๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ของศาสนาพุทธ คริสต์ศักราช ๒๐๒๕ ของศาสนาคริสต์ ฮิจเลาะห์ศักราช ๑๔๔๖ ของศาสนาอิสลาม

 

ศาสนาเป็นความรู้ความเข้าใจในธรรมในสภาวธรรม รู้เรื่องเหตุเรื่องปัจจัยในอดีตที่ผ่านมา รู้ในการกระทำคำพูดความคิดกิริยามารยาทอาชีพที่ผ่านมา เพราะทุกอย่างนั้นอยู่ที่ผลของกรรม ปัจจุบันถึงเป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ เราจะได้หยุด เราจะได้ยกเลิกเหตุยกเลิกปัจจัย เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม

 

การประพฤติการปฏิบัติจึงเน้นการประพฤติการปฏิบัติลงที่ปัจจุบัน เพราะอนาคตนั้นอยู่ที่ปัจจุบันปัจจุบันจึงเป็นความรู้ความเข้าใจคู่การประพฤติการปฏิบัติ ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติในการประพฤติการปฏิบัติทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ปัจจุบันถึงเป็นวาระแห่งชาติของการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราเรียนหนังสือก็เพื่อความเข้าใจ เราค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ก็เพื่อความเข้าใจ เราฟังการบรรยายจากท่านผู้รู้ทั้งหลายก็เพื่อความเข้าใจ ความเข้าใจนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ความเข้าใจนี้เป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ความเข้าใจนี้เป็นเครื่องอยู่ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 

ถ้าเรามีปัญญาสัมมาทิฐิ ชีวิตของเราก็ก้าวไปด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ ถ้าเราไม่เข้าใจชีวิตของเราก็ก้าวไปเพราะความไม่รู้

 

มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ ภพภูมิของมนุษย์เราที่อยู่ในมนุษย์ของเรานี้มี ๓๑ ภพภูมิ จึงได้มีศัพท์คำว่าคน เพราะมีหลายภพภูมิ

 

มนุษย์เราถึงต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิเป็นเครื่องอยู่ เรามีบ้านมีที่อยู่ที่อาศัยของส่วนร่างกายเป็นที่อยู่ที่อาศัย เป็นที่นอนที่พักผ่อน

 

มนุษย์เราก็ต้องมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มนุษย์เราถึงต้องมีธรรมนูญเป็นเครื่องอยู่ ทุก ๆ ชาติทุกศาสนาก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ ใช้ปัญญาสัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง การปฏิบัติถูกต้อง เป็นมรรคเป็นอริยมรรค เพื่อเราทั้งหลายจะมีธรรมเป็นเครื่องอยู่มีธรรมนูญเป็นเครื่องอยู่

 

เราต้องมีหลักการ อุดมการณ์อุดมธรรม เป็นธรรม เป็นธรรมนูญ ปัญญาสัมมาทิฐิอย่างนี้ มันจะเป็นพระศาสนา มันจะเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เพราะการประพฤติการปฏิบัติเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนบุคคล เน้นให้สมบูรณ์ที่ตัวเรา ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้กันได้แทนกันได้ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เธอทั้งหลายจงพากันอย่าตั้งอยู่ในความประมาทเพราะว่าอันนี้มันเป็นเรื่องใหญ่นะ มันเป็นเรื่องภพชาติ มันเป็นเรื่องเวียนว่ายตายเกิด

 

เพื่อเราทุกคนจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาปัญญาสัมมาทิฐินำชีวิต กายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องให้เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ อย่าได้ตั้งอยู่ในความประมาท  เน้นมาที่ตัวเราทุกคน พากันมีปิติมีความสุขมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์

 

เธอทั้งหลายอย่าพากันประมาท เพราะปัจจุบันเป็นวาระสำคัญ

 

ถ้าเราไม่เน้นปฏิบัติในปัจจุบันเราจะเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาท เป็นผู้ที่ตั้งอยู่กับความหลง

 

เราทั้งหลายน่ะต้องมาเป็นผู้ที่มีธรรมนูญเป็นเครื่องอยู่ อย่าเอาความประมาทเป็นเครื่องอยู่ ความหลงความเพลิดเพลินเป็นเครื่องอยู่

 

พูดถึงรูปทั้งหลายมันไม่จบ เสียงทั้งหลายมันไม่จบ กลิ่น รส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์มันไม่จบ มันชวนให้เราเพลิดเพลินชวนให้เราหลง เพราะสิ่งเหล่านี้แหละ

 

เราคิดดูดี ๆ มันเป็นของแซบของลำของนัวของหรอยของอร่อยนะ

 

เราทั้งหลายต้องพากันรู้พากันเข้าใจ เราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ตั้งใจตั้งเจตนา เอาปัจจุบันให้ได้

 

เราอย่าไปตามผัสสะที่มันเกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราทั้งหลายอย่าไปตามผัสสะ เพราะพูดเรื่องผัสสะมันเป็นเรื่องไม่จบ

 

เราต้องมีสติมีปัญญา มีปัญญามีสติในปัจจุบัน ให้พากันเห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

การดำเนินชีวิตของเรานี้นะมันเป็นรายรับรายจ่าย ให้พวกเรารู้ให้พวกเราเข้าใจ

 

การดำเนินชีวิตของเรามันคือรายรับรายจ่าย เราทั้งหลายต้องรู้รายรับรายจ่ายของเรา เพื่อจะได้เข้าถึงความสมดุลของรายรับรายจ่าย จะได้เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ จะได้เข้าถึงธรรมเข้าถึงธรรมนูญ

 

สิ่งที่เกิดขึ้นทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันเป็นรายรับนะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ไปตามสิ่งแวดล้อม ความรู้ความเข้าใจเราก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ตาได้เห็นรูปก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นธรรมเป็นสภาวธรรม มันเป็นเรื่องธรรมดา เรามีตามันก็มีรูป เราได้สัมผัสทางหู

 

ให้เรารู้เข้าใจว่า โอ้... เรามีหูมันก็มีเสียง เราได้สัมผัสทางจมูก เราก็รู้เข้าใจว่า เรามีจมูกเราก็มีกลิ่น ลิ้นเราได้สัมผัสกับรส เราก็รู้เข้าใจว่าเรามีลิ้นมันก็มีรส กายเราได้สัมผัสเราก็รู้เข้าใจ ว่าเรามีร่างกายมันก็มีสัมผัสมันก็ต้องมีผัสสะ เรามีใจเราก็มีจิตมีวาระจิตจากการสัมผัส

 

เราต้องรู้ธรรมรู้สภาวธรรมเราจะไม่ได้ไปตามสิ่งแวดล้อม ถ้าเราไปตามสิ่งแวดล้อมเราก็เป็นคนไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา

 

ศีลสมาธิปัญญาถึงมีคุณมีอุปการคุณกับเรา

 

ศีลนี้เป็นอุปกรณ์นะ เป็นอุปกรณ์กับกรรมกรก็คืออันเดียวนี้แหละ กรรมนี้อยู่ที่เรารู้เข้าใจ ถ้าเรารู้เข้าใจเราก็หยุดกรรมหยุดเวรหยุดภัย ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็ไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ เราก็สร้างเวรสร้างภัย

 

เราทั้งหลายน่ะปัญญากับการประพฤติการปฏิบัติถึงไปพร้อม ๆ กัน เพราะในตัวเรานี้มันจะมีปัญญาและไม่มีปัญญา มันจะมีปัญญาแล้วเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติพร้อมกับความรู้ความเข้าใจไม่หลงไม่เพลิดเพลิน เห็นภัยในวัฏฏสงสาร ว่าสิ่งเหล่านี้เองมันคือรายรับรายจ่ายของชีวิต เราต้องรู้ต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้นเราไม่รู้รายรับรายจ่ายของชีวิตนะ

 

เราทั้งหลายน่ะต้องพากันรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ ถ้าไม่มีอยู่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ศีลสมาธิปัญญาที่เป็นบริสุทธิคุณ

 

เราคิดดูดี ๆ นะ ศีลสมาธิปัญญาที่บริสุทธิคุณคือธรรมนูญนะ ศีลสมาธิปัญญาต้องเป็นเครื่องอยู่ของเรานะ เครื่องอยู่ของเราคือธรรมนูญ ศีลสมาธิปัญญาที่เป็น บริสุทธิคุณถึงเป็นบ้านของเรานะ ใจของเราน่ะมันไม่มีบ้านนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้งใจไม่มีบ้าน ใจของเรามันอพยพ อพยพไปอพยพมาไม่มีหลักการไม่มีอุดมการณ์อุดมธรรม อพยพไปอพยพมา ใจของเราเป็นใจพลัดถิ่นน่ะ

 

เราต้องมีบ้านนะ เราต้องมีศีลมีสมาธิมีปัญญานะ ต้องเป็นคนที่มีหลักการมีอุดมการณ์อุดมธรรม เป็นผู้มีธรรมนูญ เราพากันอยู่นี้อยู่กับความหลงนะ เราอย่าเอาความหลงเป็นบ้านของเรานะ เราอย่าเอาสายมูสายหลงเป็นบ้านของเรา

 

ปัจจุบันนี้เค้าเทศน์เค้าสอนกัน เค้าจะพูดเรื่องสายมูสายหลงสายไสยศาสตร์น่ะ

 

เราต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต เราจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหลงนี้ไม่ได้นะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาสายมูสายหลงเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องอย่างนี้แหละ เค้าเรียกว่าทุจริต ตัวตนนี้เรียกว่าทุจริต ใครมีตัวมีตนบุคคลนั้นคือบุคคลที่ทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไปไม่ได้นะ เพราะไม่มีทางถึงมีศัพท์ว่าตัณหาน่ะ มันหาเรื่องหาราวให้ตัวเองเป็นทุกข์ให้คนอื่นเป็นทุกข์ ศัพท์นี้ชัดเจน ชัดแจ่มแจ้งว่าหาเรื่องหาราวให้ตัวเอง หาเรื่องหาราวให้คนอื่น หาเรื่องหาความทุกข์ให้ตัวเอง หาความทุกข์ให้คนอื่น คำว่าหาเรื่องน่ะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่าให้เข้าใจนะให้มีปัญญาสัมมาทิฐิ เราต้องรู้เข้าใจว่าตัวตนนั้นแหละมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีเลยนะ

 

ตัวตนนั้นเปรียบเสมือนทะเลที่ไม่อิ่มด้วยน้ำ เปรียบเสมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อของเพลิง มันบกพร่องอยู่เป็นนิจ มันไม่ใช่ความพอดีความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นความสมดุลไม่ได้เป้ฯความพอเพียงเพียงพอ ไม่ได้เป็นความพอดี

 

เราคิดดูดี ๆ นะ จิตใจของเราไปปรุงแต่ง ความปรุงทั้งหลายถึงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ความปรุงแต่งถึงไม่เป็นความเพียงพอพอเพียง

 

ของมันเท่านี้แหละ เราอยากให้มากมันก็ไม่มาก อยากให้น้อยมันก็ไม่น้อย เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นประภัสสร ความแก่มันก็เป็นประภัสสร ความเจ็บมันก็เป็นประภัสสร ความตายมันก็เป็นประภัสสร ความพลัดพรากจากไปมันก็เป็นประภัสสร  มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้

 

เราจะให้มันเป็นอย่างอื่นนั้นคือความไม่รู้ไม่เข้าใจนะ มันไม่ใช่ความพอเพียงเพียงพอ มันเป็นความไม่สมดุลของรายรับรายจ่ายนะ

 

เราทั้งหลายให้พากันจับหลักจับประเด็นให้ได้ ให้มีปิติมีความสุขมีกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ เน้นมาที่เรานี้แหละ เน้นมาที่กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพต้องเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ เพื่อจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ด้วยการเห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

 

เรานอนเราพักผ่อนให้พอนะ มนุษย์เรานอนพักผ่อนให้พอ

 

มนุษย์ที่เป็นฆราวาสนอนพักผ่อนให้พอ นอน ๖ ชั่วโมงถึง ๘ ชั่วโมง ผู้ที่อยู่เมืองกรุงเมืองหลวงต้องนอนมากกว่าผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดอยู่ชนบทอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร เพราะเมืองกรุงเมืองหลวงมลภาวะของอากาศมันไม่ดี ค่าพีเอ็มของอากาศของออกซิเจนมันไม่ดี เพราะเมืองหลวงเมืองกรุงเป็นศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่นั่น ค่าพีเอ็มมันไม่ดี เราต้องนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง ถึงเราจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ มีห้องแอร์มีเครื่องฟอกอากาศมันก็ต้องนอนให้พอให้เพียงพอ ๖ ชั่วโมงขึ้นไป

 

เราพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ที่เราพัฒนามา เราได้รับความสะดวกความสบายเราทั้งหลายอย่าได้ประมาทอย่าได้เพลิดเพลิน พากันไปเล่นโทรศัพท์ ไลน์โทรศัพท์ต้องบังคับตัวเองคอนโทรลตัวเองพากันพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง เพื่อเน้นมาที่ตัวเรา เราจะตามความอร่อยตามความหลงไปไม่ได้ เราต้องรู้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายอย่าไปทำผิดนะ อย่าไปคอร์รัปชั่นเวลานอนนะ เพราะร่างกายก็คือร่างกาย ร่างกายของมนุษย์เค้าก็ต้องมีอาหารของเขา เค้าต้องได้นอนได้พักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมง เราทั้งหลายต้องคอนโทรลตัวเองให้ได้ในปัจจุบัน เราอย่าเอาความรู้สึกนึกคิดนำชีวิตนะ ต้องเอาเอาเวลานำชีวิต ธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เพราะความรู้สึกมันไม่ใช่ธรรมนูญนะ มันเป็นสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ถ้าเราเอาความรู้สึกนำชีวิตเราจะไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา เราจะไม่มีหลักการ ไม่มีอุดมการณ์อุดมธรรมนะ เราอย่าเอาความรู้สึกนำชีวิต

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่าอย่าไปเอาความรู้สึกนำชีวิตต้องเอาธรรมนูญนำชีวิต อย่าไปเอาธาตุเอาขันธ์อายตนะนำชีวิต อย่าเอาความรู้สึกอย่างนั้น

 

เราต้องรู้รายรับรายจ่ายในเรื่องธรรมเรื่องสภาวธรรม เพราะชีวิตของเราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจเพื่อจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพื่อจะได้เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ

 

เราต้องเข้าสู่มาตรฐาน อักษรย่อเรียกว่าเข้าสู่ มอก. เค้ามีเครื่องวัดเครื่องชั่งน้ำหนัก มีเครื่องวัดความดัน ไปหาหมอหาแพทย์เค้าก็ตรวจดูเลือดเพื่อความสมดุล

 

เพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่เข้าสู่ความพอดี ไม่เข้าสู่ความพอเพียงเพียงพอ นักวิทยาศาสตร์เค้าถึงไม่เชื่ออะไร เค้าเอาหลักเหตุหลักผลหลักวิทยาศาสตร์ เค้าต้องวัดด้วยเครื่องวัดน่ะ วัดระยะสั้นระยะยาว วัดน้ำหนัก วัดความดัน ตรวจดูเลือด เพื่อเข้าถึงความถูกต้อง เข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เพื่อเป็นความสมดุลระหว่างรายรับรายจ่าย

 

เราทั้งหลายน่ะ เราถึงพากันมารู้นะ เราจะได้มีข้อวัตรมีกิจวัตร วัตรก็คือข้อวัตรข้อปฏิบัติที่เรารู้เข้าใจ เพื่อเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ เราทั้งหลายจะได้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่มีธรรมนูญเป็นเครื่องอยู่ เพื่อจะได้พัฒนาทางวิทยาศาสตร์และพัฒนา ทั้งใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อรายรับรายจ่ายของเราจะได้สมดุลกัน

 

สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นจะอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง  ปฏิบัติถูกต้อง มันเป็นความสมดุลรายรับรายจ่าย ทุกชาติทุกศาสนาก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ เพราะนี้มันเป็นเรื่องสากล เป็นเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราทั้งหลายน่ะถึงเอาความรู้สึกนำชีวิตไม่ได้ ให้เราเข้าใจว่า เราเอาความรู้สึกนำชีวิตนี้ไม่ได้

 

เราคิดดูดี ๆ นะ การที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเค้าต้องเปลี่ยนแปลงด้วยปัญญา ด้วยการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นมรรคเป็นอริยมรรคถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะไปตามแนวเดิม ไปตามระนาบเดิม เรียกว่าไปอย่างเก่าน่ะมันจะไม่เปลี่ยนแปลงมันจะไม่ได้พัฒนาตามหลักเหตุหลักผล

 

เราเอาตัวตนมันก็ไปอย่างเก่า ความหลงมันก็เป็นบารมีแห่งความหลงนะ

 

เราเอาความหลงเป็นที่ตั้งบารมีแห่งความหลงมันก็ยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่งไปเรื่อย ๆ

 

เราเอาปัญญาสัมมาทิฐิที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา บารมีจะก้าวไปเรื่อย

 

การปฏิบัติธรรมนี้มันถึงเป็นธรรมชาตินะด้วยการรู้การเข้าใจการปฏิบัติต่อเนื่องมันจะเป็นธรรมชาติ อันหนึ่งบรรลุความหลง อันหนึ่งรู้เข้าใจเอาธรรมนำชีวิต อันหนึ่งบรรลุธรรม สองอย่างนี้ก็บรรลุเหมือนกัน อันนหนึ่งบรรลุความหลงอันหนึ่งบรรลุธรรม เอาธรรมนำไปเอาธรรมนูญนำไปให้เข้าใจนะ

 

การบรรลุความหลงหรือว่าบรรลุธรรมมันก็ต้องเข้าใจนะ มันอยู่ที่การประพฤติการปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ

 

เราทั้งหลายน่ะจะเดินทางไกลอย่างนี้แหละ ต้องอาศัยปลีแข้งทั้งสองข้างก้าวไป มันถึงก้าวไปนะ ถ้าเราไม่อาศัยปลีแข้งก้าวไปมันก็ไปไม่ได้ ไปไม่ได้ก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับอัมพฤกษ์อัมพาตอยู่ในตำแหน่งเดียวกับคนไข้นอนติดเตียงน่ะ

 

ศีลสมาธิปัญญาสัมมาทิฐิ เป็นยานที่นำเราพาไปนะ เค้าจะเดินทางไกลสมัยใหม่เค้าต้องอาศัยรถอาศัยเครื่องบินไปทางบกทางอากาศเพราะระยะทางมันไกล ถ้าทางน้ำทางทะเลทางมหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือยนต์เรือใหญ่

 

ฉันใดก็ฉันนั้น เราต้องอาศัยยาน อาศัยปัญญา อาศัยการประพฤติการปฏิบัติถึงจะไปจุดหมายปลายทาง เพื่อเข้าสู่ธรรมสู่ธรรมนูญ

 

เราต้องมีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีความสุขมีปิติมีเอกัคคตาเราก็มีความทุกข์ ความทุกข์เค้าเรียกว่าโรคซึมเศร้า ภาษาแพทย์เค้าเรียกว่าโรคซึมเศร้าเราเข้าใจมันคืออันเดียวกันนี้แหละ ความทุกข์กับโรคซึมเศร้าคืออันเดียวกัน

 

วาระจิตของเรามันก็คิดได้ทีละอย่าง กายวาจากิริยามารยาทอาชีพมันก็ทำได้ทีละอย่าง เรารู้เข้าใจ เราพากันทำได้ปฏิบัติได้ ผู้ที่ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ก็มีแต่คนบ้าคนสมองเสีย ทางส่วนราชการเค้าถึงไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนบ้าคนสมองเสียทางพระศาสนาเค้าก็ไม่เอาเรื่องเอาราวเหมือนกัน

 

ถ้าเป็นคนปกติไม่เป็นบ้าสมองไม่เสียก็ปฏิบัติได้ทุกคน คนที่ปฏิบัติไม่ได้ก็คือบุคคลที่เอาความหลงนำชีวิต เอาสัญชาตญาณที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตนนำชีวิต คือบุคคลที่เอาความรู้สึกนำชีวิตพวกนี้ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้เพราะมีแต่ตาเนื้อตาหนังตาจักขุไม่มีตาปัญญา พวกนี้จะไปตามสิ่งแวดล้อม ไปตามอวิชชาไปตามความหลง พัฒนาความเป็นนิติบุคคลตัวตน เรียนหนังสือก็เพื่อจะเอาเพื่อจะมีเพื่อจะเป็นเพื่อจะเด่นเพื่อจะดัง การทำงานก็เพื่อจะเอาเพื่อจะมีเพื่อจะเป็นเพื่อจะร่ำจะรวยทุกอย่างมีแต่จะเอา ไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คิดว่าตายแล้วก็แล้วไปตายแล้วก็สูญ ความรู้ระดับนี้อยู่ระดับนิติบุคคลตัวตนอยู่ระดับนักวิทยาศาสตร์น่ะ  เป็นความรู้เกิดมาเพื่อมามีมาเป็น เพื่อจะเอาเป็นชีวิตที่ไม่ถูกต้องเป็นชีวิตที่หลงเป็นชีวิตที่ทุจริตน่ะ

 

เราพากันมาคิดดูดี ๆ น่ะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ทุกชาติทุกศาสนามันก็แก้ปัญหาไม่ได้นะ มันมีแต่สร้างปัญหา มันไม่ได้เข้าถึงความสงบไม่ได้เข้าถึงปัญญา ไม่ได้เข้าถึงปัญญาความสงบ รายรับรายจ่ายมันไม่สมดุลกัน

 

ธรรมชาติมันสมดุลอยู่แล้ว อันหนึ่งคือความสงบอันหนึ่งก็คือปัญญา

 

สติก็คือความสงบ สงบด้วยรู้เข้าใจเป็นสัมมาทิฐิเพื่อจะให้เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ศีลสมาธิจะรวมกันเป็นหนึ่ง

 

ธรรมชาติมันพอดีน่ะ กลางวันที่มันมีแสงสว่าง ๑๒ ชั่วโมง กลางคืนมันก็มืด มันเป็นเวลาของความสงบกับปัญญาสลับกัน ให้เรารู้เข้าใจเรื่องธรรมเรื่องธรรมชาติ มันมีความพอดีมีความพอเพียงเพียงพอของตัวของมันเอง

 

เราต้องรู้เข้าใจ เราทั้งหลายจะได้มีความสงบมีปัญญา ถ้ามันฟุ้งซ่านไปแต่ภายนอกเราก็เสียความสมดุล เสียออกซิเจน การดำเนินชีวิตของเราถึงต้องมีความสงบมีปัญญา เราทั้งหลายต้องมีธรรมนูญเป็นเครื่องอยู่

 

อานาปานสติพวกเราให้รู้จักนะ อานาปานสติคือธรรมชาติที่บริสุทธิคุณที่ยกเลิกตัวตน สัมมาสมาธิมันเป็นการยกเลิกตัวตนนะ มันว่างจากอดีตจากอนาคต ปัจจุบันก็ว่างจากตัวตน จะมีแต่ปิติมีแต่ความสุขมีแต่เอกัคคตาว่างจากทุกสิ่งทุกอย่าง

 

อานาปานสติของเราทุกคนให้เข้าใจ ลมหายใจนี้สำคัญนะ นี้มันเป็นหลักการประพฤติการปฏิบัติ ตามปกติแล้วพวกเราก็จะอยู่กับสิ่งแวดล้อม อยู่กับหน้าที่การงานทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอยู่กับหน้าที่การงานอยู่กับความพอเพียงเพียงพออยู่กับควมสงบกับปัญญา อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นรายรับรายจ่าย แต่หลักการของเราต้องอยู่กับอานาปานสตินะ อานาปานสติถึงเป็นทั้งความสงบทั้งปัญญา เป็นทั้งสมถะทั้งวิปัสสนา

 

ให้รู้เข้าใจเราทั้งหลายจะได้มีบริสุทธิคุณเป็นเครื่องอยู่จะได้มีความสงบเป็นเครื่องอยู่

 

เราทั้งหลายต้องมีพระนิพพานเป็นเครื่องอยู่ ต้องมีความสงบเป็นเครื่องอยู่ ธรรมชาติถึงจะสมดุล เราทั้งหลายพากันอยู่ตั้งแต่กับสิ่งภายนอก อยู่กับการพูดการคุยการทำงาน อยู่กับโทรศัพท์อยู่กับคอมพิวเตอร์อยู่กับหนังอยู่กับละคร

 

 เราคิดดูดี ๆ นะ เราทั้งหลายต้องเน้นเรื่องความรู้ความเข้าใจเรื่องสติสัมปชัญญะ เราต้องเน้นเรื่องความสงบเรื่องปัญญา เพื่อเราะจะได้มีอานาปานสติเป็นเครื่องอยู่ เพราะอานาปานสติเป็นสัมมาสมาธิ อยู่กับความสงบอยู่กับความว่างจากตัวตน    

         

อานาปานสติกับพุธโธก็คืออย่างเดียวกันนะ

 

พระกรรมฐานของประเทศไทยสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็ให้พุทธโธ พร้อมกับเราหายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้ากืท่องพุทธ หายใจออกก็ท่องโธ  เพราะมันเป็นเด็กน้อยเด็กใหม่อยู่มันไม่เข้าใจ ก็ต้องฝึกท่องพุทธโธอย่างนี้ เพื่อจะได้มีอานาปานสติเป็นเครื่องอยู่ มีพุทธโธเป็นเครื่องอยู่ ถ้าเรารู้เข้าใจ

 

ถ้าเราไม่รู้เข้าใจเราก็จะไม่อยู่กับความสงบไม่ได้อยู่กับปัญญา เราก็ไม่มีบ้านของเราน่ะ เรามีแต่บ้านของกายกัน เอาต้องรู้จักว่าเรามีบ้านก็ต้องมีบ้านทั้งทางกายบ้านทั้งทางใจนะ อริยมรรคมีองค์แปดที่เป็นสัมมาทิฐิ ที่เป็นบริสุทธิคุณที่เป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นบ้านของใจนะ

 

ให้เราเข้าใจหลักการประพฤติการปฏิบัติให้เรามองไปมีความรู้มีความเห็นเหมือนเราดูต้นไม้ต้นหนึ่งนี้แหละ ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ได้อาหารที่อุดมสมบูรณ์ สง่างาม อุดมสมบูรณ์เต็มเปี่ยมเต็มบริบูรณ์เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ

 

เดือนวิสาขาบูชาแห่งการตรัสรู้มันเป็นความพอเพียงเพียงพอมันสมบูรณ์ รายรับรายจ่ายเรียกว่ามันเต็มมันพอเพียงเพียงพอไม่มากเกินไม่น้อยเกิน มันเป็นความพอดีความพอเพียง

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงประสูติก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ตรัสรู้ก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานก็วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำมันเป็นความพอเพียงเพียงพอ                

 

เราคิดดูดี ๆ นะมันเป็นรายรับรายจ่ายที่สมดุล เน้นที่ธรรมที่ปัจจุบันธรรม มันเป็นธรรมนูญให้รู้เข้าใจ

 

เรามองดูต้นไม้น่ะ อาหารของต้นไม้ เค้าไม่ได้มาจากทางรากอย่างเดียว ต้นไม้ต้นนั้นต้องได้มาจากทางใบทางกิ่งทางก้านสาขาทางยอดตลอดปริมณฑล

 

ความรู้ความเข้าใจในมรรคในอริยมรรคว่าธรรมนูญรัฐธรรมนูญต้องได้มาจากทั้งกายทั้งวาจากิริยามามันถึงจะสมบูรณ์มันถึงจะเป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจอย่างนี้นะ มันถึงจะเป็นทั้งสมถะทั้งวิปัสสนาด้วยความรู้ความเข้าใจ

 

ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้แหละ เราต้องเอาความรู้ความเข้าใจมาใช้มาปฏิบัติเพื่อให้เป็นธรรมเป็นธรรมนูญเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เพื่อสมบูรณ์ทั้งรายรับรายจ่าย ต้องเข้าใจต้องมีปัญญามีความสงบ

 

เหมือนแพทย์จะผ่าตัดสมองน่ะ แพทย์ผู้ผ่าตัดสมองต้งอมีความรู้ความเข้าใจ ต้องมีปัญญาพร้อมกับมีความสงบไปพร้อม ๆ กันถึงจะผ่าตัดสมองได้ดีไม่ผิดพลาด เพราะสมองมันมีเส้นประมาทเยอะ

 

เหมือนกับแพทย์ผ่าตัดหัวใจ เพราะหัวใจเป็นศูนย์รวมส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงสรีระร่างกายผู้ที่ผ่าตัดก็ต้องมีปัญญามีความสงบ

 

ก็เหมือนผู้ที่จะแหย่รูเข็ม รูเข็มมันเล็ก ๆ อย่างนี้ต้องมีความเข้าใจมีความสงบ มีความนิ่งมีปัญญาถึงจะแหย่ด้ายเล็ก ๆ เข้าสู่รูเข็มนั้นได้ด้วยความรู้ความเข้าใจ พวกเราทั้งหลายจะได้เอามาใช้มาปฏิบัติ

 

ต้องเอามาใช้เอามาปฏิบัติทุกชาติทุกศาสนา ผู้ที่อยู่ในเมืองกรุงเมืองหลวง ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดอยู่ชนบทก็ต้องใช้หลักการเดียวกันนี้แหละ เพื่อเข้าถึงความพอดี เข้าถึงทางสายกลาง เพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญ

 

ใครอยู่ที่ไหนก็ใช้หลักการเดียวนี้แหละมันจะไม่เป็นอย่างอื่น

 

เราคิดดูดี ๆ ในโลกนี้มีความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากมันก็เป็นอย่างเดียวกันมันเป็นสากล เราทั้งหลายจะไม่ได้สับสน จะได้มีปัญญาสัมมาทิฐิด้วยความรู้ความเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ เราทั้งหลายจะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาพระศาสนานำชีวิต

 

ไม่เป็นไร ศาสนามันก็เป็นชื่อของศาสนานั้นเฉย ๆ สมมติทั้งหลายในโลกนี้ เพื่อชี้ให้เห็นแง่มุมผิดถูกและผิด ไม่ผิดไม่ถูกมันถึงมีหลายล้านสมมติ

 

อย่างภาษาของมนุษย์ใช้เป็นหลักการที่ประเสริฐ ภาษาของมนุษย์มีอยู่มากกว่าหกพันกว่าภาษาให้รู้เข้าใจนะ

 

เราทั้งหลายก็ต้องพากันมาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยความรู้ความเข้าใจปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันหยุดความไม่ถูกต้องเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

ปฏิบัติเหมือนไก่ฟักไข่ ไก่มันฟักไข่มันใช้เวลา ๓ อาทิตย์ในการฟักไข่ที่จะออกลูกมาเป็นตัวของไก่ ไก่เล็ก ๆ ใช้เวลา ๓ อาทิตย์น่ะ จะฟักด้วยแม่ของไก่ ฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา ๓ อาทิตย์เช่นเดียวกัน

 

การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องมันจะเป็นศีลสมาปัญญาการทำอะไรติดต่อต่อเนื่องตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วมันจะฝังในธาตุในขันธ์ในสัญญาขันธ์ ๓ อาทิตย์ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ มันจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา

 

ให้เราทั้งหลายรู้เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราพากันนอนพากันพักผ่อนให้พอ ให้เพียงพอ สำหรับผู้ที่เป็นฆราวาส เพราะฆราวาสมีธุรกิจมีหน้าที่การงานมากช่วยเหลือตนเองช่วยเหลือคนอื่นทำธุรกิจหน้าที่การงานต้องเสียภาษีอากรเพื่อพัฒนาประเทศเพื่อพัฒนาส่วนรวม เพื่อบำรุงพระศาสนา ใครนับถือศาสนาอะไรก็บำรุงพระศาสนานั้น ฆราวาสถึงนอนพักผ่อน ๖-๘ ชั่วโมงนะ ให้เข้าใจ

 

สำหรับนักบวชทุกศาสนาพากันนอน ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง เพราะนักบวชน่ะ งานภายนอกยกเลิกหมด พัฒนาตัวเองปฏิบัติตัวเองเรื่องิจเรื่องใจ ทำข้อวัตรกิจวัตร กายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพยกเลิกสิ่งทุกอย่างหมด เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต เค้าถึงเรียกนักบวชทั้งหลายว่าพระ

 

พระนี้หมายถึงพระธรรมพระวินัย ยกเลิกตัวตนแล้ว ยกเลิกความรู้สึก เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต เค้าเรียกว่าพวกนี้เป็นพระนะ หยุดทำอะไรตามใจ  ตามอัธยาศัยเอาข้อวัตรข้อปฏิบัติ

 

ให้ทุกชาติทุกศาสนาเข้าใจเรื่องความเป็นพระนะ พระนี้คือพระธรรมพระวินัยยกเลิกความรู้สึกนี้เรียกว่าพระธรรมพระวินัย

 

ผู้ที่เป็นนักบวชก็ต้องมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติให้ทำเหมือนกันทุกท่านผู้ที่มาบวชน่ะ เพราะแบรนด์เนมชัดเจน ยอมรับทางกฎหมาย ถูกต้องตามกฎหมาย ความเป็นพระอย่างนี้แหละมันเป็นได้ที่กฎหมายด้วยการแต่งตั้ง

 

ผู้ที่มาบวชทั้งหลายต้องเข้าสู่ความเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นธรรมเป็นธรรมนูญ ที่เค้าแต่งตั้งเรียกว่าเป็นตำแหน่งของผู้อื่นรับรองมีลายเซ็นต์เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ความเป็นพระที่แท้จริงเราต้องรู้เข้าใจนะ

 

เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติพากันมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานเข้าสู่ มอก. เข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติ

 

เราอย่าไปหลงนะตำแหน่งที่เค้าให้น่ะเป็นตำแหน่งคนอื่นเค้าแต่งตั้งเค้ารับรองเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นลายเซ็นต์

 

เราต้องมีสัมมาทิฐิมีปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ อาชีพที่เป็นพระธรรมพระวินัยยกเลิกตัวตนแล้วพากันมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะเป็นพระไม่ได้นะ เป็นพระได้พระแต่งตั้งน่ะ

 

ที่เค้าแต่งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นสมเด็จ เป็นพระราชาคณะเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นเจ้าคุณเป็นพระครู นี้เป็นพระได้เพียงพระแต่งตั้งนะ

 

เราต้องรู้เข้าใจว่าพระคือพระธรรมพระวินัย เราต้องมีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่เน้นที่ใคร เน้นที่เรา เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทำเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำเหมือนพระอหรันต์ขีณาสพผู้ที่ได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเอาพระธรรมเอาพระวินัยนำชีวิต ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเลย เราถึงจะเป็นพระธรรมพระวินัย ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะเป็นพระไม่ได้ เพราะเรายังเอาความรู้สึกนำชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต เราต้องรู้เข้าใจความหมายในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของศาสนาพุทธท่านก็บอกให้ผู้บวชทั้งหลาย รู้เข้าใจเข้าสู่ความเป็นพระธรรมพระวินัย ไม่เอาความรู้สึกนำชีวิต ถ้าเอาความรู้สึกมันก็เป็นนิติบุคคลตัวตน มันไม่ใช่พระธรรมพระวินัย ถ้าอย่างนั้นมันจะชอบไม่ชอบ ชอบหรือไม่ชอบมันยังเป็นนิติบุคคลตัวตน มันสุดเหวี่ยง เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ไม่ใช่ทางสายกลางยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่ ให้เข้าใจ

 

เราทั้งหลายจะเป็นฆราวาสเป็นนักบวชต้องเข้าใจ จะถือศาสนาอะไรก็ต้องเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติเราอย่าเอาความหลงนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต

 

เอาตัวตนนำชีวิตเค้าเรียกว่ามันไม่ถูกต้องมันทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.นี้นะ

 

ตึกสตง.ของประเทศไทยตั้งอยู่ในเมืองหลวงอยู่ในกลางกรุง ด้วยความหลงนำชีวิตเอาทุจริตนำชีวิตชีวิตมันเลยพังทลายเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

เราคิดดูดี ๆ ด้วยปัญญาสิพอรู้พอเข้าใจตึกนั้นมีมากมีหลายสิบตึกสูงใหญ่กว่าตึกสตง. เค้าไม่พังทลายเพราะความแข็งแรงเพียงพอ ความเป็นมาตรฐานเค้าได้มาตรฐานสูงกว่า ตึกสตง.มันโกงกินมากเกินมันเลยพังทลาย

 

แผ่นดินไหวอยู่ตั้งไกลอยู่ที่มัณฑะเลย์ประเทศพม่า ห่างไกลจากกรุงเทพมหานครร่วม ๆ พันกิโลเลยนะ แผ่นดินไหวอยู่ตั้งไกลตึกสตง.ก็พังทลาย เพราะความไม่ถูกต้องมันก็ต้องพังทลายอย่างนี้แหละตึกต่าง ๆ ไม่ใช่เค้าไม่โกงกินคอร์รัชชั่น แต่เค้ายังมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปมีการโกงกินน้อย

 

พูดถึงเรื่องการโกงกินในแง่เรื่องจิตเรื่องบุคคลตัวตน ทำงานเพื่อความหลง ทำอะไรเพื่อตัวเพื่อตนเรียกว่ายังทุจริตอยู่นะ

 

เราต้องเข้าใจถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจเราจะไม่รู้ความหมายว่าเกิดมาทำไม เรียนหนังสือทำไม ทำงานทำไม เป็นอะไรเพื่ออะไร ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่เอาธรรมนำชีวิต เอาความรู้สึกนำชีวิต เอาสัญชาตญาณนำชีวิตุบคคลนั้นคือบุคคลทุจริตอยู่นะ

 

การที่มาเป็นมนุษยน์เราต้องมีสัมมาทิฐิ เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนูญนำชีวิต ถ้าเรามีปิติมีความสุขเอกัคคตาในการดำเนินชีวิตเราก็ไม่มีทุกข์อะไร เมื่อมันผ่านไปแล้วเราก็ปล่อยเราก็วาง ช่างหัวเผือกช่างหัวมัน

 

เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชท่านบอกว่าเราต้องเข้าถึงความพอเพียงเพียงพอ อยากได้มากมันก็ไม่มาก อยากได้น้อยมันก็ไม่น้อย เราต้องเข้าใจเรื่องควมจริงเรื่องอริยสัจสี่เราจะไม่ได้มีความทุกข์กัน เราทั้งหลายจะได้ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องน่ะ

 

ผู้ที่ไม่โกงกินคอร์รัปชั่นเอาธรรมนำชีวิตก็คือพระพุทธเจ้าที่เรามองเห็น พระอรหันต์ผู้เอาธรรมนำชีวิตยกเลิกตัวตนแล้วอย่างนี้ ถือว่ายกเลิกทุจริตแล้ว

 

เราทั้งหลายต้องเน้นที่ตัวเรา ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพต้องเน้นมาที่ตัวเรา เราอย่าเอาความหลงนำชีวิต เอาความหลงนำชีวิตมันก็ต้องพังทลายเหมือนตึก สตง. นี้แหละ

 

เราจะได้มองเห็นง่าย ๆ เอาความหลงเป็นที่ตั้งมันเป็นอบายมุขอบายภูมิ พระพุทธเจ้าหรือทุกศาสนาในโลกนี้เค้ามายกเลิกอบายมุขอบายภูมิ มายกเลิกความหลง เพราะความหลงเราต้องหยุดเลิกต้องยกเลิกหลงเพราะความหลงก็คือ ความไม่รู้ไม่เข้าใจ

 

เราจะเอาความรู้สึกนำชีวิตไม่ได้ เอาความหลงนำชีวิตไม่ได้ต้องเอาธรรมธรรมนูญนำชีวิต ถ้าไม่อย่างนั้นหัวใจเราจะเป็นความหลงมันจะระเบิดความถูกต้องไปในตัวนะ

 

หัวใจมันจะตั้งอยู่ในความหลงเป็นหัวใจบ่อนคาสิโนนะ

 

เราต้องเข้าใจอย่าเอาความหลงนำชีวิต เอาความหลงนำชีวิตคือเป็นหัวใจแห่งความหลงเค้าเรียกหัวใจบ่อนคาสิโน

 

ศาสนาทุกศาสนาเค้ามายกเลิกความหลงมายกเลิกบ่อนคาสิโนเราต้องรู้เข้าใจ ถ้าไม่รู้เข้าใจน่ะ เราจะนำตัวเองได้อย่างไร นำประเทศชาติบ้านเมืองได้อย่างไร มันต้องรู้เข้าจะอย่าเอาความหลงนำชีวิต ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต 

 

อย่าไปคิดว่าประเทศสิงคโปร์เล็กนิดเดียว เท่ากับอำเภอหนึ่งเล็ก ๆ ของประเทศไทยก็ไม่ได้ มาเก๊าก็เหมือนกันส่วนเล็ก ๆ ของประเทศจีน เค้าเรวยเพราะเค้าตั้งบ่อนคาสิโน

 

ให้พวกเราทั้งหลายรู้เข้าใจว่าประเทศเค้าเล็กไม่มีที่ทำเกษตรกรรมอุตสาหกรรม เค้าคิดว่าถ้าเค้าตั้งบ่อนคาสิโนเค้ารวยน่ะ คิดตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์เค้ารวยได้เพราะเค้ารู้หลักการรู้อุดมการณ์ แต่ไม่ใช่อุดมธรรม รู้หลักการอุดมการณ์น่ะ รู้เรื่องทางวัตถุรู้เรื่องทางวิทยาศาสตร์ เค้าคิดว่าคนในโลกนี้มีคนปัญญาน้อยนี้เยอะคนมีตัวตนเยอะ ถ้าเราตั้งบ่อนคาสิโนสามารถดูดเงินพวกนี้ได้เลยตั้งบ่อนคาสิโน

 

เราคิดดูดี ๆ สิ ประเทศสิงคโปร์เล็ก ๆ เค้าเอาหลักการอย่างนี้ ประเทศสิงคโปร์เป็นมหาอำนาจแห่งวัตถุแห่งเอเชียมาเป็นเบอร์ต้น ๆ ของเอเชียเรื่องทางวัตถุทางวิทยาศาสตร์แต่มันเป็นหลักการเป็นอุดมการณ์

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้เอาความหลักการอุดมการณ์ก็ต้องเข้าสู่อุดมธรรม

 

ให้ผู้บริหารทั้งหลายนี้เข้าใจนะ เราต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต เราต้องเอาอุดมการณ์อุดมธรรมนำชีวิต เราอย่าเอาความหลงนำชีวิต เราอย่าบ่อนคาสิโนนำชีวิต เพราะมันเป็นตัวเป็นตนตัวนั่นแหละมันจะพังทลายเหมือนตึก สตง.ให้รู้เข้าใจ   

             

ผู้ที่มีปัญญาทั้งหลายผู้ที่มีความหลงทั้งหลาย เป็นคนรวยเป็นคนมีอำนาจก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมันมีตัวมีตน ผู้ที่ไม่มีการเรียนการศึกษาเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าสู่อุดมการณ์อุดมธรรม ไม่ได้เข้าสู่ความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ มันต้องเข้าถึงความพอดีความพอเพียง

 

ให้ทุกท่านทุกคนพากันรู้เข้าใจว่าชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐนะ เราทั้งหลายต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนูญนำชีวิต อาขุขัยของเราเปิดโอกาสให้เราสร้างความดีสร้างบารมีที่ประกอบด้วยปัญญา มันอยู่ได้ศตวรรษหนึ่งนะ ศตวรรษหนึ่งคือร้อยปี ถ้าเราเอาเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องจิตใจไปพร้อม ๆกัน

 

ชีวิตเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐนะ เราทั้งจะได้เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรง รู้เข้าใจเป็นปัญญาสัมมทิฐิ ทุกชาติทุกศาสนาต้องพากันรู้เข้าใจพากันประพฤติปกิบัติ

 

เดือนนี้เป็นเดือนวิสาขบูชา วันที่ ๑๑ ปีนี้ก็จะเป็นวันวิสาขาบูชา เราทั้งหลายต้องเข้าสู่ความพอเพียงเพียงพอเข้าสู่ความพอดี เราจะได้มาระลึกถึงเราจะได้พากันปฏิบัติบูชาทดแทนคุณแผ่นดินชาติศาสน์กษัตริย์ ด้วยการสร้างบารมีของเรา เพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสีย เพื่อให้เข้าสู่ความสมดุล เข้าสู่ความเพียงพอพอเพียง เพื่อเข้าสู่ปัจจุบันธรรม เพื่อเป็นธรรมเป็นธรรมนูญแห่งชีวิต

 

--------------------------------------------

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ไว้ในเช้าวันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

Visitors: 94,982