ใจของเราจะได้หยุดบ่อนคาสิโน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งหัวใจของเราเก็เป็นบ่อนคาสิโน
เราต้องรู้เข้าใจ อย่าไปคิดแบบมีนิติบุคคลตัวตน อย่าไปคิดแบบผู้บริโภคความหลง ผู้บริโภคตัวตน ผู้บริโภคของเก่า ให้เราเข้าใจ เราไม่เข้าใจก็เห็นประเทศสิงคโปร์เค้ารวยเพราะเค้าตั้งบ่อน มาเก๊ารวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน
รู้เข้าใจว่าประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ยังไม่เท่ากับอำเภอหนึ่งของเมืองไทย ไม่มีที่ทำมาหกิน เค้าตั้งบ่อนคาสิโนก็สามารถท่จะรวยได้ เพราะคนในโลกนี้มีชีวิตจมอยู่กับความหลงงมงาย ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโน เราสามารถจะรวยทางวัตถุได้ ความคิดอย่างนี้มันเป็นความคิดที่บ่อนทำลายความถูกต้อง
ให้เข้าใจนะ เป็นการที่ระเบิดความดีระเบิดความถูกต้อง เป็นความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดนะ
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศาสนาเค้ามายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องเรียกว่ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ เรียกว่ามายกเลิกบ่อนคาสิโน เราทั้งหลายให้พากันเข้าใจมีสติมีปัญญาทุกอย่างมันยกเลิกตัวตน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งสาวกออกไปบอกประชาชนให้เอาธรรมนำชีวิตอย่าเอาตัวตนนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตทุกอย่างก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันมีแต่สร้างปัญหา เราต้องข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ ท่านทั้งหลายเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา เป็นคนมีปัญญาเป็นคนดี เราต้องเอาธรรมนำชีวิต ธรรมนูญนำชีวิตเพราะชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐมากเป็นชีวิตที่เพอร์เฟคมาก เราต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต
เหมือนท่านพุทธทาสภิกขุเป็นคนดีคนมีปัญญาเป็นผู้เอาธรรม ธรรมนูญ รัฐธรรมนูญนำชีวิตด้วยความรู้ความเข้าใจทางวิทยาสตร์และทางจิตใจไปพร้อม ๆ กันเราจะเป็นมนุษได้เพราะมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเป็นมนุษย์ได้เพราะมีสัมมาทิฐิมีปัญญา ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพด้วยข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ใช่ไม่มีเหตุไม่มีผล ต้องมีผลมีผล เราต้องก้าไวปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะใจของเรามีปัญญา ใจมีปัญญาเค้าเรียกว่าใจสูง
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา เปรมปรีดา คืนวัน ศุขสันติ์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอย ฯ
ใจสูงหมายถึงใจไม่ตกต่ำ ยกเลิกอบายมุขอบายภูมิ เอาธรรมนูญนำชีวิต มีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ อย่าไปตั้งอยู่ในความประมาท ความหลงความเพลินด้วยความไม่รู้ไม่เข้าจมันเสียเวลา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่า ปัจจุบันเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด นี้เป็นพระวาจาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์สู่มหาปรินิพพาน
ให้ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัติโตเพื่อเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสนาในเช้าวันที่ ๒ พฤษภาคมก็สมครแก่เวลาในการบรรยายขอสมมติยุติการบรรยายไว้เพียงเท่านี้
เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
--------------------------------
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ในเช้าวันศุกร์ที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา